สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาเยาวชนและอัจฉริยบุคคล เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

เราจะมีชัยเหนือศัตรูจากแผนการร้ายและการสร้างภาพลักษณ์ที่ผิด

 บรรดาอัจฉริยบุคคลมากกว่าสองพันคน ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า ความพยายามและการดำเนินการของบรรดานักอัจฉริยบุคคลหลายพันคนทั่วประเทศอิหร่านนั้นคือ ภาพลักษณ์ที่มีความหวังอย่างแท้จริงของประเทศ และท่านยังชี้ถึงการมีบทบาทที่ส่งผลถึงบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลในการวางแบบแผนที่ถูกต้องในอนาคต โดยถือว่า ความก้าวหน้าทางวิชาการของอิหร่านและความล้ำหน้าในกรอบของวิทยาการของมนุษย์  การมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย การมีความจริงจังที่เพิ่มมากขึ้นของบรรดานักอัจฉริยบุคคลกับรัฐอิสลาม การมีความระมัดระวังอย่างชาญฉลาด การใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องของขุมทรัพย์ทางทรัพยากรด้านมนุษย์ในความเป็นอัจฉริยะ และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอัตลักษณ์แห่งชาติและการมีอุดมการณ์ของบรรดานักอัจฉริยบุคคลของประเทศ คือ ความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำได้เน้นอีกว่า “การสร้างภาพที่ผิดพลาดในเชิงลบและการทำให้สิ้นหวังจากสถานการณ์ของอิหร่าน คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดำเนินการของศัตรู แต่ด้วยกับความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า จะทำให้ภาพลักษณ์ที่แท้จริงของประเทศได้ประจักษ์ชัด ซึ่งตรงกันข้ามกับการสร้างภาพของระบอบมหาอำนาจ”

ในช่วงแรกของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการเข้าพบของบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล ถือว่า พวกเขาเหล่านั้น คือ ความหวังและความภูมิใจ โดยท่านยังได้ชี้ถึงคำพูดของเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล จำนวนหนึ่ง โดยกล่าวว่า “ประเด็นเหล่านี้ คือ ประเด็นที่มีมั่นคงและมีความสมบูรณ์ด้วยกับการยอมรับของข้าพเจ้า และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องมีการติดตามผลของประเด็นต่างๆเหล่านี้กันอย่างจริงจังด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการมีอิทธิพลต่อชาติและระดับนานาชาติของบรรดานักอัจฉริยบุคคลในมุมมองต่างๆ โดยกล่าวเสริมว่า “การมีนักอัจฉริยบุคคลหลายพันคน ในมุมหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ที่ถูกต้องของประเทศ และที่มาแห่งความสงบสุขและการรู้สึกในการมีความหวัง ซึ่งจะต้องมีการใช้ประโยชน์จากบรรดานักอัจฉริยบุคคลในกรอบของการวางแบบแผนของปัญหาต่างๆใน โดยจะต้องมีการยกฐานะภาพ รวมทั้งการนำวิสัยทัศน์ของพวกเขานั้นมาใช้ประโยชน์อีกด้วย” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า “จะต้องใช้ประโยชน์จากทัศนะต่างๆของเหล่าเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลที่มีการคลื่อนไหวและมีความห่วงใย อีกทั้งมีความปลึ้มปิติต่อการทำงานในภาคส่วนต่างๆ เช่น น้ำมัน และการเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาน้ำมัน เป็นการวางแบบแผนในเศรษฐกิจที่มีความเป็นอิสระ เป็นความรู้หลักพื้นฐาน และเศรษฐกิจในการต้านทาน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการมีอิทธิพลของบรรดานักอัจฉริยบุคคลในความก้าวหน้าทางวิชาการของประเทศ โดยกล่าวว่า “การใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสมและถูกต้องจากความรู้และความสามารถต่างๆของบรรดานักอัจฉริยบุคคล เป็นเหตุให้มีความก้าวหน้าทางวิชาการของประเทศ และยังส่งผลให้มีเกียรติและมีอำนาจ อีกทั้งยังจะทำให้ผลกระทบต่างๆนั้นต้องลดน้อยลงอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า “หากว่าเรามีความก้าวหน้าทางวิชาการ ศัตรูก็ไม่สามารถที่จะทำให้เกิดภัยคุกคามทางอารยธรรม การเมืองและเศรษฐกิจต่อเราโดยตลอดได้ อีกทั้งยังจะทำให้การคุกคามเหล่านั้นลดน้อยลงอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า หนึ่งในมุมกว้างของการมีอิทธิพลของบรรดานักอัจฉริยบุคคล คือ การมีบทบาทในการทำลายกรอบทางวิชาการของโลก โดยกล่าวเสริมว่า “ในศตวรรษล่าสุด การมีส่วนร่วมในความล้ำหน้าทางวิชาการนั้นถือว่าน้อยเป็นอย่างมาก โดยเราจะต้องใช้ขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นของบรรดานักอัจฉริยบุคคล อีกทั้งเราก็จะต้องมีการขยายวงกว้างในนวัตกรรมใหม่ๆและวิชาการความรู้ในโลก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  กล่าวว่า “เหล่าเยาวชนทั้งหลาย จะต้องศึกษาถึงประวัติศาสตร์ จากยุคสมัยที่ขมขื่น ใน 200 ปีก่อนชัยชนะในการปฏิวัติอิสลาม ด้วยเหตุผลที่ไม่ให้ความสนใจต่อศักยภาพและบรรดานักอัจฉริยบุคคล จึงทำให้ประเทศต้องประสบกับความหล้าหลัง อีกทั้งยังเราจะต้องรับรู้ถึงคุณค่าในยุคสมัยนี้อีกด้วย”

บรรดานักอัจฉริยบุคคล จะต้องไม่หลงลืมในประเด็นทั้งหลายที่สำคัญ เช่น การเรียกร้องความยุติธรรม อิสรภาพ และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสังคม

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงตัวอย่างที่โดดเด่นในการไม่ให้ความสนใจต่อความรู้และวิชาการในยุคสมัยปาห์เลวี โดยกล่าวว่า “นับจากช่วงเวลาของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเตหะราน ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของอิหร่าน ในปี 1313 จนถึงปี 1357 เป็นระยะเวลา 44 ปี มีนักศึกษาทั้งหมดทั่วประเทศ 150000 คน แต่ในปัจจุบันนี้ ได้ผ่านมาถึง 40 ปีหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม ก็ได้มีนักศึกษาทั่วประเทศที่มากกว่า 4 ล้านคน ด้วยกัน” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า การเปรียบเทียบถึงความแตกต่างกันระหว่างสองระอบในการปกครองอย่างเห็นได้ชัด โดยกล่าวเสริมว่า “เหตุผลหลักของความหล้าหลังทางด้านวิชาการ จริยธรรม และการเมืองในยุคอันขมขื่นนั้น เกิดขึ้นจากการมีผู้ปกครองที่ไม่รู้สึกถึงความพอเพียง การแสวงหาโลกแห่งวัตถุ การเชื่อมโยงและความผูกพันธ์ที่ตรงกันกับประชาชาติโดยแสดงถึงความโอ้อวด ทรนงตน และไม่เคยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้อื่น แต่ทว่ากลับยอมก้มหัวให้กับมหาอำนาจ จอมอหังการ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “พวกเราทุกคนจะต้องขอบคุณต่อสาธารณรัฐอิสลามและท่านอิมามโคมัยนี ผู้ทรงเกียรติ ที่ทำให้หลุดพ้นจากยุคที่ขมขื่นและนำมาซึ่งความก้าวหน้าต่างๆของประเทศอยู่ในขณะนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเตือนถึงบรรดานักอัจฉริยบุคคลโดยเป็นพิเศษ 

คำตักเตือนแรกของท่านผู้นำ ก็คือ “ความจำเป็นในการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างบรรดานักอัจฉริยบุคคลกับระบอบการบริหารจัดการของประเทศ ซึ่งในบริบทนี้ ท่านผู้นำกล่าวว่า “ในมุมหนึ่ง บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องมีความจริงจังต่อการมีปฎิสัมพันธ์กับนักอัจฉริยบุคคล การให้บริการและการขจัดอุปสรรคในการทำงานของพวกเขาและในอีกมุมหนึ่ง บรรดานักอัจฉริยบุคคล ก็ต้องใช้ศักยภาพต่างๆที่มีอยู่ของตนในความก้าวหน้าของประเทศด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ทรัพยากรด้านมนุษย์ที่ดีของนักอัจฉริยบุคคลในการขับเคลื่อนที่ก้าวหน้านั้นคือ ขุมทรัพย์และความมั่งคงอันยิ่งใหญ่ โดยท่านได้เน้นว่า “ความมั่งคั่งนี้ เสมือนดั่ง ขุมทรัพย์ อีกประการหนึ่งในการต่อสู้กับความโลภของระบบมหาอำนาจเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากความมั่งคั่งเหล่านี้ โดยเฉพาะในกรณีของความรู้และเทคโนโลยี นั้นหมายถึง การมีความมั่งคั่งและการมีอำนาจอันจำเพาะ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกำจัดทางกายภาพของบรรดานักอัจฉริยบุคคล คือ หนึ่งในวิธีการต่างๆของระบอบมหาอำนาจ เพื่อที่จะเอาขุมทรัพย์เหล่านี้ให้หลุดพ้นจากอุ้งมือของประชาชาติ และท่านยังได้ชี้ถึงการลอบสังหารนักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ของประเทศ โดยกล่าวว่า “นอกเหนือจากการกำจัดทางกายภาพ  การบ่อนทำลายทางวัฒนธรรมหรือการทำให้บรรดานักอัจฉริยบุคคลมุ่งสนใจเรื่องอื่นๆ ทั้งหมดนั้นคือ วิธีการต่างๆของระบอบของมหาอำนาจ เพื่อที่จะครอบงำความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่ของประเทศ ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายและบรรดานักอัจฉริยบุคคลจะมีความเฉลียวฉลาดและมีความระมัดระวัง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า วิธีการในการเผชิญหน้ากับการหลอกลวงของระบอบมหาอำนาจของบรรดานักอัจฉริยบุคคล คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางอัตลักษณ์ของชาติและการเรียกร้องในการมีอุดมการณ์ระหว่างบรรดานักอัจฉริยบุคคล โดยกล่าวเสริมว่า “เหล่าเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลทั้งหลายของเรา จะต้องมีความภาคภูมิใจในความเป็นชาวอิหร่าน ความเป็นมุสลิม อัตลักษณ์ของชาติ การมีอุดมการณ์และการมีประวัติศาสตร์ที่มีเกียรติยิ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า หนึ่งในแบบแผนต่างๆของศัตรูก็คือ การต่อสู้กับการมีอุดมการณ์และอัตลักษณ์ของชาติ ซึ่งเราจะต้องมีความระมัดระวังและสนใจในการโจมตีในจุดนี้

คำตักเตือนอีกประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อบรรดานักอัจฉริยบุคคล คือ การมีความระมัดระวังในการไม่เพิกเฉยต่อหน้าที่ของตนที่มีประชาชนและปัญหาต่างๆที่สำคัญของประเทศ 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “นักอัจฉริยบุคคลนั้น จะต้องไม่จมปลักเกินไปในความเชี่ยวชาญของตนโดยที่ไม่สนใจต่อปัญหาต่างๆของสังคม เช่น ความอิสระเสรีภาพ ความยุติธรรม ความก้าวหน้า และผลกระทบที่เกิดขึ้นในสังคมไม่ได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงบรรดานักอัจฉริยบุคคลโดยกล่าวว่า “หากว่าพวกท่านทั้งหลายในฐานะของนักอัจฉริยบุคคลได้กระทำการใดก็ตามที่อยู่ภายใต้ธงชัยแห่งการเรียกร้องสู่ความยุติธรรม อิสระเสรีภาพ และอัตลักษณ์ของชาติ แน่นอนที่สุดก็จะพบว่ามีคุณค่าที่สูงส่งเพิ่มมากยิ่งขึ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงสงครามที่แกมบังคับทางเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคงต่ออิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “นักอัจฉริยบุคคล จะต้องไม่มีความแตกต่างกันในสงครามต่างๆเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เปรียบเทียบสงครามของการโฆษณาชวนเชื่อและสื่อที่รุนแรงของศัตรูกับสงครามภาคบังคับ โดยกล่าวเสริมว่า “ขณะที่เรานั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการโฆษณาชวนเชื่อที่น้อยมากเหมือนในช่วงแรกของสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ในการต่อสู้ เรากลับกลายเป็นผู้ชนะ และด้วยกับความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า โดยที่ไม่ต้องสงสัยอย่างยิ่ง เราก็จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างภาพลักษณ์ที่ผิดพลาด คือ การกระทำที่สำคัญที่สุดของศัตรูในวันนี้ เพื่อที่จะเบี่ยงเบนแนวคิดของสาธารณชนในโลกและอิหร่าน โดยกล่าวว่า “เหล่าเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล จะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนเพื่อให้มีชัยชนะและความภาคภูมิใจของอิหร่านโดยมีการเผชิญหน้ากันอย่างหนักหน่วง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวสรุปในส่วนนี้ของการปราศรัยของท่าน ซึ่งถือว่าเป็นข้อควรปฏิบัติของเหล่าเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล โดยกล่าวว่า “ความพยายามทางความรู้ที่อยู่ภายใต้ธงชัยของการเรียกร้องสู่ความยุติธรรม การทำลายข้อจำกัด การต่อสู้กับความฉ้อฉล ความรู้สึกและการติดตามปัญหาต่างๆของประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมูลนิธิของบรรดานักอัจฉริยบุคคล โดยกล่าวขอบคุณต่อความยากลำบากและอุตสาหะของมูลนิธิ จากการทำงานทั้งกลางวันและคืนของบรรดาเจ้าหน้าที่ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกท่านจะต้องไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยทั้งกลางวันและคืนในการรู้จัก การจัดสรรบุคลากร การชี้นำ การปรับปรุงในโครงสร้างและการรับฟังคำพูดและข้อคิดเห็นบรรดานักอัจฉริยบุคคล”

การละทิ้งต่อกิจการประจำวันด้วยการมีนวัตกรรมตลอดมาและการค้นหาวิธีการต่างๆในส่วนของการชี้นำต่อบรรดานักอัจฉริยบุคคล ในขณะที่มูลนิธินั้นมีหน้าที่ในการดูแล การวางรูปแบบแผนอย่างละเอียดและถูกต้องในการดำเนินการตามอัตลักษณ์ของชาติ การใช้ประโยชน์จากสำนักงานตัวแทนของท่านผู้นำสูงสุดประจำมหาวิทยาลัยต่างๆ การใช้ประโยชน์จากบริษัทองค์ความรู้พื้นฐานและการมีความระมัดระวังในลดหย่อนต่อระเบียบการของบริษัทเหล่านี้ ทั้งหมดนี้คือ อีกคำตักเตือนหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของมูลนิธิบรรดานักอัจฉริยบุคคล

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อถึงการปฏิเสธต่อการไม่มีภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยในการรับใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศ โดยตั้งข้อสังเกตุว่า “ในสี่ทศวรรษที่ผ่านมาล่าสุด จะเห็นได้ว่า เยาวชนทั้งหลายในมหาวิทยาลัยนั้นมีบทบาทในระดับต้นๆเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นทางอวกาศ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม การสร้างเขื่อน การอุตสาหกรรมในการป้องกันประเทศ การอุตสาหกรรมด้านนิวเคลียร์ในมิติต่างๆ เซลล์ต้นกำเนิดเทคโนโลยีทางชีวภาพ  และการผลิตยารักษาโรคด้วยการประยุกต์ใช้ คือ ตัวอย่างในการมีบทบาทของเยาวชนทั้งหลายทางด้านอุตสาหกรรมในโครงสร้างและความก้าวหน้าของพวกเขา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ขณะเดียวกัน ยังกล่าวเสริมว่า “แต่ในการดำเนินการของมหาวิทยาลัยทั้งหลายนั้นมีข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นต่างมากมาย  ซึ่งตามการรายงานของนักอัจฉริยบุคคลบางคนที่ได้ชี้ถึงประเด็นเหล่านี้และจะต้องมีการขจัดให้หมดสิ้นไป”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยทั้งหลาย จะต้องให้ความสำคัญในการวิจัยและการค้นคว้าในระดับชั้นต่างๆ โดยกล่าวเสริมว่า “จะต้องมีความสัมพันธ์กันระหว่างมหาวิทยาลัยกับการอุตสาหกรรมอย่างจริงจังโดยที่ต้องเพิ่มมากขึ้น”

“จะต้องมีความสัมพันธ์ทางด้านความรู้ด้วยกับมุมมองตามประเทศต่างๆในตะวันออก ขณะที่ผลลัพท์ของการมีมุมมองต่อตะวันตก คือ การไร้ประโยชน์และยังเป็นหนี้บุญคุณต่อพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงประเด็นนี้โดยตั้งข้อสังเกตุว่า “ด้วยการมีความสัมพันธ์อย่างกว้างขวางกับอุตสาหกรรมและการสนองตอบต่อความต้องการต่างๆ ซึ่งพวกท่านทั้งหลายจะต้องปฏิบัติการณ์ที่เหมือนกับบางประเทศที่มีการสนับสนุนจากเอกชนหรือรัฐบาลในการเขียนวิทยานิพนธ์อีกด้วย”

“ความจำเป็นในการอัพเดทในแผนที่อย่างสมบูรณ์แบบทางด้านวิชาการ หลังจากที่ผ่านมา 9ปี จากการร่างและต้องมุ่งเน้นถึงปัญหาใหม่ๆให้อยู่ในแผนที่นี้ คือ อีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นอีกว่า ความจำเป็นในการมีความสัมพันธ์ทางวิชาการกับประเทศต่างๆในวิถีทางของความเจริญก้าวหน้า โดยกล่าวเสริมว่า “ประเทศทั้งหลายเหล่านี้ ส่วนมากนั้นจะอยู่ในเอเชีย ฉะนั้นในมุมมองของเรา จะต้องมองยังตะวันออก มิใช่ตะวันตก ขณะที่การมองแบบตะวันตกและยูโรปถือว่าเป็นการมองที่ไร้ประโยชน์และเสียเวลาเปล่า ทั้งยังเป็นหนี้บุณคุณต่อพวกเขาอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม รู้สึกยินดีต่อการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาครัฐในการรู้จักถึงความต้องการและสิ่งที่สำคัญอันดับต้น จากการดำเนินการของกลุ่มต่างๆทั้งจากบรรดาคณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ เช่น บรรดาอาจารย์ที่เป็นอาสาสมัครในการเขียนจดหมายถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐฯและการแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยกล่าวเสริมว่า “เราไม่ทราบว่า รัฐบาลนั้นมีการดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้มากน้อยแค่ไหน แต่ความรู้สึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ของบรรดาคณาจารย์และเหล่าเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลที่มีแนวคิดที่ดีต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าพอใจอย่างยิ่ง”

ในช่วงท้ายของการปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความพยายามอย่างมากมายของศัตรูในการสร้างภาพลักษณ์เชิงลบในสถานการณ์ของอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “การผันผวนของค่าเงินและปัญหาค่าครองชีพ ก็ยังคงมีอยู่  แต่โดยรวมภาพลักษณ์ที่แท้จริงของประเทศนั้น ซึ่งจะทำให้สายตาของเหล่าศัตรูต้องมืดบอด โดยที่มีการสร้างภาพลักษณ์ของอิหร่านอันทรงเกียรติที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเหล่านี้”

ก่อนในการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ดร.ซัตตารี รองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ ดร. ฆุลามี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ การวิจัยและเทคโนโลยี ได้กล่าวถึงสถานการณ์ทางความวิชาการ ความรู้ของประเทศและบรรดานักอัจฉริยบุคคล

และเช่นกัน บรรดานักอัจฉริยบุคคล จำนวน 11 คนได้กล่าวแสดงทัศนะเกี่ยวกับปัญหาต่างๆทางวิทยาศาสตร์ การวิจัย การบริหารจัดการ และเทคโนโลยี

โดยมีสุภาพบุรุษ ซึ่งประกอบด้วย

นาย มุศฏอฟา ซะมานียอน ผู้ก่อตั้งบริษัทความรู้พื้นฐานในการจัดร่างเอกสารทางยุทธศาสตร์

ซัยยิด อะบุลฟัฎล์ มีรราซี รองผู้ชนะเลิศ เจ้าของเหรียญเงินในการเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกทางด้านวรรณกรรม 

นายมุศฏอฟา อิสมาอีล ชายาน  นักศึกษาปริญญาเอก ด้านวิศวกรรมพลังงานทดแทน

นายอะฮ์มัด อับนะกี นักศึกษา วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยอุตสาหกรรมชะรีฟ

นายอามีน ญะฮานบัคช์  นักศึกษาปริญญาเอก และสมาชิกมูลนิธินักอัจฉริยบุคคลแห่งชาติ

 นายอะลี นิซอมี ผู้ได้รับเหรียญเงินในการแข่งขันโอลิมปิกด้านฟิสิกแห่งชาติ

และสุภาพสตรี มีดังต่อไปนี้

อิรฮาม ฮัยดารี ผู้ชนะเลิศรางวัลยอดเยี่ยมถ้วย ดร.กาซิมี อัชติยานี

ซาร่า มูฮัมมะดี ผู้ชนะเลิศรางวัลยอดเยี่ยมในการแข่งขันโอลิมปิกคณิตศาสตร์และชีววิทยาโลก

มันซูเรห์ นาดิรีพูร ผู้รับรางวัลชนะเลิศของมูลนิธิบรรดานักอัจฉริยบุคคลแห่งชาติ

นิคู พะนาฮี เจ้าของเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกเคมี

และ ซัยนับ อัคบารี นักศึกษาดีเด่นของประเทศและเจ้าของเหรียญเงินในการแข่งขันโอลิมปิกระดับนักเรียน

ประเด็นต่างๆที่กล่าวถึง ซึ่งมีดังต่อไปนี้

ความจำเป็นการเข้าร่วมของเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลทั้งหลายในการตัดสินใจและการบริหารจัดการประเทศ

ความจำเป็นในการวางแบบแผนทางยุทธศาสตร์และระเบียบการในการศึกษานอกระบบ

การวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างผิวเผินและการเผชิญหน้ากับข้อควรปฏิบัติในหมวดหมู่ของการเปลี่ยนแปลงทางด้านมนุษยศาสตร์

การให้ความสำคัญของเจ้าหน้าที่ต่อความสนใจยังบรรดานักอัจฉริยบุคคลในการศึกษาและการปูทางเพื่อการปฏิบัติงานของพวกเขา

การปรับปรุงงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ที่จะต้องตอบสนองต่อความต้องการของประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน

การให้ความสนใจต่อประเด็นของการสร้างรายได้และการสร้างงานที่ต้องการในการผลิตที่สูงขึ้นการวิพากษ์วิจารณ์ในการขาดเงินทุนในโครงการวิจัยและการวิจัย

ความจำเป็นในการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกของศูนย์การแพทย์ในรอบๆเมือง

การวิพากษ์วิจารณ์ถึงการไม่ใช้เทคโนโลยีทางออนไลน์ในการแก้ปัญหาของประเทศ

ความจำเป็นในการระมัดระวังการใช้ภาษาเปอร์เซียและการหลีกเลี่ยงจากการไม่สนใจของสื่อในภาษาเปอร์เซีย

ในท้ายสุดของการพบปะกัน ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้นำนมาซซุฮ์ริและอัศริร่วมกับบรรดาแขกทั้งหลาย

 

700 /