สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นักเรียนและนักศึกษาเข้าพบท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม

ปัญหาของประเทศสามารถแก้ไขได้ด้วยจิตวิญญาณและการปฏิวัติความคิด

ในช่วงเช้าวานนี้ (พุธที่ 2  พฤศจิกายน)  เนื่องในวันครบรอบวัน 13  ออบอน วันนักเรียนและวันแห่งการต่อสู้กับมหาอำนาจผู้อหังการโลกแห่งชาติ บรรดานักเรียนและนักศึกษานับพันคนเข้าพบกับท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม   โดยท่านผู้นำสูงสุดได้ย้ำเตือนถึงการเคลื่อนไหวบางอย่างและความพยายามที่อันตรายที่จะบิดเบือนความจริงและตรรกะแห่งการยืนหยัดของท่านอิหม่ามโคมัยนี(รฎ)และประชาชาติเข้าสู่จิตใจของเยาวชนคนรุ่นใหม่ในการเผชิญหน้ากับอเมริกาและนอกจากนั้นยังแสดงให้เห็นว่าวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหาของประเทศได้คือการเจรจาและประนีประนอมกับสหรัฐ และย้ำกล่าวว่า สิ่งที่จะแก้ปัญหาของประเทศคือจิตวิญญาณและการปฏิวัติความคิดนั่นหมายถึงความไว้วางใจในพระเจ้า ความเชื่อมั่นภายใน ความกล้าหาญในการกระทำ การปฏิบัติและบาศีรัต (วิสัยทัศน์) ปฏิบัติตามคำแนะนำและคำสั่งเสียของท่านอิหม่ามโคมัยนี(รฎ) สร้างนวัตกรรมใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ ความหวังสำหรับอนาคต ไม่กลัวศัตรูและการไม่ยอมจำนนต่อพวกเขา 

ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ของวันที่สิบสามออบอน อันเป็นปรากฏการณ์ที่โดดเด่นที่สุดในการบุกรังโจรและจับสายลับ  และกล่าวว่า วันนี้ในความเป็นจริงแล้วเป็นวันเยาวชนผู้ศรัทธา   ปฏิวัติ  หาญกล้า กล้าหาญและสร้างสรรค์ ซึ่งด้วยการดำเนินการจับกุมสายลับทำให้ศัตรูไม่อาจทำการเคลื่อนไหวใด ๆได้ 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้หวนรำลึกความชี้แนะและคำสั่งเสียของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ต่อการบุกรังโจรว่า “คือการปฏิวัติครั้งที่สอง”  และเสริมกล่าวว่า คำชี้แนะและการตั้งชื่อดังกล่าวนี้เนื่องจากกลอุบายการสมรู้ร่วมคิดและความสกปรกของอเมริกาทั้งก่อนและหลังการปฏิวัติที่แสดงจุดยืนเป็นปฏิปักษ์กับอิหร่าน เพราะรัฐบาลอเมริกาไม่เคยลดละและในความพยายามอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการที่จะสร้างความพ่ายแพ้ต่อการปฏิวัติอิสลาม  และเยาวชนนักปฏิวัติในเวลานั้นได้ทำการบุกยึดรังโจรจึงสามารถสกัดแผนการอันชั่วร้ายของพวกเขาได้สำเร็จ 

ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงเอกสารที่ได้รับจากสถานทูตอเมริกา ว่า เอกสารเหล่านี้เมื่อได้มีการบุกรังโจรและจับสายลับได้แล้วก็ได้มีการพบเอกสารที่ถูกทำลายเป็นชิ้นๆมาได้สำเร็จ  และด้วยความเพียรพยายามของบรรดาเยาวชนนักปฏิวัติสามารถเก็บรวบรวมและฟื้นฟูบูรณะอีกครั้ง ซึ่งสิ่งนี้เป็นการบ่งชี้และแสดงให้เห็นถึงความหยั่งลึกในกลอุบายและการสมรู้ร่วมคิดของศัตรูอเมริกาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชาติอิหร่าน

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงการจัดทำเกี่ยวกับการทำหนังสือเจ็ดสิบเล่มของเอกสารที่ได้มาจากสถานทูตอเมริกา ว่า พร้อมกับตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์การละเลยต่อหนังสือสำคัญและมีคุณค่าเช่นนี้ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ว่า  ทำไมสัญลักษณ์ของหนังสือต่างๆเหล่านี้ไม่มีในเนื้อหาบทเรียนและหลักสูตรในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ?

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องติดตามปัญหาดังกล่าว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์  และสรุปเนื้อหาในภาคส่วนนี้ว่า การบุกรังโจรในวันที่ 13ออบอน 1358 นั้นในความเป็นจริงแล้วเป็นการแสดงปฏิกิริยาเชิงธรรมชาติในการตอบโต้กลอุบายต่างๆในความเป็นศัตรูของมหาอำนาจที่ชั่วช้าและอหังการที่มีต่ออิหร่านมาอย่างยาวนาน และปล้นสะดมความมั่งคั่งและทรัพยากรของประเทศ แต่ด้วยชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามสามารถหลุดพ้นจากอุ้งมือของพวกเขา 

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวย้ำว่า  ผู้นำของขบวนการเคลื่อนไหวที่ยิงใหญ่ครั้งนี้คือตัวของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)บุคคลสุดที่รักยิ่งของเราเอง  เนื่องจากว่าในช่วงเวลาเดียวกันมีการเคลื่อนไหวที่จะต่อต้านการเคลื่อนไหวของบรรดาเยาวชนนักปฏิวัติที่จะทำการบุกรังโจร แต่ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ได้ยืนหยัดอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยวในการเผชิญหน้ากับพวกเขา

จากนั้นท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงบางการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายและความพยายามที่จะโยนสองข้อผิดพลาดใส่ในความคิดเห็นของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชน ว่า สองข้อผิดพลาดเหล่านี้คือ 1   การยืนหยัดอย่างมั่นคงของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ในการเผชิญยืนหน้ากับอเมริกาและกล่าวว่า "หากพวกท่านต้องการจะกล่าวตะโกนอะไรก็จงกล่าวตะโกนประณามใส่หัวสหรัฐอเมริกา" แหละนี้คือสิ่งที่ออกมาจากอคติและความดื้อรั้น  2 การแก้ปัญหาของประเทศขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองและการประนีประนอมกับสหรัฐอเมริกา

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า นี่คือสองความคิดที่ผิดพลาดของอเมริกา เช่นเดียวกับสมุนของพวกเขาและบางคนได้สำนึกกลับตัวและเสียใจ และถอดใจ ส่วนบรรดาผู้หลงดุนยาทั้งหลาย กำลังมีการสูบฉีดเข้าสู่สังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อสารมวลชนและมหาวิทยาลัย  

ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวถึงความคิดที่ผิดพลาดข้อแรก ว่า  พวกเขามีการโฆษณาชวนเชื่อว่าการที่อิหม่าม โคมัยนี(รฎ)ได้ยืนหยัดต่อต้านอเมริกานั้นเพราะความอคติ ความดื้อรั้นและความภาคภูมิใจ มันหมายความว่าการยืนหยัดของท่านอิหม่ามในการเผชิญหน้ากับอเมริกานั้นมันไม่ได้เป็นตรรกะ! ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามและประเทศอิหร่านจะยืนหยัดต่อสู้กับอเมริกาพื้นฐานหลักแห่งความเป็นตรรกะที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง  

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้อธิบายพิสูจน์ถึงข้อเท็จจริงในสิ่งนี้ ว่า นโยบายและตัวตนของรัฐบาลอเมริกาผู้อหังการวางอยู่บนพื้นฐานของความโลภและความหยิ่งผยอง ซึ่งตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมานโยบายนี้ถูกกำหนดมาใช้ทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียตะวันตกและอิหร่านก่อนการปฏิวัติ  ดังนั้นหากในช่วงเริ่มแรกของการปฏิวัติเราได้เพิกเฉยและประมาท และท่านอิหม่ามไม่ยืนหยัดต่อสู้กับอเมริกา ศัตรูก็จะออกทางประตูและจะลักลอบเข้ามาทางหน้าต่างอีกครั้ง 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงอีกเหตุผลหนึ่งที่เป็นตรรกะที่ท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) ได้ยืนหยัดต่อต้านอเมริกาว่าเป็นปกป้องคุณค่าต่างๆ ของความเป็นมนุษย์ และกล่าวย้ำว่า  ระบอบของอเมริกาอยู่ห่างจากคุณค่าต่างๆ ของความเป็นมนุษย์หลายขุม และเมื่อท่านอิมาม (รฎ) ได้กล่าวว่า หากพวกท่านต้องการจะตะโกนอะไร ก็จงตะโกนใส่หัวของอเมริกาเถิด   นั่นหมายความว่า ความหายนะจงประสบกับรัฐบาลและระบอบที่ไม่มีสิ่งใดที่จะเข้ากันได้กับคุณค่าต่างๆ ของความเป็นมนุษย์เลย 

 ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงการดีเบตของสองผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกา ว่า  ผู้สมัครทั้งสองคนนี้ ในวันนี้กำลังมีการเปิดเผยและเปิดโปงข้อเท็จจริงและความเสื่อมเสียของอเมริกา ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้กล่าวในเรื่องนี้ของมันน้อยมาก  แต่มีบางคนที่ไม่เชื่อหรือไม่อยากจะเชื่อ แต่วันนี้นี้การดีเบตของพวกเขาในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการทำลายคุณค่าของความมนุษย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา  

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงการดีเบตครั้งล่าสุดของผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอเมริกา โดยเฉพาะประเด็นการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติและความยากจนในอเมริกาและอัตราของความมั่นคั่งของอเมริกาลดลงเหลือร้อยละ 90% ของประชากร  โดยกล่าวย้ำว่า การเหยียบย่ำคุณค่าของความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชน การเลือกปฏิบัติและการเหยียดสีผิวคือความจริงของสังคมอเมริกันในวันนี้ 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า อีกเหตุผลหนึ่งของหลักตรรกะของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ในการการต่อสู้กับอเมริกานั้นคือให้ที่พักพิงแก่ชาห์ โมฮัมหมัดเรซา ปาห์ลาวีในวันแรกของการปฏิวัติอีก และความพยายามที่จะวางแผนในการก่อรัฐประหาร ในวันที่  28 Mordad ปี1332  และกล่าวเสริมว่า ท่านอิหม่าม โคมัยนีได้กล่าวว่า "หากพวกท่านต้องการจะกล่าวตะโกนอะไรก็จงกล่าวตะโกนประณามใส่หัวสหรัฐอเมริกา "  ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นการปลุกประชาชาติให้ตื่นขึ้นมา และสร้างความเข้าใจและตระหนักแก่พวกเขา และสามารถสกัดกั้นการก่อตัวของบรรดาผู้สมรู้ร่วมคิดที่ยิ่งใหญ่ในช่วงต้นของการปฏิวัติอิสลาม 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงกลอุบายและการสมรู้ร่วมคิดต่างๆของอเมริกาในช่วงเริ่มต้นชัยชนะของการปฏิวัติและการสนับสนุนซัดดัมในสงคราม 8 ปี  เช่นเดียวกันปฏิกิริยาของอเมริกาหลังสงครามจนถึงวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการบรรลุข้อตกลง (Brjam)  และหลังจากประเด็นนี้  โดยกล่าวเสริมว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เจรจาต่อรองของอเมริกาในการเจรจานิวเคลียร์กล่าวอย่างเด็ดขาดว่า  "หลังจากการบรรลุข้อตกลงแล้วเราก็จะยังคงคว่ำบาตรอิหร่านต่อไป” แหละนี่คือความจริงที่ว่าเรากำลังอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาลดังกล่าว 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวย้ำว่า หากประเทศอิหร่านได้ทำการยืนหยัดต่อสู้อย่างมั่นคงต่ออเมริกาในยุคสมัยของท่านอิหม่ามโคมัยนี(รฎ)  และหากในวันนี้ยังคงมีการตะโกนคำขวัญต่อต้านอเมริกาและยืนหยัดต่อกรกับพวกเขา ก็เพราะวางอยู่อยู่บนพื้นฐานของหลักเหตุและผลและตรรกะที่มั่นคง  

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงอีกความคิดที่ผิดพลาดหนึ่งของอเมริกา และบางคนพยายามที่สูบฉีดเข้าสู่ในชุมชนและสังคม โดยเสริมกล่าวว่า นี่คือความคิดที่อันตรายมาก ที่บอกว่าหากเราประนีประนอมกับอเมริกาแล้วปัญหาทั้งหมดของประเทศก็จะได้รับการแก้ไข !

ท่านผู้นำสูงสุดได้ย้ำว่ามีข้อโต้แย้งที่แน่นอนและชัดเจนที่จะสามารถพิสูจน์คำโกหก ข้อมูลที่ผิดๆ การหลอกลวงของคำพูดและความคิดเช่นนี้ โดยกล่าวเสริมว่า ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบและชัดเจนที่จะพิสูจน์ความผิดของความคิดนี้คือ ประเด็นการบรรลุข้อตกลงเจรจา ( Brjam ) และปฏิกิริยาของอเมริกันหลังจากนั้น  

ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงคำพูดที่ตอกย้ำอยู่เสมอของตน นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการเจรจานิวเคลียร์ เกี่ยวกับการไม่รักษาคำมั่นสัญญาและการโป้ปดของรัฐบาลอเมริกัน พร้อมกับย้ำว่า "ตอนนี้ไม่ใช่ข้าพเจ้าเพียงเท่านั้นแล้วที่จะบอกว่า พวกเขา (รัฐบาลอเมริกัน) ไม่รักษาคำมั่นสัญญา ทว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้มีเกียรติของประเทศ และแม้แต่บรรดาผู้ที่ทำการเจรจาเองที่ได้แบกรับความเหน็ดเหนื่อยอย่างมากมาย ด้วยเช่นกันนั้น ต่างก็พูดถึงความไม่รักษาคำมั่นสัญญาของอเมริกา

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงชายขอบของการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในนิวยอร์ก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านได้กล่าวในที่ประชุมของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของคู่สัญญา ได้เรียกร้องคำฟ้องที่ยาวนานในการไม่รักษาสัญญาของอเมริกาต่อประเด็นการบรรลุข้อตกลง แต่พวกเขาก็ไม่มีคำตอบ 

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า นี่คือตัวตนที่แท้จริงของสหรัฐอเมริกาและบางคนบอกว่าเราไปเจรจาประนีประนอมกับอเมริกาที่กำลังก่ออาชญากรรมในประเทศซีเรีย ฮิซบุลเลาะฮ์ในเลบานอน อิรัก อัฟกานิสถาน เยเมนและแม้แต่การแก้ปัญหาในประเทศที่ต้องเจรจาต่อรองและประนีประนอม!

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามกล่าวว่า รัฐบาลที่ไม่เคยลดละแม้แต่น้อยในการเป็นศัตรูกับประชาชาติอิหร่าน แล้วคิดหรือว่าพวกเขาจะแก้ปัญหาของประเทศ ?  

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า เป้าหมายหลักของอเมริกาคือการสกัดกั้นการเจริญเติบโตและความก้าวหน้าของอิหร่าน  การเจรจากับพวกเขาจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเราได้หรือ ? 

ท่านผู้นำสูงสุดย้ำกล่าวว่า การเจรจาต่อรองกับอเมริกาจะไม่ช่วยแก้ปัญหาของเรา เนื่องจากว่า ประการแรก พวกเขาโกหก บิดพลิ้วสัญญา หลอกลวงและลอบแทงจากด้านหลัง ประการที่สอง อเมริกาอยู่ในภาวะวิกฤตและประเทศที่อยู่ในภาวะวิกฤตจะสามารถแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศอื่นได้หรือ 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงการออกมายอมรับของสถาบันระหว่างประเทศที่สำคัญและแม้แต่ชาวอเมริกันเอง ที่ยอมรับต่อวิกฤตเศรษฐกิจ การเมืองระหว่างประเทศและศีลธรรมในอเมริกา   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า หนี้ของอเมริกาอยู่ในขณะนี้ใกล้เคียงกับ GDP ของประเทศ และตามดัชนีชี้วัดระดับโลกแล้ว สิ่งนี้เป็นสัญญาณของวิกฤต 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า ประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤติเช่นนี้หรือ ที่จะมาแก้ไขปัญหาปัญหาเศรษฐกิจของอิหร่าน ? หรือว่าต้องการใช้ทรัพยากรและความมั่งคั่งของอิหร่านเพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากวิกฤต ? 

ท่านผู้นำสูงสุดได้อธิบายวิกฤตการณ์ทางการเมืองในอเมริกา  ว่า วันนี้ในทุกส่วนของโลก ทุกประเทศที่ลุกขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลหรือรัฐบาลเผด็จการนั้น  สโลแกนแรกที่พวกเขาจะตะโกนก้องคือ  "อเมริกาจงพินาศ" ยังจะมีวิกฤติที่เลวร้ายกว่านี้อีกหรือ ?

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงแผนการของอเมริกาในการสร้างมหานครตะวันออกกลางครั้งยิ่งใหญ่โดยมีอิสราเอลเป็นแกนหลักที่สำคัญในช่วงสงคราม 33 วันในเลบานอน  และกล่าวเสริมว่า ขณะนี้สถานภาพของอเมริกา โดยเฉพาะในประเด็นซีเรีย อิรัก เลบานอน เยเมนและแอฟริกาเหนือกำลังตกที่นั่งลำบาก สถานการณ์เช่นนี้ยังไม่เป็นวิกฤติอีกหรือ ?

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงสถานภาพของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในภูมิภาคที่อยู่ตรงกันข้ามกับอเมริกา ว่า ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ ด้วยความกล้าหาญ วิสัยทัศน์ และความอดทนของประชาชาติอิหร่านสามารถที่จะอดทนต่ออุปสรรค์ปัญหาเหล่านี้ และในวันนี้ในเอเชียตะวันตกและภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียถือเป็นประเทศที่มีภาพลักษณ์แห่งความเจิดจรัสและทอแสงอย่างดงามยิ่ง  

ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า วิกฤตทางศีลธรรมเป็นอีกหนึ่งปัญหาของสังคมอเมริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่นักการเมืองและรัฐบุรุษของประเทศ  และกล่าวเสริมว่า คำพูดของทั้งสองผู้สมัครประธานาธิบดีอเมริกาในสัปดาห์ที่ผ่านมาในประเด็นที่เกี่ยวกับปัญหาที่ผิดจรรยาบรรณด้านศีลธรรม  เป็นไปได้ว่าเป็นสิ่งไม่อาจจะมองข้ามได้ เพราะเป็นสิ่งที่เพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงของอเมริกา 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อความพยายามที่จะส่งเสริมการเท็จ "การแก้ปัญหาของประเทศต้องขึ้นอยู่การเจรจาและประนีประนอมกับอเมริกา"  และกล่าวย้ำว่า การเจรจาต่อรองกับอเมริกาไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วแต่ยังก่อให้เกิดปัญหาเพิ่มตามมา 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าว่า ปัญหาต่างๆเราจำต้องแก้ไขด้วยตัวของเราเอง  พึ่งตัวเองและอาศัยความสามารถของเราเองและความสามารถของเยาวชนคนหนุ่มสาวในประเทศในในการแก้ปัญหา 

ทานผู้นำสูงสุดถือว่า เยาวชนหนุ่มสาวคือความหวังของประเทศ คือผู้บริหารประเทศในอนาคต และกล่าวถึงบรรดาเยาวชนโดยตรงว่า  โอ้เยาวชนที่รัก การแก้ไขปัญหาของประเทศขึ้นอยู่กับความไว้วางใจต่อพระเจ้า ความปรารถนาและความแข็งแกร่งของประเทศ มุ่งมั่น วิริยะ  วิสัยทัศน์ มีความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่ง และส่งเสริมจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ  

ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า จิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ หมายถึง การมีความกล้าหาญในการดำเนินการ สร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อทำลายการหยุดชะงัก ไม่หวาดกลัวศัตรู ไม่ยอมสยบต่อพวกเขา มีความหวังต่ออนาคตและมีความเชื่อมั่นในสัญญาของพระเจ้า  

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า แต่น่าเสียดายที่บางคนแทนที่จะส่งจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติ แต่กลับพูดจาและชี้นำบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาวไปในทิศทางที่ไม่มีความเชื่อมันต่ออนาคตและการปฏิวัติ และห่างเหินจากแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และจากนั้นพวกเขาก็จะพร่ำเพรอรันทัดใจและเสียใจต่อวันเวลาที่ผ่านไป   

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า เวลาเป็นตัวสร้างเรา และถ้าเราบอกว่าเวลาที่เลวร้าย เราพิจารณาดูการกระทำของเราซึ่งเราอาจจะคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีและเลวร้าย ?

ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า เมื่อเราไม่เดินอย่างมั่นคง และไม่ปฏิบัติตามคำส่งเสียของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และอาศัยชื่อของเสรีภาพนิยม  ในการส่งเสริมและผลักดันบรรดาเยาวชนสู่ความรื่นเริงหรรษา และนำเสนอในนามของมุมมองแห่งสติปัญญา การประนีประนอมและยอมจำนนให้กับศัตรู เหล่านี้ย่อมเป็นที่รับรู้ว่าคือช่วงเวลาที่ไม่ดีอย่างแน่นอน  

ท่านผู้การปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงฮะดิษสอนใจจากท่านอิมามอาลี(อ) ว่า ท่านอิมามอาลี(อ)ถือว่า สาเหตุที่หัวใจของเขาได้พลิกผันออกจากเส้นทางที่เที่ยงตรง คือ การลุ่มหลงดุนยาที่สกปรก  ความรักความใฝ่ฝันที่ไร้สาระ โลภในยศถาบรรดาศักดิ์และการฝักใฝ่แบ่งพรรคแบ่งพวก   

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กำชับบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาวให้มีการเพิ่มพูนวิสัยทัศน์และบาศีรัต และกล่าเตือนว่า พึงระมัดระวังอย่าเชื่อคำพูดของทุกคนที่เป็นกระบอกเสียง  และสิ่งที่สำคัญคือการปฏิวัติและแนวทางของอิมามโคมัยนี(รฎ) และจำต้องถือว่าคำพูดของท่านคือข้อพิสูจน์  

ในช่วงท้าย ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวว่า หากท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้(ยังปรากฏตัวอยู่ในหมู่พวกเรา) ท่านก็จะกล่าวป่าวประกาศเป็นเสียงเดียวกันกับคำประกาศของท่านนบีอิบรอฮีมผู้ทำลายเจว็ด อันเป็นปัจจัยพื้นฐานสู่การตื่นตัวของประชาชาติทั้งหลาย 

 

 

700 /