เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีพิธีสาบานตนและการมอบอินธนูให้แก่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยกองทัพทหารของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยมี ฯพณฯ อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งสามเหล่าทัพ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ณ. มหาวิทยาลัยกองทัพอากาศ ชะฮีด ซัตตารีย์
ช่วงแรกหลังจากท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามเข้าสู่สนาม ท่านได้เข้าเยี่ยมสุสานของบรรดาชะฮีด ของกองทัพ พร้อมกับอ่านฟาติฮะห์ และวิงวอนขอให้พระองค์ประทานฐานันดรของบรรดาชะฮีดให้สูงส่งยิ่งขึ้น
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เยี่ยมชมพิธีสวนสนามในครั้งนี้ด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยในพิธีครั้งนี้ พร้อมกับถือว่า การเข้าสู่รั้วแห่งกองทัพที่มีความกล้าหาญ มีการเชิดชูเกียรติยศของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านสำหรับเยาวชนรุ่นใหม่นั้น คือสิ่งที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง พร้อมกับชี้ถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความพร้อมต่างๆ และพลังอำนาจแห่งความแข็งแกร่งของกองทัพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่เคียงข้างกับการเสริมสร้างโครงสร้างภายในของระบอบอิสลามและด้านเอกภาพ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า เราจะสนับสนุนการดำเนินการทางการทูตของรัฐบาล ไม่ว่ากรณีที่เดินทางยังกรุงนิวยอร์ก เพราะมีความเชื่อมั่นยังรัฐบาลที่ทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติ และเรามองพวกเขาในแง่ดี แต่ทว่า บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในการเดินทางไปยังนิวยอร์กนั้น ถือว่าไม่เหมาะสม เพราะเราถือว่า รัฐบาลของสหรัฐอเมริกาเป็นรัฐบาลที่ไม่น่าไว้วางใจ เป็นรัฐบาลที่มองตัวเองเหนือกว่า เป็นรัฐบาลที่ไร้ตรรกะและเป็นผู้ละเมิดสัญญา
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวเสริมว่า เรามอบความไว้วางใจต่อคณะเจ้าหน้าที่ของเรา และเราพึงประสงค์ให้พวกเขามีความรอบคอบ มีการพิจารณาไตร่ตรองในทุกด้าน พร้อมกับก้าวมั่นอย่างมั่นคง อีกทั้งไม่หลงลืมผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำถึง การสร้างความแข็งแกร่งในโครงสร้างภายในของระบอบอิสลาม ว่า ปัจจัยพื้นฐานหลัก ตั้งแต่แรกเริ่มความสำเร็จของชัยชนะแห่งการปฏิวัติอิสลาม คือการพิทักษ์ปกป้องการปฏิวัติ การปกป้องประชาชาติอิหร่าน และนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์และเจริญเติบโต การให้ความสำคัญต่ออุดมการณ์อันสูงส่งของระบอบอิสลามและการให้ความสำคัญต่อเกียรติยศ ศักดิ์ศรีของชาติ ด้วยเหตุนี้ พันธะกิจและภาระหน้าที่ของบรรดาเจ้าหน้าที่และประชาชาติอิหร่านทั้งหลายนั้น จำต้องพิทักษ์ปกป้องเกียรติยศ ศักดิ์ศรีและอัตลักษณ์ของชาติ
ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงเหตุผลที่ระบอบอิสลาม ไม่ไว้วางใจ และมองในแง่ร้ายต่อรัฐบาลอเมริกา อันเพราะว่า เป็นรัฐบาลที่อยู่ในกรงเล็บของการครอบงำและอำนาจของยิวไซออนิสต์ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ในความเป็นจริงแล้วรัฐบาลอเมริกามีการเคลื่อนไหวและขับเคลื่อนเพื่อผลประโยชน์ของยิวไซออนิสต์ และ จะบังคับเอาเงินจากชาวโลกทั้งมวลแล้วไปมอบเป็นบรรณาการให้กับรัฐบาลเถื่อนไซออนิสต์
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน จะไม่ข่มขู่คุกคามชาติใดเป็นอันขาด เราถือว่าความแข็งแกร่งและพลังอำนาจของกองทัพ คือปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพิทักษ์รักษาความมั่นคงของระบอบอิสลาม พร้อมกับกล่าวเสริมว่า กองกำลังติดอาวุธทั้งหลายของสาธารณรัฐอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นกองทัพต่างๆ กองกำลังบาซีจญ์ (อาสาสมัคร) กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำต้องสร้างพลังให้แข็งแกร่งเพื่อสามารถเผชิญหน้ากับการข่มขู่คุกคามต่างๆของบรรดาศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งสามเหล่าทัพ ได้ชี้ถึง การข่มขู่คุกคามต่างๆ ที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากบรรดาศัตรูของอิหร่าน ว่า ทุกคนที่มีนิสัยชอบข่มขู่คุกคามชนชาติอิหร่านด้วยวาทะ พึงรู้ว่า การตอบโต้ของเราที่จะมีต่อทุกรูปแบบของความชั่วร้ายที่เกิดขึ้นจากรรดาศัตรู ที่มีเหนืออิหร่านนั้น จะเป็นการตอบโต้ที่รุนแรงและหนักหน่วงยิ่ง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ชนชาติอิหร่านได้แสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวในการปกป้องอุดมคติและผลประโยชน์ต่างๆ ของตน และมีความปรารถนา มีความมุ่งหวังในความสงบสุข สันติภาพและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ซึ่งสองสิ่งนี้จะต้องคู่ขนานกันไปทั้งสองฝ่าย
ในช่วงท้ายของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงความภาคภูมิใจของกองทัพสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองทัพอากาศของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ในช่วงแปดปีแห่งการพิทักษ์ป้องกันตนที่ศักดิ์สิทธ์ พร้อมกับเทิดเกียรติและรำลึกถึงเกียรติคุณของเหล่าบรรดาชุฮาดาอ์แห่งการพิทักษ์ปกป้องอันศักดิ์สิทธิ์ อย่างเช่น ชะฮีดบาบาอี และ ชะฮีด ซัตตารีย์ อีกด้วย