สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาพยาบาลหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

บรรดาพยาบาลหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

บรรดพยาบาลหลายพันคนทั่วประเทศ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า พยาบาลนั้นเป็นศูนย์รวมที่มีคุณค่าทางด้านจริยธรรมและคุณธรรมของมนุษย์ และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้เห็นว่า ประชาชาติอิหร่านได้รับความภาคภูมิใจและมีวิสัยทัศน์ที่ชัดแจ้งในบททดสอบอันยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในวีรกรรมวันที่ 9 เดือนเดย์ ปี 1388 (ปฏิทินอิหร่าน) และเหตุการณ์ในเดือนอาบานของปีนี้ โดยถือว่าการออกห่างจากแถวของพวกก่อจราจลและการสร้างความวุ่นวาย ทั้งการทำลายทรัพย์สินสาธารณะนั้น แสดงถึงคลื่นแห่งความน่ารังเกียจที่มีต่อสหรัฐที่ได้เกิดขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอิรัก  ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปฏิกิริยาทางธรรมชาติของประชาชนที่มีต่ออาชญากรรมต่างๆของสหรัฐ และท่านผู้นำยังได้ชี้อีกว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวหาอิหร่านว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในอิรัก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และการข่มขู่คุกคามต่อประชาชาติอิหร่าน โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่ไม่เกี่ยวข้องกันและไร้ตรรกะสิ้นดี เพราะประชาชนในภูมิภาคนั้นเกิดความน่ารังเกียจต่อสหรัฐอย่างมาก ทุกๆคนจะต้องรู้ว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นไม่ต้องการทำสงคราม แต่ผู้ใดก็ตามที่ข่มขู่คุกคามต่อผลประโยชน์ เกียรติศักดิ์ศรี ความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าของประชาชาติอิหร่าน พวกเขาก็จะได้รับการเผชิญหน้าอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเกิดความเสียหายกับพวกเขาอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันประสูติของท่านซัยนับ (ซ) และวันพยาบาลแห่งชาติ และท่านยังได้ชี้ถึงพิธีการจัดงานรำลึกเหตุการณ์วันที่ 9 เดือนเดย์ ที่มีการจัดงานทั่วทั้งประเทศ โดยกล่าวว่า “วันที่ 9 เดือนเดย์ ปี 1388 (ปฏิทินอิหร่าน) ถือว่าเป็นหนึ่งในบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ ที่ประชาชาติชาวอิหร่านได้ออกมารวมตัวตามท้องถนนด้วยกับการมีบะศีเราะฮ์(การรู้แจ้งเห็นจริง) และความฉลาดหลักแหลม ทั้งยังสามารถทำลายแผนการร้ายหนึ่งที่สำคัญที่มีการฝังรากฐานไปได้หมดสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ล่าสุดของเดือนอาบาน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บรรดาประชาชนต่างมีข้อเรียกร้อง ซึ่งส่วนมากนั้นเป็นสิทธิของพวกเขา หากว่าไม่มีการตอบรับข้อเรียกร้องเหล่านี้ก็จะเกิดกระแสการต่อต้านและความขัดแย้ง แต่ประเด็นของข้อเรียกร้อง กับประเด็นการสร้างความแตกแยกด้วยกับข้ออ้างที่เกี่ยวกับข้อเรียกร้องเหล่านั้น นี่คือ การกระทำอันที่สองของศัตรู”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ประชาชนทั้งหลายนั้นต่างมีข้อเรียกร้อง แต่บางคนที่ศัตรูได้เตรียมการที่จะใช้ประโยชน์ที่ไม่ดีจากข้อเรียกร้องต่างๆเหล่านี้ได้เข้ามาอย่างรวดเร็วและเริ่มต้นในการบ่อนทำลาย แต่ด้วยกับการมีบะศีเราะฮ์ของประชาชนทั้งหลายที่พวกเขาได้เห็นถึงประโยชน์ที่ไม่ดีของศัตรู โดยการทำให้ตนเองออกห่างจากแถวของเหล่าผู้ก่อความเสียหายที่หลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่ของประชาชน และผู้ก่อความเสียหายจึงต้องอยู่เพียงลำพัง และหลายวันต่อมา ประชาชนก็ได้ออกมารวมตัวกันครั้งยิ่งใหญ่ในหลายเมือง ตามท้องถนนต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า การมีบะศีเราะฮ์และความเฉลียวฉลาดของประชาชนในเดือนอาบาน ก็เหมือนกับการมีบะศีเราะฮ์ในปี 1388 ที่ได้ทำให้ความชั่วร้ายนั้นจบสิ้นลง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ผู้ที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักในเหตุการณ์ก่อจราจลในเดือนอาบาน และการโจมตียังโครงสร้างพื้นฐาน เช่น คลังน้ำมันเบนซิน คลังข้าวสาลีและทรัพย์สินสาธารณะ คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านข่าวกรองของต่างชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของประเทศ ซึ่งในวันต่างๆของเหตุการณ์เดือนอาบาน เขาพำนักอยู่ในกรุงวอชิงตัน ได้อ้างรายงานจากนักการเมืองต่างประเทศคนหนึ่งว่า ในวันแรกของเหตุการณ์ดังกล่าว พวกสหรัฐต่างๆรู้สึกยินดีและดีใจและบอกว่า การงานของอิหร่านนั้นได้จบสิ้นลงแล้ว แต่หลังจากนั้น สองสามวันต่อมา เมื่อเหตุการณ์ได้จบสิ้นลง ขณะที่พวกสหรัฐนั้นไปไม่ถึงผลลัพท์ที่พวกเขาคาดไว้ ก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประเด็นนี้แสดงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายในของเหล่าผู้นำที่ไร้สติปัญญาของสหรัฐ และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงเหตุการณ์ล่าสุดในอิรัก โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การโจมตีของสหรัฐต่อกองกำลังอัลฮัชดุชชะอ์บี ในความจริงก็คือ การแก้แค้นให้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส (ดาอิช) เพราะว่า กองกำลังนี้ได้ทำลายล้างกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ทั้งยังเป็นกองกำลังอาสาสมัครของประชาชนชาวอิรักด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นอีกว่า “ข้าพเจ้า รัฐบาล และประชาชาติอิหร่าน ขอกล่าวประณามการก่ออาชญากรรมของสหรัฐอย่างรุนแรงในการโจมตีต่อกองกำลังอัลฮัชดุชชะอ์บีของอิรัก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความโกรธแค้นในการต่อต้านสหรัฐในกรุงแบกแดดและทั่วประเทศอิรักนั้น เป็นผลทางธรรมชาติของการก่ออาชญากรรมต่างๆของสหรัฐ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐบอกว่า เราถือว่าเหตุการณ์เหล่านี้มาจากสายตาของอิหร่านและเราจะมีคำตอบให้ด้วย แต่เราจะต้องบอกกับพวกเขาว่า อันดับแรก คือ พวกท่านนั้นได้กระทำผิดพลาดอย่างแรง เพราะว่า ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับอิหร่านเลย อันดับที่สอง พวกท่านจะต้องใช้ตรรกะและเข้าใจด้วยว่า อะไรคือ เหตุผลหลักของเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ โดยแน่นอนว่าพวกเขานั้นไม่ใช้ตรรกะอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “พวกสหรัฐจะต้องเข้าใจว่า ประชาชนในภูมิภาค เช่น ในอิรัก และอัฟกานิสถานได้มีการรังเกียจพวกท่าน ด้วยเหตุผลจากการก่ออาชญากรรมของพวกท่าน และความน่ารังเกียจนี้จะแสดงออกในสถานที่แห่งเดียวเท่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงอาชญากรรมของสหรัฐ โดยเฉพาะองค์กรที่ชั่วร้าย แบล็ควอเตอร์ในอิรักและอัฟกานิสถาน การสังหารหมู่นักวิชาการหลายพันคนชาวอิรัก และเช่นเดียวกัน การสังหารหมู่ประชาชนทั่วไป โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “นี่คือ ผลของการเคลื่อนไหวทางการเมืองและความมั่นคงของสหรัฐ การมีความฉ้อฉลกับประชาชนในภูมิภาค และการริดรอนผลประโยชน์ต่างๆ และการหยิ่งทรนงในการเผชิญหน้ากับพวกเขา และนี่ก็คือ ความน่ารังเกียจอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเดินทางเยือนของเจ้าหน้าที่สหรัฐยังบางประเทศในภูมิภาคโดยไม่ได้รับอนุญาตของประเทศนั้นๆ และการปรากฏตัวในฐานทัพต่างๆของตนก็เป็นอีกหนึ่งในตัวอย่างของการกระทำที่เหยียดหยามต่อประเทศต่างๆและประชาชนในภูมิภาค ซึ่งก่อให้เกิดเป็นคลื่นแห่งความน่ารังเกียจและความโกรธแค้นในที่สุด โดยท่านผู้นำ ยังได้เน้นว่า “หากว่าสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านตัดสินใจที่จะต่อต้านและเผชิญหน้าก็จะมีการกระทำอย่างเปิดเผยออกมา แต่ทุกๆคน จงไว้เถิดว่า เรานั้นยังคงยืนหยัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ ต่อเกียรติ ศักดิ์ศรี ความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าของประชาชาติอิหร่าน ในขณะที่มีเหล่าผู้ที่ต้องการก่อภัยคุกคามต่อเรา เราก็จะให้คำตอบกับพวกเขาและจะสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาอีกด้วยเช่นกันอย่างที่ไม่ต้องสงสัยใดๆเลยทั้งสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประชาชาติอิหร่านเป็นประชาชาติที่มีความกล้าหาญ มีบะศีเราะฮ์และมีความพร้อมในทุกสถานการณ์ โดยท่านกล่าวว่า “ตรงกันข้ามกับสิ่งที่บางคนบอกว่าจะเกิดสงครามขึ้น แต่เราจะไม่ทำให้ประเทศเข้าสู่สงครามเป็นอันขาด แต่หากว่าผู้อื่นใดที่ต้องการทำให้ประเทศนี้เป็นเช่นนั้น เราก็จะยืนหยัดด้วยอำนาจทั้งหมดในการเผชิญหน้ากับพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “เรานั้นเชื่อว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับพวกเรา และชัยชนะจะเกิดขึ้นกับประชาชาติอิหร่าน และเรายังเชื่อมั่นอีกด้วยเช่นกันว่า วันพรุ่งนี้ของประเทศนี้ จะดีกว่าวันนี้อย่างแน่นอน ดังเช่นที่ในวันนี้ของประเทศนั้นดีกว่าเมื่อวานที่ผ่านมา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ ยังได้กล่าวในส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่าน โดยถือว่า ท่านหญิงซัยนับ (ซ)นั้น เป็นวีรสตรีที่โดดเด่นในหน้าประวัติศาสตร์ โดยท่านกล่าวว่า “สตรีท่านนี้ด้วยกับความยิ่งใหญ่ และการมีบุคลิกที่มั่นคงและมีความเข้มแข็งถูกเสนอให้เป็นแบบอย่างให้กับพยาบาลและการเชื่อมสัมพันธ์อันพิเศษระหว่างท่านหญิงซัยนับกับสังคมพยาบาลถือว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พยาบาล เป็นศูนย์รวมทางจริยธรรมและคุณธรรมของมนุษย์ เช่น ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ การรับผิดชอบต่อหน้า ความอดทนอดกลั้นในความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยและการมีนิสัยไม่ดี การยืนหยัดและการไม่พะวงต่อการพบเห็นถึงความยากลำบาก โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การให้เกียรติต่อพยาบาล หมายถึง การให้เกียรติต่อคุณค่าของมนุษย์และการสร้างคุณค่าทางจริยธรรมและคุณธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไปจากสังคม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัญหาต่างๆของสังคมมนุษย์ ส่วนมากเกิดจากการขาดหายของคุณธรรมและจริยธรรม และความเป็นมนุษย์ โดยท่านกล่าวว่า “สังคมของอิหร่านในวันนี้ กำลังขับเคลื่อนไปยังจุดสุดยอด และในการขับเคลื่อนอันสำคัญอย่างมาก อีกทั้งเต็มไปด้วยกับความภาคภูมิใจนั้นต้องการยังการส่งเสริมคุณค่าทางจริยธรรมอย่างเร่งด่วนที่สุด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมแนอี ยังได้ชี้ให้เห็นว่า ในรายการหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ล่าสุดได้มีการเผยแพร่บุคคล ผู้มีจิตกุศลคนหนึ่ง ด้วยกับความพยายามและการเก็บรวบรวมความช่วยเหลือของประชาชนได้ทำการตระเตรียมสิ่งที่จำเป็นให้กับคู่สามีภรรยาที่ขัดสน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ลักษณะพิเศษทางจริยธรรมที่โดดเด่น เช่น ความอดทน ความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจนั้นมีอยู่ในรากฐานและแก่นแท้ทางจริยธรรมของชาวอิหร่าน ดังเช่นในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ภัยพิบัติทางธรรมชาติ พวกเขาได้รวมตัวกันเพื่อให้การช่วยเหลือซึ่งและกันด้วยหัวใจและวิญญาณของพวกเขาเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “ทุกหน่วยงานและองค์กรต่างๆทางด้านการบริหาร การเผยแพร่ สื่อต่างๆ บรรดาครู นักการศาสนา รวมทั้งนักการเมืองก็จะต้องมีหน้าที่ในการส่งเสริมคุณธรรมเหล่านี้ในสังคมอย่างกว้างขวางด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการดูแลสุขภาพและจิตใจของบรรดาพยาบาลทั้งหลาย โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ปัญหาต่างๆของพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกิดขึ้นกับพยาบาลหญิง เช่น ความเบื่อหน่าย การมีชีวิตชีวาในการทำงาน และการให้คำตอบกับความต้องการของครอบครัวของพวกเขาก็จะต้องได้รับความสนใจและให้ความสำคัญ ทั้งยังมีการพิจารณาและแก้ไขปัญหาของพวกเขาอย่างจริงจังและจะต้องระมัดระวังความยุติธรรมในกรณีพยาบาลอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตอบรับแบบแผนของรัฐมนตรีสาธารณสุขในการกำหนดอัตลักษณ์ที่เป็นอิสระของบุคลากรทางแพทย์สำหรับบรรดาพยาบาลทั้งหลาย โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่าพยาบาลและแพทย์ คือ สิ่งที่จะทำให้เกิดความสมบูรณ์ด้วยกันและกัน มิได้เป็นคู่แข่งกันแต่อย่างใด และด้วยกับการมีนักศึกษาพยาบาลจำนวนหลายหมื่นคน ก็จะต้องมีการบริหารจัดการและการวางแบบแผนที่ดีทั้งทางด้านการศึกษาและการจัดสรรพยาบาลในระดับประเทศและการให้ความสนใจยังรายได้จากอาชีพของพวกเขาอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวและเน้นย้ำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ จะต้องมีการรักษาขอบเขตของศาสนบัญญัติในโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ดร.ซะอีด นะมะคี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและการศึกษาทางการแพทย์ ถือว่า ลักษณะพิเศษของการทำงานของพยาบาล คือ การมีความรักและห่วงใยต่อการให้บริการประชาชน และเขายังได้กล่าวอธิบายถึงสถิติการให้บริการประชาชนของพยาบาล อาทิเช่น โครงการในการควบคุมความดันโลหิตแห่งชาติและการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ที่เป็นอันตรายและการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับภัยน้ำท่วมเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเขากล่าวว่า “ได้มีการดำเนินการจัดการข้อเรียกร้องบางส่วนของพยาบาลทั้งหลายไปเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าในอีกหลายเดือนหลังจากนี้ ข้อเรียกร้องทั้งหมดของพวกเขานั้นจะกลายเป็นศูนย์”

การสรรหาพยาบาล จำนวน 9 พันคน และการกำหนดอัตลักษณ์ที่เป็นอิสระของบุคลากรทางการแพทย์สำหรับบรรดาพยาบาล จนถึงสิ้นปี และการสร้างระบบการชำระแบบใหม่ในเดือนหน้า คือ อีกข่าวหนึ่งที่รัฐมนตรีสาธารณสุขได้กล่าวรายงานในการพบปะกันครั้งนี้กับบรรดาพยาบาลทั้งหลาย

 

 

 

 

 

 

700 /