สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ให้โอวาทประชาชนชาวอิหร่าน เนื่องในวันอีดกุรบาน

โอวาทประชาชนชาวอิหร่าน เนื่องในวันอีดกุรบาน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ เนื่องในวโรกาส วันอีดกุรบาน โดยท่านผู้นำได้เชิญชวนประชาชาติ ผู้มีเกียรติของอิหร่าน ให้เข้าร่วมกันอย่างจริงจังและครอบคลุมในการแข่งขันทางจิตวิญญาณเพื่อช่วยเหลืออย่างเชื่อมั่นต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบและการต่อสู้ของบรรดานักต่อสู้ทางด้านสุขภาพ และท่านผู้นำ ยังได้เน้นย้ำโดยอธิบายถึงเป้าหมายของสหรัฐฯที่มีต่อการก่ออาชญากรรมจากการคว่ำบาตรประเทศอิหร่าน ซึ่งมีด้วยกันในสามระยะ ในระยะยาว ปานกลาง และในระยะสั้น โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ศัตรูกำลังเสาะหากระบวนการในการบิดเบือนต่อข้อเท็จจริงที่ควบคู่ไปกับการคว่ำบาตร แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าและด้วยความฉลาดหลักแหลมทางสติปัญญาและความเข้าใจต่อสหรัฐฯอย่างลึกซึ้งของประชาชาติอิหร่าน จะทำให้พวกเขานั้นไม่บรรลุเป้าหมายแต่อย่างใด  ในขณะที่อิหร่านอันทรงเกียรติ ด้วยความอดทนอดกลั้น ความมั่นคง และความเพียรพยายามของเจ้าหน้าที่โดยส่วนมาก จะดำเนินการต่อไปในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการดำรงชีพของประชาชน ด้วยกับการใช้ศักยภาพภายในประเทศให้ได้มากที่สุด”

 นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงการไว้อาลัยในเดือนมุฮัรรอม โดยเน้นว่า “บรรดาผู้ที่ร่วมไว้อาลัยให้กับท่านอิมามฮุเซน คณะจัดงาน(ฮัยอัต) และบรรดานักขับลำนำสรรเสริญอะฮ์ลุลบัยต์ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องรอฟังคำประกาศของหน่วยป้องกันภัยแห่งชาติการต่อสู้กับโรคโคโรน่าเท่านั้น และนำไปปฏิบัติ เพราะว่าประเด็นนี้ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแสดงความยินดีในวันอีดกุรบานต่อประชาชาติอิหร่าน บรรดามุสลิมทั้งโลก และผู้ที่ยึดถือศาสนาของท่านศาสดาอิบรอฮีม โดยถือว่า ในช่วงสิบวันแรกของเดือนซุลฮิจญะฮ์ เป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำ อันรุ่งโรจน์และการชี้นำ ยังช่วงเวลาแห่งการอ้อนวอนและการตะวัซซุล โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในสิบวันที่สองของเดือนนี้นั้น เต็มไปด้วยกับเกียรติและความสูงส่ง เพราะว่า ในช่วงนี้ มีวันอีดอันยิ่งใหญ่ คือ วันอีดฆอดีร ซึ่งเป็นสัปดาห์แห่งวิลายัต(การประกาศสถานะความเป็นผู้นำของท่านอิมามอะลี) ซึ่งประเด็นนี้ถือว่ามีฐานภาพที่สูงอย่างยิ่งในหมู่หลักการปฏิบัติของพระผู้เป็นเจ้า เพราะว่า วิลายัต นั้นคือ หลักประกันในการดำเนินการของหลักการปฏิบัติทั้งหมดของพระองค์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ในสัปดาห์ที่สามของเดือนซุลฮิจญะฮ์ ก็มีวโรกาสที่สำคัญเช่นกัน อาทิเช่น วันอีดมุบาฮะละฮ์ เป็นอีกสัปดาห์ที่สำคัญยิ่ง ซึ่งเราหวังว่า ประชาชาติจะใช้ช่วงเวลาในสิบวันแรกนี้อย่างมีเกียรติและหลังจากนั้น ในสัปดาห์ที่สอง จะต้องเป็นการสร้างความพึงพอพระทัยต่อพระผู้เป็นเจ้าและทำให้ประชาชาตินั้นได้รับความโชคดี”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การพบปะกับประชาชนทั้งหลาย เป็นการสร้างความสุขและทำให้เกิดความห่วงใยต่อกันและกัน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ไวรัสโคโรน่า นั้นคือ ศัตรูที่ตัวเล็ก แต่กลับมีอันตรายเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนนั้นไม่มีความสุขได้เลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “มีกำหนดที่จะจัดประชุมกันทางวิดีโอคอลแบบนี้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพและการช่วยเหลืออย่างเชื่อมั่น แต่ทางหน่วยป้องกันภัยแห่งชาติเพื่อการต่อสู้กับโรคโคโรน่าได้บอกว่า การรวมตัวที่มากกว่า 10 คนนั้น ถือว่าเป็นที่ต้องห้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่เรานั้นไม่สามารถจัดประชุมดังกล่าวได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเสียสละ คือหนึ่งในลักษณะที่โดดเด่นของประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “วันนี้ ทุกหน่วยงานทางการแพทย์ รวมทั้งบรรดาแพทย์ พยาบาลทั้งหลายและองค์กรอื่นๆที่ได้ดูแลให้บริการแก่เหล่าผู้ป่วยโรคโคโรน่า และยังถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมีอาสาสมัครและประชาชนทั่วไปให้การช่วยเหลืออย่างรีบเร่งด้วยเช่นกัน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจของประชาชนส่วนมากในช่วงการระบาดโรคโคโรน่า โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าในขณะเดียวกันนั้นมีกลุ่มผู้คนจำนวนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบและเกิดปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งจะต้องขยายขบวนการในการช่วยเหลืออย่างกว้างขวาง เพื่อที่จะช่วยเหลือกลุ่มผู้คนเหล่านี้อย่างเร็วที่สุด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ยกหลักฐานจากโองการอัลกุรอาน โดยการเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมกันอย่างจริงใจและความกระตือรือร้นในการแข่งขันทางจิตวิญญาณ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การรีบเร่งสู่การกระทำที่ดี นี้เป็นคำสั่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเน้นย้ำไว้หลายครั้งในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และเป็นการสร้างแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นในการกระทำการงานที่ดีอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกระทำการงานเช่นนี้ คือ ความหมายของการเป็นนักปฏิวัติที่แท้จริง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การให้อาหารในเดือนมุฮัรรอม ก็สามารถที่จะกระทำได้ ด้วยกับการระมัดระวังและการปฏิบัติตามคำสั่งของสาธารณสุข ที่จะได้เข้าถึงการช่วยเหลือครอบครัวทั้งหลายอย่างที่เชื่อมั่นได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการเพียรพยายามทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจังในการรู้จักโรคไวรัสโคโรน่าและหาวิธีการป้องกันและการเยียวยาโรคร้ายนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การเพียรพยายามเหล่านี้ ก็จะต้องขยายออกไปในทุกมิติอย่างกว้างขวางอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยในส่วนที่สอง โดยท่านถือว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐฯเป็นอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ต่อประเทศอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ศัตรูที่ชั่วร้ายนั้น มีหลายเป้าหมายที่แตกต่างกันจากการคว่ำบาตร ซึ่งได้พุ่งเป้าไปยังประชาชาติทั้งหมด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป้าหมายในระยะสั้นของการคว่ำบาตร คือ การสร้างความเบื่อหน่ายและความน่ารำคาญใจให้กับประชาชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ศัตรูนั้นต้องการที่จะสร้างความรำคาญใจให้กับประชาชนทั้งหลาย เพื่อที่จะให้พวกเขานั้นออกมาตามท้องถนนและทำการต่อต้านรัฐบาล ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงบอกว่า เป็นฤดูร้อนที่เดือดระอุ และเราจะบอกกับพวกเขาว่า ขณะนี้ พวกเขาเองนั้นแหละกำลังประสบกับฤดูร้อนที่เดือดระอุ”

การสร้างข้อกำจัดและการไม่ให้เกิดความก้าวหน้าในประเทศ โดยเฉพาะในมิติทางวิทยาศาสตร์ คือ เป้าหมายในระยะปานกลางของพวกสหรัฐฯที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้อธิบาย โดยท่านกล่าวว่า “ศัตรูต่างต้องพยายามที่จะทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านต้องพบกับความล้มละลายและล่มสลาย เพราะว่าการดำเนินชีวิตในรูปแบบนั้น สำหรับประเทศจะเป็นไปไม่ได้เลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การตัดความความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐอิสลาม ศูนย์กลางและขบวนการการยืนหยัดต้านทานในภูมิภาค  เป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของพวกสหรัฐฯที่มีต่อการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยท่านผู้นำได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ว่า “ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้าและความฉลาดหลักแหลมของประชาชาติ  จะทำให้ศัตรูประสบความล้มเหลวในเป้าหมายต่างๆของพวกเขา และตามคำกล่าวของเรา ชาวอิหร่าน ที่ว่า “อูฐที่กำลังฝันถึงเมล็ดฝ้าย” (ความหวังที่ไปไม่ถึง)

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ แน่นอนว่าประเทศนั้นกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆซึ่งส่วนหนึ่งนั้นมาจากการคว่ำบาตร ส่วนหนึ่งมาจากความอ่อนแอและการบริหารจัดการ และอีกส่วนหนึ่งนั้นมาจากโรคโคโรน่า แต่ขณะที่นักคิดและนักเคลื่อนไหวชาวตะวันตกจำนวนหนึ่งได้ยอมรับอย่างชัดเจนว่า ถึงแม้ศัตรูจะเพียรพยายามมากเพียงใด ก็จะไม่บรรลุยังเป้าหมายของตนในการก่ออาชญากรรมจากการคว่ำบาตรได้เลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นถึงกระบวนการบิดเบือนข้อเท็จที่ควบคู่ไปกับการคว่ำบาตรและเป็นการฉายภาพที่ตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เป้าหมายของกระบวนการนี้ คือ การสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับการมีกำลังใจของประชาชน และการให้ที่อยู่ที่ผิดพลาดในประเด็นการเยียวยาจากการคว่ำบาตร”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงคำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและการโฆษณาชวนเชื่ออย่างกว้างขวางของสื่อต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาในการบิดเบือนข้อเท็จจริงของอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เป้าหมายของศัตรู คือ การทำให้ประชาชนนั้นไม่มีความสุขและหมดความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาเยาวชน เพื่อที่จะทำให้ประเทศนั้นพบกับทางตันและไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การบิดเบือนข้อเท็จจริง คือ จุดที่คงที่ของการโฆษณาชวนเชื่อของสื่อตะวันตกในช่วงสี่สิบเอ็ดปีที่ผ่านมา โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในจุดนี้ของการโฆษณาชวนเชื่อ เป็นจุดแข็งที่โดยรวมนั้นจะต้องถูกปฏิเสธหรือนิ่งเฉยในกรณีนี้ แต่ถ้าหากว่ามีจุดอ่อน ก็จะทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่จนกลายเป็นสิบ หรือหลายร้อยเท่าด้วยกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงกรณีของการให้ที่อยู่ที่ผิดพลาดในการยกเลิกการคว่ำบาตร โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในจุดนี้ของการโฆษณาชวนเชื่อกล่าวกันว่า ถ้าพวกท่านต้องการที่จะยกเลิกการคว่ำบาตร ก็จะต้องยอมอ่อนข้อและไม่ต่อต้าน แต่ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่บางคนในประเทศกลับให้ที่อยู่ที่ผิดพลาดอีกหลายครั้ง แต่ในจุดนี้ไม่มีผลต่อประชาชาติอิหร่านส่วนมาก เนื่องจากพวกเขารู้จักศัตรูและเจตนารมณ์ของพวกเหล่านี้ดี”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า กระบวนการในการบิดเบือนข้อเท็จจริงจะยังไม่บรรลุถึงเป้าหมาย โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หากว่ากระบวนการในการบิดเบือนจะต้องพบกับความล้มเหลว กระบวนการคว่ำบาตรก็จะต้องพบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอน เพราะเวทีในปัจจุบันเป็นสนามภูมิรบทางด้านเจตจำนง และถ้าหากว่าประชาชาติอิหร่านนั้นมีความมั่นคง ก็จะเอาชนะเหนือเจตจำนงของศัตรูไปได้”

 อีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง คือ ประเด็นการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดจากการคว่ำบาตรในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า แม้ว่าการคว่ำบาตรนั้น เป็นอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่ทว่าประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาเยาวชน เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย บรรดานักวิชาการและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง จะต้องใช้ประโยชน์จากประเด็นนี้สำหรับการเพิ่มพูนการพึ่งพาตนเองในระดับชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “การผลิตเครื่องบินฝึกอบรมและอุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อน การจัดตั้งบริษัทฐานความรู้หลายพันบริษัท การก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ในอ่าวเปอร์เซียโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม( IRGC)  การดำเนินการที่สำคัญใน South Pars  โครงการของกระทรวงพลังงานในด้านพลังงานน้ำและพลังงานไฟฟ้า โครงการของกระทรวงคมนาคมและการผลิตทางด้านการป้องกันน่าอัศจรรย์ ทั้งหมดนี้ เป็นโครงการต่างที่ได้ดำเนินการไปในช่วงเวลาการคว่ำบาตร

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในผลลัพท์ของช่วงเวลาการคว่ำบาตร คือ การฝึกฝนให้มีการแยกออกของเศรษฐกิจประเทศจากการพึ่งพาน้ำมัน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ด้วยเหตุผลที่ว่า การซื้อขายน้ำมันในประเทศนั้นลดน้อยลง ก็จะต้องแยกเศรษฐกิจออกจากน้ำมันดิบที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งประเด็นนี้ ทั้งรัฐบาลและรัฐสภา จะต้องมีการติดตามในประเด็นนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ตอบคำถามที่สำคัญที่ว่า  “การคว่ำบาตรจะสามารถเยียวยาได้หรือไม่? โดยท่านกล่าวว่า “การคว่ำบาตรนั้นสามารถที่จะเยียวยาได้อย่างแน่นอน แต่การเยียวยา ไม่ใช่การถอยห่างหรือการยอมอ่อนข้อในการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ เพราะว่าการถอยห่างนั้นจะนำไปสู่การรุกรานของผู้ละเมิด”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ความต้องการในวันนี้ของสหรัฐนั้นก็คือ การต้องการให้อิหร่านยกเลิกอุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ การลดขีดความสามารถอย่างมากจากการป้องกันประเทศและการละทิ้งความเป็นผู้มีอำนาจในระดับภูมิภาค แต่การยอมรับข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะไม่ทำให้สหรัฐฯต้องถอยห่างออกไปและไม่มีผู้ที่มีสติปัญญาคนใดที่จะตัดสินว่า เพื่อยับยั้งผู้รุกราน เราจะต้องตอบรับข้อเรียกร้องของพวกเขา”  

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงความเสียใจจากคำกล่าวที่ย้ำหลายครั้งของศัตรูที่ว่า อุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์นั้น ไม่มีประโยชน์ใดๆจากปากของกลุ่มผู้คนจำนวนหนึ่งในประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “อุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์นั้น เป็นสิ่งที่ประเทศมีความต้องการอย่างแน่นอนในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและในวันนี้ เราก็จะต้องคิดถึงในวันพรุ่งนี้อีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำถึงการขาดทุนอย่างมากมายในข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่ทว่าหลักการของอุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์นั้นยังได้รับการเก็บรักษาไว้ โดยเฉพาะในข้ออ้างของพวกสหรัฐฯสำหรับการเจรจากับอิหร่าน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ข้าพเจ้าเคยกล่าวหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับกรณีของการไม่เข้าเจรจากับสหรัฐ แต่บางคนกลับไม่สนใจหรือทำเป็นไม่สนใจแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “เป้าหมายหลักของสหรัฐจากข้ออ้างในการเจรจา คือ การที่จะยึดเอาขีดความสามารถที่สำคัญของประชาชาติอิหร่านไป แต่ทว่า ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐกลับแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว และในการเลือกตั้ง ดั่งเช่น การใช้ประโยชน์จากการโฆษณาชวนเชื่อด้วยการเข้าร่วมเจรจากับเกาหลีเหนือ เป็นต้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกำลังเจรจากับทุกประเทศ ยกเว้นสหรัฐอเมริกา และระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์  โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การเยียวยาในการคว่ำบาตร ไม่ใช่การถอยห่างออกไปและการเจรจากับศัตรู แต่ทว่า การเยียวยาอย่างแท้จริง คือ การพึ่งพายังขีดความสามารถในระดับชาติ  และการเข้าสู่ภาคสนามของบรรดาเยาวชนและการฟื้นฟูศักยภาพต่างๆมากมายในประเทศ กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า การปฏิบัติตามองค์ประกอบของเศรษฐกิจในการต้านทาน หมายถึง การสร้างศักยภาพจากภายในและส่งออกนอกประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นว่า “เรานั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกในประเทศและมีศักยภาพระหว่างประเทศ ที่จะต้องมีการบริหารแบบญิฮาดีและการทำให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงการที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นมีมิตรสหายที่มีประสิทธิภาพในโลก แต่ทว่าการพึ่งพาที่แท้จริงของรัฐอิสลาม ก็คือ การพึ่งพายังพระเจ้าและประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การพึ่งพายังสิ่งอำนวยความสะดวกและความเป็นอิสรภาพในประเทศ ทั้งเหล่าศัตรูและผู้ที่ประสงค์ร้ายต่างก็มีด้วยกันทั้งนั้น ดั่งบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์ตนเอง ก็จะนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ ซึ่งในความเป็นจริง เขาคือ ผู้ที่ทรยศ และด้วยกับการเน้นย้ำหลายต่อหลายครั้งแล้ว ก็ยังมีการนำเข้าสินค้าที่สามารถจะผลิตในประเทศได้อีกต่อไป”

ประเด็นสุดท้าย ที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวถึงกรณีการคว่ำบาตร คือ “การไม่ยึดติดกับคำสัญญาจอมปลอมของผู้อื่น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “ในปี 1397 (ปฏิทินอิหร่าน) หลังจากการถอนตัวของสหรัฐฯออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่สิ่งที่ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ประเทศต้องเสียเวลาจากการรอคอยคำสัญญาของพวกยุโรป และเศรษฐกิจของประเทศนั้นต้องถูกตั้งเงื่อนไข ในขณะที่ต้องสูญเสียเวลาอย่างมากทางเศรษฐกิจด้วยกับคำมั่นสัญญาของผู้อื่น ซึ่งถือได้ว่า นี้มีผลเสียเป็นอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พวกยุโรปนั้นไม่ได้กระทำการอะไรเลยในการเผชิญหน้ากับการคว่ำบาตรของสหรัฐ และสิ่งที่พวกเขา เรียกมันว่า INSTEX คือ การละเล่นที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ของการปราศรัยของท่าน โดยเน้นว่า “การเยียวยาจากการคว่ำบาตร คือ การใช้ประโยชน์จากศักยภาพในประเทศที่จะต้องมีการเพียรพยายาม” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงสินค้าราคาแพงและปัญหาหลักของครัวเรือนในการดำรงชีพ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เราได้หารือหามาตรการที่จำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ในที่ประชุมส่วนตัวกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ รวมทั้ง ท่านประธานาธิบดี และเราจะขอกล่าวเน้นย้ำกับหน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัญหาเร่งด่วนในภาคเศรษฐกิจ การควบคุมความผันผวนของราคาสินค้า การรักษาเสถียรภาพของตลาดและการรักษามูลค่าสกุลเงินของชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในขณะที่มีการขึ้นราคาสินค้าเป็นรายวัน และการแข็งค่าของสกุลเงินถือว่าเป็นอันตรายต่อประเทศอย่างมากและผู้ที่คุ้นเคยกับบรรดาผู้บริหาร ต่างเชื่อว่า ปัญหานี้จะสามารถควบคุมได้ด้วยการบริหารจัดการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานข้อกฏหมาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “กรณีของค่าสกุลเงิน ธนาคารกลาง ได้มีความพยายามอย่างมาก ซึ่งหากพระเจ้าทรงประสงค์ ก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และก็มีรายงานที่น่าเชื่อถืออีกว่า ด้วยกับเหตุผลทางการเมืองและความมั่นคง ในการเพิ่มราคาของสกุลเงินที่มีมากกว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจ ซึ่งเราก็จะต้องมีการจัดการกับบุคคลเหล่านี้อีกด้วย” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประเด็นการควบคุมสภาพคล่องเพื่อนำไปสู่การผลิต และเช่นเดียวกัน การขจัดอุปสรรคในการมุ่งหน้าสู่การผลิต คือ หนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญของเศรษฐกิจในของประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “นักวิชาการบางคน ได้แนะนำให้ผู้นำทั้งสามสภา มีการจัดตั้งทีมงานในการทำความเข้าใจและร่วมขจัดอุปสรรคในการผลิต

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปฏิรูปพื้นฐานในเศรษฐกิจของประเทศ คือ การปฏิรูปโครงสร้างงบประมาณ ระบบธนาคาร การส่งเสริมในการลงทุนและการสร้างงาน  และการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “กรณีเหล่านี้ ได้อนุมัติในที่ประชุมสภาระดับสูงในความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้กับเหล่าผู้นำสภาทั้งหลายได้รับทราบ เมื่อสองปีที่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าด้วยกับความพยายามอย่างมาก ยังไม่เห็นมีความคืบหน้ามากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เรานั้นรู้ดีว่าเราต้องการที่จะกระทำการอะไรและมีรูปแบบแผนงานอย่างไร”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความอดทนอดกลั้นและความมั่นคง  คือสองความต้องการหลักในอนาคตของประเทศ โดยท่านได้เน้นว่า ด้วยกับการมีศรัทธาต่อศาสนาและความไว้วางใจของประชาชนต่อของรัฐอิสลาม ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชาติมีความมั่นคงที่ดีเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องมีการกระทำแบบญิฮาดี และการแสดงออกถึงการมีความอดทน และความมั่นคง และการออกห่างจากการสงสัยและความกังวลใจ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ปัญหาหลักของศัตรู หมายถึง สหรัฐนั้นมีขนาดใหญ่อย่างมากและไม่อาจที่จะเปรียบเทียบกับปัญหาต่างๆของอิหร่านได้ โดยท่านยังถือว่า ตัวอย่างของปัญหาของสหรัฐในวันนี้ อาทิเช่น การแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ การเหยียดสีผิว ปัญหาทางเศรษฐกิจ และปัญหาการว่างงานอย่างกว้างขวาง ปัญหาการบริหารจัดการกับโรคร้ายโคโรน่า และการบริหารสังคมที่อ่อนแอ เป็นเหตุให้เกิดความไร้ซึ่งเมตตา การเข่นฆ่า และการทรมาน ด้วยน้ำมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “วันนี้ สหรัฐนั้น มีความที่น่ารังเกียจและจะถูกโดดเดี่ยวอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัตอิสลาม ยังได้เน้นว่า “เหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาเป็นดั่งเปลวเพลิงที่อยู่ใต้กองเถ้าถ่านที่จุดประกาย และแม้ว่ามันจะถูกดับมอดไหม้ลงก็ตาม แต่มันก็จะจุดประกายขึ้นอีกครั้งและระบอบการปกครองของสหรัฐในปัจจุบันก็จะต้องพบกับความล่มสลาย เพราะว่าทั้งปรัชญาทางการเมืองและเศรษฐกิจของระบอบนี้นั้น มีข้อผิดพลาดและจะต้องถูกทำลายอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า คำพูดซ้ำๆ ของเจ้าหน้าที่สหรัฐที่มีต่ออิหร่านนั้นเป็นสัญญาณของความสับสนของพวกเขาเอง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การบริหารงานของสหรัฐฯนั้นมีการมึนงงและสับสน ขณะที่พวกสหรัฐฯนั้นต้องการที่จะเสาะหาศัตรู ด้วยเหตุนี้ บางครั้งพวกเขาได้พูดถึงอิหร่าน บางครั้งได้พูดถึงรัสเซียและจีน แต่ในวันนี้ ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐฯ กลับกลายเป็นประชาชนของตนเอง และศัตรูเหล่านี้ก็จะทำให้ระบอบนี้ต้องยอมจำนน”

 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นอีกครั้งในการมีความอดทน ความมั่นคงและการกระทำในรูปแบบญิฮาดี โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “รัฐบาลนี้ กำลังจะสิ้นสุดในภารกิจของพวกเขา แม้ว่าในตลอดระยะเวลาช่วง 7 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ก็ได้มีความพยายามอย่างดีที่สุด และบางส่วนก็มีการดำเนินการอย่างดีเป็นอย่างมาก และหลังจากนี้ รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา ก็จะต้องมีการติดตามการงานต่างๆอย่างจริงจังและอย่างต่อเนื่อง”

 ในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านผู้นำได้ชี้ถึงประเด็นการจัดงานไว้อาลัยในเดือนมุฮัรรอม โดยท่านได้เน้นว่า “การจัดงานไว้อาลัยนั้นขึ้นอยู่กับหน่วยงานแห่งชาติในการป้องกันภัยโรคโคโรน่าที่จะมีการประกาศ แต่ทว่าอย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าก็จะปฏิบัติตามคำเตือนของพวกเขาอย่างเคร่งครัด และข้าพเจ้าจะขอกล่าวเตือนถึงบรรดาผู้ไว้อาลัยทั้งหลาย คณะจัดงาน(ฮัยอัต) นักบรรยายศาสนธรรม และบรรดานักขับลำนำสรรเสริญอะฮ์ลุลบัยต์ ก็เช่นกัน ซึ่งพวกเขา จะต้องรักษากฏเกณฑ์ของหน่วยงานแห่งชาติในการป้องกันโรคโคโรน่า เพราะว่า หากมีการละเลยจากการระมัดระวังและการควบคุมเหล่านี้ อาจจะสร้างความหายนะครั้งยิ่งใหญ่ให้เกิดขึ้นก็ได้”

 

700 /