สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

แรงงานหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

พวกเขาจะได้คำตอบจากการเป็นศัตรูต่อเรา

ในช่วงต้นสัปดาห์แรงงานแห่งชาติ บรรดาแรงงาน คนงานหลายพันคน จากนิคมอุตสาหกรรมต่างๆได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า การทำงานอย่างมุมานะและไม่หยุดหย่อน คือ เงื่อนไขที่สำคัญในการส่งเสริมการผลิตและการบรรลุสู่ยุทธศาสตร์อย่างมีเกียรติยศของเศรษฐกิจในการต้านทาน และท่านผู้นำยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ความปลอดภัยทางการประกอบอาชีพและค่าตอบแทน อีกทั้งการให้เกียรติแก่ผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ศัตรูต่างมุ่งเน้นไปที่การบีบบังคับและกดดันทางเศรษฐกิจให้ประชาชาติต้องยอมรับมัน แต่ก็จงรู้ไว้เถิดว่า ประชาชาตินี้จะไม่ยอมรับเป็นอันขาดและจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้จากการคว่ำบาตร  เพื่อการพัฒนาและความก้าวหน้า อีกทั้งจะมีคำตอบให้กับความเป็นปฏิปักษ์ของเหล่าศัตรูอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปีนี้เป็นปีแห่งการส่งเสริมการผลิตที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก และท่านผู้นำยังได้เปรียบเทียบการทำงานเหมือนดั่งฤดูใบไม้ผลิที่เบิกบานนำไปสู่การแรกแย้มของขีดความสามารถและศักยภาพต่างๆโดยกล่าวว่า “การทำงาน คือ การกระทำที่มีคุณค่าอย่างสูงส่ง และประเด็นนี้จะต้องเป็นความเข้าใจอย่างทั่วไปในสังคม เพื่อที่จะได้มีการรู้จักถึงสถานภาพของผู้ใช้แรงงานอย่างแท้จริง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การทำงานอย่างมุมานะและอย่างพิเศษ คือ หนึ่งในปัจจัยในการส่งเสริมการผลิต โดยกล่าวเสริมว่า “การผลิต คือ หนึ่งในองค์ประกอบหลักของเศรษฐกิจในการต้านทาน และหากว่าเศรษฐกิจในการต้านทานบังเกิดขึ้น แน่นอนว่า การตัดสินใจของเหล่าผู้นำของสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ก็จะไม่มีผลกระทบใดต่อน้ำมันและปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การส่งเสริมการผลิต การสนับสนุนสินค้าอิหร่าน การขับเคลื่อนในการทำงาน และเศรษฐกิจต้านทาน ในความจริง นั้นคือ การทำให้ประชาชาติได้รับเกียรติยศและยังเป็นการทำให้อิทธิพลในการแทรกซึมของพวกต่างชาตินั้นต้องไร้ประสิทธิภาพอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงเกียรติยศของประชาชาติ คือ หนึ่งในความสำคัญอันดับต้นๆและเป็นประเด็นหลักของทุกๆประชาชาติ โดยกล่าวว่า "ประชาชาติทั้งหลาย จะรู้สึกไม่พอใจที่มีการแทรกซึมจากการตัดสินใจของเหล่าศัตรูเป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงข้ออ้างของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและไซออนิสต์ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกเขาบอกว่า พวกเรานั้นเป็นศัตรูกับระบอบสาธารณรัฐอิสลาม แต่เราไม่ได้เป็นศัตรูกับประชาชาติอิหร่าน แต่ทว่าในความจริง ความเป็นศัตรูกับสาธารณรัฐอิสลาม ก็คือ ความเป็นศัตรูกับประชาชาติอิหร่านนั่นเอง เพราะว่า สาธารณรัฐอิสลามได้รับการช่วยเหลือและความอนุเคราะห์จากประชาชาติ หากว่าไม่มีประชาชาติแล้วก็จะไม่มีสาธารณรัฐในวันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดต่างๆของเหล่าศัตรูของประชาชาติอิหร่านในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นคือ การพุ่งเป้าไปยังประเด็นแรงงานและผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งความพ่ายแพ้ต่อความพยายามต่างๆ โดยท่านเน้นว่า “ประชาชาติอิหร่าน โดยเฉพาะผู้ใช้แรงงานในด้านต่างๆได้ปิดปากศัตรูและทำให้พวกเหล่านั้นต้องหมดหวังสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่าสังคมของผู้ใช้แรงงาน คือ กลุ่มชนที่มีความซื่อสัตย์มากที่สุดในสาธารณรัฐอิสลาม ทั้งก่อนหน้านี้และในปัจจุบันด้วย โดยกล่าวเสริมว่า “เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลาย ผู้ที่กำหนดนโยบายและผู้ที่ดำเนินการตามนโยบายเหล่านั้น จะต้องรู้จักคุณค่าของสังคมของผู้ใช้แรงงาน และจะต้องให้ความสนใจและมีความระมัดระวังอย่างละเอียดในปัญหาหลักต่างๆของพวกเขา เช่น ความปลอดภัยในการประกอบอาชีพ การให้เกียรติต่อผู้ใช้แรงงาน และประเด็นค่าตอบแทนของพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ผู้ประกอบการบางคนได้ฉวยโอกาสในการรื้อถอนโรงงาน การจัดซื้ออุปกรณ์ การเปลี่ยนแปลงโรงงานเป็นหอคอย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกๆคนทั้งสามสภา จะต้องมีการตอบโต้ในประเด็นเหล่านี้อย่างจริงจังด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัตอิสลาม ถือว่า ประเด็นการนำเข้าที่ปราศจากหลักการ คืออีกปัญหาหนึ่งที่มีผลกระทบต่อการผลิตในประเทศและผู้ใช้แรงงานชาวอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “ในการตอบโต้กับการนำเข้าที่ปราศจากหลักการและกฏเกณฑ์ของสินค้าต่างชาติได้มีมาตรการตามกฏระเบียบอย่างเข้มงวด แต่ก็จะต้องมีชัดเจนในการบังคับใช้ข้อกฏหมายนี้ด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “แม้ว่าจะเกิดผลกระทบและปัญหากับการคว่ำบาตร แต่ถ้าหากว่ามีการดำเนินการตอบโต้อย่างถูกต้องและมีตรรกะก็จะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพระว่าจากการคว่ำบาตรจะเป็นเหตุให้มีการต้องพึ่งพายังขีดความสามารถและศักยภาพ รวมทั้งการมีนวัตกรรมใหม่ในประเทศอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงแผนการสมรู้ร่วมคิดต่างๆและการไม่ประสบความสำเร็จของเหล่าศัตรูในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาในการต่อต้านประชาชาติอิหร่าน การปฏิวัติอิสลาม และสาธารณรัฐอิสลาม โดยเน้นว่า “พวกสหรัฐฯได้มุ่งเน้นยังปัญหาทางเศรษฐกิจเพื่อทำให้ประชาชาติอิหร่านต้องยอมก้มหัวให้กับพวกเขา แต่จงรู้ไว้เถิดว่า การเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของพวกเขา ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เช่นกัน ในขณะที่ประชาชาติผู้ยิ่งใหญ่และมีเกียรติยศของอิหร่านจะไม่ยอมก้มหัวให้กับซาตานตัวใหญ่นี้เป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประเด็นความพยายามของสหรัฐในการปิดกั้นช่องทางในการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “ ประชาชาติและเจ้าหน้าที่ของอิหร่านจะต้องมีความเฉลียวฉลาด ซึ่งแสดงให้เห็นว่า จากการมุมานะของพวกเขา จะทำให้ทางตันในทุกด้านต้องถูกพังพินาศ  และแน่นอนว่า ความพยายามเหล่านี้ของเหล่าศัตรูจะไปไม่ถึงไหน และสาธารณรัฐอิสลาม ไม่ว่าจะต้องการสักมากเพียงใด ก็จะส่งออกน้ำมันมากเพียงนั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงประเด็นสำคัญที่กล่าวถึงเหล่าศัตรูของประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวว่า “ พวกท่านพึงรู้ไว้ว่า ความเป็นปฏิปักษ์ของเหล่าศัตรูจะไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ได้รับคำตอบ และประชาชาติอิหร่าน ไม่ใช่ประชาชาติที่มีการต่อต้านและมีแผนการร้ายต่อพวกเขาแล้ว จะเพียงแต่นั่งลงและมองดูเพียงอย่างเดียว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงอีกประเด็นหนึ่งในการเพิ่มความกดดันทางน้ำมันของสหรัฐ โดยกล่าวว่า “ การลดปริมาณในการซื้อน้ำมัน เราถือว่านี่เป็นโอกาสอันมีคุณค่าและเราจะใช้น้ำมันในการพึ่งพายังขีดความสามารถของประเทศให้มากยิ่งขึ้นไปอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ขีดความสามารถต่างๆของประชาชาติอิหร่าน และเหล่าเยาวชนที่เต็มไปด้วยกับความเพียรพยายามและความสามารถ อยู่ในสถานภาพที่ดีอย่างมากในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “เราจะต้องส่งเสริมวัฒนธรรมทางการทำงาน การผลิตและความพยายาม และจะต้องกำจัดจิตวิญญาณในความมุ่งหวังเพื่อความมั่งคั่งอย่างเดียวออกให้ไปได้และเราก็ไม่สนับสนุนวิธีการในการเสี่ยงโชค ซึ่งหน่วยงานต่างๆ เช่น องค์การสื่อสารมวลชน จะต้องให้ความสนใจในความหมายอันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังอ้างหลักฐานจากโองการอัลกุรอาน โดยถือว่า ผลผลิตที่แท้จริงของมนุษย์นั้นเกิดขึ้นมาจากความเพียรพยายามและความอุตสาหะของเขา โดยกล่าวเสริมว่า “การพัฒนาของปัจเจกบุคคลและสังคมนั้นเกิดขึ้นจากความอุตสาหะและความเพียรพยายามทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่าสังคมหนึ่ง สังคมใดในโลกนี้ที่มีการพัฒนาก้าวหน้า ก็เกิดขึ้นจากองค์ประกอบเหล่านี้ ดั่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงให้สัญญากับบุคคลที่มีการขวนขวายในโลกนี้ว่าพระองค์จะทรงช่วยเหลือพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า สวัสดิการของประชาชาติ ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ ที่อยู่ควบคู่การมีจิตวิญญาณและความก้าวหน้าทางด้านจริยธรรม คือ หนึ่งในเป้าหมายหลักของรัฐอิสลาม โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “การบรรลุสู่เป้าหมายเหล่านี้จะต้องมีการทำงานและความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “เป้าหมายของการอธิบายใน “ก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติอิสลาม” ก็คือ จะต้องมีแรงจูงใจและความมุมานะอย่างสูงส่งที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากรอยเท้าจากการย่ำยีของเหล่าชาติมหาอำนาจ ที่นำไปสู่การขับเคลื่อนยังจุดสูงสุดแห่งความก้าวหน้าและเกียรติยศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บรรดาเยาวชนทั้งหลายด้วยกับการมีแรงจูงใจ การศึกษา และเต็มไปด้วยกับความเพียรพยายาม คือ  แกนในการนำประเทศไปสู่อนาคตอันสดใส โดยกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระเจ้า ได้ทำให้หน่วยงานต่างๆที่ส่วนมากนั้นเป็นเยาวชนทั่วประเทศได้มีการทำงานเพื่อที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ยังจุดสูงสุดของเกียรติยศทางวัตถุและจิตวิญญาณด้านใน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความโกรธของศัตรูจากการเพียรพยายามและเอกภาพของประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับการทดสอบทางธรรมชาติอย่าง เช่น อุทกภัยน้ำท่วมที่ไม่มีการเรียกร้องจากประชาชาติใด แต่ประชาชนก็ออกว่าให้ความช่วยเหลือต่อผู้ที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ และบรรดาเยาวชนทั่วประเทศก็รีบเร่งให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนและเยาวชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาดังกล่าว ซึ่งเอกภาพและความเป็นใจเป็นหนึ่งเดียวและความพยายามแห่งชาตินี้ ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากและเต็มไปด้วยกับความหวังในอนาคตที่ดี”

ในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้เน้นย้ำว่า “ดั่งที่ข้าพเจ้าเคยกล่าวไปแล้วว่า ความพยายามของเหล่าศัตรูนั้นจะเป็นลมหายใจสุดท้ายของความเป็นปฏิปักษ์ของพวกเขา และในที่สุด เหล่าศัตรูก็จะเหน็ดเหนื่อยจากความเป็นปฏิปักษ์อันนี้ แต่ทว่าประชาชาตินี้จะไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากความเพียรพยายาม การยืนหยัดมั่นคงและความก้าวหน้าเป็นอันขาด”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม นายชะรีอะตี รัฐมนตรีแรงงานและสวัสดิการสังคม ได้กล่าวรายงานว่า “การควบคุมในการนำเข้า การปรับปรุงของนโยบายภาษี การใช้ประโยชน์จากงบประมาณทั่วไปในการส่งเสริมการผลิต การจัดตั้งหน่วยงานในการประกอบอาชีพ ความพยายามอย่างทวีคูณในการส่งเสริมการประกอบอาชีพ การประกอบการและการจัดตั้งกลุ่มงานเพื่อขจัดปัญหาของการผลิต ทั้งหมดนี้คือ หนึ่งในรูปแบบแผนงานของรัฐบาลในการป้องกันในการว่างงานและสร้างงานใหม่ให้เกิดขึ้นต่อไป”

 

 

 

700 /