สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะเจ้าหน้าที่ผู้ประกอบกิจการฮัจญ์เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

การประกาศตัดความสัมพันธ์กับผู้ตั้งภาคีคือข้อบังคับหนึ่งของอิสลาม

คณะเจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการกิจการฮัจญ์ ได้เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำถือว่า การประกอบพิธีฮัจญ์ คือ การรวมตัวที่พิเศษยิ่ง และเอกสิทธิ์อันทรงคุณค่าที่ได้รับการยกย่องของอิสลาม และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการมีความหมายทางการเมืองที่จำเป็น เช่น ความเป็นเอกภาพ การปกป้องบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ และการประกาศตัดความสัมพันธ์ใดๆจากเหล่าผู้ตั้งภาคี (มุชริกีน) ในพิธีฮัจญ์  โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ชาวอิหร่านทุกคน จะต้องมีการกระทำ คำพูด และความสงบนิ่งต่อประชาชาติ การมีอัตลักษณ์และการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน”

ในการพบปะกันครั้งนี้ ซึ่งอยู่ในระหว่างการเริ่มต้นในการส่งตัวบรรดาผู้แสวงบุญให้เดินทางไปยังบัยตุลลอฮ์ อัลฮะรอม โดยท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือ ฮัจญ์นั้น เป็นตัวอย่างอันเล็กของสังคมอิสลามที่สูงส่งและเป็นสัญลักษณ์ของอารยธรรมอิสลามที่ทันสมัย โดยท่านกล่าวเสริมว่า  “ในพิธีการฮัจญ์ มีการยกระดับทางด้านจริยธรรม ทางจิตวิญญาณ การร่ำไห้และความอ่อนน้อมถ่อมตน พร้อมทั้งความก้าวหน้าของการดำเนินชีวิตทางด้านวัตถุ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงมิติต่างๆของฮัจญ์ โดยกล่าวเสริมว่า “เราได้เห็นในพิธีการฮัจญ์ถึงการแสดงออกทางด้านจิตวิญญาณ พร้อมทั้งการแสดงออกของการดำเนินชีวิตทางสังคมของอิสลาม เช่น ความเป็นเอกภาพ ความเป็นภราดรภาพและการสีสันเดียวกัน การรวมตัวของมวลชนในทุ่งอารอฟัต มัชอะรุลฮะรอมและทุ่งมินา การขับเคลื่อน การฏอวาฟ และการซะแอ ในขณะเดียวกันกับการแสดงออกที่โดดเด่นอันนี้ ก็ยังมีการรวมตัวอันงดงามของจริยธรรม ภราดรภาพ และการให้อภัยซึ่งกันและกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มิติทางการเมืองของฮัจญ์ คือ อีกคุณลักษณะพิเศษของการประกอบพิธีการนี้ โดยท่านได้เน้นว่า “การที่บางคนได้บอกว่า อย่าทำให้ฮัจญ์นั้นเป็นเรื่องของการเมือง ถือว่าเป็นคำพูดที่ผิดพลาด เพราะมิติต่างๆทางการเมืองของฮัจญ์นั้นตรงกับข้อเรียกร้องและคำสั่งสอนต่างๆของอิสลามทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดขอการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า:ความเป็นเอกภาพ การปกป้องบรรดาผู้ถูกกดขี่เช่น ชาวปาเลสไตน์และชาวเยเมน หรือการประกาศตัดความสัมพันธ์กับเหล่าผู้ตั้งภาคีทั้งหลาย ทั้งหมดนี้คือ กิจการทางเมืองและตรงกับคำสั่งสอนของอิสลาม ด้วยเหตุนี้เอง มิติต่างๆทางการเมืองของฮัจญ์ ก็คือ หน้าที่ทางศาสนาและถือว่าเป็นการทำอะมัลอิบาดัต”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การประกาศตัดความสัมพันธ์กับเหล่าผู้ตั้งภาคีทั้งหลายนั้นเป็นข้อบังคับหนึ่งของอิสลามและเป็นการกระทำที่จำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงเน้นย้ำถึงประเด็นนี้ในทุกๆปีที่จะต้องมีรูปแบบที่ดีที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “นอกเหนือจาก การขับเคลื่อนทางการเมืองของศาสนาแล้ว ยังมีการดำเนินการทางการเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาและความเป็นซาตาน เหมือนดั่งที่พวกเขาบอกว่า พวกคุณอย่าได้มีการประท้วงสหรัฐในพิธีการฮัจญ์หรืออย่าได้ประกาศตัดความสัมพันธ์กับเหล่าผู้ตั้งภาคีทั้งหลายอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในคุณลักษณะพิเศษที่สำคัญของฮัจญ์ คือ  การสร้างความรัก ความผูกพันธ์และความเป็นพี่น้องกันในหมู่อิสลาม และท่านกล่าวว่า “ด้วยเหตุผลนี้ บรรดาผู้แสวงบุญฮัจญ์ชาวอิหร่าน จะต้องมีพฤติกรรมอย่างชาญฉลาดและการให้ความเคารพ มีความสุขุมและความสงบ การมีเกียรติและศักดิ์ศรีต่อประชาชาติ การมีอัตลักษณ์ของอิหร่านและสาธารณรัฐอิสลาม การเข้าร่วมในการทำนมาซในรูปแบบญะมาอัตในมัสญิดอัลฮะรอม และมัสญิดอัลนะบะวี อยู่เคียงข้างพี่น้องทั้งชายและหญิงชาวมุสลิม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงหน้าที่ๆหนักหน่วงของรัฐบาลซาอุดิอาระเบียในการรักษาความปลอดภัยให้บรรดาผู้แสวงบุญโดยที่ปราศจากการรักษาความปลอดภัยทางด้านสิ่งแวดล้อมและการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของบรรดาผู้แสวงบุญ โดยกล่าวเสริมว่า “บรรดาผู้แสวงบุญ ด้วยกับการใช้ประโยชน์จากโอกาสอันทรงคุณค่าของฮัจญ์ และการสนใจต่อมิติต่างๆทางสังคม การเมือง และจริยธรรมของฮัจญ์ ซึ่งพวกเขาจะต้องมีความระมัดระวังในสถานะของศรัทธาชนคนหนึ่งที่รู้จักถึงฮัจญ์ของท่านศาสดาอิบรอฮีม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความเป็นปฏิปักษ์ที่ลึกซึ้งของสหรัฐและเหล่ามหาอำนาจ จอมอหังการ กับความเป็นจริงของอิสลาม โดยกล่าวเสริมว่า “การโจมตีอันป่าเถื่อนทางการเมือง สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และความมั่นคงของเหล่าผู้ฉ้อฉลโลก ที่มีต่อประชาชาติต่างๆของอิสลามนั้น แสดงถึงความเป็นศัตรูที่ลึกซึ้งของพวกเขาต่อคำสั่งสอนของอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความจริงและคำสอนต่างๆของอิสลาม ตรงกันข้ามกับธรรมชาติของความฉ้อฉลของเหล่ามหาอำนาจ จอมอหังการ โดยท่านกล่าวเสริมว่า  “การยึดมั่นของสังคมอิสลามต่อหลักการและศาสนบัญญัติของอิสลาม รวมทั้งการไม่ยอมแพ้ของพวกเขาในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฉ้อฉลนั้น  เป็นที่มาของการมีชัยชนะและความก้าวหน้า  รวมทั้งความรอดปลอดภัยของประชาชาติอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตในกรณีนี้ โดยกล่าวว่า  “ภายในประเทศก็เช่นกันไม่ว่าสถานที่ใดและในประเด็นใดก็ตาม ที่เราได้ยึดมั่นในหลักการและข้อจำกัดของศาสนาอิสลามที่เพิ่มมากขึ้น ความช่วยเหลือของพระเจ้านั้นก็จะมากขึ้น รวมถึงพวกเราด้วยเช่นกัน และไม่ว่าในสถานที่ใดที่เรานั้นเพิกเฉยต่อความหมายต่างๆเหล่านี้ เราก็จะถูกเพิกเฉยอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีอนาคตที่มีความก้าวหน้าและเกียรติยศของชาวมุสลิม นั้นมีความต้องการในความพยายาม ความอุตสาหะและความร่วมมือ โดยท่านได้เน้นว่า “ ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า จนในที่สุด เหล่าศัตรูที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายที่มีต่อประชาชาติอิหร่านและประชาชาติอาลาม ก็จะต้องยอมรับถึงความปราชัยในการเผชิญหน้ากับอิสลาม”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลิมีน นะวาบ ตัวแทนวะลีฟะกีฮ์ ในกิจการฮัจญ์และหัวหน้าคณะผู้แทนฮัจญ์(อะมีรุ้ลฮัจญ์) ของอิหร่าน ถือว่า คำขวัญของฮัจญ์ในปีนี้ คือ ฮัจญ์ด้วยกับแกนหลักในการสร้างตัวตน ความเป็นพี่น้องทางศาสนาและการมีอารยธรรมของอิสลาม และท่านตัวแทนของผู้นำสูงสุดในกิจการฮัจญ์ยังได้กล่าวรายงานถึงการดำเนินการทางวัฒนธรรมและการศึกษา

และเช่นเดียวกันนี้ ท่านรอชีดียอน ผู้อำนวยการองค์กรกิจการฮัจญ์และการซิยาเราะฮ์ ถือว่า การปกป้องคุ้มครองสิทธิ เกียรติและศักดิ์ศรีของบรรดาผู้แสวงบุญ เป็นแนวทางที่สำคัญขององค์กรนี้ในกิจการฮัจญ์ และเขายังได้กล่าวรายงานถึงการดำเนินกิจการฮัจญ์ในปีนี้

 

700 /