สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวปราศรัยในงานอสัญกรรมท่านอิมามโคมัยนี

งานอสัญกรรมท่านอิมามโคมัยนี ณ ฮะรัมของท่าน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยในการรวมครั้งใหญ่ของประชาชนทุกหมู่เหล่าหลายพันคน ณ ฮะรัมของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ) โดยท่านผู้นำถือว่า ความเร้นลับอันทรงอมตะในพลังดึงดูดที่ไม่เสมือนผู้ใดของท่านอิมามโคมัยนี ที่มีคุณลักษณะอันจำเพาะที่ได้รับการประทานของพระผู้เป็นเจ้าให้แด่เขา โดยท่านผู้นำยังได้อธิบายถึงมิติต่างๆและองค์ประกอบของแนวทางและตรรกะในการยืนหยัดต้านทาน ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของท่านอิมามที่มีต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย โดยท่านได้เน้นว่า “แนวคิดและแนวทางอันมีพลังดึงดูดนี้ ก็จะเพิ่มความสนใจให้ประชาชาติทั้งหลายในทุกๆวันที่มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา และประชาชาติอิหร่านและเจ้าหน้าที่รัฐฯก็จะดำรงอยู่ในเส้นทางอันสว่างไสวนี้ของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้ไปสู่จุดสูงสุดในทุกๆมิติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร และสังคม รวมทั้งวัฒนธรรมด้วย"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงตัวอย่างต่างๆและความเร้นลับของพลังดึงดูดอันน่ามหัศจรรย์ของท่านอิมาม โดยกล่าวว่า “ในตลอดช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา นับจากการจากไปของท่านอิมาม ผู้เป็นที่รัก และการอำลาของประชาชาติต่อท่านนั้นมีความอมตะเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ต่างประเทศและในประเทศ ส่วนมากได้พยายามอย่างมากเพื่อที่จะทำให้การรำลึกชื่อและแนวทางของท่านอิมามนั้นมีความสำคัญน้อยลงและยังทำให้ไม่มีความเอาใส่ใจต่อหลักการในการบริหารจัดการของท่าน แต่ในความจริงแล้วนั้น พลังดึงดูดของท่านก็มิได้ลดน้อยลงแต่ยิ่งกลับเพิ่มขึ้นอย่างมากมายอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรวมตัวครั้งใหญ่ในวันนี้ของประชาชนเนื่องในวโรกาสวันแห่งการครบรอบอสัญกรรมของท่านอิมามและเช่นกันในการเดินขบวนอันสร้างความภาคภูมิใจของประชาชาติอิหร่านในวันกุดส์สากลนั้นเป็นสัญลักษณ์ที่เปิดเผยในพลังดึดดูดที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องของท่านอิมาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “วันกุดส์นั้น ซึ่งมีการจัดพิธีการเฉพาะและการเดินขบวนที่มีมากกว่า 100 ประเทศในโลกตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา หลังจากการดำเนินการของท่านอิมามในการกำหนดวันแห่งสากลนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งในพลังดึงดูดและอิทธิพลของท่านอิมามซึ่งจะทำให้ประชาชาติได้มีการขับเคลื่อนไปในประเด็นนี้อีกด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความพยายามอันเลวร้ายของพวกสหรัฐและเหล่าบริวาร โดยเฉพาะเหล่าผู้นำชาติอาหรับบางคนที่จะทำให้ปัญหาปาเลสไตน์นั้นต้องถูกลืมเลือน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้  กลุ่มต่างๆของประชาชนที่มีมากกว่า 100 ประเทศในโลกด้วยกับอิทธิพลอันเป็นอมตะของท่านอิมามในการปกป้องอัลกุดส์อันทรงเกียรติและการถูกกดขี่ของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งในความจริงนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีประเด็นใดในโลกที่จะเปรียบเทียบกับพลังดึงดูดอันทรงพลังของท่านอิมามโคมัยนีได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อประชาชาติอิหร่าน เนื่องในการเข้าร่วมกันอย่างมีเกียรติและจำนวนมหาศาลในวันกุดส์ในปีนี้ทั่วทั้งประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประชาชาติได้แสดงออกให้เห็นว่า ความจริงนั้นในการปฏิบัติต่อคำสั่งเสียของท่านของท่านอิมามก็ไม่เคยละเลยและเพิกเฉยแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายถึงความเร้นลับของพลังดึงดูดอันไม่เสมือนผู้ใดของท่านอิมาม ถือว่า คุณลักษณะอันจำเพาะทางปัจเจกบุคคลและการถูกประทานจากพระผู้เป็นเจ้าของท่านอิมาม นั้นคือ ปัจจัยหลัก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในหน้าประวัติศาสตร์ คุณลักษณะอันเฉพาะในปริมาณเช่นนี้ ถือว่ามีจำนวนที่น้อยมากทีเดียว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความกล้าหาญ การมีวิทยปัญญา การบริหารจัดการ ความยำเกรง การมีความรักต่อพระผู้เป็นเจ้า การต่อสู้กับผู้ฉ้อฉล การสนับสนุนและการปกป้องผู้ถูกกดขี่ข่มเหง การเรียกร้องสู่ความยุติธรรม การกระทำและคำพูดที่เป็นสัตย์จริงต่อประชาชนและการต่อสู้ในวิถีทางของพระเจ้าอย่างเสมอมา ทั้งหมดนี้นั้นคือ คุณลักษณะอันเด่นชัดของท่านอิมาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “คุณลักษณะเหล่านี้แสดงถึงการมีการกระทำอันดีงามอย่างยิ่ง ไม่ว่าบุคคลใดก็ตามที่มีคุณลักษณะเฉกเช่นนี้ ดั่งที่พระเจ้าทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า ความรักและความเมตตาที่มีต่อเขาก็จะเกิดขึ้นในหัวใจทั้งหลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “ด้วยเหตุนี้เอง ความรักของประชาชนที่มีต่อท่านอิมาม ผู้ทรงเกียรติ ที่ได้เดินทางกลับสู่ความเมตตาของพระเจ้า มิได้เป็นการบังคับ การโฆษณาชวนเชื่อ และการปลูกฝัง แต่ถือว่าเป็นการกระทำของพระเจ้าและการมีความรักต่อพระองค์ทั้งสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงถ้อยคำของท่านเกี่ยวกับหนึ่งในคุณลักษณะอันจำเพาะหลักของท่านอิมามโคมัยนี ก็คือ การยืนหยัดต้านทานในอุปสรรคและปัญหาต่างๆ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับคุณลักษณะเหล่านี้ของท่านอิมามที่มีอยู่ในช่วงของการใช้ชีวิตของท่านและเช่นกันในหน้าประวัติศาสตร์ก็ได้กำหนดให้เป็นสำนักคิด แนวทางความคิด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเทอดเกียรติต่อการต่อสู้อันไม่เหน็ดเหนื่อยและมีความหวังของท่านอิมามในช่วงยุคสมัยจอมเผด็จการและเช่นกัน การต่อสู้อันนี้และการยืนหยัดของท่านในการเผชิญหน้ากับอุปสรรคและเหล่าศัตรูหลังจากการได้รับชัยชนะในการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำก็ได้อ้างหลักฐานจากโองการอัลกุรอาน โดยกล่าวเสริมว่า “ในความจริงนั้นส่วนมากจากโองการอัลกุรอานได้ให้ความหมายด้วยการยืนหยัดนี้ของท่านอิมาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการไม่มีผลต่อท่านอิมามในการข่มขู่คุกคาม การยั่วยวน และการหลอกลวงของเหล่าศัตรู โดยกล่าวว่า “ศัตรูนั้นต่างพยายามอย่างมากด้วยกับการใช้วิธีการต่างๆนานาเพื่อที่จะทำให้หน่วยงานในการคิดคำนวณของท่านอิมามต้องประสบพบกับปัญหาและหันเหออกจากเส้นทางของการยืนหยัด แต่ท่านอิมาม ผู้ทรงเกียรติด้วยกับการยึดถือในข้อพิสูจน์อันชัดแจ้งแห่งศาสนานั้นไม่มีผลใดๆต่อท่านเลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงความหมายของคำว่า การยืนหยัด โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การยืนหยัด หมายถึง การเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง การเริ่มต้นในการขับเคลื่อนไปในเส้นทางนี้ นั่นคือ การต่อสู้กับอุปสรรคและปัญหาต่างๆและการดำเนินการตามเส้นทางแห่งสัจธรรมโดยที่ไม่มีการหันเหและการหยุดชะงักแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าในทุกเส้นทางนั้นมีอุปสรรคขวากอยู่ แต่ผู้ใดที่ได้เลือกเส้นทางแห่งการยืนหยัดหรือได้พิชิตเหนืออุปสรรคเหล่านั้นและยังดำเนินการต่อไปด้วยเส้นทางของตนในวิธีการแห่งการใช้สติปัญญา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า แนวทางของท่านอิมามโคมัยนี คือ การปกครองศาสนาของพระเจ้าที่มีต่อสังคมมุสลิมและการดำเนินชีวิตทั่วไปของประชาชน โดยกล่าวเสริมว่า “บุรุษผู้นี้ ผู้ทรงยิ่งใหญ่ หลังจากในการจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามได้ประกาศว่า แนวทางนี้ เราจะไม่มีการฉ้อฉลกับผู้ใดหรืออยู่ภายใต้ความกดขี่ นี่คือ ความหมายของคำว่า การยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับผู้กดขี่และการสนับสนุนต่อผู้ที่ถูกกดขี่ ซึ่งได้รับมาจากเนื้อหาของศาสนาและอัลกุรอานและบรรดานักวิชาการที่มีสติปัญญาอันบริสุทธิ์ต่างก็ยอมรับในสิ่งนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทำให้รัฐบาลชาติมหาอำนาจ ผู้อหังการโกรธแค้น คือ สโลแกนทางยุทธศาสตร์ของท่านอิมามอย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติ โดยกล่าวเสริมว่า “บรรดาผู้กดขี่ ผู้ที่ละเมิดในโลก ถือว่า การปรากฏของระบอบการปกครองที่ให้การสนับสนุนต่อผู้ถูกกดขี่และการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับการกดขี่นั้นเป็นสิ่งที่ราคาแพงอย่างมาก ด้วยสาเหตุนี้เอง นับตั้งแต่วันแรกก็เริ่มต้นมีการเป็นปฏิปักษ์ ความชั่วร้ายและความไม่อยุติธรรม จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การจัดตั้งแนวคิดในการยืนหยัด การขับเคลื่อนอย่างมีอำนาจและความฉลาดหลักแหลมในแนวทางนี้ การไม่พลาดพลั้งยังเป้าหมาย คือ บทเรียนและความทรงจำอันยิ่งใหญ่ของท่านอิมามโคมัยนีที่มีต่อประชาชาติและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แนวทางนี้ถือว่าเป็นการสร้างเกียรติยศที่เริ่มต้นมาจากเขตพรมแดนของอิหร่านและนอกเหนือจากนั้น รวมทั้งมีความกว้างขวางอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุผลในการยอมรับของประชาชาติต่อแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี หมายถึง การยืนหยัดที่เป็นพลังดึงดูดหลักของแนวทางนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “ในกระบวนการนี้ สาธารณรัฐอิสลามนั้นไม่มีการบังคับกับประชาชาติใด ดั่งที่ในการจัดพิธีการหรือการเดินขบวนในวันกุดส์ที่มีมากกว่า 100 ประเทศ เช่นเดียวกัน ด้วยกับการเลือกสรรและความพึงพอใจของประชาชาติทั้งหลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยืนหยัด คือ คำที่สอดคล้องกันและเป็นกรณีที่ประชาชาติทั้งหมดในเอเชียตะวันตกยอมรับ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แน่นอนว่าบางคนนั้นไม่กล้าหาญพอที่จะเข้ามาสู่ภาคสนาม แต่ทว่าส่วนมากนั้นก็ไม่ได้เข้าสู่ภาคสนามด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ฝ่ายของการยืนหยัดในวันนี้นั้นมีความเข้มแข็งในทุกๆวัน โดยกล่าวเสริมว่า “ความล้มเหลวของพวกสหรัฐในเลบานอน อิรัก ซีเรีย และปาเลสไตน์ คือ ตัวอย่างที่เด่นชัดของฝ่ายในการยืนหยัดต้านทาน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยืนหยัดอย่างไม่หยุดย่อนของประชาชาติอิหร่าน ความสำเร็จและความก้าวหน้าของสาธารณรัฐอิสลาม คือ การเชิญชวนให้ประชาชาติทั้งหลายนั้นมีการยืนหยัด โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดานักวิชาการระหว่างประเทศและนักวิเคราะห์บางคนของสหรัฐก็ยอมรับในความจริงนี้ด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยืนหยัด และชัยชนะของประชาชาติและรัฐที่มีเหนืออุปสรรค คือ เหตุผลที่สำคัญที่สุดในความเป็นปฏิปักษ์ของพวกสหรัฐ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกเขานั้นต้องการให้ประชาชาติอิหร่านต้องยกมือขึ้นยอมรับในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฉ้อฉล เพราะว่าประชาชาตินี้จะไม่ยอมอยู่ภายใต้การกดขี่และถือว่าชาติมหาอำนาจผู้อหังการนั้นเป็นศัตรูด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการดำเนินการของท่านอิมามในการคัดเลือกแนวทางและแนวคิดในการยืนหยัดโดยมีการสนับสนุนกันอย่างเข้มแข็งทางตรรกะ สติปัญญา ความรู้และทางศาสนา จากการอธิบายถึงองค์ประกอบทางตรรกะของแนวคิดในการยืนหยัดของท่านอิมามโดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หนึ่งในองค์ประกอบทางตรรกะของการยืนหยัด ก็คือ การมีเกียรติและอัตลักษณ์และมนุษยธรรมของทุกๆประชาชาติ และเมื่อใดก็ตามที่มีการข่มขู่คุกคาม การฉ้อฉลและการบังคับก็จะมีการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆเหล่านั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความจริงในการล่าถอยของศัตรูในการเผชิญหน้ากับการยืนหยัด คือ อีกหนึ่งในองค์ประกอบที่มีตรรกะและแนวคิดในการยืนหยัด โดยกล่าวเสริมว่า “การยอมรับในการเผชิญหน้ากับศัตรู เป็นเหตุให้พวกเขานั้นมีความคืบหน้า แต่หากว่ามีการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับข้อเรียกร้องที่มากเกินของศัตรู ก็จะทำให้ความคืบหน้าของพวกเขานั้นหยุดชะงัก ด้วยเหตุนี้เอง จากมุมนี้นั้นถือว่ามีผลต่อการยืนหยัด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “จากประสบการณ์ของสาธารณรัฐอิสลามในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาได้ยอมรับในประเด็นเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพราะว่า ไม่ว่าสถานที่ใดก็ตาม ที่เราได้ยืนหยัด เราก็จะพบกับความสำเร็จและความก้าวหน้า และไม่ว่าสถานที่ใดก็ตามที่เราขับเคลื่อนตามความประสงค์ของฝ่ายตรงข้าม เราก็จะพบกับความเสียหาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงองค์ประกอบประการที่สามทางตรรกะในการยืนหยัด โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การยืนหยัดต้านทานนั้นมีค่าใช้จ่าย แต่การจ่ายค่าใช้จ่ายในการยอมจำนนนั้นมีราคาสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการยืนหยัดเสียอีก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในตัวอย่างของการใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการยอมจำนนต่อเหล่าผู้ฉ้อฉล คือ ระบอบการปกครองของชาห์ปาห์ลาวี ซึ่งขณะที่มีการยอมจำนนและเพิ่มคะแนนให้กับพวกสหรัฐก็ต้องได้ถูกดูถูกเหยียดหยามอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย นั้นคือ อีกตัวอย่างหนึ่งที่ใช้จ่ายเงินดอลลาร์และแสดงจุดยืนตามความต้องการของสหรัฐอีกด้วย ก็ได้ถูกดูถูกเหยียดหยามว่าเป็น วัวนมอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หลักการทางศาสนาและโองการอัลกุรอาน คือ หนึ่งในองค์ประกอบทางตรรกะในแนวคิดในการยืนหยัดของท่านอิมาม โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “โองการอัลกุรอานต่างๆมากมายที่ได้ให้สัญญากับฝ่ายสัจธรรมและการยืนหยัดถึงการมีชัยชนะและเน้นว่าฝ่ายสัจธรรมนั้นเป็นไปได้ว่าจะตกเป็นเหยื่อ แต่ก็จะไม่ประสบความล้มเหลวอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เช่นเดียวกัน ประเด็นของความเป็นไปได้ในการยอมรับในการยืนหยัดต่อการเผชิญหน้ากับอำนาจต่างๆ คือ หนึ่งในองค์ประกอบทางตรรกะของการยืนหยัดในแนวคิดของท่านอิมาม โดยกล่าวว่า “ท่านอิมามโคมัยนี ผู้ทรงเกียรติ ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดที่ผิดพลาดที่บอกว่า ไม่มีประโยชน์ใดๆหรือว่าเรานั้นไม่มีความสามารถในการยืนหยัดต่อการเผชิญกับผู้ที่กุมอำนาจของโลก ถือว่าเป็นการงานที่เป็นไปได้ ด้วยกับหลักการอันนี้ ในเวลาของการเคลื่อนไหวและเช่นเดียวกัน ในการยืนหยัด หลังจากการได้รับชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามได้เผชิญหน้ากับกระแสความกดดันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าทัศนะของบางคนที่บอกว่า นักคิดสมัยใหม่ การยืนหยัด ไม่ได้มีประโยชน์ใดๆและยังถือว่าเป็นความผิดพลาดอันใหญ่หลวง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “มุมมองเช่นนี้เกิดจากการคำนวณที่ผิดพลาดและความผิดพลาดในการคำนวณของทุกๆเรื่องนั้นเกิดมาจากการไม่รู้จักในปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับประเด็นต่างๆเหล่านี้ด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เพื่อที่จะทำให้เรานั้นไม่มีการคำนวณที่ผิดพลาดในประเด็นของความจำเป็นในการยืนหยัดต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฉ้อฉลของโลก ก็จะต้องมีการได้รับข้อมูลที่ถูกต้องจากความจริงและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับฝ่ายมหาอำนาจสหรัฐและเราก็จะต้องรู้จักอย่างถูกต้องถึงความจริง ขีดความสามารถและศักยภาพของพวกเราเองด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในขีดความสามารถและศักยภาพต่างๆของสาธารณรัฐอิสลาม คือ อำนาจในการยืนหยัดที่มาจากหลักการจากแนวคิดของท่านอิมาม โดยกล่าวว่า “ในวรรณคดีการเมืองระหว่างประเทศ ถือว่า ประเด็นนี้ ก็คือ การยืนหยัดตามแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี ในขณะที่นักการเมืองบางคนและนักวิชาการที่โดดเด่นบางคนของตะวันตกได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกด้วยเช่นกันและเรียกมันว่าเป็นหลักคำสอนในการยืนหยัดของท่านอิมามโคมัยนีและยังเน้นว่าหลักคำสอนในการยืนหยัดนั้นได้พุ่งเป้ายังการยืดครองโลกของชาติตะวันตกและสหรัฐ” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงความเร้นลับของความเป็นอมตะในระบอบสาธารณรัฐอิสลาม คือ เส้นกลางแห่งการยืนหยัดและการใช้ศักยภาพภายในประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า “การประเมินอย่างถูกต้องจากฝ่ายของการยืนหยัดแสดงให้เห็นว่าฝ่ายของการยืนหยัดในวันนี้นั้นมีผลต่อภูมิภาค แม้แต่ในศูนย์กลางที่อยู่นอกเหนือภูมิภาคในสถานการณ์ก็มีความสามัคคีกันมากที่สุดและในความจริงนี้ก็จะต้องมีการคำนวณอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การประเมินค่าที่ถูกต้องจากฝ่ายตรงข้ามและความเป็นจริงที่เกี่ยวข้องกันในความไม่ผิดพลาดจากการคิดคำนวณ คือ ความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า “นักวิชาการบางคนชาวสหรัฐได้อธิบายถึงสถานการณ์ทางการเมือง สังคมและเศรษฐกิจของประเทศว่าเป็นการล้มสลายของเหล่าพวกปลวกทั้งหลาย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงสถิติอย่างเป็นทางการที่แสดงถึงการล้มสลายทางเศรษฐกิจของสหรัฐและการลดน้อยลงอันน่าฉงนในการมีอิทธิพลของสหรัฐทางด้านเศรษฐกิจ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ทางด้านการเมือง อำนาจของสหรัฐก็ต้องพบกับความล้มสลายในการคัดเลือกบุคคลที่มีลักษณะเยี่ยงนายโดนัลด์ ทรัมป์  ซึ่งเป็นที่กระจ่างชัดที่สุดและเป็นสัญญาณที่ดีที่สุดของการล้มสลายทางการเมืองของสหรัฐ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “การปล่อยให้บุคคลที่มีความคลุมเครือและข้อสงสัยต่างๆทางความคิดและทางจิตวิทยา รวมทั้งในด้านศีลธรรมเป็นผู้ที่กำหนดชะตากรรมของประชากรที่มีมากกว่า 300 ล้านคนนั้นคือ เหตุผลที่ชัดเจนในการล้มสลายทางการเมืองและศีลธรรมของสหรัฐ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในสัญลักษณ์ต่างๆของการล้มสลายทางศีลธรรมของรัฐบาลสหรัฐก็คือ การสนับสนุนในการก่ออาชญากรรมของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในแผ่นดินที่ถูกยึดครองและเช่นเดียวกันในการสนับสนุนต่อรัฐบาลต่างๆในเยเมนและการสังหารหมู่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ของประเทศนี้ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในด้านสังคมก็เช่นกัน สหรัฐนั้นมีปัญหาต่างๆมากมาย อาทิเช่น สถิติของการฆาตกรรมที่สูงมากขึ้นและการก่ออาชญากรรม ความหิวโหย ปัญหายาเสพติด และความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้ ขณะที่ประธานธิบดีสหรัฐโดยผิวเผินนั้นมีความห่วงใยต่อประชาชาติอิหร่านและยังหวังในการมีความสุขของพวกเขาอีกด้วย แต่ก็จะต้องบอกกับเขาว่า เจ้านั้น จงไปแก้ไขปัญหาต่างๆของตนเองเสียก่อนเถอะ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “กรณีเหล่านี้คือ ความเป็นจริงทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เหิมเกริมกับประชาชาติอิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่าการอยู่ข้างการรู้จักความจริงของฝ่ายศัตรู เราก็จะต้องรู้จักในขีดความสามารถและความเป็นจริงของพวกเราให้ดีด้วยเช่นกัน โดยท่านกล่าวว่า “แต่ทว่าเรานั้นยังมีปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจอยู่และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นก็พยายามที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นด้วยเช่นกัน แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ด้วยกับการมีอยู่ของปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจนั้น เราก็ไม่มีทางตันแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ปัญหาต่างๆของประเทศนั้นในทุกปัญหาก็มีเหตุผลที่แตกต่างกัน แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเหตุให้เกิดทางตันกับประเทศเป็นอันขาด ในขณะที่เรานั้นกำลังอยู่ในสภาวะของความก้าวหน้า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีบะศีรัตของประชาชาตินั้นคือ ความก้าวหน้าและความโดดเด่นของประเทศ โดยท่านได้เน้นว่า “หากว่าประชาชาติอิหร่านที่มีจำนวนมหาศาลและไม่มีความเป็นบะศีรัต(การรู้จักเห็นจริง)และก็จะไม่เห็นว่ามีจำเป็นใดในการเข้าร่วมของพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้าร่วมอันยิ่งใหญ่ของประชาชนในวันที่ 22 เดือนบะห์มัน ปี 1397 (ปฏิทินอิหร่าน) คือ ตัวอย่างหนึ่งของความเข้าใจ การมีบะศีรัต ความอุตสาหะพยายาม การเตรียมพร้อม การมีอำนาจและการมีเจตนาอย่างมั่นคงของประชาชาติ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การยืนหยัดของประชาชนคือจุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในความเข้มแข็งของประเทศและแสดงให้เห็นถึงความสามารถด้วยกับตรรกะนี้ในการยืนหยัดของท่านอิมาม ผู้ทรงเกียรติ เหมือนดั่งในการเข้าสู่ยังภาคสนามนั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป้าหมายของการยืนหยัด คือ การเข้าถึงยังจุดยับยั้งทางด้านต่างๆทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและการทหาร โดยกล่าวเสริมว่า “เราจะต้องไปถึงยังจุดที่ศัตรูต้องหันเหและหมดหวังจากการละเมิดต่อประชาชาติในด้านต่างๆทั้งหมดด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “วันนี้ในภาคส่วนของการทหาร เราได้รับถึงปริมาณมากในการยับยั้งและการเสริมสร้างความเข้มแข็งและเหตุผลที่เหล่าศัตรูได้คะยั้นคะยอในประเด็นของการป้องกันและขีปนาวุธ และเช่นกันในการคว่ำบาตรประเทศและประชาชาติจะต้องถูกยับยั้งจากการมีอำนาจเหล่านี้  แต่ทว่าพวกเขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะบรรลุถึงยังเป้าหมายอันนี้ได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายถึงหลายเงื่อนไขในการขับเคลื่อนที่ประสบความสำเร็จของสาธารณรัฐอิสลามอย่างต่อเนื่อง 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงประเภทต่างๆของกลยุทธ์ของเหล่าศัตรู โดยกล่าวว่า "บางทีพวกเขานั้นทำการข่มขู่คุกคาม และในบางครั้งก็มีการยั่วยุ เหมือนกับนายคนนี้ที่เหิมเกริมที่เป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของสหรัฐที่บอกว่า อิหร่านนั้นสามารถไปถึงความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วยกับการดำรงอยู่ของผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันนี้ หมายถึง ผู้นำสูงสุดปัจจุบันของอิหร่าน และเราก็ไม่ได้ต้องการโค่นล้มท่าน และเราพร้อมที่จะยอมรับท่าน ฉะนั้นท่านก็อย่าได้ไม่สบายใจ"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปฏิบัติการณ์เช่นนี้ของสหรัฐ คือ การใช้เล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง และท่านยังกล่าวเสริมว่า "คำพูดนี้จะถูกต้องก็ต่อเมื่อหากว่าผู้นำสูงสุดคนปัจจุบันและเจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นมีความพยายามอย่างมากในการต่อสู้อย่างที่ไม่รู้จักหยุดหย่อนทั้งกลางวันและกลางคืน  มีหัวใจเป็นภาษาเดียวกัน อีกทั้งยังใช้ประโยชน์จากเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆได้อย่างถูกวิธี แน่นอนว่าจะได้รับความก้าวหน้าอย่างมากทีเดียว แต่เงื่อนไขของความก้าวหน้าก็คือ พวกสหรัฐนั้นจะต้องไม่เข้าใกล้เป็นอันขาด 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า "เล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองของประธานาธิบดีสหรัฐนั้นไม่สามารถหลอกลวงเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของสาธารณรัฐอิสลามและประชาชาติได้หรอกและก็อย่าได้อนุญาตให้พวกสหรัฐนั้นเข้าใกล้ ขณะที่ก้าวของพวกเขานั้นไม่มีความเป็นสิริมงคล และเมื่อใดก็ตามที่เท้าของพวกเขาย่างก้าวถึง เมื่อนั้นก็จะเกิดการสังหารพี่น้องกันเองหรือสร้างความเลวร้าย การยึดครอง การล่าอาณานิคม และการดูถูกเหยียดหยามต้องเกิดขึ้น"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตในประเด็นนี้ว่า “การเผชิญหน้าของเรากับปัญหาและเหล่าศัตรูนั้นจะต้องมีความกล้าหาญ มิใช่ความหวาดกลัว มีความหวัง มิใช่หมดหวัง เป็นนักสร้างนวัตกรรม มิใช่เป็นผู้ที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เป็นผู้ที่มีสติปัญญา มิใช่ผู้ที่ใช้อารมณ์ ความรู้สึกในรูปแบบผิวเผิน”

การให้ความสนใจทางกลยุทธ์ของศัตรูในการสร้างความอ่อนแอต่อแนวคิดในการยืนหยัด คือ อีกเงื่อนไขหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้เน้นย้ำและท่านกล่าวว่า “แนวคิดในการยืนหยัด คือ อาวุธที่ทรงอำนาจมากที่สุดของประชาชาติ ขณะที่ศัตรูต่างพยายามทำให้การยืนหยัดนี้ออกไปจากประชาชาติอิหร่านด้วยกับการกระซิบกระซาบ การสร้างข้อสงสัย การถือว่าไม่มีประโยชน์และความเป็นไปไม่ได้ในการยืนหยัด ด้วยเหตุนี้เอง จะต้องมีการป้องกันแนวคิดในการยืนหยัดจากกลยุทธ์ของศัตรู”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า "ประชาชนที่เข้าร่วมสู่ภาคสนามและการเข้าร่วมนี้นั้นจะต้องมีการดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าการเข้าร่วมของประชาชนดังเช่นในวันกุดส์นั้นจะทำให้การคิดคำนวณของศัตรูจะต้องพบกับปัญหาอีกด้วย"

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอียังได้กล่าวเน้นย้ำถึงการให้ความสำคัญในประเด็นหลัก กล่าวคือ ในปัญหาเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า "ก่อนจากการปฏิวัติ ปัญหาหลักก็คือ การต่อสู้กับจอมเผด็จการ แต่หลังจากการปฏิวัติ ประเด็นหลักในช่วงเวลาหนึ่งก็คือ การยืนหยัดของรัฐและในช่วงหนึ่งนั่นก็คือ การทำสงครามแบบแกมบังคับกับซัดดาม ซึ่งในช่วงนั้นประเทศได้ให้ความสำคัญต่อการทำสงครามและก็ประสบความสำเร็จ แต่ในวันนี้ทุกคนทั้งหมดนั้นก็จะต้องให้ความสำคัญกับปัญหาหลัก นั่นก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจนั่นเอง"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ปัญหาทางวัฒนธรรมและความมั่นคงก็มีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ปัญหาทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพนั้นมีความสำคัญมากกว่า ในขณะที่ก็ยังมีผลต่อวัฒนธรรมและความมั่นคงอีกด้วย"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัญหาเศรษฐกิจมีหลายประเด็นที่มีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น โดยกล่าวว่า "การส่งเสริมการผลิต ค่าสกุลเงินแห่งชาติ การปรับปรุงบรรยากาศในการทำธุรกรรม การแบ่งสัดส่วนของงบประมาณและเศรษฐกิจของประเทศจากการขายน้ำมันดิบ การเปลี่ยนจากการแทรกแซงของรัฐบาลทางด้านเศรษฐกิจเป็นการชี้นำและการตรวจสอบโดยรัฐบาล การไม่ให้มีอำนาจของเหล่าผู้ทุจริตทางด้านเศรษฐกิจ หมายถึง ในการคอรัปชั่น การลักขโมย การก่อการร้ายทางเศรษฐกิจ และการค้าขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย ทั้งหมดนี้คือ หนึ่งในปัญหาหลักที่เจ้าหน้าที่จะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากและจะต้องหลีกเลี่ยงจากประเด็นในเชิงปลีกย่อย"

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงความร่วมมือกันของชาติและการไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันในทางการเมืองและฝ่ายการเมือง ถือว่าเป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า "หนึ่งในประเด็นที่สำคัญก็คือ การรักษาความสัมพันธ์หัวใจกับพระเจ้า

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เดือนรอมฎอนในปีนี้นั้น ถือว่าเป็นเดือนรอมฎอนที่ดีและท่านยังได้ชี้ถึงการจัดมัจลิสเกี่ยวกับการระลึก ดุอาและการวิงวอน โดยเฉพาะมีบรรดาเยาวชนได้เข้าร่วมกันอย่างมากทั่วทั้งประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า "การตะวัซซุลและการคร่ำครวญเหล่านี้นั้น มีคุณค่าอย่างมากและเป็นที่มาแห่งความเมตตาและการชี้นำจากพระผู้เป็นเจ้าและหัวใจอันบริสุทธิ์ที่มีรัศมีของบรรดาเยาวชนนั้นเสมือนดั่งกุญแจที่ใช้ในการแก้ไขอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ให้หลุดพ้นออกไป ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านก็จะต้องรู้จักถึงคุณค่าของสภาพเช่นนี้และต้องมีดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องอีกด้วย"

 

700 /