สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานสภาผู้ชำนาญการและบรรดาสมาชิกสภาเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

เป้าหมายของศัตรูในสงครามสื่อคือการสร้างความสับสน

“เป้าหมายของศัตรูในสงครามสื่อ คือ การสร้างความสับสนและให้เกิดความสิ้นหวัง อีกทั้งการมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีของประชาชน”

เมื่อช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ประธานสภาผู้ชำนาญการและบรรดาสมาชิกสภาเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า “หน้าที่ๆสำคัญที่สุดของประชาชนและบรรดานักอัจฉริยะบุคคลในสถานการณ์ที่คับขันในปัจจุบันนี้ คือ การขับเคลื่อนไปยังทิศทางเพื่อรักษาและการดำรงไว้ซึ่งความสามัคคีของประชาชนอย่างลึกซึ้งกับหน่วยงานต่างๆในภาครัฐและออกห่างจากการสร้างช่องโหว่ที่ทำให้เกิดความสิ้นหวังและความรู้สึกถึงทางตัน”

และท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวว่า "เหล่าผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อประชาชาติอิหร่าน พร้อมกับการก่อสงครามทางเศรษฐกิจ สงครามสื่อและการโฆษณาชวนเชื่อ ด้วยเหตุนี้เอง การวิพากษ์วิจารณ์นั้นจะต้องมีเป้าหมายเพื่อในการปรับปรุงและเจตนาดีอีกด้วย"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในช่วงแรกของการปราศรัยของท่าน โดยท่านได้ชี้ถึงสัปดาห์ที่สอง และวันสำคัญของช่วงปลายเดือนซุลฮิจญะฮ์และวโรกาสที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ในวันมุบาฮะละฮ์ และวันแห่งการประทานลงมาของซูเราะฮ์(บท) อัดดะฮ์ริ โดยกล่าวว่า "มุบาฮะละฮ์แสดงถึงความศรัทธาที่แข็งแกร่งและการพึ่งพาต่อสัจธรรม ซึ่งเรานั้นมีความต้องการที่จะต้องมีศรัทธาอย่างแข็งแกร่งและพึ่งพาสัจธรรมของรัฐอิสลามในการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจและในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ กับการเผชิญหน้ากับแนวความคิดเห็นทั่วไปของสาธารณชน ที่จะต้องมีความเชื่อมั่นว่ามีการขับเคลื่อนสู่สัจธรรม และบนวิถีของรัฐอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวขอบคุณต่อรายงานต่างๆในการจัดประชุมล่าสุดและท่านยังได้ชี้ถึงความสำคัญและความจำเป็นในเอกภาพและความสามัคคีของประชาชาติ และการเกิดวิสัยทัศน์ทั่วไปยังทิศทางนี้

โดยท่านกล่าวเสริมว่า "ในสถานการณ์ของเราในวันนี้ ถือว่าเป็นสถานการณ์ที่กระตุ้นต่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก แต่ทว่า ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่ด้วยว่า การมีจำนวนมากของเหล่าศัตรู หรืออำนาจที่สูงขึ้นของพวกเขา เพราะว่าศัตรูเหล่านี้นั้นเคยมีอยู่มาโดยตลอดนับตั้งแต่ช่วงแรกๆของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลาม แม้แต่ในช่วงนั้นก็มีอำนาจที่มากกว่านี้ด้วยเช่นกัน แม้จะมีการดำเนินการในความปฏิปักษ์ เช่น การโจมตีทางทหารที่เมืองทาบัซ สงครามศักดิ์สิทธิ์แปดปี การยิงเครื่องบิน การปิดล้อมทางเศรษฐกิจ ก็ไม่อาจสามารถที่จะกระทำการอะไรได้ ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นเหมือนดั่งต้นไม้ที่สวยงามด้วยกับรากฐานอันมั่นคงที่กำลังจะออกดออกผลอยู่ในขณะนี้"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า " กระแสที่สะท้อนความรู้สึกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่นของรัฐอิสลามในวิถีทางใหม่และความหลากหลายทางความคิดและวิสัยทัศน์ ในสี่สิบปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความขัดแย้งกับขบวนการชาติของเหล่ามหาอำนาจและระบอบการปกครองของพวกเขาที่มีการขับเคลื่อนในสถานการณ์เช่นนี้ ในป่าเขาที่เต็มไปด้วยกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และด้วยกับการเกิดขึ้นของสถานการณ์ที่มีความแตกต่าง ซึ่งก็จะต้องมีการปฏิบัติการณ์ในสถานการณ์ที่เหมาะสมด้วยการระมัดระวังอย่างเต็มที่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “หากว่าประชาชนทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรดานักอัจฉริยะบุคคลนั้นได้เพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อรัฐ และจุดยืนของรัฐ แน่นอนที่สุด ก็จะต้องพบกับความเสียหายอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อในการอธิบายถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยกล่าวว่า “ในวันนี้ รัฐอิสลามกำลังเผชิญหน้ากับสงครามทางเศรษฐกิจในทุกๆด้าน ซึ่งมีห้องปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะที่ก็ยังมีสงครามทางการสื่อสารและการโฆษณาชวนเชื่อที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเวลาส่วนมากนั้นถูกเพิกเฉย”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า “สงครามสื่อเหล่านี้ ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว และในปัจจุบันนี้กลับมีความรุนแรงมากขึ้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า "ตามข้อมูลที่เราได้รับทราบระบุว่า หน่วยงานสืบราชการลับต่างๆของสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ด้วยกับการสนับสนุนทางการเงินของกอรูนแห่งภูมิภาคที่อยู่รายรอบข้างประเทศของเรา ได้ก่อสงครามทางการสื่อให้เกิดขึ้นและยังมีการวางรูปแบบแผนอย่างจริงจัง อีกทั้งความพยายามเพื่อทำให้เกิดช่องโหว่ทางการสื่อสารและทางความคิดในสังคมอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “เป้าหมายของสงครามสื่อเหล่านี้ คือ การสร้างความสับสน ทำให้เกิดความสิ้นหวัง ความรู้สึกถึงทางตัน การมีมุมมองในแง่ร้ายของประชาชนซึ่งกันและกันและกับหน่วยงานในภาครัฐ อีกทั้งการทำให้ปัญหาเศรษฐกิจนั้นกลายเป็นเรื่องใหญ่มากขึ้นไปในสายตาของสังคม”

ท่านอยาตุลลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงตัวอย่าง โดยกล่าวว่า “ในประเด็นเหล่านี้นั้นเกี่ยวข้องกับปัญหาทองคำ สกุลเงินและการลดค่าเงินของประเทศ ซึ่งถือว่า สงครามทางการสื่อและการสร้างช่องโหว่ให้เกิดขึ้นในการโฆษณาชวนเชื่อของผู้ที่ประสงค์ร้ายนั้นมีผลอย่างมาก ซึ่งเราก็ไม่ได้หวังอะไรจากศัตรูนอกจากความต่ำต้อย แต่เราก็จะต้องมีความระมัดระวัง ที่เรานั้นจะไม่เป็นการช่วยเหลือให้ประชาชนเกิดความสับสนในการสร้างช่องโหว่ของพวกเขาได้”

“การวิพากวิจารณ์ ถือว่า มีความจำเป็น แต่จะต้องไม่เกินเลยที่เป็นสาเหตุให้ประชาชนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี”

ท่านผู้นำการสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า “บางทีในการอธิบายถึงปัญหาต่างๆหรือการวิพากวิจารณ์จะต้องไม่เกินเลยในความเป็นจริง โดยท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า "การเกินเลยเป็นเหตุให้วิสัยทัศน์ของสาธารณชนนั้นเกิดความสับสนและเป็นเหตุทำให้เกิดเชื้อไวรัสจากวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีในสังคมอีกด้วยเช่นกัน"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงตลอดเวลาของช่วงแรกในการรับภาระหน้าที่ของผู้นำสูงสุดได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ต่อรัฐบาลทั้งหลายในประเด็นต่างๆหรือมีทั้งการคัดค้าน แม้แต่ในบางกรณีก็มีความรุนแรง โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้านั้น คือ ผู้ที่ชอบในการวิพากษ์วิจารณ์ และในการเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆและหน่วยงานทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้ที่ชอบในการประนีประนอมแต่อย่างใด แต่ข้าพเจ้าก็จะขอเน้นว่า วิธีการกล่าวและการดำเนินการจะต้องไม่ทำให้ประชาชนเกิดวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีเป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวอีกว่า "อย่าทำให้บรรยากาศโดยทั่วไปของประเทศนั้นไม่ยอมรับต่อการดำเนินการและการเผยแผ่ในเชิงบวก แต่กลับยอมรับในคำพูดที่โกหกของศัตรู เพราะว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ถือว่ามีอันตรายเป็นอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกถึงเชื้อไวรัสในวิสัยทัศน์ที่ไม่ดีต่อรัฐบาล รัฐสภา ตุลาการสูงสุดและหน่วยงานต่างๆในการปฏิวัติ ในขณะเดียวกัน การวิพากษ์วิจารณ์ด้วยกับความประสงค์ที่ดีเพื่อในการปรับปรุงของกิจการงาน ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยท่านยังกล่าวอีกว่า " ในบางครั้ง การวิพากษ์วิจารณ์ก็จะต้องเป็นไปในลักษณะทั่วไป และจะต้องไม่อยู่ในลักษณะแบบผิวเผิน แต่ในการพูดของเราที่จะทำให้หัวใจของผู้ฟังนั้นแตกสลายและต้องสูญสิ้นในทุกๆสิ่ง ถือว่า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า " ในบางทีเราก็มีความผิดพลาดในวิธีการของการวิพากษ์วิจารณ์ เพราะว่า หน่วยงานที่ถูกวิจารณ์นั้นได้ดำเนินงานที่ดี ซึ่งจะต้องมีการพูดถึงและแสดงทัศนะที่ดีออกมา"

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นอีกครั้งถึงความจำเป็นในการมีวิสัยทัศน์ในเชิงบวกและด้านลบต่อรัฐบาลและหน่วยงานอื่นๆด้วยกัน โดยกล่าวว่า “การอธิบายถึงการกระทำที่ไม่ดีที่ควบคู่กับการกระทำที่ดีนั้น จะทำให้ประชาชนรับรู้ว่า มีการดำเนินงานที่ดีและจะได้ไม่สิ้นหวัง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า ด้วยกับการสร้างช่องโหว่ทางการโฆษณาชวนเชื่อของเหล่าผู้ที่ประสงค์ร้ายในปัญหาทั้งหมดนั้น ในขณะที่ การปฏิวัติและประเทศกำลังอยู่ในการพัฒนาก้าวหน้า โดยท่านได้กล่าวเสริมว่า “การกล่าวถึงประเด็นนี้ถือว่าไม่ได้เป็นการโอ้อวด แต่ด้วยกับข้อมูลที่ละเอียด เราก็ขอบอกว่า ประเทศชาติกำลังอยู่ในการขับเคลื่อนสู่ทิศทางแห่งนัยยะ อุดมการณ์และความเป็นจริงของการปฏิวัติ แม้ว่าเป็นไปได้ว่า ความรวดเร็วในการขับเคลื่อน จะไม่ได้อย่างที่เราคาดหวังไว้ก็ตาม แต่รัฐอิสลามก็มีการขับเคลื่อนไปยังทิศทางที่ดีในประเด็นต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ อุตสาหกรรม เกียรติยศทางการเมือง ความก้าวหน้าทางความคิด และจิตวิญญาณ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเพิ่มปริมาณทางจิตวิญญาณในระหว่างเยาวชนทั้งหลายด้วยกับการมีอยู่ของการโฆษณาชวนเชื่อที่มากหลาย และเป็นการทำให้ต้องพบกับความหลงทางในสังคมออนไลน์นั้น คือ หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด โดยท่านกล่าวว่า “การเข้าร่วมของเหล่าเยาวชนทั้งหลายในมหกรรมการรวมตัวกันวันอัรบะอีน อิอ์ติกาฟ นมาซญะมาอัตในมหาวิทยาลัยและการจัดกิจกรรมทางศาสนาในเดือนรอมฎอนเหล่านั้น แสดงถึงความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ แล้วทำไมเราจะไม่มองถึงประเด็นนี้ในเชิงบวกและความก้าวหน้าด้วยกระนั้นหรือ? ซึ่งเราก็จะต้องมองในการวิเคราะห์และกล่าวถึงโดยเฉพาะกับบุคคลที่มีผู้ฟังเป็นจำนวนมาก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวถึงประเด็นที่สำคัญหนึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศ กล่าวคือ ความสามัคคีของประชาชนและหน่วยงานต่างๆในการบริหารของประเทศ โดยกล่าวว่า “ในส่วนสำคัญจากการสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ และผู้ที่เขาใช้ช่องทางอิสระในการสื่อสารก็จะต้องให้การช่วยเหลือในการกระทำเหล่านี้ด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “รัฐบาลไม่สามารถที่จะทำงานได้โดยปราศจากความช่วยเหลือและการสนับสนุนของประชาชนและไม่ควรจะปฏิเสธความไว้วางใจของประชาชน ที่มีต่อรัฐบาล ฝ่ายตุลาการและกองทัพบก โดยกล่าวเสริมว่า “วิธีการในแก้ไขปัญหาของประเทศ คือ ไม่ใช่เป็นการระงับในการสนับสนุนต่อรัฐบาลและการออกห่างจากการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ แต่ทว่า วิธีการในการแก้ไข คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างความคิดเห็นของสาธารณชนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งในคำพูดและการวิพากษ์วิจารณ์ และในขณะเดียวกัน ก็จะต้องมีการให้ความช่วยเหลือทางสติปัญญาและทางการปฏิบัติด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแนะนำให้เจ้าหน้าที่รัฐฯจะต้องใช้ประโยชน์จากความคิดเห็นของประชาชนและวิธีการในการแก้ไขปัญหาของเหล่าผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับค่าสกุลเงินของประเทศและท่านยังชี้แนะในเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน โดยกล่าวว่า “ถือว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องใช้ประโยชน์จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและการขับเคลื่อนไปสู่การแก้ไขในปัญหาต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความกังวลใจของบางคนในการแก้โซ่ทางความคิดเห็นของสาธารณชนในความหวังดีต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยกล่าวเสริมว่า “หน้าที่ของเรา คือ การให้คำแนะนำต่อรัฐบาลทั้งหลายที่นำไปสู่การใช้ประโยชน์จากทัศนะต่างๆของผู้เชี่ยวชาญและแก้ไขปัญหาและการมีวิสัยทัศน์ที่ดีของประชาชนต่อความพยายามของพวกเขา เพื่อที่จะได้แก้ไขโซ่ตรวนทางความคิดเห็นของประชาชนได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตอบคำถามถึงข้อคิดเห็นบางส่วน โดยกล่าวว่า “การพบปะส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ฝ่ายตุลาการ และเจ้าหน้าที่ทางการทหาร นั้นมีค่ามากกว่าการพบปะกับสาธารณชนและทางสื่อมากถึง 10 เท่าด้วยกัน ซึ่งในที่ประชุมเหล่านี้ได้มีการกล่าวถึงประเด็นต่างๆมากมายที่สาธารณชนนั้นไม่ทราบ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า การทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่ใช่วิธีการในการปฏิรูป ดั่งเช่น การจัดตั้งหน่วยงานและการทำงานแบบขนานคู่กับรัฐบาล จะทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ และจากประสบการณ์นั้นได้พิสูจน์แล้วว่า ในการปฏิบัติงานโดยเจ้าหน้าที่ก็จะต้องผ่านช่องทางกฎหมายเท่านั้น”

“การจัดตั้งในการทำงานที่ขนานคู่กับรัฐบาล มิใช่วิธีการในการปฏิรูป และหน้าที่ของรัฐบาล คือ การทำงานแบบมุมานะและการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย จะต้องมีการทำงานแบบญิฮาดี (มุมานะ) แต่ในบางกรณี เช่น จดหมายฉบับล่าสุดของท่านประธานตุลาการสูงสุด ซึ่งกฎหมายนั้นก็ไม่สามารถที่จะให้คำตอบได้ จึงจำเป็นที่ต้องได้รับอนุญาตจากผู้นำสูงสุด แน่นอนที่สุด เราก็จะให้การช่วยเหลือและเข้าร่วมด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ในช่วงท้ายถึงตัวอย่างในการก้าวหน้าของรัฐอิสลามทางด้านจิตวิญญาณและการอธิบายถึงชีวประวัติของหนึ่งในบรรดาชะฮีดที่ปกป้องฮะรัมศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านได้ยกหลักฐานจากโองการของอัลกุรอานโดยเน้นว่า “หากว่า เราได้ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู แน่นอนว่าพวกเขาก็ถอยออกไป และด้วยกับเตาฟิก (ความสำเร็จ) ของพระผู้เป็นเจ้า ก็จะทำให้มหาอำนาจนั้นยอมศิโรราบ และเราก็จะแสดงให้โลกได้เห็นในแบบอย่างอันนี้ หากว่าผู้ที่สนับสนุนต่ออิสลามนั้นมีความพร้อมในการป้องกันและการต่อสู้ แน่นอนว่าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านอยาตุลลอฮ์ ญันนะตี ประธานสภาผู้ชำนาญการได้ชี้ถึงการจัดตั้งคณะกรรมาธิการทางความคิดของสภาแห่งนี้ โดยกล่าวว่า “นอกเหนือจากการร่างระเบียบการในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการทางความคิด โดยที่มีการจัดตั้งคณะการทำงานในด้านต่างๆ เช่น ศาสนา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม การเมือง วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อีกทั้งในด้านกฎหมาย”

ประธานสภาผู้ชำนาญการ ถือว่า เศรษฐกิจ ความวุ่นวายของตลาดสกุลเงินต่างประเทศ และราคาแพงของสินค้านั้นคือ ปัญหาหลักของประเทศ และท่านยังได้กล่าวอีกว่า “ในสถานการณ์ปัจจุบันด้วยกับการประสบปัญหาของประชาชน จะต้องมีการขับเคลื่อนทางการปฏิวัติและในรูปแบบญิฮาดี เพื่อที่จะก้าวผ่านปัญหาต่างๆไปให้ได้”

และเช่นกัน อยาตุลลอฮ์ มุวะฮ์ฮิดี คิรมานี รองประธานสภาผู้ชำนาญการได้กล่าวถึงประเด็นต่างๆในคำพูดของบรรดาสมาชิกสภาผู้ชำนาญการในการประชุมครั้งล่าสุด โดยกล่าวว่า “เนื่องจากการประสบปัญหาทางเศรษฐกิจของประชาชน ในการจัดประชุมครั้งล่าสุดของสภาผู้ชำนาญการ จึงถือเอาว่า ปัญหาเศรษฐกิจและอัตราความสำเร็จของทั้งสามสภาในการแก้ปัญหาของพวกเขานั้น เป็นประเด็นที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง”

 

 

 

 

 

700 /