สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานสภาผู้ชำนาญการและบรรดาสมาชิกเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

ต้องมีการอาสาสมัครอย่างมากในการเผชิญหน้ากับการโจมตีจากศัตรู

 

ประธานสภาผู้ชำนาญการและบรรดาสมาชิกสภานี้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเข้าร่วมเสวนาและการมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งโดยทั่วไปเกี่ยวกับชนิดและวิธีการในการเผชิญของประเทศและบุคคลกับอุปสรรคและเหตุการณ์ต่างๆ โดยท่านผู้นำได้อธิบายถึงสิบเอ็ดคู่เกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า “ในการเผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างมากที่สุดของเหล่าศัตรู จะต้องมีการอาสาสมัครอย่างมากที่สุดในสิ่งอำนวยความสะดวก และขีดความสามารถ อีกทั้งในการจัดเตรียมกองกำลังอีกด้วย เพื่อที่จะทำให้ประชาชนมีความเชื่อที่ลึกซึ้ง และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็จะต้องรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า และการมอบหมายกิจการต่อพระองค์ ซึ่งสัญญาต่างๆที่สัจจริงของพระองค์ที่มีต่อประชาชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่จะบังเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

ในช่วงแรกของการพบปะกัน ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียนักการศาสนาทั้งสอง คือ ท่านอยาตุลลอฮ์ ชาฮ์รุดี และอยาตุลลออฮ์ มุอ์มิน โดยท่านผู้นำถือว่า นักการศาสนาทั้งสองนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่แท้จริงของประเทศและสถาบันศาสนาเฮาซะฮ์ และท่านผู้นำยังได้เน้นอีกว่า “นักการศาสนาทั้งสองคนนี้ได้รับใช้ในเป้าหมายของการปฏิวัติอย่างที่ไม่หยุดหย่อน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงประเด็นหลักในคำพูดของท่าน นั่นคือ วิธีการในการเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆ และเหตุการณ์ทั้งหลาย รวมทั้งเหตุการณ์ต่างๆที่พิสูจน์ได้ในสิบเอ็ดคู่ ด้วยกัน โดยกล่าวว่า “บางครั้งในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์และปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เป็นรูปแบบหนึ่งของการเสาะหาวิธีการในการแก้ไขและบางครั้งในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหล่านั้นมีรูปแบบในการยอมรับและได้อยู่บนพื้นฐานเพียงการฟ้องร้อง อีกทั้งไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเผชิญหน้ากับการมีนวัตกรรมและการมีปฏิกิริยา คือ อีกคู่หนึ่ง โดยกล่าวเสริมว่า “ในการเผชิญหน้ากับการมีปฏิกิริยา การขับเคลื่อนของเรา คือ การปฏิบัติตามในการขับเคลื่อนของศัตรู แต่ในการเผชิญหน้ากับการมีนวัตกรรม การริเริ่มทางการปฏิบัติที่เกิดมาจากพวกเรา และเราก็จะสร้างความเสียหายให้กับศัตรูในรูปแบบที่พวกเขานั้นไม่คาดไม่ถึง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงการเผชิญหน้าแบบหมดหวังและการมีความหวัง คืออีกคู่ต่างๆในการเผชิญกับเหตุการณ์ทั้งหลายและอุปสรรคต่างๆ โดยกล่าวว่า “หนึ่งในคู่ต่างๆคือ การเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นมาจากความหวาดกลัวและการเผชิญหน้าในสภาพที่มีความกล้าหาญชาญชัย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำถึงอีกหนึ่งคู่ ก็คือ การเผชิญกับความมั่นคงและการบริหารจัดการและการเผชิญกับความใจง่ายและความไม่แยแส โดยกล่าวว่า “ยกตัวอย่างเช่นในประเด็นของสื่อสังคมออนไลน์ สามารถที่จะปฏิบัติการณ์ได้ด้วย 2 ประเภท กล่าวคือ การเผชิญด้วยกับการบริหารจัดการและความละเอียดอ่อนและการเผชิญอีกรูปแบบหนึ่งคือ การเผชิญหน้ากับความใจง่ายและการไม่เห็นถึงความยุ่งยากของปัญหาและความไม่แยแสต่อปัญหา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีวิสัยทัศน์ที่สมบูรณ์ครอบคลุมในทุกด้าน เกี่ยวกับการข่มขู่คุกคามและการมีโอกาส  และการมองเพียงด้านเดียวต่อการข่มขู่และโอกาส คือ อีกคู่หนึ่ง โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “อีกตัวอย่างของอีกคู่หนึ่ง ก็คือ ประเด็นวิธีการเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างสหรัฐ ซึ่งสามารถที่จะมีมุมมองทั้งในการข่มขู่กับการมีโอกาสอย่างพร้อมเพรียงกัน หรือจะมองเพียงแค่การข่มขู่หรือการมีโอกาสเพียงอย่างเดียว และในการเผชิญกับทั้งสองประเภทนั้นจะต้องมีผลลัพท์อย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า การรู้จักถึงความเป็นจริงในภาคสนามหรือการรู้จักความจริง คือ อีกคู่หนึ่งที่เป็นคู่หลักในการเผชิญกับอุปสรรคความท้าทายและเหตุการณ์ต่างๆ โดยกล่าวเสริมว่า “ในปัญหาของประเทศ ศัตรูและเหล่าผู้ที่ติดตามต่างๆพยายามอย่างมาก เพียงที่จะทำให้จุดยืนของเรานั้นอ่อนแอและจุดยืนของศัตรูนั้นแข็งแกร่ง และในท้ายที่สุดก็จะทำให้เห็นว่า ประเทศนั้นประสบกับปัญหามากมายที่ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้และปฏิบัติการใดๆได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “อีกหนึ่งตัวอย่าง ก็คือ ปัญหาในภูมิภาค หากว่าเราไม่ได้รับทราบถึงสถานภาพและจุดยืนของตนในภูมิภาคและไม่เข้าใจต่อสถานภาพและจุดยืนของศัตรู เราก็จะปฏิบัติอีกแบบหนึ่ง แต่หากว่าเราได้รับรู้ถึงความจริงเหล่านี้ เราก็จะมีการปฏิบัติในอีกรูปแบบหนึ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นในประเด็นนี้ว่า “ผู้ใดก็ตามที่กล่าวถึงการปรากฏของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในภูมิภาคอย่างไม่ถูกต้องและไม่เป็นความจริง พวกเขานั้นคือผู้ที่ช่วยเหลือในแผนการณ์ของศัตรูอย่างแท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงอีกคู่หนึ่ง คือ การเผชิญหน้าที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานในการบริหารจัดการและการควบคุมความรู้สึกทั้งหลาย และการเผชิญหน้าด้วยกับการไม่ใส่ใจและการมีความรู้สึก โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “อีกกรณีหนึ่งที่อาจจะทำให้ประเทศต้องพบกับความเสียหาย ก็คือ ประเด็นการไม่ยอมเข้าควบคุมความรู้สึกโดยทั่วไป ข้าพเจ้าได้เน้นย้ำหลายครั้งแล้วว่า ข้าพเจ้ามีนั้นความเชื่อมั่นและไว้วางใจต่อเยาวชนทั้งหลาย แต่ไม่ได้หมายถึง การที่จะไม่ต้องควบคุมความรู้สึกของพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงความหมายที่แท้จริงของความเป็นเยาวชน โดยกล่าวเสริมว่า “บางคนบอกว่า การเน้นย้ำของข้าพเจ้ายังความเป็นเยาวชน คือ การออกห่างจากพวกชนอาวุโส แต่ความเข้าใจเช่นนี้ถือว่าผิดพลาด และจะต้องมีความคิดอย่างลึกซึ้งต่อความหมายของความเป็นเยาวชน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การระมัดระวังต่อกฏเกณฑ์และขอบเขตหลักศาสนบัญญัติและการไม่ระมัดระวังต่อกรณีเหล่านี้ ในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์และอุปสรรคต่างๆ คืออีกหนึ่งคู่ โดยกล่าวว่า อีกประเภทหนึ่งในการเผชิญหน้า คือ การใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ ในทางตรงกันข้ามกับการทิ่มแทงอีกครั้งต่อรอยแผลเดิมของศัตรู”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประเด็นวิธีการเผชิญหน้ากับอเมริกาและพวกยุโรป โดยกล่าวเสริมว่า “เรานั้นได้ประสบการณ์อย่างมากในวิธีการในการเผชิญหน้ากับพวกอเมริกาและยุโรป แต่ประสบการณ์ครั้งล่าสุดที่เกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์และสัญญาที่ฝ่ายสหรัฐจะต้องกระทำ แต่ก็ไม่ยอมกระทำ สิ่งนั้นประจักษ์ในสายตาของเรา และจะต้องใช้ประโยชน์จากประสบการณ์เหล่านี้ในการเผชิญหน้ากับสหรัฐและฝ่ายที่ตรงกันข้ามกับเรา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึง คู่สุดท้าย โดยกล่าวว่า “อีกหนึ่งคู่ในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ ก็คือ การโจมตีซึ่งกันและกัน และการกล่าวหาโทษผู้อื่นหรือการหลีกเลี่ยงในการปะทะกันในประเทศ ดังคำกล่าวของ

700 /