สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยหลายพันคนเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

กองทัพแห่งเยาวชนนักปฏิวัติที่ศรัทธากำลังจะเข้าสู่สนามแห่งอุดมการ

“กองทัพแห่งเยาวชนนักปฏิวัติที่ศรัทธากำลังจะเข้าสู่สนามแห่งอุดมการณ์ในการปฏิวัติอิสลามอย่างแท้จริง”

ในการพบปะกันอย่างเป็นกันเองครั้งนี้ ซึ่งได้ใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมง คณะนักศึกษาหลายพันคนจากมหาวิทยาลัยต่างๆได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยตัวแทนจากสมาพันธ์ ชมรมนักศึกษา ทางวิชาการ วัฒนธรรม การเมือง สังคม และสหภาพนักศึกษาได้แสดงความคิดเห็น การวิพากษ์วิจารณ์ ข้อเสนอแนะ และคำเรียกร้องที่มีต่อสภาทั้งสามของรัฐฯและหน่วยงานต่างๆของรัฐฯ

เมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ผ่านมา ในการพบปะกันนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า จิตวิญญาณของเยาวชน ความรู้สึกทางอัตลักษณ์ที่มีอิทธิพล แรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนของนักศึกษาทางด้านความเชื่อและอุดมการณ์ทั้งหลาย คือ แหล่งที่มาของความหวังในอนาคต และท่านผู้นำสูงสุดยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการเป็นนักการปฏิวัติ การคงสภาพอยู่ในการปฏิวัติและการปฏิบัติในการปฏิวัติ โดยจะต้องให้ความใส่ใจต่อขีดความสามารถและองค์ประกอบต่างๆที่จำเป็น และท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า “เราจะต้องรีบเร่งในการขับเคลื่อนไปยังอุดมการณ์ต่างๆด้วยการใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายของประเทศอย่างต่อเนื่อง”

ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการพบปะกันวันนี้ และบรรดานักศึกษาหลายสิบคนได้ขึ้นพูดและนำเสนอในประเด็นต่างๆที่สำคัญ เกี่ยวกับปัญหาของประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการตอบโต้ทางวิชาการในการพบปะกับนักศึกษาอย่างแท้จริงโดยท่านผู้นำกล่าวว่า “่ผลลัพท์ที่สำคัญที่สุดในการพบปะกันครั้งนี้ คือ การปลูกฝังจิตวิญญาณและการขับเคลื่อนที่มีชีวิตชีวาและความกระตือรือร้น ที่เต็มไปด้วยกับความมุ่งมั่นในหมู่นักศึกษาทั้งหลายจากการศึกษาในสาขาต่างๆ และถือได้ว่าเป็นบรรยากาศที่แท้จริง โดยตรงกับข้ามกับการหลอกลวงของเหล่าศัตรูและพวกชาวต่างชาติ และบางหน่วยงานในประเทศในกรณีของความหดหู่และความสิ้นหวังในมหาวิทยาลัย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “การมีจิตวิญญาณเช่นนี้ จะทำให้นักศึกษาได้รู้สึกถึงผลที่จะเกิดขึ้นและจะมีการพูดคุยกัน อีกทั้งยังมีการเรียกร้องตามพื้นฐานของความรู้สึกอันนี้”

 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงคำพูดของบรรดานักศึกษาในการเข้าพบปะกันครั้งนี้และข้อร้องเรียนของพวกเขาเกี่ยวกับปัญหาบางอย่างในประเทศ ถือว่า “ข้อร้องเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่นั้นมีความถูกต้อง และท่านยังกล่าวอีกว่า “การคาดหวังของเยาวชนทั้งหลายนั้นง่ายต่อการอธิบาย แต่หากพิจารณาในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายดายเลยทีเดียว ซึ่งจะต้องมีการทำงานและความพยายาม อีกทั้งในการเตรียมการพื้นฐานบางอย่าง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “หนึ่งในพื้นฐานที่จำเป็นในการเกิดขึ้นของการคาดหวังต่างๆก็คือ การเข้าร่วมของเยาวชนด้วยเจตนาที่มุ่งมั่น ตลอดจนความคิดและความพยายามในการแก้ไขปัญหาต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดานักศึกษาที่เกี่ยวกับการดำเนินบางอย่างของบางหน่วยงาน โดยกล่าวว่า “การบริหารจัดการของหน่วยงานต่าง เช่น กองบัญชาการทุกเหล่าทัพโดยการบริหารของท่านผู้นำสูงสุด แต่ในสภาตุลาการสูงสุดนั้นมีการบริหารจัดการโดยบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากท่านผู้นำสูงสุด แต่ผู้ท่านนำสูงสุดไม่ได้เป็นผู้บริหารหลัก ยกตัวอย่างเช่น ข้าพเจ้าได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรการสื่อสารแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารในปัจจุบันหรือในอดีตที่ผ่านมาเกี่ยวกับหลายประเด็นด้วยกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “วิธีการหลักในการแก้ไขข้อบกพร่องและปัญหาในบางหน่วยงาน เช่ องค์กรการสื่อสารแห่งชาติ คือ การร่วมมือทำงานของเยาวชนที่มีความกระตือรือร้น มีศรัทธาและมีแรงบันดาลใจในองค์กรเหล่านี้และข้าพเจ้าก็ได้เน้นย้ำถึงจุดนี้โดยเฉพาะ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นถึงการขับเคลื่อนของระบอบรัฐอิสลามและประเทศ โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรากำลังจะก้าวไปข้างหน้า และท่านยังกล่าวอีกว่า “ข้าพเจ้าได้กล่าวมาหลายครั้งแล้วว่าอนาคตดีกว่าวันนี้นั้นจะเป็นของเหล่าเยาวชน แม้กระนั้น สิ่งที่จำเป็นสำหรับการนี้ก็คือ จะต้องอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องและการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและไม่เหน็ดเหนื่อย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “การพบปะครั้งนี้กับบรรดานักศึกษา ถือว่าเป็นข่าวที่ดีและเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ นั่นหมายถึง การดำรงอยู่ของปรากฏการณ์จากบรรดานักศึกษาที่มีความศรัทธา มีความกระตือรือร้น มีแรงจูงใจและการตัดสินที่แน่วแน่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ”

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ในความเป็นจริงแล้ว จะต้องมีการแก้ไขทางความคิดของผู้ที่คิดว่าเขานั้นหมดหวังต่ออนาคตและมหาวิทยาลัยด้วย”

หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้เข้าสู่ประเด็นหลัก ก็คือ การเป็นนักการปฏิวัติ การคงสภาพอยู่ในการเป็นนักการปฏิวัติและการปฏิบัติตามวิถีในการปฏิวัติ

ในช่วงแรก ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงขั้นตอนห้าประการของการปฏิวัติ โดยกล่าวว่า “เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องตั้งแต่ช่วงต้นของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามที่กล่าวว่าการปฏิวัตินั้นจะสิ้นสุดลงเมื่อมีการจัดตั้งรัฐขึ้นและจะต้องมีการปรับปรุงในโครงสร้างขององค์กรและหน่วยงานต่างๆ ซึ่งถือว่า ความคิดเช่นนี้นั้นไม่ถูกต้อง ขณะที่พวกเขาได้เข้าใจว่า การปฏิวัติ นั้นหมายถึง การสร้างความตึงเครียด การทะเลาะวิวาทและการกระทำใดๆที่ผิดกฎหมายอื่นๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การจัดตั้งระบอบการปกครองอิสลามในการปฏิวัติ คือ ขั้นตอนที่สอง โดยกล่าวเสริมว่า “ระบอบการปกครองในการปฏิวัตินั้นมีเป้าหมาย อุดมการณ์ และมีคุณค่าต่างๆ ซึ่งการเกิดขึ้นทั้งหมดนั้นจำเป็นที่จะต้องมีขั้นตอนที่สาม นั่นก็คือ การจัดตั้ง “รัฐบาลแห่งการปฏิวัติ” ซึ่งรัฐบาลที่มีความเชื่อมั่นในรากฐานแห่งอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องของรัฐบาลแห่งการปฏิวัติอิสลามและการเกิดขึ้นของอุดมการณ์ต่างๆ ก็จะทำให้ขั้นตอนที่สี่นั้นเกิดขึ้น ก็คือ “การมีสังคมแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้กล่าวว่า “ระบอบการปกครองของอิสลาม รัฐบาลแห่งอิสลาม สังคมแห่งอิสลาม นั้นเป็นบ่อเกิดของขั้นตอนที่ห้า ก็คือ การสร้างอารยธรรมแห่งการปฏิวัติอิสลาม ฉะนั้น การปฏิวัติอันนี้จะยังไม่ถึงที่สิ้นสุดและจะต้องมีการดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม หลังจากนั้นได้กล่าวอธิบายถึงอุดมการณ์ของระบอบการปกครองรัฐอิสลามในการปฏิวัติ โดยกล่าวว่า “หนึ่งในอุดมการณ์ที่สำคัญอย่างมาก ก็คือ เกียรติยศของชาติ หมายถึง ความรู้สึกในความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นภายในสังคมตามความเป็นจริง มิใช่จากการมโนภาพและการจินตนาการ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความเชื่อมั่นในตนเองของชาติ ความเป็นอิสระทางการเมือง เศรษฐกิจวัฒนธรรม และเสรีภาพ ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพทางความคิด ในการแสดงออก หรือในการกระทำ นั้นเป็นอีกหนึ่งในอุดมการณ์ของระบอบรัฐอิสลาม โดยกล่าวว่า “หากว่าไม่มีอิสระแล้วไซร้ ความเจริญและความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณและสังคมก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ความเป็นอิสระเสรีนั้นก็จะต้องอยู่ในกรอบของข้อกฏหมาย เพราะว่าหากมิได้เป็นเช่นนั้นแล้ว ก็จะเกิดความเสื่อมโทรมทางสังคม ดังเช่นตัวอย่างในโลกของตะวันตกอยู่ในขณะนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การสร้างความยุติธรรม ความก้าวหน้าทางวัตถุและอารยธรรมที่มาจากเทคโนโลยี การพัฒนาการทางด้านจริยธรรมในการดำรงชีพ และการเตรียมพร้อมในการปลูกฝังทางจิตวิญญาณเพื่อเสริมสร้างจิตวิญญาณให้มีการพัฒนาและการออกห่างจากการใช้อารมณ์และความโกรธ คือ อีกหนึ่งในอุดมการณ์ต่างๆ โดยกล่าวว่า “การบรรลุในอุดมการณ์ทั้งหลายนี้ เป็นไปไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่จะต้องมีการขับเคลื่อนในระยะยาวที่ขึ้นอยู่กับความเข้าใจและความระมัดระวัง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า “การปฏิวัติที่ปราศจากอุดมการณ์และขาดความต่อเนื่อง คือการปฏิวัติในการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารประเทศจากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง จะต้องมีการขับเคลื่อนไหวไปสู่อุดมการณ์อย่างต่อเนื่อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในส่วนที่สองของการปราศรัยของท่านโดยเน้นถึงความรู้สึกและจิตวิญญาณในข้อเรียกร้องของบรรดานักศึกษาในอุดมการณ์ต่างๆ โดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าตระหนักและรับรู้ถึงประเด็นต่างๆของสังคมโดยผ่านช่องทางต่างๆและยังได้คำนึงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งข้าพเจ้าเชื่อว่า ระบอบรัฐอิสลาม ในตลอดช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมานั้นได้รับความก้าวหน้าในอุดมการณ์เหล่านี้มาทั้งหมด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “ถึงแม้ว่าในเรื่องความยุติธรรม เมื่อนำมาเทียบกับความก้าวหน้าจะยังล้าหลังอยู่ก็ตาม แต่ในเรื่องนี้ก็มีความก้าวหน้าอย่างดีทีเดียว เมื่อได้ทำการเปรียบเทียบกับยุคของการล่มสลายและความล้าหลังต่างๆของยุคเผด็จการกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าในประเด็นนี้จะต้องมีการพิสูจน์อย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความเป็นอิสระและเสรีภาพในปัจจุบันของประเทศ ทางสังคม การเมือง ทางสื่อต่างๆและในโลกไซเบอร์นั้น ไม่อาจที่จะเปรียบเทียบได้กับบรรยากาศในช่วงระบอบการปกครองที่ฉ้อฉลของชาฮ์ ปาห์เลวี โดยท่านกล่าวว่า “เป็นไปได้ว่า บางคนได้บอกว่าทำไมจึงไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์บุคคลนี้ผ่านทางองค์กรการสื่อสารแห่งชาติ ในทางตรงกันข้าม ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลายได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นต่างๆและบางกลุ่มข่าวอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความก้าวหน้าที่ชัดเจนและสัมผัสได้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยกล่าวเสริมว่า “ในอุดมการณ์ต่างๆ เราได้มีความก้าวหน้าเช่นกัน แต่เรายังถือว่าไม่เพียงพอ ซึ่งเราก็จะต้องให้ความสำคัญต่อขีดความสามารถและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของประเทศในการขับเคลื่อนนี้ด้วยความภาคภูมิใจในอำนาจและความเร่งรีบอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงการวิเคราะห์ในปัจจัยและอุปสรรคของอุดมการณ์เหล่านี้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปกครองในการปฏิวัติ และรัฐบาลในการปฏิวัติ นั้นหมายถึง การบริหารประเทศ เป็นหนึ่งในปัจจัยของอุดมการณ์ในการปฏิวัติ โดยกล่าวเสริมว่า “หากว่ามีปัญหาในปัจจัยนี้ แน่นอนก็จะทำให้การปฏิวัตินั้นประสบกับปัญหาด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กลุ่มชนที่มีอิทธิพล เช่น นักศึกษามหาวิทยาลัย นักศึกษาจากสถานบันศาสนา เหล่าศิลปิน และบรรดานักวิชาการ คือ หนึ่งในปัจจัยในความเร่งรีบของการขับเคลื่อนไปยังอุดมการณ์ทั้งหลาย โดยกล่าวเสริมว่า “พลังงานของเหล่าเยาวชนทั้งหลาย ถือว่ามีบทบาทที่สำคัญในการบรรลุยังอุดมการณ์ด้วยกับการขับเคลื่อนทั่วไปของประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการมีจิตวิญญาณของความหวัง การมีเจตนาที่มุ่งมั่น และการวางแบบแผน ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นปัจจัยในความก้าวหน้าทางอุดมการณ์

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวในประเด็นนี้อีกว่า “ผู้ที่กล่าวว่า เรานั้นไม่มีความหวังในสังคมอีกต่อไป เป็นไปได้ว่าพวกเขานั้นจะไม่ใช่ศัตรู แต่ทว่าในการกระทำของพวกเขานั้นคือ การกระทำของศัตรู”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายถึงอุปสรรคในการเกิดขึ้นของอุดมการณ์ โดยกล่าวว่า “บางคนได้ถามว่า ทำไมท่านผู้นำสูงสุดจึงต้องโยนปัญหาทั้งหมดให้กับพวกสหรัฐและอังกฤษที่ชั่วร้ายด้วย เห็นได้ว่านี่เป็นการตีความที่ผิดพลาด เพราะว่าข้าพเจ้าเชื่อว่า ส่วนมากของปัญหาและอุปสรรคต่างๆเกิดมาจากปัจจัยภายใน แต่ทว่าศัตรูนั้นได้นำไปใช้ประโยชน์ที่เลวร้าย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องในปัญหาของประเทศและปัญหาของการปฏิวัติ คือ หนึ่งในอุปสรรคของการบรรลุในอุดมการณ์ โดยท่านได้เน้นว่า “บรรดานักศึกษาและปัจจัยทางความคิดของผู้ศรัทธาและนักการปฏิวัติ ทั้งในสถาบันศาสนาและมหาวิทยาลัย จะต้องมีการดำเนินการในประเด็นนี้”

 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติ ถือว่า การรู้จักอย่างไม่ถูกต้องถึงสภาพแวดล้อม และ การยึดถือที่ผิดพลาดของฝ่ายมิตรกับศัตรู ก็เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในการดำเนินต่อไปของการขับเคลื่อนไปยังอุดมการณ์ โดยกล่าวเสริมว่า “การไม่มีความต้องกรที่มุ่งมั่น ความเกียจคร้าน และการไม่มีความอดทนนั้น จะเป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการขับเคลื่อนอันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “ในทางตรงกันข้าม เราก็ยังมีความโกรธในการปฏิวัติ และความอดทนทางการปฏิวัติ โดยเรามีนั้นแบบอย่างที่สมบูรณ์แบบ อย่างท่านอมีรุลมุอ์มินีน ในการดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมในกรณีที่จะต้องมีความอดทน”

การไม่มีส่วนร่วมกับปัญหาและข้ออ้างในการสร้างความแตกแยกและการบ่อนทำลาย เช่นกัน ในการไม่เข้าถึงปัญหาส่วนปลีกย่อย ทั้งหมดนี้นั้นคือสิ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดได้ย้ำเตือน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงตัวอย่างที่เกี่ยวกับประเด็นปลีกย่อย โดยกล่าวว่า “ปัญหาทางสื่อสังคมออนไลน์ และแอพพลิเคชั่นหนึ่งในการส่งข้อความ จะต้องมีการดำเนินการในบางอย่าง ซึ่งขณะนี้ก็มีการดำเนินการอยู่ แต่การเกินเลยและเพิกเฉยในปัญหาเหล่านี้ถือว่าเป็นตัวอย่างในประเด็นปลีกย่อย”

หลังจากที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติได้อธิบายถึงอุปสรรคในการบรรลุถึงอุดมการณ์ ก็ได้ทำการอธิบายถึงอุปสรรคทางภายนอก

การฉีดวัคซีนของความไร้สามารถและความหมดหวังในสังคมอิหร่าน การยึดถือประชาธิปไตยที่แท้จริงของอิหร่านแทนที่ระบอบเผด็จการ การอธิบายที่หลอกลวงและไม่ตรงกับความเป็นจริง การบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับระบอบเผด็จการที่ชั่วร้าย ความอ่อนแออย่างรุนแรงของระบอบที่ฉ้อฉลของระบอบชาฮ์ การถือว่าชัยชนะทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่เล็กน้อยและการทำให้จุดอ่อนนั้นมีความสำคัญมากกว่า การบ่อนทำลายและการคว่ำบาตร ก็คือ หนึ่งในปัจจัยภายนอกที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่าเป็นอุปสรรคในการเร่งรีบต่ออุดมการณ์ทั้งหลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประเด็นนี้ถือว่า มีแนวโน้มที่ไม่ถูกต้อง นั่นหมายถึง ความอ่อนแอในการบริหารประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า “บางคนบอกว่าการกระทำที่ผิดพลาดของผู้บริหารบางคนนั้นเป็นการบริหารทั้งหมดในประเทศ แม้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับรัฐอิสลามก็ตาม เพื่อที่จะทำให้เกิดข้อกังขาต่อรัฐนั้นได้ ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวสรุปว่า “รัฐนั้นอยู่ท่ามกลางในการประกอบการที่ยิ่งใหญ่และพวกท่านก็เป็นสื่อกลางในการกระทำเหล่านั้นทั้งหมด ซึ่งพวกท่านจะต้องมีความเข้าใจและสัมผัสในการเผชิญหน้าครั้งนี้ และด้วยกับการรู้จักถึงฝ่ายตรงข้าม และรู้จักหน้าที่ในการปฏิวัติ อีกทั้งในปฏิบัติตามหน้าที่เหล่านั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “การเป็นนักการปฏิวัติ นั้นหมายถึง มีวิถีที่ถูกต้อง ชาญฉลาด กล้าหาญ และเต็มไปด้วยกับแรงจูงใจ ที่จะเกิดขึ้นในระบอบรัฐอิสลามและมีความเป็นไปได้ ฉะนั้นผู้ใดก็ตามที่มีข้อกังขาต่อโครงสร้างและคุณค่าของการปฏิวัติ พวกเขาก๋คือผู้ที่กำลังบ่อนทำลาย โดยในความจริงแล้ว พวกเขานั้นคือ ผู้บ่อนทำลายและไม่ใช่นักการปฏิวัติ”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกล่าวซ้ำและการเน้นย้ำต่ออุดมการณ์ทั้งหลายในสังคมและตอบข้อเรียกร้องต่างๆนั้น คือ สิ่งที่มีความจำเป็นมากที่สุด โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หากว่าไม่มีการโจมตีอย่างกว้างขวางและการต่อต้านในการปฏิวัติที่มีไปยังสาธารณชนและด้วยกับการไม่เผชิญหน้ากับข้อเรียกร้องแห่งอุดมการณ์ แน่นอนที่สุด ก็จะเป็นตัวการในการบ่อนทำลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นอีกว่า “กองทัพของเยาวชนผู้ศรัทธาและนักการปฏิวัติ จะต้องเข้าสู่สนามในข้อเรียกร้องอย่างเสมอและมีความรอบคอบในการช่วยให้เป้าหมายของการปฏิวัตินั้นได้บรรลุผลและในทางตรงกันข้ามกับการบ่อนทำลายในวิสัยทัศน์ทั่วไปและบรรยากาศของการบริหารจัดการโดยจะต้องมีการสร้างป้อมปราการมากั้นไว้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความกระจ่างชัด ความกล้าหาญในการเรียกร้องของอุดมการณ์ทั้งหลายนั้น ด้วยกับภาษาของเยาวชนผู้ศรัทธาและนักการปฏิวัติ คือ ความจำเป็นอย่างมากทีสุด และท่านยังกล่าวเสริมว่า “จะต้องมีการปฏิเสธในการเป็นชนชั้นสูงและการพึ่งพาทางความคิดที่มีต่อวิสัยทัศน์ทั่วไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่าการเลือกใช้สินค้าจากต่างประเทศเหนือสินค้าของอิหร่านนั้น คือปัญหาทางจิตที่รุนแรงทางสังคมโดยกล่าวเสริมว่า “จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดและสร้างความเข้มแข็งเพื่อที่จะลบภาพที่ผิดพลาดที่เชื่อว่าสินค้าต่างประเทศนั้นดีกว่าให้ออกไปจากหัวใจของประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถืออีกว่า ข้อเรียกร้องในการใช้ชีวิตตามวิถีอิสลาม –อิหร่าน การต่อสู้กับความไม่ใส่ใจ ความเกียจคร้าน การไม่มีอัตลักษณ์ การเหยียดหยามศาสนา คือ อีกหนึ่งในความจำเป็นที่สำคัญในการขับเคลื่อนในการปฏิวัติอิสลามของเหล่านักศึกษา โดยท่านยังได้เน้นอีกว่า “แต่จะต้องมีความอดทนและความรอบคอบในการขับเคลื่อนนี้ของการปฏิวัติอิสลาม”

ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัยครั้งนี้ได้มีนักศึกษาทั้งหมด 11คน ซึ่ง ตัวแทนของสมาพันธ์และชมรมของนักศึกษามหาวิทยาลัย ได้แก่

ฟัรฮาด มัตบูอ์ นักศึกษาปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมศาสตร์พลัง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชะรีฟ

ฮูเซน อัคกัรพูร เลขาธิการสมาพันธ์มหาวิทยาลัยอิสลาม

อิสมาอีล คูฮี มุก็อดดัม เลขาธิการสมาคมส่งเสริมเอกภาพ

มุฮัมมัด ญะวาด มุอ์ตะมิดีนิจาด เลขาธิการกลุ่มนักศึกษาเรียกร้องความยุติธรรม

ซัยยิด มุฮัมมัด อะลี วารดี สมาชิกสภาอาสาสมัครของมหาวิทยาลัยเตหะราน

ฮะซัน เบกทาชี เลขาธิการสหภาพที่สองของมหาวิทยาลัยอะซาดอิสลาม

ซัยยิด มะฮ์ดี คอลิก ราซาวี ปริญญาเอก ปรัญชาศาสตร์ ญาณวิทยา

มุฮัมมัด ริซาพูร ตัวแทนของศูนย์วัฒนธรรมและกิจการทางศาสนา

มุฮัมมัด ริซา โกลรู มุฟรัด เลขาธิการสมาพันธ์นักศึกษาอิสลาม

ฮุสนา ญัมชีดี คณะบดีสาขาทันตแพทย์

ซะฮัร เมฮ์รอบี สมาชิกของคณะกรรมการวารสารของกระทรวงวิทยาศาสตร์

โดยพวกเขาทั้งหมดนั้นได้กล่าวแสดงความคิดเห็น ซึ่งใช้เวลานานถึงสองชั่วโมงด้วยกัน และประเด็นที่สำคัญของนักศึกษานั้น มีดังต่อไปนี้:

การเน้นถึงความต้องการของผู้บริหารที่กล้าหาญเพื่อการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและอุตสาหกรรมชั้นนำ

การวิจารณ์ในกฎระเบียบที่ซับซ้อนและต่อต้านในการผลิต

การเน้นถึงวิธีการแก้ไขปัญหาของประเทศจะต้องขึ้นอยู่กับขีดความสามารถในประเทศและความไว้วางใจต่อเยาวชน

การเสนอให้ใช้กลุ่มอาสาสมัครเป็นผู้ช่วยในหน่วยงานต่างๆเพื่อช่วยเหลือต่อกลุ่มผู้ด้อยโอกาส

การวิจารณ์ในการส่งเสริมทฤษฎีของตะวันตกและการเพิกเฉยในการดำรงชีพของประชาชน

ความจำเป็นในการปฏิรูปโครงสร้างและการฟื้นฟูในสภาระดับสูงของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม

การวิจารณ์บางวิธีการและการตัดสินใจในระบบตุลาการ

ความจำเป็นในการสร้างกลไกทางกฎหมายในการประท้วงตามข้อกฎหมายและการป้องกันในการใช้ประโยชน์ที่ไม่ดีในการต่อต้านการปฏิวัติอิสลาม

การวิจารณ์ในการขาดความเป็นธรรมของสื่อและการไม่ให้น้ำหนักกับปัญหาและความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มชนผู้ยากไร้ในองค์กรการสื่อสารแห่งชาติ

ความจำเป็นในการมีส่วนร่วมของนักศึกษาในกระบวนของการตัดสินใจ

ความต้องการคนรุ่นใหม่ในการทดแทนคนรุ่นก่อน

ความจำเป็นในการฟื้นฟูรัฐธรรมนูญและการดำเนินการตามมาตราทั้งหมด

การเน้นถึงการบริหารที่ไม่เหมาะสมที่มีอันตรายมากกว่าการคว่ำบาตรในประเทศ

การให้ความสนใจในการปฏิรูปการรับราชการทหารและความจำเป็นในการทบทวนเรื่องการรับราชการทหารสำหรับนักอัจริยบุคคล

 

700 /