สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ปาเลสไตน์จะได้รับอิสรภาพและการประกาศเมืองหลวงของอัลกุดส์เกิดขึ้นจากความไร้สามารถของพวกเขา

บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลและแขกเข้าพบท่านผู้นำ

บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลและแขกผู้เข้าร่วมสัมมนาสัปดาห์เอกภาพเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

เนื่องในวันประสูติของท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติแห่งอิสลาม ท่านศาสดามูฮัมมัด (ศ็อลฯ)และท่านอิมาม ญะอ์ฟัร อัศศอดิก คณะผู้บริหารทั้งสามสภา พร้อมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล บรรดาทูตานุทูตประเทศอิสลามและบรรดาแขกผู้ที่เข้าร่วมในการจัดประชุมสัมมนา สัปดาห์เอกภาพอิสลาม เข้าพบ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านถือว่า การปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านศาสดาองค์สุดท้ายนั้น คือ เงื่อนไขที่รอดพ้นของประชาชาติอิสลามจากปัญหาภายใน ภูมิภาค และปัญหาโลก อีกทั้งท่านยังเน้นว่า หากว่าเราต้องการมีความสูงส่งและอำนาจในโลกอิสลาม ก็จำเป็นที่จะต้องนำเอาเอกภาพและการยืนหยัดมาเป็นแบบอย่าง

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแสดงความยินดีในวันเฉลิมฉลองในวันนี้ต่อประชาชาติอิหร่าน อิสลามและเหล่าบรรดาอิสรยชนทั่วทั้งโลก โดยกล่าวเสริมว่า “ท่านศาสนทูตผู้ยิ่งใหญ่ คือ ความเมตตาของพระเจ้าที่มีต่อมวลมนุษยชาติ และการปฏิบัติตามแนวทางของท่านจะทำให้ประชาชาติทั้งหลายนั้นรอดพ้นจากความกดขี่และความอหังการของมหาอำนาจ การแบ่งชนชั้นวรรณะและความทุกข์ยากอื่นๆทั้งหมด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงคำเน้นย้ำของพระผู้อภิบาลที่มีต่อบรรดาศาสนทูตของพระองค์และผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขาทั้งหลายในการยืนหยัด ถือว่า เป็นเงื่อนไขในชัยชนะ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในวันนี้ ก็เช่นกัน ที่จะต้องมีการยืนหยัดในแนวทางของท่านศาสดาผู้ทรงเกียรติ ซึ่งจะสามารถทำลายแผนการร้ายของเหล่าผู้กดขี่ของโลกได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า สหรัฐอเมริกา รัฐเถื่อนไซออนิสต์และเหล่าพันธมิตรของพวกเขา คือ ฟาโรห์แห่งยุคสมัย และท่านผู้นำยังชี้ถึงความพยายามของพวกเขาในการสร้างความแตกแยกและการก่อสงครามในประชาชาติอิสลาม โดยกล่าวว่า “นักการเมืองบางคนของสหรัฐ เขาจะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตามต่างก็ยอมรับว่า จะต้องมีสงครามและการปะทะกันเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันตก เพื่อที่จะให้รัฐไซออนิสต์ได้รับความปลอดภัยและเรือนร่างที่เปื้อนเลือดของอิสลามนั้นพวกเขาคิดว่าไม่มีศักยภาพเพียงพอในการพัฒนาได้”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่เหล่าผู้ปกครองบางประเทศในภูมิภาคที่ได้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของอเมริกา โดยกล่าวเสริมว่า “สาธารณรัฐอิสลามไม่มีเจตนาที่จะสร้างความแตกแยกกับรัฐบาลต่างๆของประเทศอิสลาม ในขณะที่ในประเทศอิหร่าน ได้ยืนหยัดบนเอกภาพและความเป็นพี่น้องกัน ซึ่งในโลกอิสลามก็เช่นเดียวกัน จะต้องมีเอกภาพและความเป็นหนึ่งใจเดียวกันอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “ลิ้นของเราในการเผชิญหน้ากับลิ่วล้อของอเมริกาในภูมิภาคนี้ คือ ลิ้นแห่งการตักเตือน และเราไม่ต้องการที่จะตอบคำถามของเหล่าผู้โง่เขลา แต่ทว่า เราจะขอตักเตือนพวกเขาเหล่านั้นว่า การับใช้ต่อเหล่าผู้กดขี่ในโลกนี้นั้น พวกเขาจะได้รับผลเสียต่อพวกเขาเอง ดังอัลกุรอานที่กล่าวว่า การร่วมอยู่กับเหล่าผู้กดขี่ ในบั้นปลายของเขาจะพบกับความพินาศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เป้าหมายสุดท้ายของเหล่าศัตรูจากการสร้างกลุ่มตักฟีรีย์ ก็คือ การสร้างความแตกแยกระหว่างซุนนีกับชีอะฮ์ โดยกล่าวเสริมว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างศัตรูที่โง่เขลาให้กับเรา ด้วยเหตุนี้เอง เป้าหมายของเหล่าศัตรูจึงไม่บรรลุผล นั่นหมายถึง สงครามระหว่างนิกาย และหากพระองค์ทรงประสงค์ ในอนาคตก็เช่นกัน เป้าหมายของพวกเขาจะไม่บรรลุอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยืนหยัด คือ กุญแจแห่งชัยชนะในการเผชิญหน้ากับกลุ่มตักฟีรีย์ที่ป่าเถื่อน โดยกล่าวเสริมว่า “การเผชิญหน้าของพวกเรากับพวกเหล่านั้น คือ การเผชิญหน้ากับความกดขี่และการแปลกปลอมในอิสลาม และในปัจจุบันนี้ บรรดาลิ่วล้อของพวกเหล่านั้น ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดก็ตาม พวกเขาก็คือ สมุนทาสรับใช้ของอเมริกาและไซออนิสต์ ซึ่งเราจะยืนหยัดต่อต้านพวกเขา”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า ความเป็นเอกภาพของประชาชาติอิสลามและการยืนหยัดต่อไซออนิสต์และเหล่าศัตรูของอิสลามคือ ยาที่รักษาความเจ็บปวดของโลกอิสลาม และยังเป็นแนวทางในการไปถึงยังเกียรติยศและการมีอำนาจอย่างแท้จริง โดยท่านเน้นอีกว่า “ปัญหาปาเลสไตน์ในวันนี้ คือปัญหาหลักทางการเมืองของประชาชาติอิสลาม และทุกคนจะต้องพยายามเพื่อที่ทำให้ประชาชาติปาเลสไตน์ได้รับอิสระและรอดพ้น”

ท่านอยาตุลลฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ข้ออ้างของเหล่าศัตรูอิสลามเกี่ยวกับการประกาศอัลกุดส์(เยรูซาเล็ม)เป็นเมืองหลวงของรัฐเถื่อนอิสราเอลนั้น เกิดขึ้นมาจากความไร้ความสามารถและการไม่มีศักยภาพของพวกเขา โดยกล่าวเสริมว่า “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโลกอิสลามในวันนี้ได้ยืนหยัดต่อแผนการสมคบคิดนี้ และไซออนิสต์ก็จะได้รับผลกระทบในการกระทำครั้งนี้ อีกทั้งปาเลสไตน์จะได้รับอิสรภาพอย่างแน่นอนอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเทอดเกียรติต่อความกล้าหาญ การมีบะซีรัต(ความรู้แจ้งเห็นจริง) และการยืนหยัดของประชาชาติอิหร่าน ซึ่งได้ก้าวผ่านสี่สิบปีมาแล้ว โดยกล่าวเสริมว่า พันธมิตรของสาธารณรัฐอิสลามในโลกและเหล่าศัตรูของอิหร่าน พึงรู้ไว้เถิดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือว่าเป็นปัญหาที่เล็กยิ่งเมื่อเทียบกับสี่สิบปีที่ผ่านมา ในขณะที่อิหร่านนั้นมีศักยภาพที่มากกว่าและจะนำธงชัยแห่งเกียรติยศของอิสลามชูขึ้นให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ประธานาธิบดีอิหร่าน ถือว่า ปัญหาของโลกอิสลามในวันนี้เกิดขึ้นจากผลของการออกห่างจากอัลกุรอานและวะฮ์ฮีย์(คำวิวรณ์)โดยกล่าวว่า “ในวันนี้ ประชาชาติอิสลามได้รับชัยชนะเหนือเหล่าผู้ก่อการร้ายและผู้สนับสนุนพวกมันไม่ว่าจะเป็นชาติมหาอำนาจผู้หังการหรือไซออนิสต์ก็ตาม ซึ่งในขณะนี้พวกเขาเหล่านั้นได้เตรียมการที่จะวางแผนการสมคบคิดใหม่”

ท่าน โรฮานี ยังอธิบายอีกถึงความจำเป็นในการมีความฉลาดหลักแหลมในการเผชิญหน้ากับสหรัฐอเมริกาและรัฐเถื่อนอิสราเอลและสมุนทาสรับใช้ของพวกเหล่านั้น โดยกล่าวว่า “เหล่าศัตรูได้ใช้ทรัพย์สินส่วนรวมของชาวมุสลิม จนทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นแหล่งสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์และยังเกิดการแทรกซึมภายในอีกมากด้วย”

ท่านประธานาธิบดี ยังกล่าวถึง อเมริกานั้นได้ทิ้งระเบิดเข้าใส่ฐานทัพอากาศของซีเรียในการปะทะกันกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายไอซิส โดยกล่าวเสริมว่า “เมื่อใดก็ตามที่ชัยชนะได้เกิดขึ้นกับประชาชนชาวซีเรีย รัฐเถื่อนอิสราเอลก็จะหาข้ออ้างในการทิ้งระเบิดเข้าใส่ซีเรีย

ประธานาธิบดีอิหร่าน ยังชี้ถึงแผนการสมคบคิดใหม่ที่มีต่อโลกอิสลาม โดยกล่าวเสริมว่า “อัลกุดส์เป็นของอิสลาม ชาวมุสลิมและชาวปาเลสไตน์ ไม่ใช่สถานที่ๆชาติมหาอำนาจจอมอหังการจะมายึดไปครอบครองได้

ท่านโรฮานี ยังอธิบายถึงเป้าหมายอันสูงส่งของชาวมุสลิมในการเป็นอิสรภาพของอัลกุดส์ กล่าวว่า “สาธารณรัฐอิสลามนั้นต้องการสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคและจะมีการคัดค้านในการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิศาสตร์ อีกทั้งยังจะสนับสนุนต่อประชาชาติที่ลุกขึ้นต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย และจะขอเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาสันติภาพ แต่ทว่า เราจะไม่อดทนต่อการละเมิดสิทธิของชาติมหาอำนาจจอมอหังการและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นต่อประชาชาติอิสลาม โดยเฉพาะกับอิหร่าน

ประธานธิบดีอิหร่าน ยังกล่าวถึงแผนการสมคบคิดในการประกาศอัลกุดส์เป็นเมืองหลวงของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ซึ่งบรรดามุสลิมทุกคนจะต้องแสดงจุดยืนอันเดียว โดยกล่าวว่า “กลุ่มประเทศอิสลามและองค์ความร่วมมืออิสลามจะต้องแบกภาระกิจที่หนักอึ้งนี้”

 

700 /