สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีอิรักเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

แนวทางเดียวในการเผชิญหน้าต่อแผนการร้ายของศัตรูคือการรักษาเอกภาพ

 พณฯท่าน บัรฮัม ศอลิห์ ประธานาธิบดีอิรักและคณะได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้รู้สึกปลื้มปิติในความสำเร็จในการเลือกตั้งรัฐสภาและการแต่งตั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของอิรัก รวมทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่อื่นๆโดยท่านผู้นำได้เน้นถึงการยืนหยัดว่า “แนวทางในการพิชิตเหนือปัญหาต่างๆและการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายของพวกที่ประสงค์ไม่ดี คือ การรักษาเอกภาพแห่งชาติของอิรัก การรู้จักมิตรและศัตรูอย่างถูกต้อง และการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร้ายกาจ ด้วยการพึ่งพายังกองกำลังของเหล่าเยาวชน และการรักษาและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการมีความสัมพันธ์กับระบบมัรเญียะอ์ (ผู้มีอำนาจในการวินิจฉัยศาสนบัญญัติ)”

 ในช่วงแรกท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวแสดงความยินดีกับพณฯท่าน บัรฮัม ศอลิห์ ด้วยกับการเข้ารับในหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการเป็นประธานาธิบดีของประเทศที่สำคัญยิ่ง นั่นคือ ประเทศอิรัก และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงความสัมพันธ์อันยาวนานอย่างลึกซึ้งในประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ กล่าวคือ  อิรักและอิหร่าน โดยกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ของทั้งสองประชาชาติที่ไม่เสมอเหมือนใคร ซึ่งมีตัวอย่างที่เด่นชัด คือ การเดินเท้าอันยิ่งใหญ่ในวันอัรบะอีน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการเข้าร่วมของชาวอิหร่านที่มีจำนวนมากกว่าสองล้านคนในการเดินขบวนในวันอัรบะอีน โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า  “หัวใจทั้งหลายของบรรดาผู้แสวงบุญชาวอิหร่านหลังจากที่ได้กลับมาภูมิลำเนาได้รู้สึกถึงการขอบคุณอย่างเต็มเปี่ยมในการต้อนรับอาคันตุกะของประชาชาติอิรัก และนี่แสดงให้เห็นถึงความสูงส่งอย่างมากของชาวอิรักในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีให้กับบรรดาผู้แสวงบุญชาวอิหร่าน ซึ่งความสัมพันธ์นี้นั้นได้เกิดขึ้นด้วยกับความรักและความห่วงใยในระหว่างทั้งสองประชาชาติ ที่ไม่อาจจะอธิบายได้ นอกจากภาษาทางศิลปะเท่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวขอบคุณอย่างจริงจังต่อประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีและบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย รวมทั้งประชาชาติอิรักในการต้อนรับแขกที่ไม่เหมือนใครในช่วงสัปดาห์แห่งอัรบะอีน โดยท่านได้ชี้ถึงความยากลำบากของประชาชนชาวอิรักในช่วงต่างๆที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า “บัดนี้ ประชาชาติอิรัก หลังจากผ่านช่วงเวลาในยุคเผด็จการได้เป็นเจ้าของประเทศที่มีสิทธิเสรีภาพและการเลือกตั้ง ขณะที่บางรัฐบาลและประเทศที่ไม่ประสงค์ดีต่างต้องการให้ประชาชนชาวอิรักไม่ได้สัมผัสในกลิ่นไอแห่งชัยชนะและผลผลิตอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังต้องการไม่ให้เกิดความสงบสุขในอิรักและภูมิภาคอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “แนวทางเดียวในการเผชิญหน้ากับแผนการร้าย คือ การรักษาและสร้างความแข็งแกร่งในเอกภาพระหว่างกลุ่มต่างๆของอิรัก ทั้งอาหรับ เคริด์ ชีอะฮ์ และซุนนีย์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ประเมินถึงการรู้จักอย่างละเอียดและถูกต้องในมิตรและศัตรูในนโยบายต่างประเทศ ถือว่า เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนัก โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “บางรัฐบาลในภูมิภาคและนอกภูมิภาคได้มีความเป็นปฏิปักษ์และเกลียดชังต่ออิสลาม ชีอะฮ์ ซุนนีย์และอิรัก และยังได้เข้ามาแทรกแซงในกิจการภายในของอิรัก ซึ่งจะต้องมีการยืนหยัดอย่างมีอำนาจในการเผชิญหน้ากับพวกเหล่านี้ และโดยเฉพาะการยืนหยัดในการเผชิญกับศัตรูที่ร้ายกาจจะต้องไม่มีการผ่อนปรนแต่อย่างใด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงความร่วมมือกันระหว่างสองประเทศ อิหร่านกับอิรัก โดยกล่าวว่า “เหล่าเจ้าหน้าที่ของสาธารณรัฐอิสลามได้มีความจริงใจและมั่นคงในการขยายความร่วมมือกับอิรักในด้านต่างๆ และข้าพเจ้าก็เชื่อมั่นในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงศักยภาพที่มากมายของสองประเทศในการขยายความร่วมมือต่างๆ โดยกล่าวเสริมว่า “อิรักที่มีเกียรติ มีความแข็งแกร่ง และความก้าวหน้า ถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมากกับอิหร่าน และเราจะยืนเคียงข้างพี่น้องชาวอิรักของเราด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความจำเป็นในการรักษาและสร้างความแข็งแกร่งกับระบบมัรเญียะอ์ คือ สิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า “การมีความสัมพันธ์กับระบบมัรเญียะอ์ ในระดับขั้นต่างๆ จะเป็นทางออกที่ดีอย่างยิ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า การพึ่งพายังเหล่าเยาวชนเป็นแม่บทในการดำเนินงานที่ยิ่งใหญ่ โดยกล่าวเสริมว่า “ตัวอย่างที่เด่นชัดของผลลัพธ์อันพิเศษ ก็คือ การพึ่งพายังเยาวชนทั้งหลาย การเข้าร่วมของกองกำลังฮัชดุชชะอ์บีในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายตักฟีรีย์ ซึ่งจะต้องมีการรักษาและปกป้องพวกเขา”

ในการเข้าพบครั้งนี้ พณฯ ท่านโรฮานี  ประธานาธิบดีอิหร่าน ได้เข้าร่วมอยู่ด้วยเช่นกัน โดยพณฯท่าน บัรฮัม ถือว่า การเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามนั้นเป็นความภูมิใจอย่างใหญ่หลวง และกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้เเดินทางมาประเทศอิหร่านด้วยกับสาส์นอันเดียวที่ชัดแจ้ง นั่นคือ ปัจจัยต่างๆในความสัมพันธ์ของทั้งสองประชาชาติอิหร่านและอิรักนั้นมีรากฐานทางประวัติศาสตร์และไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้”

ประธานาธิบดีอิรัก ยังได้ชี้ถึงการเจรจาระหว่างตนกับเตหะราน โดยตั้งข้อสังเกตว่า “เราต้องการขยายความร่วมมือให้มากยิ่งขึ้นในด้านต่างๆและการยกระดับในความสัมพันธ์ทางสังคม วัฒนธรรม ผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ”

พณฯท่าน บัรฮัม ถือว่า การรับใช้บรรดาผู้แสวงบุญที่มีความรักต่อท่านอิมามฮุเซนในวันอัรบะอีนนั้น เป็นความภาคภูมิใจของรัฐบาลและประชาชาติอิรัก และเขายังเน้นว่า “อิรักจะไม่มีวันลืมและการสนับสนุนของอิหร่านในช่วงการต่อสู้กับจอมเผด็จการซัดดามและในช่วงการต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายตักฟีรีย์ และเขายังกล่าวเสริมอีกว่า “เราถือว่า วิทยปัญญา สติปัญญาและการบริหารจัดการของระบบมัรเญียะอ์ นั้นเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่อันหนึ่ง เพื่อให้มีความมั่นคง ความสงบสุข และความก้าวหน้าในอิรัก”

เขาถือว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับต้นของอิรัก คือ การบูรณาการและการก่อสร้างโครงสร้างต่างๆ การต่อสู้กับการทุจริต การให้บริการอย่างเหมาะสมกับประชาชนชาวอิรัก การปฏิรูปในประเทศและการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเอกภาพแห่งชาติ โดยเน้นว่า “เราต้องการให้อิรักได้กลายเป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งในภูมิภาคและเราหวังอย่างยิ่งว่า จะสามารถร่วมมือและใช้ประโยชน์จากศักยภาพต่างๆของสาธารณรัฐอิสลามในการฟื้นฟูอิรักให้มากกว่าเดิมอีกด้วย”

 

700 /