สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นายกรัฐมนตรีปากีสถาน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

“การสิ้นสุดสงครามในเยเมน จะส่งผลเชิงบวกต่อภูมิภาค”

นายอิมรอน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถานพร้อมคณะผู้ติดตามเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับปากีสถานนั้นมีความลึกซึ้งในความเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน โดยท่านได้เน้นว่าเราจะต้องใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันนี้ในการเพิ่มความร่วมมือระหว่างสองรัฐบาล โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นได้เสนอแบบแผนสี่มาตราเพื่อการยุติสงครามในเยเมน และการสิ้นสุดสงครามในเยเมนสามารถที่จะทำให้เกิดผลในเชิงบวกต่อภูมิภาคได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในการพบปะครั้งนี้ ท่านผู้นำสูงสุดถือว่า  ยังมีตัวอย่างอีกมากมายที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและความใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประชาชาติอิหร่านกับปากีสถาน  โดยท่านได้เน้นว่า “วิสัยทัศน์ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่มีต่อปากีสถานนั้นเป็นวิสัยทัศน์ที่มีความเป็นพี่น้องกันที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านกัน และด้วยกับโอกาสอันนี้ ทั้งสองประเทศก็จะต้องมีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นมากกว่าเดิมและต้องดีกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ทั้งยังมีการยกระดับความมั่นคงในเขตชายแดนและการดำเนินการที่ค้างคาอยู่ในการส่งท่อก๊าซก็จะต้องสมบูรณ์อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวยกย่องถึงความห่วงใยของรัฐบาลปากีสถานในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออก โดยถือว่า เป็นสิ่งที่มีความอ่อนไหวและเป็นอันตรายอย่างมาก โดยท่านได้เน้นว่า ทุกคนจะต้องมีความระมัดระวังในการเกิดเหตุการณ์จากการมีบทบาทที่บ่อนทำลายของบางประเทศในภูมิภาคจากการสนับสนุนต่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายในอิรัก และซีเรีย และท่านกล่าวแสดงความเสียใจในการเกิดสงครามและการหลั่งเลือดของประชาชนผู้บริสุทธิ์ในเยเมน  โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เรานั้นไม่มีแรงจูงใจในการเป็นปฏิปักษ์กับประเทศเหล่านี้ แต่ทว่าพวกเขานั้นอยู่ภายใต้เจตจำนงค์ของสหรัฐ และได้มีการปฏิบัติที่ต่อต้านกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านตามความต้องการของพวกสหรัฐด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ได้เสนอแบบแผนสี่มาตราหลายครั้งแล้ว เพื่อให้มีการยุติสงครามในเยเมน หากว่าสงครามนี้ได้สิ้นสุดลงอย่างถูกต้องก็สามารถที่จะเกิดผลในเชิงบวกต่อภูมิภาคอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นอีกว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นไม่ได้เป็นผู้ที่ริเริ่มในการก่อสงครามใดๆเลย โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แต่หากว่าผู้ใดก็ตามที่เป็นผู้เริ่มต้นในการทำสงครามกับอิหร่าน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขานั้นจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”

ในการเข้าพบปะกันครั้งนี้ พณฯท่าน โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านได้ร่วมอยู่ด้วย โดยนายอิมรอน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ถือว่า อิหร่านและปากีสถานนั้นเป็นสองประเทศที่เป็นพี่น้องกัน และเขายังกล่าวว่า “เราจะต้องมีการขยายความร่วมมือระหว่างเตหะรานกับอิสลามาบัดอย่างกว้างขวาง ซึ่งเราได้เปิดบัญชีที่พิเศษที่เกี่ยวกับอิหร่าน เพราะว่า เรานั้นถือว่าอิหร่าน คือ ภาคีที่สำคัญโดยเฉพาะในเรื่องของการค้าขาย”

 

700 /