สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

พิธีสำเร็จการศึกษาของนักเรียนนายร้อยทหารมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน

อยาตุลลอฮ์คาเมเนอีเยี่ยมเยียนยังสถานที่ฝังศพของบรรดาชะฮีดนิรนาม

ในช่วงเริ่มต้น ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ได้เข้าเยี่ยมเยียนยังสถานที่ฝังศพของบรรดาชะฮีดนิรนาม และอ่านซูเราะฮ์ฟาติฮะฮ์ อีกทั้งยังร่วมรำลึกถึงความทรงจำของบรรดาชะฮีดในสงครามการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ และท่านผู้นำยังได้วิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าให้ประทานฐานะภาพอันสูงส่งให้กับพวกเขาด้วยเถิด

จากนั้นผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพก็ได้เดินตรวจการสวนสนามของทหารภาคพื้นดิน

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ให้ความสนใจกับบรรดาทหารผ่านศึกและบรรดาบุตรของชะฮีดที่ป้องกันฮะรัมอีกด้วย

ในพิธีการนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีได้ชี้ถึงปัจจัยการมีอำนาจอธิปไตยของประเทศและประชาชาติอิหร่าน อีกทั้งเหตุผลที่ผู้ประสงค์ร้ายทำการต่อต้านต่อปัจจัยการมีอำนาจอันนี้ โดยท่านยังได้กล่าวถึงเป้าหมายของบรรดาศัตรูอิสลามในระยะสั้น ,ระยะกลางและในระยะยาวและยังเน้นย้ำว่า ความมั่นคง และความสงบสุขที่มีอยู่ในประเทศ ถือว่าเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของสาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งชาติตะวันตกได้พุ่งเป้าไปยังการแทรกแซงอำนาจของพวกเขา เช่นกัน

และท่านผู้นำยังได้สั่งเสียต่อบรรดาผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญหลายอย่าง เช่น "การประกาศนโยบายเด่นชัดและเด็ดขาดในเรื่องเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชนต้องเป็นอับดับแรกในนโยบายของพวกเขา และท่านผู้นำยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศก็คือ ความมั่นคงของชาติและความสงบสุขของประชาชน ซึ่งผู้สมัครที่เคารพทั้งหลายจะต้องให้ความสำคัญโดยระวังในข้อผิดพลาด การหันเหออกจากอุดมการณ์ศรัทธา ,ภูมิศาสตร์,ภาษา และเผ่าพันธุ์ อีกทั้งจะไม่ก่อให้ศัตรูประสบความสำเร็จบนเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ เพราะหากว่ามีผู้ใดก็ตามที่ต้องการทำลายความมั่นคงของชาติ เขาก็จะถูกตบหน้าอย่างรุนแรง

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามยังได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องวันคล้ายวันประสูติของบะกียะตุลลอฮ์ ท่านอิมามมะฮ์ดี  (ขอพระองค์ทรงเร่งการปรากฏของท่านโดยเร็วพลัน) และท่านยังชี้ถึงปัจจัยอำนาจอธิปไตยและท่านผู้นำยังเน้นย้ำว่า ศัตรูนั้นมีความเกลียดชังต่อปัจจัยในการเสริมสร้างศักยภาพของสาธารณรัฐอิสลามมาโดยตลอดและท่านกล่าวเสริมอีกว่า กองทัพซิพอฮ์พิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการมีอำนาจของประเทศ และเป็นสัญญาณของความโกรธและความโศกเศร้าจากการโฆษณาชวนเชื่อของต่างชาติและการเปิดเผยของนักการเมืองของชาติมหาอำนาจ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความรู้และความก้าวหน้าทางความรู้ คือ หนึ่งในปัจจัยต่างๆของการมีอำนาจของประเทศและท่านยังกล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้ส่งทหารรับจ้างเพื่อทำการการลอบสังหารนักวิชาการนิวเคลียร์ของเรา เพราะว่าพวกเขานั้นมีความโกรธและเกลียดชังในความก้าวหน้าทางวิชาการของอิหร่าน

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า "เศรษฐกิจที่มีความเข้มแข็งและเป็นอิสรภาพ" คือ อีกหนึ่งในปัจจัยของการมีอำนาจ ซึ่งท่านยังกล่าวอีกว่า สาเหตุของการคว่ำบาตรอิหร่านและการนำกลยุทธ์ที่แตกต่างกันสำหรับการทำลายเศรษฐกิจของประเทศก็คือประเด็นนี้และข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นักเศรษฐศาสตร์ที่มีศรัทธาของประเทศจะต้องอธิบายให้กับประชาชนให้รับรู้ถึงแผนการร้ายของศัตรูเพื่อต้องการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า "การมีอำนาจทางทหาร" ก็เป็นอีกปัจจัยของการมีอำนาจ โดยท่านได้ชี้ว่า: การพิพาทกันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับขีปนาวุธของสาธารณรัฐอิสลาม เพราะความโกรธและความเกลียดชังต่อการมีอำนาจของประชาชน

ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ ยังเน้นอีกว่า เรานั้นมีขีปนาวุธและขีปนาวุธของเราก็มีความละเอียดอ่อนที่มีเป้าหมายในระยะพิสัยไกลหลายพันกิโลเมตรด้วยความแม่นยำสูง และเราจะรักษาขีดความสามารถนี้ อีกทั้งการมีอำนาจก็จะเพิ่มมากขึ้น

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัจจัยในการมีทหารที่เสียสละ เช่น ชะฮีดศัยยอด ชีรอซี และชูชตะรี ก็คือ อีกหนึ่งในปัจจัยของการมีอำนาจและกล่าวเสริมว่า : "ความศรัทธา ,ความละอาย,การมีจริยธรรมที่ดีของเยาวชน" และ "การมีจิตวิญญาณในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ญิฮาดและการต้านทานของประชาชาติ" ก็คือ องค์ประกอบทั้งหลายของการมีอำนาจและด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มีการกล่าวหาว่า การมีจิตวิญญาณในการต้านทานและญิฮาด ถือว่า เป็นการกระทำที่รุนแรงและสุดโต่ง และช่างน่าเสียดายที่ยังมีการกล่าวซ้ำในบางส่วนของวรรณคดีในการล่าอาณานิคม

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การจัดตั้งหน่วยรักษาความปลอดภัย  เช่น "กองกำลังทุกเหล่าทัพ" ก็คือ อีกหนึ่งในปัจจัยของการมีอำนาจ และท่านยังเน้นอีกว่า: บริบทของการรักษาความปลอดภัยแต่ละประเทศนั้นก็มีความจำเป็นมากขึ้นและสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะถ้าไม่มีการรักษาความปลอดภัย ความก้าวหน้าทางวิชาการและเศรษฐกิจ ก็จะไม่เกิดขึ้น

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เน้นอีก การเลือกตั้งในระบอบอิสลามนั้นมิได้เป็นเรื่องใหม่ แต่ทว่าในระยะเวลา 38 ปีก็มีการจัดการเลือกตั้งหลายครั้งผ่านมาแล้ว และการรู้จักสภาพแวดล้อมทางความคิดและการกระซิบกระซาบเป็นอย่างดี โดยท่านผู้นำยังกล่าวอีกว่า: ข้าพเจ้าขอแนะนำบางสิ่งบางอย่างให้กับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในอันดับแรก เกี่ยวกับนโยบายที่ต้องกำหนดชัดเจนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชน

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ข้อเสนอแนะที่สอง ก็คือในนโยบายของผู้สมัครทั้งหลาย จะต้องเน้นในประเด็นความเป็นอิสรภาพของชาติและความยิ่งใหญ่และศักดิ์ศรีของประเทศอิหร่าน

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า ประเทศอิหร่านเป็นประเทศแห่งการปฏิวัติที่มีเกียรติยิ่งและอย่าทำให้ประเทศนี้ยอมรับอำนาจของชาติมหาอำนาจผู้กดขี่ที่จะทำให้อิหร่านนั้นเกิดความอ่อนแอ เพราะว่า ประเทศอิหร่านเป็นประเทศที่มีอำนาจและหากว่าไม่มีอำนาจแล้วไซร้ ศัตรูก็จะเข้ามาครอบงำประเทศได้เหมือนอย่างที่บางประเทศในภูมิภาคที่ได้รับใช้ศัตรูอยู่

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวว่า บรรดาผู้สมัครจะต้องมีความชัดเจนและยืนหยัดที่จะแสดงให้เห็นถึงความละโมบโลภมากของอเมริกาและความชั่วร้ายของไซออนิสต์

คำเสนอแนะที่สามของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ก็คือ  "การรักษาความมั่นคงของชาติและความสงบสุขของประเทศ"

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวว่า: บรรดาผู้สมัครจะต้องระวังความผิดพลาดทางอุดมการณ์ ,ภูมิศาสตร์,ภาษาและเผ่าพันธุ์ "จะต้องไม่เกิดขึ้นในประเทศ

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ในหลายปีที่ผ่านมา ศัตรูได้ติดตามเป้าหมายอันนี้ แต่ทว่า ประชาชนชาวเคริด์ ,อาเซอร์ไบจัน ,ชาวอาหรับคูซีสตาน ,บูลูชิสตาน และเตอร์กะมัน ซึ่งพวกเขาคือ เจ้าของในการปฏิวัติอันนี้ และพวกเขาได้เอากำปั้นชกไปที่ปากของศัตรู อีกทั้งยังได้ยืนหยัดต่อการแทรกแซงของศัตรู

ท่านผู้นำยังเน้นถึงประเด็นความมั่นคง ซึ่งถือว่าเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยกล่าวเสริมว่า ผู้สมัครจะต้องระวังด้วยกับการเกิดข้อผิดพลาดจะทำให้แผนการณ์ของศัตรูนั้นประสบผลสำเร็จ

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึง เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงในการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะ ตุลาการสูงสุด และกรมตำรวจ อีกทั้งกระทรวงมหาดไทยอิหร่าน ที่จะดูแลและรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ และท่านยังกล่าวอีกว่า หากว่ามีผู้ใดในการเลือกตั้งต้องการทำลายความมั่นคงของประเทศ แน่นอนพวกเขาก็จะพบกับปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นอีกว่า บรรดาศัตรูได้แสดงความโง่เขลาในปี 88 โดยการคาดการณ์ที่ผิดพลาดระหว่างอิหร่านกับบางประเทศที่ใช้จ่ายหลายสิบล้านดอลลาร์ก็สามารถปลุกระดมสร้างความรุนแรงในประเทศได้ และท่านยังกล่าวเสริมว่า ผลลัพท์ของความโง่เขลาก็คือ การพบกับกำแพงแห่งเจตนาและความมุ่งมั่นของชาติ

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า ความมั่นคงของประเทศและประชาชน สำหรับข้าพเจ้านั้นคือสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากและในการเลือกตั้งจะต้องมีการรักษาความมั่นคงอย่างเต็มรูปแบบด้วย

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ในการปราศรัยอีกส่วนหนึ่งของท่านโดยถือว่า การจัดตั้งกองกำลังนักเรียนนายร้อยในมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน นั้นเป็นการใช้โอกาสที่เป็นประโยชน์ในการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ และท่านกล่าวเสริมว่า : มหาวิทยาลัยแห่งนี้ สามารถที่จะทำให้มนุษย์ไปถึงจุดๆหนึ่งได้ ซึ่งจะทำให้มนุษย์ทุกคนที่มีมะอ์รีฟัตและมีความรู้และสติปัญญาเกิดอาการอิจฉาก็ว่าได้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังถือว่า เดือนชะอ์บาน เป็นเดือนแห่งหลั่งไหลความเมตตาของพระเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาเยาวชนจะต้องใช้ประโยชน์จากเดือนนี้ ในค่ำคืนนิสฟูชะอ์บาน โดยท่านยังกล่าวอีกว่า เดือนชะอ์บานเป็นเดือนที่เต็มไปด้วยกับกรุณาธิคุณและความสุข แต่ช่างน่าเสียดายที่ในปีนี้ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในเหมืองแร่  ที่จังหวัดกุลิสตาน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชายแดนในจังหวัดซิสตานอและบาลูชิสตาน อีกทั้งเดือนนี้ยังเดือนแห่งการรำลึกบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามถือว่า การตะวัซซุลยังอิมามซะมาน เป็นการแสดงความรักและจงรักภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า และท่านยังเน้นอีกว่า ผู้ที่มีศรัทธาต่อการปรากฏกาย พวกเขาจะไม่มีความผิดหวัง ซึ่งพวกเขาต่างทราบดีว่า หลังจากความมืดมน ดวงอาทิตย์ก็จะทอแสงออกมา และนี่คือสัญญาที่ชัดเจนของพระเจ้า

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า เราได้รับบัญชาให้มีความหวังในการรอคอย และกล่าวอีกว่า: การรอคอยมิได้หมายถึง การไม่มีความอดทน แต่ทว่าการรอคอยหมายถึง การเตรียมพร้อมมาโดยตลอด และผู้รอคอยจะปฏิบัติการกระทำที่ทำให้หัวใจของท่านอิมามนั้นมีความยินดีด้วยกับการกระทำเหล่านั้น

 

ท่นอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นอีกว่า อำนาจและหัวใจเป็นกรรมสิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า และประชาชาติอิหร่านด้วยกับการพึ่งพายังกรุณาธิคุณของพระองค์ ได้ดำเนินการตามวิถีของพระองค์ ซึ่งบรรดาเยาวชนของประเทศนั้นมีบทบาทที่โดดเด่นในเรื่องนี้

ในพิธีการนี้ นายพล ญะอ์ฟะรี  ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพได้ชี้ถึงชัยชนะอย่างต่อเนื่องของกองกำลังการปฏิวัติอิสลามในการเผชิญกับระบอบการยึดครองของชาติมหาอำนาจ และถือว่า กลยุทธ์ที่ศัตรูได้ใช้ในปัจจุบันในการต่อต้านกับประชาชาติก็คือ การสร้างความกดดันทางเศรษฐกิจและในวันนี้ ประชาชนของเรามีความภาคภูมิใจที่เรามี เมืองแห่งขีปนาวุธ ซึ่งเป็นหลักประกันความปลอดภัยในนิคมอุตสาหกรรมในประเทศได้

ผู้บัญชาการซิพอฮ์ ยังกล่าวเสริมว่า กองกำลังซิพอฮ์ ต้องการที่จะเป็นที่พักพิงให้กับผู้ด้อยโอกาส และผู้อ่อนแอในสังคม และเรามีความเชื่อว่า การกำจัดความยากจนให้หมดจากสังคม ก็เหมือนกับการกำจัดเมืองไฮฟา และเทลอาวีฟให้ออกจากแผ่นดินนั่นเอง

นายพล มุรตะฎอ ซาฟารี อธิบการบดีมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซนได้กล่าวรายงานถึงกิจกรรมและโครงการวิชาการ,วัฒนธรรม,การศึกษาและการเสริมสร้างความสามารถในการต่อสู้ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้

ในพิธีการนี้ บรรดาผู้บัญชาการ ,ผู้บริหาร และนักวิจัยตัวอย่างจากมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน ได้รับรางวัลเทอดเกียรติดีเด่นโดยท่านผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพ และตัวแทนสองคนของนักศึกษามหาวิทยาลัยอิมามฮุเซนได้ติดบ่าอินทรธนูจากผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพด้วยเช่นกัน

โครงการ “โครัมชาฮ์อยู่เบื้องหน้า”  และการดำเนินงานของอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองด้วยกับการเข้าร่วมของบุตรบรรดาชะฮีดป้องกันฮะรัม ก็คือ กิจกรรมในวันนี้ของมหาวิทยาลัยของอิมามฮุเซน

นอกจากนี้ ยังมีการเดินสวนสนามของบรรดาทหารหลายเหล่าทัพต่อหน้าท่านผู้บัญชการทุกเหล่าทัพอีกด้วย

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี หลังจากได้อธิบายในปัจจัยต่างๆของการมีอำนาจก็ได้กล่าวถึงประเด็นของรัฐบาลที่ต้านทาน โดยกล่าวว่า  ในวันนี้ สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เป็นรัฐบาลที่มีความต้านทานและรัฐบาลต้านทาน หมายถึง การไม่ยอมจำนนต่อการกดขี่และยืนหยัดในอำนาจของตน

ท่านผู้นำการปฏิวัติ ยังเน้นว่า รัฐบาลต้านทานด้วยกับองค์ประกอบหรือองค์กรที่มีความต้านทานไม่สามารถเปรียบเทียบกับประเทศนั้นๆได้ และท่านกล่าวเสริมอีกว่า : รัฐบาลที่ต้านทานจะต้องเป็นรัฐบาลที่มีการเมือง ,เศรษฐกิจ, ทหาร, การขับเคลื่อนระหว่างประเทศและมีอิทธิพลต่อภูมิภาคอย่างกว้างขวาง

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  ยังเน้นว่า รัฐบาลต้านทานได้ตกเป็นเป้าหมายของศัตรูและบริวารของมันในการเข้าแทรกแซงอำนาจมาโดยตลอดในการกล่าวหาและท่านกล่าวว่า รัฐบาลที่ต้านทานจะถูกครอบงำและมีการแทรกแซงประเทศอื่น และมิใช่ประเทศที่หยุดนิ่งโดยที่มิได้มีปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า บางคนคิดว่า เพื่อการป้องกันข้อกล่าวหาของมหาอำนาจและการแทรกแซงระหว่างประเทศและภูมิภาค จะต้องปลดตัวเองออกจากการป้องกันประเทศ ในขณะที่ความคิดแบบนี้ถือว่าเป็นความคิดที่ผิดพลาด

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงโองการจากอัลกุรอานที่กล่าวถึงฐานะภาพของรัฐบาลที่ต้านทานจะต้องเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจยับยั้งได้ ซึ่งสาธารณรัฐอิสลามได้แสดงให้เห็นในอดีตที่ผ่านมา โดยมีดำเนินการอย่างต่อเนื่องในความพยายามและขีดความสามารถและในการสร้างนวัตกรรมใหม่อีกด้วย

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป้าหมายของนโยบายการมีอำนาจยับยั้งของระบอบอิสลามก็คือ  การป้องกันอิหร่านจากการถูกคุกคามของชาติมหาอำนาจผู้กดขี่และท่านยังเน้นอีกว่า บรรดาศัตรู จงรู้ไว้เถิดว่า หากว่าต้องการที่จะรุกรานอิหร่าน จะต้องเผชิญกับปฏิกิริยาที่รุนแรงในการตอบโต้ เพราะเหมือนกับที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวไปแล้วว่า ยุคสมัยของการอลุ่มอล่วยได้ผ่านไปแล้ว ซึ่งพวกเขาอาจจะเป็นผู้ริเริ่ม แต่ทว่าพวกเขามิใช่ผู้ที่ทำให้สิ้นสุดอย่างแน่นอน

หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายถึงเป้าหมายของศัตรูในการเผชิญหน้ากับสาธารณรัฐอิสลาม และกล่าวเสริมว่า: ศัตรูนั้นมีสามเป้าหมายในการดำเนินการ นั่นคือ เป้าหมายในระยะสั้น,ระยะกลางและในระยะยาว ซึ่งเป้าหมายในระยะสั้นก็คือ "การทำลายความมั่นคงแห่งชาติและ สร้างปลุกระดมประชาชน "

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า หนึ่งในความภาคภูมิใจของสาธารณรัฐอิสลาม ก็คือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยในภูมิภาคที่เต็มไปด้วยกับความไม่สงบและโลกที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด และท่านยังกล่าวอีกว่า ประเทศและเจ้าหน้าที่ๆมีใจรักทั้งหลาย  พวกเขาคือผู้สร้างความมั่นคงให้กับประชาชาติโดยผ่านการรับรู้และความเฉลียวฉลาด อีกทั้งยังทันต่อสถานการณ์อีกด้วย

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชน" คือ เป้าหมายปานกลางของศัตรูและท่านยังกล่าวอีกว่า: พวกเขาได้วางแผนให้มีการหยุดนิ่งของการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชนจะต้องพบกับทางตัน การผลิตและสร้างงานก็จะไม่เกิดขึ้น อีกทั้งการว่างงานก็จะแพร่หลายในหมู่ประชาชน เพื่อที่จะทำให้ประชาชาติได้หมดหวังจากสาธารณรัฐอิสลาม

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า วิธีการเดียวที่จะจัดการกับเป้าหมายนี้ของศัตรูได้ก็คือ  "การดำเนินการตามสโลแกนของปี" และ "การปฏิบัติตามนโยบายเศรษฐกิจต้านทาน" และ "การเพิ่มการผลิตในระดับชาติและการสร้างงาน" และท่านยังเน้นอีกว่า หากว่าได้ปฏิบัติตามเส้นทางนี้ แน่นอนที่สุดศัตรูก็จะไม่บรรลุยังเป้าหมายของพวกเขา

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงเป้าหมายในระยะยาวของศัตรูก็คือ "การทำลายโครงสร้างในระบอบอิสลาม" โดยท่านกล่าวถึงประเด็นนี้ว่ามีความแตกต่างกับช่วงแรกของการปฏิวัติ ที่พวกเขาไม่ยอมประกาศออกมาอย่างเห็นได้ชัด และท่านยังกล่าวอีกว่า : ขณะนี้พวกเขาต้องการเผชิญกับระบอบอิสลามโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ฉะนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก็คือ การหันเหออกจากแนวทางอิสลาม,การปฏิวัติ และเส้นทางของท่านอิมามโคมัยนี และในที่สุดก็จะอยู่ตรงกันข้ามกับการปฏิวัติ

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงประเด็นการเลือกตั้งในวันที่ 29 เดือนอูรเดเบฮิชต์ (ปฏิทินอิหร่าน) โดยกล่าวว่า: การเลือกตั้งเป็นหนึ่งในบ่อเกิดของเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศและเช่นเดียวกันยังเป็นแหล่งที่มาของความอ่อนแอและปัญหาที่จะเกิดขึ้น

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นว่า หากว่าประชาชนเข้าร่วมในการเลือกตั้งและการเข้าร่วมนั้นมีการรักษาและระมัดระวังในจริยธรรมและขอบเขตของอิสลามและกฏหมาย แน่นอนยิ่ง การเลือกตั้งนี้ จะเป็นบ่อเกิดของเกียรติยศและศักดิ์ศรี แต่ถ้าหากในการเลือกตั้งมีการทำลายข้อกฏหมายและมีจริยธรรมที่ไม่ดีและด้วยกับคำพูดของพวกเขาทำให้ศัตรูนั้นมีความหวัง ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งนั้นเป็นอันตรายกับเราได้

700 /