สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะมัดดอฮ์และผู้กล่าวลำนำเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

การรับใช้ที่แท้จริงต่ออะฮ์ลุลบัยต์จะทำให้สังคมนั้นมีเกียรติ

 

  1. เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ ที่ผ่านมา คณะมัดดอฮ์ (ผู้กล่าวลำนำเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์) ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ซึ่งตรงกับวันแห่งการประสูติอันจำเริญของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ) ์ โดยถือว่า วิถีชีวิตและการเคลื่อนไหวของท่านหญิง ผู้ทรงเกียรติของอิสลาม ในบทบาทความเป็นผู้นำที่แท้จริงและการเป็นภรรยา อีกทั้งการเป็นมารดาตัวอย่าง แสดงถึงความเป็นแบบอย่างอันสมบูรณ์ของสตรีคนหนึ่งในอิสลาม ท่านผู้นำสูงสุดยังเน้นว่า  นักกวีที่มีรสนิยมดีและมัดดอฮ์ที่มีโวหารดีนั้นจะต้องเปลี่ยนไปตามความต้องการและมีหน้าที่ความรับผิดชอบในวันนี้ และแนวคิดสร้างสรร อีกทั้งกำหนดทิศทางในการเสวนาที่เหมาะสมกับสังคมได้ด้วย 
  2. อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า สถานะภาพทางจิตวิญญาณแห่งพระผู้เป็นเจ้าของหัวหน้าบรรดาสตรีแห่งสากลจักวาลนั้นอยู่เหนือเกินความเข้าใจและสติปัญญาของมนุษยชาติ โดยกล่าวเสริมว่า ท่านหญิงอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากซึ่งไม่อาจอธิบายได้ หลังจากการวะฝาตของท่านศาสนทูต ผู้ทรงเกียรติ ท่านต้องอยู่ในสถานการณ์ที่แม้แต่บรรดาศอฮาบะฮ์หรือศอฮาบะฮ์ที่พิเศษบางคน ที่มีจำนวนน้อย ก็มิได้ปกป้องสิทธิของท่านอะมีรุลมุอ์มินีน แต่ท่านหญิงได้เข้ามายังมัสยิดและกล่าวคุตบะฮ์อันเป็นที่เลื่องลือในการปกป้องในสัจธรรม 
  3. ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า การเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ของท่านหญิงซะฮ์รอ ในการปกป้องวิลายัตและในบทบาทของการเป็นผู้นำที่แท้จริงไม่สามารถเปรียบเทียบกับการเสียสละอื่นๆได้และด้วยกับความยิ่งใหญ่นี้ บุคคลผู้สูงส่งดั่งท่านอิมามโคมัยนี ซึ่งท่านคือ ผู้รู้ ฟะกีฮ์และอาริฟ ได้กล่าวว่า หากท่านหญิงศิดดีเกาะฮ์ กุบรอเป็นบุรุษ แน่นอนยิ่งท่านจะต้องเป็นศาสนทูตอย่างแน่นอน 
  4. ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ) เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของ "สตรีมุสลิม" และในระดับขั้นที่สูงสุดกว่า “การเป็นสตรีมุสลิม” หมายถึง ในระดับขั้นของผู้นำคนหนึ่ง ซึ่งท่านยังเน้นถึง ความสำคัญในความเข้าใจเกี่ยวกับสถานภาพของสตรีมุสลิม โดยกล่าวว่า ด้วยกับความยิ่งใหญ่และความสูงส่งของท่านหญิงที่อยู่เหนือความเข้าใจและจินตนาการของมนุษย์ ซึ่งหนึ่งในบทบาทที่สำคัญของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ ก็คือ ในบทบาทของความเป็นมารดาและภรรยาที่เป็นแม่บ้านแม่ศรีเรือนนั่นเอง 
  5.  
  6. อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงบางคนที่นำคำกล่าวอ้างที่ไม่สมบูรณ์และไร้ประโยชน์ของตะวันตกเกี่ยวกับมุมมองของอิสลามในประเด็นสตรี โดยท่านกล่าวเสริมว่า พวกที่ถูกหลอกลวงที่เผอเรอ ได้ดูถูกการเป็นแม่บ้านของสตรี ในขณะที่การเป็นแม่บ้าน ก็คือ การอบรมสั่งสอนมนุษย์ และการมีผลิตผลผลิตที่สูงส่งและเป็นสินค้าของโลก นั่นหมายถึง มนุษย์ 
  7. ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การอธิบายบางประเด็นในการปกป้องสิทธิของสตรีคือ การบ่อนทำลายสิทธิของพวกนาง โดยกล่าวเสริมอีกว่า การถือว่า สตรีเป็นสินค้าและเป็นเครื่องมือของความเพลิดเพลินในโลกตะวันตก ด้วยการคาดคะเนส่วนใหญ่ ถือว่าเป็นแผนการณ์ร้ายของไซออนิสต์ในการทำลายสังคมมนุษย์ และช่างเป็นสิ่งน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง บางครั้งในประเทศของเราเองและในบางสถานที่ของอิสลามก็มีการกล่าวถึงหน้าที่และการคาดหวังจากสตรี แต่ในความจริง คือ การลดเกียรติและดูถูกพวกนางนั่นเอง 
  8. ท่านผู้นำสูงสุด ยังชี้ถึง ความคล้ายคลึงกันและความแตกต่างกันระหว่าบุรุษและสตรีในทัศนะของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งกล่าวว่า บุรุษและสตรีใน “ความเป็นผู้ที่มีความสามารถไปสู่สถานภาพทางจิตวิญญาณ” และ “ความเป็นผู้นำ” อีกทั้ง “ความสามารถในการชี้นำมวลมนุษยชาติ” มิได้แตกต่างกัน  แต่ทว่า ในหน้าที่ความรับผิดชอบการบริหารจัดการในการดำเนินชีวิต นั้น มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง ซึ่งตัวอย่างทั้งหมดนั้นมีอยู่ในตัวของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ  (ซ) ทั้งสิ้น
  9. อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึง การส่งเสริมแนวคิดในตะวันตกเช่น "ความยุติธรรมทางเพศ" และ "ความเสมอภาคทางเพศ" ซึ่งกล่าวว่า ความยุติธรรม หมายถึง การรู้จักและการอบรมสั่งสอนถึงศักยภาพต่างๆที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้มา์ 
  10. ท่านผู้นำสูงสุด ยังชี้ถึง ในวันนี้ บรรดานักวิชาการตะวันตกและบุคคลที่ปฏิบัติตามในประเด็นต่าง ๆ เช่น ความเสมอภาคทางเพศ ต่างก็มีความเสียใจจากการกระทำของพวกเขา ด้วยกับเหตุผลที่เลวร้ายที่จะเกิดขึ้น และเราหวังว่าบุคคลในประเทศที่มีการกล่าวถึงประเด็นนี้ จะต้องไม่เป็นประเด็นเดียวกันกับแนวคิดที่ตะวันตกกล่าวไว้ ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง 
  11. ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม  ในส่วนหนึ่งของคำกล่าวของท่าน ถือว่า  การเป็นมัดดอฮ์และการกล่าวลำนำเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์ เป็น “ปรากฏการณ์หนึ่งของความเป็นมนุษย์ที่มีศรัทธาและเป็นศิลปะ” โดยท่านกล่าวเสริมว่า  :พวกท่านพึงคิดเถิดว่า ปรากฏการณ์นี้ จะมีประโยชน์ต่ออิสลามและชาวมุสลิมในแนวทางความพึงพอใจของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร เพราะว่า การกล่าวยกย่องและชมเชยถึงโลกนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีคุณค่าแต่อย่างใด
  12. ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า องค์ประกอบของมัดดอฮ์ คือ วิธีการอันจำเพาะของศิลปะหนึ่ง โดยเน้นถึงความปกป้องในความโปรดปรานของการมีเสียงอันไพเราะและมีกล่องเสียงที่ดี ซึ่งกล่าวว่า อย่านำเอาองค์ประกอบของมัดดอฮ์มาผสมผสานกับวิธีการศิลปะรูปแบบอื่น  เช่น บทกวีในการกล่าวมุซีบัตหรือการยกย่องอะฮ์ลุลบัยต์ในรูปแบบทำนองเพลงของบุคคลที่ห่างไกลศาสนาและจิตวิญญาณและลุ่มหลงในความเลวร้ายและวัตถุ 
  13. อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หน้าที่และบทบาทใน "เนื้อหา" ของการมัดดอฮ์ คือ การเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับอะฮ์ลุลบัยต์  และการทำให้ประชาชนรู้จักถึงหน้าที่ทางศาสนาของพวกเขา โดยกล่าวเสริมว่า สังคมของมัดดอฮ์ จะต้องมีความสามารถในการกล่าวถึงสถานการณ์ที่เหมาะสมกับโลกวันนี้และความต้องการของยุคสมัยและมีหน้าที่ในการจัดการโดยจัดแบ่งตามลำดับอย่างถูกต้อง
  14. ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงบทบาทที่มีประสิทธิภาพของบรรดานักกวีและมัดดอฮ์ในช่วงสงครามการป้องกันประเทศ และการเตรียมพร้อมของประชาชนในการป้องกันประเทศ ซึ่งกล่าวว่า เวลาประมาณสามปี ผ่านไป และการรำลึกถึงเหตุการณ์ในฟะเกะฮ์ และชะลัมเชะฮ์  เพราะว่า ความเป็นอิสรภาพและเสรีภาพ, เกียรติยศ ,ความเป็นอัตลักษณ์, การรักษาศักดิ์ศรีของประชาชน และการไร้ความสามารถในการยึดครองประเทศของศัตรูกับการเสียสละในฟะเกะฮ์และชะลัมเชะฮ์ 
  15. ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ในทุกยุคสมัยนั้น มีความต้องการในความคิดและการเสวนาที่เหมาะสม อีกทั้งท่านยังชี้ถึง การพัฒนาการก้าวหน้าที่ดีของบทกวีทางศาสนา โดยกล่าวเสริมว่า จะต้องใช้โอกาสนี้อย่างถูกต้องและขจัดผลกระทบที่หันเหออกจากวิธีการนี้ 
  16. ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรับใช้ที่แท้จริงต่ออะฮ์ลุลบัยต์ เป็นการพยายามอย่างกว้างขวางที่เพิ่มขึ้นของความคิด กำหนดทิศทางในสังคม  โดยกล่าวเสริมว่า การขับเคลื่อนนี้ ทำให้ประเทศชาติและประชาชนมีความภาคภูมิใจและจะขจัดอุปสรรคให้หมดสิ้นไป หากว่า เรามีการบริหารจัดการที่ดีและมั่นคง มีอิสระและเสรีภาพ ถือว่า เป็นวิธีการที่ดีที่สุดของการเผยแพร่อิสลาม 
  17. ในช่วงเริ่มต้นในการเข้าพบ บรรดามัดดอฮ์จำนวนหนึ่งได้กล่าวถึง ความประเสริฐและความสูงส่งของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ศิดดีเกาะฮ์ กุบรอ
700 /