สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะเจ้าหน้าที่จัดงานสัมนาร่วมรำลึกถึงบรรดาชะฮีดจังหวัดซีสตานและบูลูจิสตานเข้าพบท่านผู้นำ

ชีอะฮ์และซุนนีได้ยืนเคียงข้างกันมาโดยตลอดในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

คณะเจ้าหน้าที่จัดงานสัมนาร่วมรำลึกถึงบรรดาชะฮีดจังหวัดซีสตานและบูลูจิสตานเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม
“มุสลิมชีอะฮ์และซุนนีได้ยืนเคียงข้างกันมาโดยตลอดในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุด”

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่จัดงานสัมนาร่วมรำลึกบรรดาชะฮีดจังหวัดซีสตานและบูลูจิสได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี และเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (13 กุมภาพันธ์) ก็ได้มีการเผยแพร่คำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดในงานสัมนาดังกล่าว

ในการพบปะกันครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงความห่วงใยอย่างลึกซึ้งของตนที่มีต่อประชาชนชาวซีสตานและบูลูจิสตาน ซึ่งถือว่าประชาชนเมืองนี้นั้นมีอัธยาศัยที่ดีเป็นอย่างมากและมีความเป็นกันเอง อีกทั้งยังเป็นผู้ใจดีและมีความสามารถ ทั้งนี้ ประชาชนชาวซีสตานนั้นยังมีอดีตที่ยาวนานทางหน้าประวัติศาสตร์ในหมู่ชนเผ่าของอิหร่านโดยถือว่าเป็นชนเผ่าที่ไม่เสมือนผู้ใดและยังเป็นกลุ่มชนที่เข้าใจอะไรได้ง่ายอีกด้วย โดยท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า “ในขณะที่ชาวเมืองซิสตานและบูลูจิสตานนั้นมีความสามารถอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจในยุคสมัยการปกครองของกษัตริย์ ชาฮ์กอญัรและชาฮ์ปาเลวี จึงทำให้ประชาชนเมืองนี้ไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏอิวัติอิสลาม ถือว่า การรับใช้ของประชาชนในเมืองนี้ ภายหลังจากการปฏิวัติอิสลามได้แสดงออกถึงความรักจากทั้งสองฝ่าย ทั้งจากประชาชนและระบอบรัฐอิสลาม และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงความต้องการที่ถูกนำเสนอโดยผู้ว่าจังหวัดนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ปัญหาความต้องการของประชาชนเมืองนี้ ก็คือ พวกเขาต้องการน้ำที่สะอาดในการบริโภคและเส้นทางการเดินรถไฟที่จะต้องมีการติดตามในเรื่องนี้จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐฯโดยการยึดถือเอกชนเป็นแกนหลักและยังจะต้องใช้กองทุนของรัฐบาลอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า จังหวัดซีสตานและบุลูจิสตานก็เหมือนกับจังหวัดต่างๆ เช่น เคอร์ดิสตานและโกลิสตาน ที่เป็นเสมือนดั่งสัญลักษณ์แห่งความเป็นเอกภาพในอิสลามและเป็นแบบอย่างของความร่วมมือกันและการอยู่ร่วมกันอย่างภราดรภาพระหว่างมุสลิมชีอะฮ์กับซุนนีในโลกใบนี้ โดยท่านยังเน้นถึงความฉลาดหลักแหลมของชาวเมืองนี้ในการเผชิญหน้ากับแผนการณ์ร้ายของศัตรูในการสร้างความแตกแยก โดยกล่าวว่า “การเป็นชะฮีด(พลีชีพ)ของเยาวชนมุสลิมซุนนีคนหนึ่งในการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์หรือการเป็นชะฮีดของผู้นำซุนนีสักคนหนึ่งโดยน้ำมือของพวกต่อต้านการปฏิวัติอิสลามด้วยกับเหตุผลในการปกป้องการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมิตรภาพกันระหว่างมุสลิมชีอะฮ์กับซุนนีที่พวกเขาได้ยืนเคียงข้างกันมาโดยตลอดในสถานการณ์ที่ยากลำบากที่สุดและจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ในงานต่างๆทั้งในด้านวัฒนธรรมและศิลปะกรรมจะต้องมีการรักษาเอกภาพอย่างแท้จริง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การยืนหยัดของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในการเผชิญหน้ากับความโง่เขลาแห่งยุคสมัยด้วยกับการคว่ำบาตรและการสมรู้ร่วมคิดกันทางทหารและทางวัฒนธรรมของเหล่าศัตรูนั้น เป็นหนี้บุญคุณในศรัทธาและการเสียสละของประชาชนเมืองนี้ โดยท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า “สัญลักษณ์อันสมบูรณ์ของศรัทธาที่มั่นคงที่ถือว่าเป็นสายเชือกที่แข็งแกร่งของศรัทธาและการยืนหยัดของบรรดาชะฮีด อีกทั้งในการเสียสละของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเทอดเกียรติและยกฐานันดรอันสูงส่งให้กับพวกเขาเหล่านั้น”

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

700 /