สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพได้เข้าร่วมในพิธีการสำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยกองทัพเรือ

“แผนการร้ายของสหรัฐในตะวันออกกลาง จะต้องพบกับความล้มเหลว”

ผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพได้เข้าร่วมในพิธีการสำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยนักเรียนนายร้อยกองทัพเรือ เมืองโนชะฮ์ร จังหวัดมาซันดะรอน

เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพได้เข้าร่วมในพิธีการครั้งที่ 16 ของการสำเร็จการศึกษาร่วมและการสาบานตนของนักเรียนในมหาวิทยาลัยทหารของกองทัพของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยท่านผู้บัญชาการสูงสุด ถือว่า อาภรณ์ของกองทัพ คือ อาภรณ์ที่มีเกียรติยิ่งและเป็นความภาคภูมิใจ อีกทั้งท่านยังได้ชี้ถึงนโยบายอันชั่วร้ายของมหาอำนาจ จอมอหังการในการสร้างความไม่มั่นคงและความไม่มีเสถียรภาพในภูมิภาค โดยท่านเน้นว่า “สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและประชาชาติอิหร่านได้พิสูจน์ให้เห็นถึงการยืนหยัดต่อการเผชิญหน้ากับสหรัฐ หากว่าประชาชาตินั้นไม่หวาดกลัวต่อความกดขี่ข่มเหงของพวกเขา และมีความเชื่อมั่นต่อขีดความสามารถของตน ก็จะทำให้ชาติมหาอำนาจนั้นต้องถอยห่างและจะต้องประสบกับความปราชัยอย่างแน่นอน”

ก่อนในพิธีการนี้ ซึ่งได้จัดขึ้นในมหาวิทยาลัยกองทัพเรือ อิมามโคมัยนี ณ เมืองโนชะฮ์ร ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ปรากฏตัวในสถานที่ฝังศพของบรรดาชะฮีดไร้นาม พร้อมทั้งอ่านซูเราะฮ์ฟาติฮะฮ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณเหล่านั้น ซึ่งถือว่า เป็นการรำลึกและเทอดเกียรติต่อพวกเขา ซึ่งเป็นชะฮีดแห่งการปฏิวัติอิสลามและสงครามศักดิ์สิทธิ์

หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้เยี่ยมชมในการสวนสนามของหน่วยทหารต่างๆ

ในพิธีการนี้ ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ ถือว่า การเข้าร่วมของเยาวชน ผู้ที่จำแนก และมีศรัทธา หลายพันคนในมหาวิทยาลัยของกองทัพนั้น เป็นความหวังของมนุษย์ที่มีสติปัญญาทุกคนในอนาคตของอิหร่านที่มากยิ่งขึ้น โดยท่านกล่าวว่า “ภาระหน้าที่อันหนักอึ้งในอนาคตที่สดใสของชาติที่มีเกียรติของเรานั้นกำลังอยู่ในกำมือของเยาวชนทั้งหลาย และเหล่าเยาวชน ผู้ที่มีความละอายของกองทัพนั้น คือ หนึ่งในภาคส่วนสำคัญและต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประชาชาติอิหร่าน คือ ผู้ที่ถือธงชัยแห่งอิสรภาพและความยุติธรรมในโลก และท่านยังกล่าวเสริมว่า “กองกำลังทหารทั้งหลายได้ทำการปกป้องประชาชาติและประเทศนี้ ซึ่งจะต้องถือว่า เป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ ที่จะต้องมีการดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องด้วยกับอุดมการณ์และการมีแรงจูงใจอันลึกซึ้งต่อศาสนาและชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงผู้คนจำนวนมากที่คลั่งไคล้ในความยุติธรรม แต่พวกเขากลับไม่สามารถเรียกร้องถึงความยุติธรรมและอิสรภาพได้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในโลกใบนี้ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่านและประชาชาติอิหร่านด้วยกับภาษาที่ง่ายและไม่มีการปกปิดใดๆทั้งสิ้น ได้ทำการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับการกดขี่และความอหังการ ซึ่งนี่แหละคือ สาเหตุหลักของการเป็นศัตรูของเหล่าผู้กดขี่ของโลกกับประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ของอิหร่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความไม่มั่นคงและความไม่มีเสถียรภาพในพื้นที่ต่างๆของโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันตก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความอหังการโดยการนำของสหรัฐ ผู้กดขี่ โดยพวกเขานั้นเห็นผลประโยชน์ของตนจากการก่อสงครามในประเทศ การเพิ่มและขยายความรุนแรงของอาชญากรรมของเหล่าผู้ก่อการร้าย และการปะทะกันในภูมิภาค แต่ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก ที่ยังมีบางประเทศที่ให้ความช่วยเหลือพวกเขาอยู่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การไม่สามารถทำให้อำนาจของอิสลามได้มีความภาคภูมิใจในภูมิภาค คือ เป้าหมายของสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกเขานั้นตระหนักดีถึงสาส์นที่มีพลังดึงดูดของอิสลาม นั่นก็คือ การปกป้องบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่และริดรอนสิทธิ ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงเกิดความกลัวในการก่อตัวของอำนาจที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การยืนหยัดอย่างมีอำนาจของสาธารณรัฐอิสลามในการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจ จอมอหังการ เป็นเหตุให้เป้าหมายหลักของเหล่าผู้กดขี่ของโลกในภูมิภาคนี้ต้องประสบกับความล้มเหลว โดยท่านได้ชี้ให้เห็นว่า “เหล่านักวิเคราะห์การเมืองและผู้ชาญฉลาดของโลกต่างเชื่อกันว่า อิหร่านด้วยกับการพึ่งพายังพระเจ้าและการพึ่งพาต่ออำนาจของประชาชาติได้ทำให้มหาอำนาจของโลกในภูมิภาคนี้ต้องพบกับความล้มเหลว ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับในความจริงนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การคุกคามและความโกรธ โมโหและแสดงออกทางอำนาจในคำพูด คือ วิธีหลักของมหาอำนาจ ผู้กดขี่ เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นกับประชาชาติทั้งหลาย โดยท่านยังเน้นอีกว่า “หากว่าประชาชาติไม่หวาดกลัวต่อวิธีการนี้ของมหาอำนาจ และยังมีการขับเคลื่อนไปด้วยกับความกล้าหาญ ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในขีดสามารถของตนในแนวทางที่ถูกต้องและความยุติธรรมแล้วละก็จะทำให้มหาอำนาจนั้นต้องยอมถอยห่างและพ่ายแพ้ไปในที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดกสารปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สาธารณรัฐอิสลาม คือ ตัวอย่างที่กระจ่างชัดในความจริงนี้ โดยท่านยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า “40 ปีที่ผ่านมา อิหร่านนั้นเป็นเป้าหมายของการก่อวินาศกรรมและการทำลายล้างของสหรัฐและเหล่าพันธมิตร แต่ทว่า ในขณะนี้ ต้นกล้าที่เล็กๆนั้นได้กลายเป็นต้นไม้ที่สูงใหญ่ที่กำลังจะออกผล แม้ว่าแต่จะมีความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างมากมายของมหาอำนาจก็ตาม แต่ก็ได้ทำให้หัวใจของประชาชาติทั้งหลายนั้นได้รับพลังดึงดูดของสาส์นแห่งการปฏิวัติอิสลาม และยังจะทำให้แผนการร้ายของสหรัฐในภูมิภาคนี้นั้นต้องพบกับความล้มเหลว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นซีเรีย อิรัก และเลบานอน คือ ตัวอย่างของความล้มเหลวในแผนการร้ายของสหรัฐในภูมิภาคนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “นี่คือ สัญญาณแห่งการมีอำนาจของพระเจ้าและสัญญาของพระองค์นั้นก็เป็นจริง ดั่งที่พระองค์ทรงตรัสว่า หากว่าพวกท่านช่วยเหลือพระองค์ พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือพวกท่านด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ ได้กล่าวในส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านโดยชี้ถึงการเพิ่มศักยภาพในการมีนวัตกรรมใหม่และขีดความสามารถในภาคสนามทางวิชาการ องค์กร การต่อสู้และความก้าวหน้าต่างๆ โดยกล่าวเสริมว่า “ดั่งโองการอันประเสริฐของอัลกุรอานได้กล่าวว่า พวกท่านจงเตรียมความพร้อมในการเพิ่มอำนาจของตน ซึ่งในการมีอำนาจของพวกท่านนั้น จะทำให้ศัตรูรู้สึกหวาดกลัวและต้องถอยห่างออกไป”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุด โดยท่านได้กล่าวเตือนประชาชนทุกคน โดยเฉพาะเหล่าเยาวชนทั้งหลาย ให้ระมัดระวังและออกห่างจากการกระซิบกระซาบของศัตรูในพื้นที่สาธารณะ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกท่าน อย่าได้ปล่อยให้ศัตรูมีการแทรกซึมในแถวต่างๆของเหล่าเยาวชนที่มีความเป็นปึกแผ่นในการไม่เป็นระเบียบ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความพยายามของเหล่าศัตรูในโลกไซเบอร์และแวดวงอื่นๆ โดยกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับการมีบทบาทที่มากขึ้นของศัตรูในด้านต่างๆ ซึ่งจะต้องมีความเฉลียวฉลาด ความเป็นเอกภาพ และการพึ่งพายังพระผู้เป็นเจ้าในการเผชิญหน้ากับเขา”

ในระหว่างพิธีการนี้ พลเรือเอก ฮะบีบุลลอฮ์ ซัยยารี ผู้อำนวยการหน่วยประสานงานของกองทัพ ด้วยกับการรับใช้อย่างดีเยี่ยมในการป้องกันพรมแดนทางน้ำของประเทศ ในระหว่างเวลาที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือ ได้รับโล่เกียรติยศแสดงถึงสัญลักษณ์แห่งชัยชนะจากมือของท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ

ในพิธีการนี้ บรรดาผู้บัญชาการ คณาจารย์และนักศึกษาดีเด่นที่สำเร็จการศึกษาของกองทัพได้รับรางวัลจากผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ อีกทั้งตัวแทนของนักศึกษาและผู้สำเร็จการศึกษายังมีการติดอินทรธนูบนบ่าอีกด้วย

หลังจากนั้น ก็ได้มีการจัดแสดงการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติการณ์ของนักเรียนทหารและมีการสวนสนามของหน่วยทหารต่างๆ

และเช่นเดียวกันในพิธีการนี้ พลเอก มูซาวี ผู้บัญชาการกองทัพบก ได้เน้นว่า “กองทัพของสาธารณรัฐอิสลามได้ร่วมมือกับกองกำลังอื่นๆของกองทัพ โดยอยู่ในแนวหน้าในการปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศของประเทศอิหร่าน

กัปตัน กะรีม มัศดารี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนักเรียนนายร้อยกองทัพเรืออิมามโคมัยนี ได้กล่าวรายงานถึงการดำเนินการของมหาวิทยาลัยทหารของกองทัพ

ในขั้นตอนสุดท้ายของพิธีการร่วมครั้งที่ 16 ของการสำเร็จการศึกษาและการสาบานตนของนักเรียนนายร้อยทหารของกองทัพ ได้มีการซ้อมในการปฏิบัติการณ์ทางทะเลของบรรดานักศึกษาทหารต่อหน้าท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ โดยในการปฏิบัติการณ์นี้มีด้วยกัน 8 ขั้นตอน จากชายฝั่งของเมืองโนชะฮ์ร ซึ่งนักเรียนนายร้อยปีที่สอง สาม และสี่ ได้แสดงถึงความพร้อมในการปฏิบัติการณ์ในครั้งนี้

ลำดับต่อไปในพิธีการนี้ ก็ด้มีการติดต่อสื่อสารโดยผ่านวีดีโอคอลจากหน่วยกองเรือที่ 56 ที่ประจำการ ณ อ่าวเอเดน โดยมีการรายงานถึงการปฏิบัติงานของหน่วยกองเรือนี้ โดยกัปตันที่สอง อัรเชฮ์ ซึ่งมีการดำเนินการโดยหน่วยนาซิร รัซซากี ในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยให้กับการจราจรของเรือต่างๆในน่านน้ำอิสระของภูมิภาคนี้

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ ยังได้กล่าวขอบคุณและชื่นชม อีกทั้งความปรารถนาดีในการประสบความสำเร็จให้มากยิ่งขึ้นของกองกำลังต่างๆของอิหร่าน โดยท่านได้เน้นอีกว่า “พวกท่านนั้นมีความสามรถที่จะรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบของทะเลโดยรอบๆของ อิหร่านอันเป็นที่รักของเรา ด้วยกับความเฉลียวฉลาดและความกล้าหาญได้อย่างแน่นอน”

 

700 /