สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายพันคนเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

วันกุดส์ในปีนี้นั้นมีความสำคัญมากกว่าในทุกๆปี

บรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายพันคนและคณะฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัยทั้งหลาย เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ซึ่งเป็นการเข้าพบที่ใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมงเต็ม โดยท่านผู้นำได้กล่าวยกย่องถึงความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยและศูนย์กลางทางวิชาการต่างๆ ถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่รวดเร็วและแบบก้าวกระโดดทางวิชาการ เพื่อที่จะทำให้อิสลามแห่งอิหร่านนั้นไปถึงจุดสูงสุด นั่นก็คือ ความจำเป็นอย่างยิ่ง และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงความฉลาดหลักแหลมของอิหร่านจากการหลอกลวงของสหรัฐในการล้ำหน้าทางกลยุทธ์ในการเจรจาภายใต้ร่มเงาของวิธีการในการสร้างความกดดัน โดยท่านได้เน้นว่า “วันกุดส์ปีนี้นั้นมีความสำคัญมากกว่าในทุกๆปี เพราะว่าสหรัฐและสมุนผู้รับใช้บางคนของพวกเขาด้วยกับข้ออ้างในข้อตกลงแห่งศตวรรษ โดยที่พวกเขานั้นต้องการให้มีการลืมเลือนปัญหาปาเลสไตน์ในโลก และแน่นอนว่าพวกเขานั้นจะพบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วันกุดส์ในปีนี้นั้นมีความสำคัญมากกว่าในปีอื่นๆ โดยท่านกล่าวว่า “เหตุผลของความสำคัญที่เพิ่มมากขึ้นนี้ ก็คือ การดำเนินการในการทรยศของสหรัฐและเหล่าสมุนของพวกเขาในภูมิภาคนี้ เพื่อปฏิบัติการณ์ตามข้อตกลงแห่งศตวรรษ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความแตกต่างระหว่างสถานการณ์ในปัจจุบันของประเด็นปาเลสไตน์กับในอดีตในการใช้สำนวนและคำพูดที่เปิดเผยของสหรัฐและเหล่าสมุนของพวกเขาในการลบประเด็นปาเลสไตน์ออก โดยกล่าวเสริมว่า “ด้วยเหตุนี้เอง การเดินขบวนประท้วงในวันกุดส์นั้นคือ การปกป้องต่อชาวปาเลสไตน์ด้วยการเข้าร่วมของประชาชน ซึ่งในปีนี้นั้นมีความสำคัญมากกว่า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “การปกป้องต่อชาวปาเลสไตน์ มิได้เป็นปัญหาเฉพาะกับอิสลามเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องทางจิตใต้สำนึกและความเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน ทว่าแท้จริง บรรดามุสลิมก็มีเหตุผลทางชัรอี (ศาสนบัญญัติ)และทางศาสนาอีกด้วยเช่นกัน”

ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัยของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้ชี้ถึงสถานภาพอันสูงสุดและเด่นชัดของบรรดาอาจารย์ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญ โดยถือว่า คำพูดของบรรดาอาจารย์และนักวิจัยจำนวนหนึ่งในการพบปะกันครั้งนี้นั้นมีประโยชน์ดีทีเดียว โดยท่านกล่าวว่า “การขับเคลื่อนทางวิชาการและความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาด้วย กับความหมายที่แท้จริงถือว่าเป็นสิ่งน่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง แต่การขับเคลื่อนที่มีแหล่งกำเนิดมาจากต่างประเทศและการช่วยเหลือภายใน ด้วยกับการทำให้การขับเคลื่อนทางวิชาการนี้ไร้คุณค่าหรือมีความสำคัญน้อยลง และไม่มีความก้าวหน้า ซึ่งก็จะทำให้ประชาชนและเยาวชนทั้งหลายนั้นต้องหมดหวัง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงโครงสร้างของการเคลื่อนไหวนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “ตัวอย่างหนึ่งของการเคลื่อนไหวนี้คือ  โครงการ 2040 ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดสำหรับอิหร่าน โดยมีเป้าหมายที่จะให้มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิชาการและมหาวิทยาลัย และช่างเป็นสิ่งน่าเสียใจยิ่งนัก ที่บางคนในอิหร่านนั้นกลับมีเสียงเดียวกันกับการขับเคลื่อนที่ประกอบไปด้วยความเลวร้ายและการทรยศกับพวกเขาเหล่านั้น”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงรายงานจากศูนย์การจัดอันดับนานาชาติในการยกระดับสถานภาพของมหาวิทยาลัยในประเทศต่างๆ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ขณะนี้ อิหร่านนั้นมีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษา 14 ล้านคน และประชากรที่มากกว่า 5 เปอร์เซ็นนั้นเป็นนักศึกษา ซึ่งจากสถิตินี้ได้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของมหาวิทยาลัยทั้งหลาย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการดำเนินการบางอย่างและการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีความรู้ที่น้อยของบรรดานักอัจฉริยบุคคลและบรรดาอาจารย์ชาวอิหร่านโดยท่านกล่าวว่า “หากว่ามหาวิทยาลัยและบรรดานักวิจัยและอาจารย์ทั้งหลายของเรานั้นมีความรู้ที่น้อยจริง แล้วการพัฒนาอันน่ามหัศจรรย์ในสาขานาโน วิทยาศาสตร์ทางนิวเคลียร์และการเสริมสมรรถนะภาพ 20 เปอร์เซ็นและการผลิตสเต็มเซลล์ ผู้ใดหรือคือผู้ที่ได้กระทำสิ่งเหล่านี้?

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ความก้าวหน้าทางวิชาการของประเทศนั้น แม้แต่บุคคลที่ไม่ใช่นักการเมืองและนักการเมืองก็ออกมายอมรับในการมีความก้าวหน้าต่างๆเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความก้าวหน้าเหล่านี้ที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยนั้นเป็นพื้นฐานและหลักการที่มาจากการพึ่งพาประเทศ แต่มหาวิทยาลัยต่างๆเหล่านี้ในปัจจุบันนั้นได้ก้าวผ่านเส้นทางที่ขรุขระและอุปสรรคต่างๆโดยมีการชูธงชัยแห่งอิสรภาพและความก้าวหน้าทางวิชาการ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “เรายังไม่รู้สึกพอใจในความก้าวหน้าทางวิชาการเหล่านี้และเรายังไม่ช่องอีกมากที่จะไปถึงจุดที่ต้องการ โดยท่านกล่าวว่า “เราจะต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าการชดเชยความล้าหลังทางประวัติศาสตร์นั้นมีความต้องการในการขับเคลื่อนแบบก้าวกระโดด โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แต่การขับเคลื่อนนี้นั้นเต็มไปด้วยกับความยากลำบากอย่างมาก แต่ในบั้นปลายนั้นมีความหอมหวานอย่างยิ่ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ไม่ถือว่า การยกย่องมหาวิทยาลัยและความก้าวหน้าทางวิชาการนั้นคือการไม่ให้ความสำคัญต่อปัญหาและความผิดปกติและข้อบกพร่องต่างๆโดยกล่าวเสริมว่า “ยังมีปัญหาต่างๆในสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยทางด้านวิชาการ วัฒนธรรม การปกครองและในการบริหารจัดการ เช่น คุณภาพของการศึกษาในบางสาขาวิชา และบางวุฒิการศึกษาที่ไม่ได้บ่งบอกถึงความลึกซึ้งของการศึกษา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อถึงหน้าที่ๆสำคัญของมหาวิทยาลัยที่มีต่อสังคม กล่าวคือ ในการเผชิญหน้ากับปัญหาทางสังคมและความพยายามในการเสาะหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยท่านได้กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยนั้น อย่าได้มีการแยกปัญหาของประชาชนและสังคมออกจากกันเป็นอันขาด ฉะนั้น บรรดาอาจารย์และสังคมของมหาวิทยาลัย ด้วยกับการพยายามในสร้างงานที่เหมาะสมโดยที่มีส่วนร่วมในปัญหาต่างๆของสังคม แต่หน่วยงานต่างๆนั้นก็จะต้องมีหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือและคำชี้นำแก่มหาวิทยาลัยทั้งหลายอีกด้วย”

ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของสังคม คือ ตัวอย่างหนึ่งที่ท่านผู้สูงสุดการปฏิวัติอิสลามถือว่ามหาวิทยาลัยนั้นมีบทบาทในการเสาะหาวิธีการในการแก้ไข

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแยกบรรดาอาจารย์ทั้งหลายออกจากปัญหาต่างๆของประชาชนและสังคมเป็นเหตุให้สังคมของมหาวิทยาลัยนั้นได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นคล้ายคลึงกันกับในสภาพแวดล้อมของปัญญาชนสมัยใหม่ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การเคลื่อนไหวของปัญญาชนสมัยใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกนั้นไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างประชาชนในช่วงของการก่อตัว แต่เหมือนกับการนั่งบนหอคอยของงาช้างแล้วเหลียวมองจากที่สูงมายังประชาชนและปัญหาต่างๆของพวกเขา เขานั้นไม่ได้เป็นคนอันตรายและคนดำเนินการ เหมือนกับที่การขับเคลื่อนแห่งการปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ของอิสลาม ปัญญาชนหรือแถวหน้าสุดท้ายและท้ายสุดของการทำงานก็ไม่ได้เข้าร่วมกับประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เงื่อนไขหลักของความก้าวหน้าทางวิชาการของประเทศคือ การมีอยู่ของความหวัง และด้วยกับการกล่าวเตือนในการมีอยู่ของการเคลื่อนไหวทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยกับการกุข่าวเท็จและการวิเคราะห์ที่ลำเอียงโดยต้องการเป่าจิตวิญญาณในการไม่มีความหวังและปฏิเสธผลผลิตที่ภาคภูมิใจทางวิชาการของอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การเคลื่อนไหวที่ไม่มีความหวังนี้มีจุดประสงค์ในการทำให้บรรดานักศึกษา นักอัจฉริยบุคคลไม่มีแรงจูงใจหรือเชิญชวนให้ออกนอกประเทศ ขณะที่บรรดาอาจารย์นั้นต้องหมดหวังจากความก้าวหน้าทางวิชาการ ซึ่งพวกเขานั้นคือตัวเชื่อมกลางระหว่างปัญหาต่างๆของมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความก้าวหน้าต่างๆทางวิชาการเป็นเหตุให้ชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมเกิดความกังวลใจอย่างมาก โดยกล่าวว่า “ความรวดเร็วทางวิชาการของประเทศ มิได้เป็นข้ออ้างของเรา แต่ทว่าศูนย์กลางในการตรวจสอบวิชาการของโลกประกาศว่าความรวดเร็วของความก้าวหน้าทางวิชาการของอิหร่านนั้นสูงถึง 13 เท่าต่อค่าเฉลี่ยของโลและในบางวิชาการของอิหร่านก็ได้ถูกจัดอันดับสูงสุดของโลกเลยทีเดียว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการทำความเข้าใจของมหาวิทยาลัยจากความสำเร็จทางวิชาการของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การลาดตระเวนทางวิชาการและการเห็นถึงความก้าวหน้าทางวิชาการ จะต้องมีการวางแบบแผนให้กับบรรดาอาจารย์และนักศึกษา เพื่อที่จะมีความรู้ในขีดความสามารถนี้และวิธีการเข้าถึงความหวัง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเน้นย้ำว่า บรรดาอาจารย์ของมหาวิทยาลัยด้วยกับการเป่าจิตวิญญาณของความหวังให้กับนักศึกษาทั้งหลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ศัตรูและการเคลื่อนไหวภายในที่พยายามทำให้ไม่มีความหวัง ในขณะที่พวกท่านทั้งหลายจะต้องยืนหยัดและสร้างความหวังในการเคลื่อนไหวที่ทรยศและเลวร้ายนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความรู้ที่มีประโยชน์คือ ความจำเป็นอย่างจริงจัง และท่านยังเน้นว่า “เรานั้นมีความต้องการความรู้ที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้และด้วยกับการเข้าถึงจุดบอดของภาคส่วนต่างๆเพื่อเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาให้กับพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงโรคร้ายทางเศรษฐกิจ อาทิเช่น การใช้ประโยชน์อย่างต่ำ ความสุรุ่ยสุร่ายอย่างมากและขาดทุนในการใช้พลัง เศรษฐกิจน้ำมันและความเป็นรัฐบาล ปัญหาระบบภาษี และโครงสร้างของงบประมาณ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “มหาวิทยาลัยในแง่ความรู้ที่มีประโยชน์และการสร้างงานที่เหมาะสมเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงวิธีแก้ไขปัญหาดังกล่าว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “การค้นหาวิธีการทางวิชาการในการทำให้การคว่ำบาตรพบกับความล้มเหลว และการเกิดขึ้นของการส่งเสริมการผลิต คือ อีกปัญหาที่บรรดาอาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะต้องมีเจตนาที่มุ่งมั่นอย่างมั่นคง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังแสดงความพึงพอใจต่อการดำเนินการของกระทรวงอุตสาหกรรมในการประกาศรายชื่อปัญหาและความต้องการของภาคส่วนนี้ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ปัจจุบันนี้ ถึงเวลาแล้วที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และมหาวิทยาลัยจะเข้าสู่ประเด็นนี้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าการวิจัยในเชิงลึกและในระยะยาวเป็นอีกมิติหนึ่งในความรู้ที่มีประโยชน์ โดยกล่าวเสริมว่า “บรรดาอาจารย์ของมหาวิทยาลัยและนักวิชาการจะต้องมีการดำเนินการในการแสวงหาวิธีการทางวิชาการในการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ด้วยกับการวิจัยที่ลึกซึ้งและมีความประจักษ์ชัด เพราะว่าการวิจัยเช่นนี้จะทำให้ประเทศนั้นมีความก้าวหน้าในระยะยาวและบรรดานักวิชาการจะต้องได้รับโอกาสและอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการทำงานทางวิชาการนี้ด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในประเด็นนี้ของการใช้ประโยชน์จากความรู้ขั้นพื้นฐานมีความสำคัญอย่างมาก โดยกล่าวว่า “สาขาวิชาการเหล่านี้ไม่มีผลผลิตและไม่มีการวิจารณ์ในระหว่างบรรดานักศึกษาไม่ได้รับการตอบรับที่ดีตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องมีการวางแบบแผนและดำเนินการเพื่อทำให้วิชาการพื้นฐานระหว่างเยาวชนทั้งหลายนั้นดีมากขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการลดงบประมาณทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมในเวลาที่รัฐบาลต้องเผชิญหน้าปัญหาทางการเงิน โดยท่านได้เน้นว่า “เราจะต้องมีการขับเคลื่อนไปในความรู้ขั้นพื้นฐานต่อการลงทุนและเราก็จะต้องเตรียมพร้อมในการเข้าถึงความจริงของโลกที่ยังไม่ได้ถูกพบเจอ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การประเมินผลและการจัดอันดับมหาวิทยาลัยมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านได้กล่าวถึงกระทรวงวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข และสภาสูงสุดแห่งการปฏิวัติทางด้านวัฒนธรรมและหน่วยงานต่างๆทางการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้อง โดยท่านได้เน้นว่า “พวกท่านทั้งหลายจะต้องมีการประเมินผลในการจัดอันดับตามเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ของมหาวิทยาลัย เพื่อที่จะทำให้การจัดอันดับนั้นมีคุณภาพที่ดีระหว่างการแข่งขันกันในเชิงบวกของมหาวิทยาลัยต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการมีจำนวนมากของบรรดาอาจารย์ นักการปฏิวัติและเคร่งครัดศาสนา โดยกล่าวเสริมว่า “บรรดาอาจารย์เหล่านี้ จะต้องมีการขับเคลื่อนภายในมหาวิทยาลัยทั้งหลายอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ต่อสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวัฒนธรรมของนักศึกษา โดยกล่าวว่า “บรรดาอาจารย์ที่เคร่งครัดศาสนาและเป็นนักการปฏิวัติ จะต้องทำการเปลี่ยนแปลงการกระทำในการขับเคลื่อนทางความคิดและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมอีกว่า “แน่นอนว่าในกระบวนการเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและการบังคับใช้ข้อกฎหมายและนี่ก็ไม่ใช่เป็นปัญหา แต่ถือว่าเป็นการกระทำทางด้านวัฒนธรรม ความคิดและมนุษยธรรม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าการตอบคำถามของบรรรดานักศึกษานั้นเป็นก้าวหนึ่งที่ประสิทธิภาพ โดยกล่าวเสริมว่า “บุคคลที่ดีที่สุดที่เขานั้นสามารถตอบถามของบรรดานักศึกษาได้อย่างสมเหตุสมผลก็คือ บรรดาอาจารย์ นักการปฏิวัติและผู้ที่เคร่งครัดต่อศาสนานั่นเอง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงความจำเป็นของการเผชิญหน้ากับการไหลย้อนกลับและการเบี่ยงเบนและหันเหในมหาวิทยาลัย โดยกล่าวว่า “วันนี้ในบางมหาวิทยาลัยได้มีการเปิดเผยแนวคิดของมาร์กซิสต์ออกมาด้วยเช่นกัน ในขณะที่การปรากฏตัวของแนวคิดนี้นั้นคือ สหภาพโซเวียตซึ่งแนวคิดเหล่านี้ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลลาม ยังกล่าวเสริมอีกว่า “แต่การเคลื่อนไหวเช่นนี้นั้นยังมีจำนวนที่ไม่มากนัก ซึ่งในส่วนลึกของคำพูดและจุดยืนของมันนั้นเข้าใจได้ว่ามาจากฝ่ายซ้ายของสหรัฐ กล่าวคือ รูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นฝ่ายซ้าย แต่ภายในนั้นเป็นพวกตะวันตกและสหรัฐ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกิจกรรมที่มีการดำเนินทางวัฒนธรรมที่น้อยลงของมหาวิทยาลัย โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เป้าหมายของมหาวิทยาลัยไม่ใช่เพียงแต่การเรียนรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่การสร้างมนุษย์ที่สูงสุดที่มีอาวุธ คือ ความรู้ ต่างหาก ด้วยเหตุนี้เอง จะต้องมีการนำเสนอทางจริยธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตควบคู่ไปกับการให้ความรู้กับนักศึกษาด้วยเช่นกัน และมหาวิทยาลัยนั้นก็จะต้องกลายเป็นสถานที่ในการอบรมสั่งสอนบรรดาเยาวชน ผู้ศรัทธา นักการปฏิวัติ ผู้ที่มีความบริสุทธิ์ อุทิศตนเพื่อประเทศชาติ และพร้อมในการรับใช้ต่อประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวในภาคส่วนหนึ่งของถ้อยคำของท่าน โดยท่านได้ชี้ถึงข้อพิพาทของสื่อต่างประเทศที่เกี่ยวกับการเจรจา โดยกล่าวว่า “จุดประสงค์ของพวกเขา โดยที่พวกเขานั้นบอกว่าอิหร่านจะต้องกลับเข้าสู่โต๊ะในการเจรจา กล่าวคือ การเจรจากับสหรัฐ เพราะว่าเรานั้นไม่ได้มีปัญหากับประเทศใดๆ และกับพวกยุโรปและพวกอื่นๆเราก็จะมีการเจรจากับพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงปัญหาหลักในการเจรจา คือ การกำหนดหัวข้อในการเจรจา โดยกล่าวเสริมว่า “เราจะไม่มีการเจรจาในทุกๆเรื่อง และประเด็นที่เกี่ยวกับเกียรติยศและหลักการของการปฏิวัติ เช่น ความสามารถในการป้องกันประเทศก็ไม่สามารถที่จะมีการเจรจากันได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นอีกครั้งว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะไม่มีการเจรจากับสหรัฐเป็นอันขาด โดยกล่าวว่า “เหมือนดั่งที่ได้กล่าวไปก่อนแล้วว่าการไม่เข้าร่วมเจรจากับสหรัฐ ด้วยกับเหตุผลนี้คือ ในอันดับแรกไม่มีประโยชน์ใดๆทั้งสิ้นและอันดับที่สองมีอันตรายและผลเสียอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวถึงคำอธิบายในพฤติกรรมของพวกสหรัฐในการบรรลุยังเป้าหมายในการฉ้อฉลของพวกเขาที่มีต่อรัฐบาลและประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกสหรัฐนั้น โดยปกติแล้วเพื่อที่พวกเขาจะบรรลุถึงยังเป้าหมายของตน มีทั้งยุทธศาสตร์อันหนึ่งอีกทั้งยังมียุทธวิธีการอีกอันหนึ่งด้วย ยุทธศาสตร์ของพวกเขา ก็คือ การสร้างความกดดันโดยที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามต้องรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและหลังจากนั้นก็ใช้วิธีการเจรจาเป็นส่วนเสริมในการสร้างความกดดันเพื่อให้พวกเขาบรรลุสู่ความต้องการของตน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “การเจราจามิใช่เป็นการเจรจาอย่างแท้จริง แต่ทว่าเป็นสื่อหนึ่งที่สร้างความกดดันและการนั่งหลังโต๊ะเจรจากับพวกสหรัฐ ก็คือ การวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นจากความกดดันนั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าวิธีการเดียวในการเผชิญหน้ากับกลยุทธ์นี้ คือการใช้ประโยชน์จากการปิรามิดต่างๆทางความกดดันในการต่อกรกับพวกสหรัฐ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากว่าได้ใช้ประโยชน์จากปิรามิดต่างๆและเครื่องมือที่สร้างความกดดันอย่างถูกต้อง ความกดดันของพวกสหรัฐจะลดน้อยลงและหยุดชะงักก็ได้ แต่ถ้าหากว่าถูกหลอกลวงให้เข้าสู่การเจรจากับพวกเขาและยังไม่ใช้ประโยชน์จากปิรามิดต่างๆในการสร้างความกดดัน ผลที่จะได้รับก็คือ การล้มเหลวและความปราชัยนั่นเอง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงการมีเครื่องมือที่จำเป็นของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในการเผชิญหน้ากับกระแสกดดันของสหรัฐ โดยกล่าวว่า “เครื่องมือเหล่านี้ ไม่ใช่ตามสิ่งที่พวกเขาได้โฆษณาชวนเชื่อ เพราะว่าไม่ใช่ทางการทหาร แต่ทว่าหากถึงเวลาที่จำเป็น เครื่องมือเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าตัวอย่างหนึ่งของปิรามิดในการสร้างความกดดันของสาธารณรัฐอิสลาม คือ การแถลงการณ์ล่าสุดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่กล่าวถึงการลดสนธิสัญญาบางส่วนเกี่ยวนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การตัดสินใจล่าสุดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะว่าหากว่าไม่มีการใช้ประโยชน์อย่างตรงเวลาจากปิรามิดในการสร้างความกดดัน ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามรู้ดีว่าไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายและได้รับผลเสียใดๆ ก็ไม่รีบร้อนในการเสนอประเด็นต่อไป แต่หากว่าได้มีการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือในการสร้างความกดดัน เขาก็จะคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ขีดความสามารถทางวิชาการและเทคโนโลยีของประเทศในด้านนิวเคลียร์ คือ หนึ่งในปิรามิดในการสร้างความกดดันที่มีประสิทธิภาพ โดยท่านได้เน้นว่า “แม้จะมีขีดความสามารถทางวิชาการด้านนิวเคลียร์สูงเพียงใด เราก็ไม่ได้แสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ เพราะว่าด้วยกับหลักการทางนิติศาสตร์ ศาสนาและชัรอี (ศาสนบัญญัติ) ถือว่าอาวุธที่ใช้ในการสังหารหมู่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นนิวเคลียร์หรือเคมีก็ตามนั้นเป็นที่ต้องห้ามทั้งสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงคัดค้านด้วยกับพื้นฐานต่อการผลิตอาวุธที่ใช้ในการสังหารหมู่ แต่เรานั้นมีความต้องการในการเสริมสมรรถนะทางนิวเคลียร์ เพราะว่าเราถือว่าเป็นความต้องการในอนาคตของประเทศ ถ้าหากว่าเราไม่ได้เพิ่มศักยภาพทางด้านนี้แล้วละก็อีกสิบปีข้างหน้า เราก็จะต้องเริ่มนับศูนย์กันใหม่อีกครั้ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าปิรามิดต่างๆในการสร้างความกดดันของสาธารณรัฐอิสลาม คือ เครื่องมือในการสร้างยับยั้งฝ่ายตรงข้าม โดยกล่าวว่า “ช่างเป็นสิ่งที่ยินดีอย่างยิ่ง ที่ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งหมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ในการบริหาร การทูต และการเมืองนั้นได้ตกลงกันในประเด็นที่ไม่มีการเจรจา และการเจรจากับพวกสหรัฐไม่ได้เป็นที่ต้องห้ามอย่างสมบูรณ์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พฤติกรรมของรัฐบาลก่อนหน้าของสหรัฐนั้นก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับรัฐบาลปัจจุบันทางด้านแก่นแท้เลย โดยที่ว่าลักษณะภายนอกนั้นจะแตกต่างกัน แต่ภายในนั้นเป็นอันเดียวกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงสาธารณรัฐอิสลามไม่ให้หลงในกลลวงของยุทธวิธีของสหรัฐในการเจรจาเป็นอันขาด โดยกล่าวเสริมว่า “ปิรามิดในการสร้างความกดดันได้ใช้ประโยชน์แล้วในปัจจุบันนี้ คือ ญัตติล่าสุดของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ แต่เราก็ไม่ได้หยุดชะงักในระดับนี้เสมอไปและในภายภาคหน้า หากว่ามีความจำเป็น เราก็จะใช้ประโยชน์จากปิรามิดในการสร้างความกดดันอื่นอีก”

ในช่วงเริ่มของการเข้าพบกันครั้งนี้ บรรดาอาจารย์และสมาชิกฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัย จำนวน 10 คนได้กล่าวแสดงความคิดเห็นและคำเสนอแนะ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงด้วยกัน สุภาพบุรุษ :

- ดร. รอซูล ญะลีลี รองศาสตราจารย์คณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชะรีฟ

- ดร. มูฮัมมัด ริฎอ ฮะซะนี ออฮันกัร ปริญญาเอกวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ รองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน

- ดร. ซะอีด มุรีด ปริญญาเอกสาขาการจัดการทรัพยากรน้ำ ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตัรบียัตมุดัรริซ

- ดร. อาลีอับดุลอาลี ปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและโทรคมนาคม รองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

- ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน ดร.อิบรอฮีม คะลอนทะรี ปริญญาเอกวิทยาการและอัลกุรอาน รองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเตหะราน

- ดร. นะญัฟโกลี ฮะบีบี ปริญญาเอกปรัชญาและฮิกมัตอิสลาม รองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเตหะราน

- ดร.มุฮัมมัด ริฎอ มะญีดี ปริญญาเอกรัฐศาสตร์ รองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเตหะราน

- ดร.อะมีรอะลี ฮะมีดีเยฮ์ แพทย์ผู้ชำนาญการเลือดและมะเร็ง ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์กรุงเตหะราน

และสุภาพสตรี:

- ดร.ซุฮัยลา ซอดิกี ฟะซออี ปริญญาเอกสังคมศาสตร์ รองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยเตหะราน

- ดร.มัรยัม บัคติยารี ปริญญาเอกจิตวิทยาคลินิก รองศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ชะฮีดเบเฮชตี

ประเด็นหลักในคำพูดของพวกเขามีดังต่อไปนี้

- ความจำเป็นในการผลิตพลังงานของประเทศและการนำกลยุทธ์ในการดำเนินงานมาใช้เพื่อสร้างความมั่นใจในความเป็นอิสระของประเทศทางอินเทอร์เน็ต

- ความจำเป็นในการสังเกตการณ์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไซเบอร์สเปซและการทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นของพื้นเมือง

- การวิจารณ์ถึงการไม่ใส่ใจของสภาสูงสุดของไซเบอร์สเปซและความจำเป็นในการจัดประชุมของสภานี้ในทุกสัปดาห์

- ความสำคัญของการบรรลุถึงรูปแบบในการปฏิวัติและความเป็นพื้นเมืองในการบริหารจัดการของมหาวิทยาลัย

- การวิจารณ์การทำให้บทความเป็นแกนหลักโดยไม่คำนึงถึงความต้องการของประเทศในมหาวิทยาลัย

- ความจำเป็นในการชี้นำการเขียนวิทยานิพนธ์เพื่อแก้ปัญหาต่างๆของประเทศ

- ความจำเป็นที่จะต้องใส่ใจกับมาตรการที่อ่อนนุ่มและข้อกำหนดทางเทคนิคและสังคมเพื่อแก้ไขในรูปแบบของการบริโภค

- การวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยให้เป็นเสาหลักของความขัดแย้งทางการเมืองและการไม่สนใจของบางคนต่อคุณสมบัติทางวิชาการและจริยธรรมของบรรดาผู้บริหารจากการแต่งตั้ง

-การวิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมของโอกาสในการสรรหาผู้สมัครฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัย

- ความจำเป็นในการตรวจสอบโครงการวิจัยและวิธีการของค่าใช้จ่ายงบประมาณ

- การวิจารณ์ถึงการไม่ประเมินผลอย่างมืออาชีพและความละเอียดจากศักยภาพต่างๆของบรรดาอาจารย์

-การวิจารณ์ถึงการบริหารทางด้านวัฒนธรรมที่ไม่ดีของมหาวิทยาลัยและการไม่แยแสของบรรดาเจ้าหน้าที่ต่อความกังวลต่างๆทางด้านวัฒนธรรม

-ความจำเป็นของมหาวิทยาลัยในความสนใจกับปัญหาที่แท้จริงของประเทศและการจัดตั้งระบบนิเวศเชิงสร้างสรรค์

-ความจำเป็นในการใส่ใจต่อการลงทุนเชิงทฤษฎีและเชิงการปฏิบัติทางวัฒนธรรมของประเทศ

-ความสำคัญของสวัสดิการทางสังคมของสตรีเพื่อรักษาศักดิ์ศรีและบทบาทของแม่และภรรยาต่อครอบครัว

-การเน้นถึงเป้าหมายในการวางแบบแผนทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะต้องลดช่องว่างระหว่างชนชั้นและการดำเนินชีวิตของเจ้าหน้าที่ก็จะต้องมีรูปแบบที่เรียบง่ายและหลีกเลี่ยงจากความหรูหราเป็นต้น

- ความจำเป็นในการเพิ่มงบประมาณในการวิจัยเมื่อเปรียบเทียบกับการเพิ่มขึ้นของจีดีพีของชาติ

-ความสำคัญของความคิดเสรีและการวิจารณ์ถึงการเข้าใจตามรสนิยมจากความเป็นอิสลามของมหาวิทยาลัย

-การให้ความสนใจกับขีดความสามารถทั้งหมดเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติและฉันทามติแห่งชาติต่ออนาคตของอิหร่าน

-การเน้นถึงการระดมความตั้งใจและความสามารถที่เชี่ยวชาญของชาวอิหร่านในการเกิดขึ้นของก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติ

-ความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงจากการไม่มีปฏิกิริยาและสร้างโอกาสใหม่ในเวทีระหว่างประเทศและความช่วยเหลือที่เหมาะสมในการเผชิญหน้ากับระบบการปกครองของชาติมหาอำนาจ

-ความจำเป็นในการกำหนดนโยบายที่แข็งแกร่งของเอเชียโดยเน้นถึงประเทศเพื่อนบ้าน

-ความสำคัญของการหลีกเลี่ยงจากการขายความรู้ดิบและความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงเป็นเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์

-ความจำเป็นในการบริหารจัดการอาสาสมัครญิฮาดีในมหาวิทยาลัยและการสนับสนุนจากบรรดานักอัจฉริยบุคคลเยาวชน

700 /