สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประชาชนชาวแคว้นอาเซอร์ไบจานตะวันออกเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

สหรัฐกำลังจะล่มสลาย ความยิ่งใหญ่ของสหรัฐไม่สามารถสกัดกั้น

ประชาชนหลายพันคนจากแคว้นอาเซอร์ไบจานฝั่งตะวันออก เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า การเข้าร่วมกันในการเลือกตั้งบรรดาสมาชิกผู้แทนราษฏรนั้น เป็นหน้าที่หลักทางศาสนา ชาติและการปฏิวัติอิสลาม อีกทั้งยังเป็นสิทธิของประชาชนทั้งหมดทุกคนอีกด้วย และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงสององค์ประกอบที่สำคัญในการเข้าร่วมกันอย่างมากมาย และการเลือกตั้งที่ดีและถูกต้อง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การเลือกตั้ง คือ การต่อสู้ในรูปแบบทั่วไป ซึ่งเป็นความโปรดปราน และการทดสอบของพระเจ้า หากว่าประชาชนได้เข้าร่วมกันอย่างมากมาย ก็จะเป็นการรักษาเกียรติยศของรัฐอิสลาม การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ และยังเป็นการป้องกันในการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายทั้งหลาย ทั้งยังจะเป็นการที่จะทำให้อิหร่านนั้นมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้อีกเช่นกันถึงความลึกซึ้งของปัญหาต่างๆและการขยายวงกว้างทางสังคมและเศรษฐกิจของสังคมสหรัฐ ซึ่งไม่ได้ตรงกับความจริง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “สหรัฐกำลังจะล่มสลายจากภายใน และความยิ่งใหญ่และความสง่าผ่าเผยแบบผิวเผินก็ไม่อาจที่จะเป็นอุปสรรคขวากกั้นในการล่มสลายนี้ได้”

ในการเข้าพบปะกันครั้งนี้ เนื่องในวโรกาสครบรอบ 42 ปีแห่งการลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนชาวเมืองตับรีซ เมื่อวันที่ 29 เดือนบะห์มัน ปี 1356 (ปฏิทินอิหร่าน) ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ลักษณะอันพิเศษที่สำคัญที่สุดของประชาชนอาเซอร์ไบจานตะวันออก คือ การแสดงถึงเกียรติแห่งชาติ ศาสนาและการปฏิวัติอิสลาม และการเข้าร่วมยังภาคสนามในเวลาที่มีความต้องการและในการป้องกันประเทศ และการปฏิวัติอิสลาม และการมีอัตลักษณ์แห่งศาสนา

โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การเข้าร่วมกันของประชาชนชาวเมืองตับรีซอย่างทันต่อเวลาในช่วง 40 วันของการลุกขึ้นต่อสู้ของชาวเมืองกุม เมื่อวันที่ 19 เดือนเดย์ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งต่อพระเจ้า และการขับเคลื่อนนี้นำไปสู่การเป็นคลื่นลูกโซ่ จนกระทั่งถึงการเริ่มต้นในการขับเคลื่อนโดยทั่วไปของประชาชาติและการล่มสลายของระบอบจอมเผด็จการ ทรราชและการยืนหยัดในการปกครองระบอบอิสลามที่ยังคงมีต่อไปอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้งในวันศุกร์ที่ 2 เดือนอิสฟันด์ มีความสำคัญอย่างมากและเป็นตัวอย่างทางภาคสนามในเวลาที่มีความต้องการ และท่านผู้นำกล่าวว่า “การเลือกตั้งนั้น เป็นการต่อสู้แบบทั่วไป การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศ และการรักษาเกียรติยศของรัฐอิสลาม รวมทั้งการเข้าร่วมกันอย่างมากมายของประชาชนในการลงคะแนนเสียง ด้วยกับความสำเร็จจากพระเจ้า จึงเป็นบ่อเกิดแห่งเกียรติยศและก็จะมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในประเทศอย่างมากอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการโฆษณาชวนเชื่อและความพยายามอย่างกว้างขวางของพวกสหรัฐฯเพื่อให้มีผลต่อสาธารณชนของอิหร่านและการแบ่งแยกประชาชนและบรรดาเยาวชนออกจากรัฐอิสลาม โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ด้วยกับความพยายามเหล่านี้ พวกเขาก็ไม่ได้รับผลลัพท์อะไร ซึ่งตัวอย่างที่เด่นชัดก็คือ การจัดพิธีแห่ศพ (ตัชยีอ์ ) ชะฮีด สุไลมานี และการเดินขบวนวันที่ 22 บะห์มัน ทั้งนี้ การเลือกตั้งบรรดาสมาชิกสภาราษฎร ประชาชนทั้งหลายก็จะแสดงให้เห็นว่า พวกเขานั้นยืนเคียงข้างรัฐอิสลามและจะพิทักษ์รักษามันไว้อีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงสายตาของบรรดามิตรและเหล่าศัตรูต่างจับจ้องในการเลือกตั้งในวันศุกร์นี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เหล่าศัตรูต่างต้องการเห็นถึงผลของความกดดันอย่างมากของสหรัฐและการไม่รักษาคำมั่นสัญญาของพวกยุโรป และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศนั้นจะเป็นอย่างไร ขณะที่บรรดามิตรสหายต่างก็รู้สึกกังวลใจด้วยกับการรอคอยในการเข้าร่วมกันของประชาชนในการเลือกตั้ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “โดยที่จริง ข้าพเจ้าก็เคยกล่าวกับบรรดามิตรของรัฐอิสลามแล้วว่า อย่าได้กังวลใจต่อประชาชาติอิหร่านเลย เพราะว่า ประชาชาตินี้นั้นทราบดีว่าจะต้องกระทำการอย่างไรและรู้ว่าอะไรที่ควรจะกระทำและอะไรที่ไม่ควรกระทำ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้ง จะเป็นการทำลายเจตนารมณ์อันชั่วร้ายของพวกสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และเล่ห์กลอุบายของพวกเขาด้วย โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “วิธีการเดียวในการที่จะทำให้เหล่าศัตรูต้องหมดหวัง ก็คือ การทำให้อิหร่านนั้นมีความแข็งแกร่ง และหนึ่งในตัวอย่างของความแข็งแกร่งของอิหร่าน ก็คือ การทำรัฐสภานั้นมีความแข็งแกร่ง ที่มีความสามารถในการร่างกฏหมายที่จำเป็นและด้วยกับการชี้นำต่อรัฐบาลทั้งหลาย เพื่อนำไปสู่แนวทางที่ถูกต้องในการป้องกันประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในองค์ประกอบของความแข็งแกร่งของรัฐสภา คือ การเข้าร่วมกันของประชาชนอย่างมากที่สุดในการลงคะแนนเสียง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ผลของรัฐสภาไม่ได้เฉพาะเพียงแค่สี่ปีเท่านั้น แต่รัฐสภาที่มีความแข็งแกร่งหรือรัฐสภาที่มีความอ่อนแอก็ด้วยกับการตัดสินใจของพวกเขาที่สามารถจะทำให้เกิดผลในระยะยาวต่อประเทศได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “การเลือกตั้งและการลงคะแนนเสียง เป็นหน้าที่ทางศาสนา ชาติและการปฏิวัติอิสลาม การเฉลิมฉลองแห่งชาติและการตอบรับต่อสิทธิของประชาชนทุกคนในการกำหนดชะตากรรมของประเทศของพวกเขาเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า องค์ประกอบที่สองในการทำให้รัฐสภามีความแข็งแกร่ง คือ การมีคุณภาพในการเลือกตั้ง และท่านยังได้อธิบายถึงคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมในการเป็นตัวแทนของประชาชาติอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “สำหรับรัฐสภาอิสลาม จะต้องเลือกตั้งบุคคลที่มีความศรัทธา ความกล้าหาญ มีประสิทธิภาพ เป็นผู้ที่รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ เต็มไปด้วยกับแรงจูงใจ มีความซื่อสัตย์ต่ออิสลาม ประชาชน การปฏิวัติอิสลาม และประเทศชาติ มีความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู และไม่ยึดติดทางโลกและทรัพย์สิน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ประชาชนควรระมัดระวังในการเลือกบรรดาตัวแทนของพวกเขาอย่างมาก เพราะว่า ในยุคสมัยแห่งการปฏิวัติของเรา ได้มีเหล่าตัวแทนในรัฐสภา ซึ่งขณะนี้พวกเขาได้กลายเป็นสมุนรับใช้ต่อสหรัฐและเหล่าศัตรูของอิหร่านไปแล้ว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเช่นกันถึงการเข้าร่วมกันของบรรดาเยาวชนกับผู้ที่ประสบการณ์ในรัฐสภา โดยท่านกล่าวว่า “รัฐสภาจะต้องประกอบด้วยกับบรรดาเยาวชนและบุคคลที่มีประสบการณ์ ที่ชาญฉลาดและรู้จักวิธีการ ฉะนั้น ความเป็นเยาวชนถือว่า เป็นความจำเป็นอย่างแน่นอนของประเทศ และผู้ที่ขับเคลื่อนหลัก จะต้องเป็นเยาวชนทั้งหลาย แต่ทว่าในการพึ่งพายังเยาวชนนั้น ไม่ได้หมายถึง การไม่ใส่ใจต่อผู้ที่มีประสบการณ์ทั้งหลายเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยึดติดกับเหล่าศัตรูและการตอบสนองต่อพวกเขา คือ  หนึ่งในจุดด้านลบ โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “ประชาชาติอิหร่านนั้นมีจิตวิญญาณในการเชื่อมั่นต่อประเทศชาติและบรรดานักวิชาการส่วนมาก นักการเมืองระดับโลกต่างอธิบายถึงประชาชาติอิหร่านว่าเป็นประชาชาติที่มีความสูงส่ง ความยิ่งใหญ่ มีความแข็งแรงและไม่หวาดกลัวใดๆทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ที่ไม่มีความสามารถในการยืนหยัดและการเชื่อมั่นตนเองในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู พวกเขาก็ไม่สมควรที่จะเป็นตัวแทนของประชาชาติอิหร่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวย้ำถึงความสำคัญอย่างมากในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้ชำนาญการในช่วงกลางสมัยด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “หน้าที่ของสภาผู้ชำนาญการนั้นก็สำคัญอย่างมากและอย่าได้ทำให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้ชำนาญการที่จะเกิดขึ้นในบางเมืองนั้นต้องตกขอบไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “ทุกๆคนที่มีความรักและห่วงใยต่ออิสลาม การปฏิวัติอิสลาม รัฐอิสลามและอิหร่าน จะต้องเข้าร่วมกันในการเลือกตั้งและมีการดำเนินการในการเลือกตั้งอย่างดีและถูกต้อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงรายงานที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายที่มากมายจากการขายน้ำมันโดยแลกกับดอลลาร์ของบางประเทศในภูมิภาคเพื่อช่วยเหลือยังสื่อมวลชนหนึ่งของอังกฤษ ที่เป็นภาษาเปอร์เซียในการทำให้ประชาชนชาวอิหร่านต้องถอยห่างจากการสนใจต่อบุคคลที่ยึดถือยังการปฏิวัติอิสลามในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “รายงานนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของการเลือกตั้งนั้นมีความสำคัญอย่างไรบ้าง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้ง เป็นสนามแห่งการทดสอบของพระเจ้า และท่านผู้นำยังหวังด้วยว่า ประชาชาติอิหร่านจะได้รับความภาคภูมิใจจากการทดสอบครั้งนี้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านเกี่ยวกับคำพูดที่ไร้สาระของเจ้าหน้าที่สหรัฐในกรณีอิหร่านและการเลือกตั้ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “บางทัศนะของเหล่าผู้โง่เขลาเหล่านี้ต้องการทำให้มีผลต่อการเลือกตั้งและด้วยกับเป้าหมายในการทำให้ประชาชนต้องหมดหวังจากการลงคะแนนเสียงและอีกส่วนหนึ่งนั้นเกิดขึ้นจากการตอบสนองนั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การตอบสนองของพวกสหรัฐ เป็นผลที่มาจากปฏิกิริยาในการลอบสังหารนายพล สุไลมานี โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในประเด็นนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐและเหล่าผู้ที่รายล้อมพวกเขาได้ตอบสนองและเข้าใจว่าการกระทำของพวกเขานั้นไม่ถูกต้อง เพราะว่าทั้งในประเทศสหรัฐเองและในโลกต่างก็โจมตีต่อพวกเขาด้วยกันทั้งนั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “สหรัฐนั้นต้องการที่จะทำให้การลอบสังหารนายพล ผู้ทรงเกียรติของเรานั้น มีผลต่อภูมิภาคอย่างลึกซึ้งและจะได้เข้ามาครอบงำในภูมิภาค  แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม ขณะที่การเดินขบวนที่ยิ่งใหญ่ในการต่อต้านสหรัฐในกรุงแบกแดด ประเด็นปัญหาซีเรีย และจังหวัดอาเลปโป และประเด็นอื่นๆในภูมิภาค นี่คือ จุดที่ถูกต้องที่ตรงกันข้ามกับความต้องการของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง เป้าหมายหนึ่งจากคำพูดที่ไร้สาระครั้งล่าสุดของพวกเขา ถือว่าเป็นการชดเชยในการตอบสนองเหล่านี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเป็นชะฮีดของ นายพล สุไลมานี คือ การสูญเสียที่ขมขื่น และท่านผู้นำกล่าวว่า “ชะฮีด สุไลมานีนั้น เป็นผู้ที่มีความดีอย่างมาก มีประโยชน์ และควรค่าต่อการยกย่องอย่างแท้จริง แต่ชัยชนะได้เกิดขึ้นในเหตุการณ์นี้ด้วยกับความโปรดปรานของพระเจ้า เพราะว่า ท่านผู้สูงส่งผู้นี้ ได้รับทั้งความดีงามทั้งสอง กล่าวคือ ชัยชนะและการเป็นชะฮีด เนื่องจากในหลายปีที่ผ่านมา นายพล สุไลมานีได้รับชัยชนะในสมรภูมิรบทั้งหลาย ขณะที่พวกสหรัฐและเหล่าสมุนต่างๆของพวกเขาต่างหากที่เป็นผู้ปราชัย และในที่สุด เขาก็ได้รับความสำเร็จในการเป็นชะฮีดอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่หลายสิบล้านคนในพิธีการแห่ศพของชะฮีด สุไลมานี คือ เกียรติของพระเจ้าที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ เอกภาพ การเข้ากัน การรู้จักถึงคุณค่า การมีบะศีเราะฮ์ (การรู้แจ้งเห็นจริง) ของประชาชาติอิหร่าน โดยท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงความเห็นอกเห็นใจของประเทศทั้งหลายกับประชาชนชาวอิหร่านในเหตุการณ์นี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ได้มีการจัดพิธีรำลึกถึงชะฮีด สุไลมานีถึงหนึ่งพันครั้งในประเทศหนึ่ง ซึ่งในความจริงนี้นั้นเต็มไปด้วยกับความรัก แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์อันลึกซึ้งของรัฐอิสลาม ดังนั้น ด้านในของเหตุการณ์นี้นั้นมีความแตกต่างกับด้านนอกที่เห็นว่ามีความขมขื่นอย่างมาก แต่ในฝ่ายสัจธรรมถือว่าเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงถ้อยคำพูดของท่านอิมามโคมัยนี ผู้ทรงเกียรติ ในการสูญเสียบุตรชายของท่าน มัรฮูม ฮัจญ์ ออกอ มุศฏอฟา  คือ ความโปรดปรานที่ซ่อนเร้นของพระเจ้า โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในเวลานั้น ไม่มีผู้ใดที่เข้าใจในคำพูดของท่านอิมาม แต่หลังจากการขับเคลื่อนของประชาชนชาวอิหร่านและปฏิกิริยาของสำนักราชวัง และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองกุม และเมืองตับรีซ และการเริ่มต้นในการขับเคลื่อนแบบทั่วไปของประชาชาติ จนเป็นสาเหตุทำให้ระบอบการปกครองทรราชต้องล่มสลายลง ความหมายนี้นั้นจึงเป็นที่ประจักษ์ และเช่นกัน ในเหตุการณ์อันขมขื่นในการเป็นชะฮีดของนายพล สุไลมานี ศัตรูต่างก็คิดว่าจะเป็นการสร้างความเสียหาย แต่ด้านในของเหตุการณ์ คือ ชัยชนะและการปราชัยของศัตรูที่เลวร้าย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ยังได้เน้นอีกว่า ศัตรูไม่ได้พ่ายแพ้เพียงในเหตุการณ์นี้ แต่ในการต่อสู้กับประชาชาติอิหร่าน ในตลอด 40 ปี พวกเขาก็ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พวกสหรัฐ ในช่วงตลอด 40 ปี ได้ใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ทางการเมือง การทหาร ความมั่นคง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การสื่อสาร และทุกๆการดำเนินการที่เป็นไปได้ในการโค่นล้มรัฐอิสลาม แต่รัฐอิสลามก็มิได้ถูกโค่นล้ม แต่ทว่ายังมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมหลายพันเท่า ในทางตรงกันข้าม สหรัฐกลับอ่อนแอลงมากกว่าเดิมเสียอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังอธิบายถึงความอ่อนแอที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวันของสหรัฐที่ภายนอกของพวกเขานั้นดูสวยงาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “สหรัฐในวันนี้ ได้เป็นหนี้ที่มากที่สุดในโลกถึง 22 พันล้านล้านดอลลาร์ การแบ่งแยกทางชนชั้นในประเทศนี้ ก็เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่งและมีมากกว่าเดิมเสียอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงตัวอย่างของปัญหาที่ลึกซึ้งของสหรัฐจากคำพูดของหนึ่งในสมาชิกวุฒิสภาของประเทศนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “นักการเมืองสหรัฐผู้นี้บอกว่า รัฐบาลทรัมป์ ได้เพิ่มจำนวนคนที่ร่ำรวยของสหรัฐถึง 5 คน ด้วยกัน ที่มีทรัพย์สินมากกว่า 100 พันล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ความร่ำรวยของทั้งสามคน จากหมู่พวกเขานั้นเท่ากับจำนวนครึ่งหนึ่งของประชากรสหรัฐ ที่ 80 เปอร์เซ็นนั้นเป็นผู้ใช้แรงงานที่ยากจน และเงินเดือนของพวกเขาก็ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพของพวกเขา และทุกๆ 5 คนของชาวอเมริกา มีเพียงคนเดียวที่มีความสามารถในการซื้อยารักษาโรค การเกิดช่องว่างระหว่างความมั่งคั่งของชนผิวขาวกับชนผิวดำของสหรัฐได้เพิ่มมากขึ้นถึง 3 เท่า ในช่วง 50 ปีที่แล้ว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวอ้างถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐ ผู้นี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐบอกว่า สถานการณ์ในยุคสมัยของเขานั้นดีขึ้น แต่ไม่ใช่กับประชาชน แต่สำหรับเหล่าเศรษฐีที่ร่ำรวย ดั่งคำพูดหนึ่งของอดีตประธานาธิบดีอเมริกาที่บอกว่า การปกครองในอเมริกานั้นเฉพาะกับชนชั้นหนึ่งที่พิเศษ โดยปราศจากประชาชน และด้วยกับการติดสินบินทางการเมืองอย่างไร้ขอบเขต”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงสถิติต่างๆและความเป็นจริงที่น่าหวั่นไหวจากการเลือกปฏิบัติ การเกิดช่องว่างของชนชั้นที่ยากจน และการเกิดอาชญากรรมในสหรัฐ เหมือนดั่งปลวกที่กำลังกัดกินประเทศ โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “เหมือนดังเช่นที่เรือสำราญชื่อดังอย่าง “ไททานิค” ที่มีความยิ่งใหญ่อลังการก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการจมน้ำของมัน ขณะที่สหรัฐต่างก็พยายามทำให้เห็นว่าภายนอกมีความยิ่งใหญ่อลังการและก็มิได้เป็นอุปสรรคที่จะไม่ให้จมน้ำด้วยเช่นกัน และสหรัฐจะจมน้ำตายอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า สาธารณรัฐอิสลามนั้นไม่ได้ต่อต้านประชาชาติหรือกลุ่มชาติพันธุ์ใดๆ แต่ได้ต่อต้านกับเหล่ามหาอำนาจ จอมอหังการ ความฉ้อฉลและการละเมิดต่อคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “วันนี้ มหาอำนาจ จอมอหังการ คือ สหรัฐที่อยู่ในกำมือของเหล่าเศรษฐี เจ้าของบริษัททั้งหลายของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ขณะที่ ในโลกนั้นมีความเกลียดชังต่อพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ขณะที่สหรัฐนั้นมีฐานทัพทหารหลายสิบแห่งในหลายประเทศรอบๆเรา แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งได้เกิดปัญหาขึ้น ฐานทัพเหล่านี้ก็จะไม่มีประโยชน์อะไรให้กับพวกสหรัฐเลยและก็ไม่มีประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ขณะที่พวกเขาจะต้องจ่ายเงินให้กับพวกสหรัฐ เพื่อรอคอยความหวังจากพวกเหล่านี้ เพราะว่า สหรัฐ มหาอำนาจนั้นกำลังจะล่มสลาย”

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการรักษาในการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วของรัฐอิสลาม ให้ก้าวไปยังเป้าหมายที่สูงส่ง ด้วยกับการมีความหวังต่อเยาวชนทั้งหลายในการขับเคลื่อนนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยท่านได้กล่าวถึงพวกเขาว่า “เยาวชนที่มีเกียรติยิ่ง พวกท่านจะต้องเตรียมความพร้อมทางความรู้ การปฏิบัติ ประสบการณ์และความศรัทธา เพราะว่าในวันพรุ่งนี้ (อนาคต)ของประเทศนั้นอยู่ในมือของพวกท่าน และพวกท่านยังจะต้องทำให้ประเทศนี้เข้าไปถึงจุดสูงสุด ซึ่งพวกท่านทั้งหลายจะได้เห็นในการกระทำดังกล่าวนี้ หากพระเจ้าทรงประสงค์”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านยังได้ชี้ถึงบทบาทที่มีประสิทธิภาพของประชาชนชาวอาเซอร์ไบจานและเมืองตับรีซ ในเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์และหลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประชาชนชาวอาเซอร์ไบจานได้รุดหน้าในเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งตัวอย่างของมันก็คือ การเคลื่อนไหวเมื่อวันที่ 29 เดือนบะห์มัน ปี 1356 ช่วงสมัยการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ เหตุการณ์วิกฤติปี 1388 การรวมตัวที่ยิ่งใหญ่ในการรำลึกถึงนายพล สุไลมานี และการเดินขบวนของปีนี้เมื่อวันที่ 22 บะห์มัน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นที่มีหิมะตกอย่างหนัก แต่ประชาชนก็ได้เข้าร่วมกันอย่างมากมาย”

ก่อนในการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน อาลิฮาชิม ตัวแทนวะลีย์ฟะกีฮ์ในแคว้นอาเซอร์ไบจานตะวันออก และอิมามนำนมาซวันศุกร์เมืองตับรีซ โดยเขาถือว่า การดำเนินการอย่างทันเวลาในสนามต่างๆในการปกป้องจากการปฏิวัติ คือ คุณลักษณะที่พิเศษอันโดดเด่นของประชาชนชาวเมืองตับรีซ และเขายังได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆในการใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถจากเยาวชนทั้งหลายในก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยเขากล่าวว่า “เรานั้นเชื่อมั่นว่า มัสญิด เป็นแหล่งกำเนิดหลักของกองกำลังแห่งการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งจะต้องมีการวางแบบแผน แนวความคิดและการปฏิบัติ แต่ในทางตรงกันกับศัตรูที่ใช้สงคราม ด้วยกับการพุ่งเป้าไปยังความหวังและความเชื่อมั่นของบรรดาเยาวชนทั้งหลาย”

 

700 /