สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะผู้บัญชาการกองทัพอากาศ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

เราจะรักษาความมั่นคงของประเทศและป้องกันภัยคุกคามต่างๆ

คณะผู้บัญชาการกองทัพอากาศ เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศ และหน่วยป้องกันภัยทางอากาศ เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้บัญชาการสูงสุดกองกำลังทุกเหล่าทัพ โดยท่านผู้นำถือว่า เหตุการณ์วันที่ 19 เดือนบะห์มัน ปี 1357 ปฏิทินอิหร่าน( 8 กุมภาพันธ์ 1979 คศ.) คือ ผลลัพท์ของการมีความเชื่อมั่นของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) และบรรดานักต่อสู้ในพันธสัญญาแห่งพระเจ้า โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “หากว่าในสังคมนั้น มีแนวความคิดที่ไม่ผิดพลาดในพันธสัญญาแห่งพระเจ้าเกิดขึ้นแล้วละก็ บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็จะมีการปฏิบัติด้วยกับความเฉลียวฉลาด และยังจะทำให้ภัยคุกคามกลายเป็นโอกาส ทั้งการคว่ำบาตร ก็จะเป็นปัจจัยในความรอดพ้นของประเทศจากการที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันและการแก้ไขส่วนมากของปัญหาต่างๆ” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการพบปะกันครั้งนี้ ซึ่งตรงกับช่วง 41 ปีแห่งวันครบรอบการให้คำสัตยาบันทางประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศกับท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) เมื่อวันที่ 19 เดือนบะห์มัน ปี 1357 โดยถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำ สร้างความฉงนสนเท่ห์ ทั้งยังมีบทเรียนและข้อคิดต่างๆมากมาย โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “ในยุคสมัยการปกครองของจอมเผด็จการ กองทัพอากาศนั้นเป็นหนึ่งในกองกำลังที่ใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจและสหรัฐฯ แต่ทว่าระบอบทรราชนั้นได้รับผลกระทบจากกองกำลังดังกล่าวนี้อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ตามที่โองการอัลกุรอานกล่าวไว้ว่า พระเจ้าจะทำให้ศัตรูต้องได้รับความเสียหายอย่างที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ในขณะที่บรรดาผู้ศรัทธา ก็จะมีความแข็งแกร่งและได้รับการสนับสนุนอย่างที่พวกเขานั้นไม่คาดหวังด้วยเช่นกัน ดั่งในวัฒนธรรมแห่งศาสนานั้น เรียกว่า ปัจจัยยังชีพที่ไม่สามารถคำนวณนับได้ หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า เป็นปัจจัยยังชีพที่ไม่สามารถคำนวณถึงคุณค่าทางด้านวัตถุได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงโองการอัลกุรอานที่ได้เน้นย้ำอย่างชัดเจนในการมีชัยชนะของบรรดาผู้ที่ช่วยเหลือต่อศาสนาของพระเจ้า โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “จะต้องมีความเชื่อมั่นต่อสัญญาต่างๆเหล่านี้ของพระองค์ และจะต้องมีการขับเคลื่อนไปด้วยกับความหวังต่ออนาคต และการมีอำนาจอย่างต่อเนื่อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “หากว่าในสังคมนั้นมีแนวความคิดและจิตวิญญาณเช่นนี้ บรรดาบุคคลในสังคม ด้วยกับการมีเจตนามุ่งมั่น ก็จะทำให้ภัยคุกคามนั้นกลายเป็นโอกาสไปได้ ดังเช่นที่ กองทัพอากาศด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรในขณะนี้ ก็มีการปรับปรุงซ่อมแซมเครื่องบินรบและเครื่องบินต่างๆ ทั้งยังมีการวางแบบแผนในการผลิตเครื่องบินรบที่นอกเหนือจากนี้ อีกด้วย” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กุญแจแห่งความสำเร็จและความก้าวหน้าของกองทัพอากาศ ก็คือ การทำให้ภัยคุกคามนั้นกลายเป็นโอกาส การไม่คาดหวังจากเหล่าต่างชาติและการพึ่งพายังศักยภาพและขีดความสามารถทั้งหลายในประเทศ โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “ประเด็นนี้ได้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และยังสามารถที่จะทำให้การคว่ำบาตรที่ถือว่าเป็นการกระทำที่เป็นอาชญากรรมนั้นได้กลายเป็นโอกาสอันมากมายสำหรับประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “หากว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นมีการปฏิบัติอย่างเฉลียวฉลาด ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในการคว่ำบาตร โดยที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นรอดพ้นจากการที่ต้องพึ่งพาน้ำมัน  ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากในการแก้ไขปัญหาต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “บางคนที่มีความฉลาดในระบอบการปกครองของสหรัฐได้รับรู้ถึงประเด็นเหล่านี้และบอกว่า พวกเขานั้นอย่าได้ปล่อยให้อิหร่านมีประสบการณ์จากเศรษฐกิจที่ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันเลย ด้วยเหตุนี้เอง เราก็จะต้องเปิดเส้นทางหนึ่งที่จะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของอิหร่านนั้นถูกแยกออกจากน้ำมัน ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจ ก็จะต้องมีความเฉลียวฉลาดในกรณีเหล่านี้ด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของเครื่องมือและวิธีการต่างๆของเหล่าศัตรู โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในทางตรงกันข้ามกับวิธีการต่างๆเหล่านี้ วิธีการต่างๆของสาธารณรัฐอิสลาม ก็มีความซับซ้อนมากกว่าในอดีตที่ผ่านมาด้วยเช่นกัน ซึ่งในภาคส่วนต่างๆของประเทศในขณะนี้นั้น ก็มีวิธีการและการกระทำต่างๆ ที่มีตรรกะ ความซับซ้อนและความก้าวหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศ และจะทำให้ศัตรูนั้นไร้ความสามารถ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการสร้างความแข็งแกร่งของประเทศในทุกๆด้าน โดยเฉพาะทางด้านการป้องกันประเทศ โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “เราจะไม่เป็นภัยคุกคามต่อประเทศและประชาชนใดๆ แต่ทว่าเราจะรักษาความมั่นคงของประเทศและการป้องกันภัยคุกคามต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นให้เห็นว่า ความอ่อนแอของเรา จะเป็นการส่งเสริมให้ศัตรูต้องมีการดำเนินการ โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “เพื่อที่จะไม่ให้มีสงครามต้องเกิดขึ้น และภัยคุกคามก็ต้องสิ้นสุดลง เรานั้นก็จะมีความแข็งแกร่ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวแนะนำต่อกองทัพ โดยเฉพาะกองทัพอากาศ กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศ  องค์การอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ให้มีความพยายามในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในโครงสร้างของการป้องกันประเทศในมิติต่างๆ การมีความระมัดระวังในการกระทำที่สำคัญ และการใช้ประโยชน์จากศักยภาพและขีดความสามารถต่างๆอย่างมากที่สุด โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “หากว่าเหล่าผู้นำคนก่อนๆของสหรัฐได้เดินตามเส้นทางของระบอบเผด็จการนี้  แน่นอนว่าในวันนี้ การหันแห การก่อสงคราม การสร้างความเสียหาย ความละโมบของพวกสหรัฐฯในสิ่งที่ผู้อื่นมี นั้นก็จะเป็นที่ถูกเปิดเผยและไม่ซ่อนเร้นอีกต่อไป รวมทั้งเส้นทางอันชั่วร้ายนี้ของเหล่าศัตรูก็จะต้องพบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอน”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พลอากาศเอก นะศีรซาเดห์ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ได้กล่าวรายงานถึงความก้าวหน้าของโครงการต่างๆของกองกำลังนี้ ในมิติต่างเช่น การยกระดับขีดความสามารถในการต่อสู้ การสนับสนุนทางกลยุทธ์ และการประกอบชิ้นส่วน ความทันสมัยขององค์การและการยกระดับคุณภาพของกำลังคน โดยที่เขานั้น กล่าวว่า “การวางแบบแผนในการผลิตเครื่องบินไร้คนขับ (โดรน) การจัดการในระบบการป้องกันภัยอย่างชาญฉลาดและการผลิตเครื่องบินที่มีคนขับ การซ่อมแซมเครื่องยนต์และส่วนประกอบของเครื่องบิน การช่วยเหลือต่อผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมด้วยการใช้เครื่องบินในการลำเลียง และการจัดตั้งรถพยาบาลทางอากาศของประเทศ ด้วยกับอุปกรณ์ที่ทันสมัยบนเครื่องบิน ทั้งหมดนี้ นั้นคือ ส่วนหนึ่งของการดำเนินการต่างๆของกองทัพอากาศ”

 

700 /