สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีและบรรดาเจ้าหน้าที่ศูนย์การป้องกันแห่งชาติโรคโคโรน่า เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

ต้องตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆในการเผชิญกับโรคโคโรน่า

 อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวขอบคุณต่อการปฏิบัติงานของบรรดาเจ้าหน้าที่ศูนย์การป้องกันโรคโคโรน่าแห่งชาติ พร้อมทั้งได้เน้นย้ำถึงข้อเสนอแนะที่สำคัญและความจำเป็นในการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและการโน้มน้าวทางความคิดของสาธารณชน รวมทั้งการให้ความร่วมมือของทุกหน่วยงานและประชาชนทุกๆคนในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันเลวร้ายจากการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าทั่วโลก

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงและชัดเจนต่อรัฐบาลและประธานาธิบดี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ศูนย์การป้องกันโคโรน่าแห่งชาติในการดำเนินการของบางบุคคลและการดูหมิ่นพวกเขา โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “การดูหมิ่น ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม ขณะที่การวิพากษ์วิจารณ์นั้นมีความแตกต่างจากการดูถูกเหยียดหยาม ในขณะเดียวกัน ในวันนี้ประเทศนั้นต้องการความร่วมมือ ความเป็นเอกภาพ และความสามัคคีร่วมกันอย่างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม” 

ในช่วงต้นของการกล่าวปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านได้อธิบายถึงวัตถุประสงค์ของการประชุมในครั้งนี้ ซึ่งถูกจัดขึ้นตามคำเชิญชวนของท่านผู้นำ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่น่าเศร้าใจจากการแพร่ระบาดโรคไวรัสโคโรน่าในประเทศ และความจำเป็นในการเพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าและการมีนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อจัดการกับไวรัสร้ายนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า เรื่องนี้ คือ ประเด็นหลัก ในขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ได้เกิดขึ้นไปทั่วทั้งโลกในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งไม่ได้เฉพาะกับประเทศอิหร่านเท่านั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงวิธีการบริหารจัดการโรคไวรัสร้ายนี้ที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆโดยท่านผู้นำ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในบางประเทศ เช่น ในสหรัฐอเมริกา ก็มีการบริหารจัดการที่เลวร้ายที่สุด แต่ทว่าเรานั้นจะต้องมีความพยายามที่จะก้าวผ่านเหตุการณ์นี้ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของประชาชน ความมั่นคงและเศรษฐกิจของพวกเขา ด้วยการบริหารงานที่ดีที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความจำเป็นในการบริหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม คือ การตัดสินใจอย่างเด็ดขาด การโน้นน้าวทางความคิดของสาธารณชน และความร่วมมือของทุกหน่วยงานและความร่วมมือของประชาชนทุกๆคนเช่นเดียวกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ความร่วมมือเหล่านี้ มิได้เฉพาะกับการเผชิญหน้ากับโรคโคโรน่า แต่ทว่าจะต้องเกิดขึ้นในทุกประเด็น โดยเฉพาะในประเด็นการเมือง เพราะว่า ประเทศนั้นมีประชาชาติที่เข้มแข็ง มีระบอบที่อุบัติขึ้นใหม่ และมีวาทกรรมใหม่ๆ ซึ่งตามธรรมชาตินั้นได้เผชิญกับประเด็นสำคัญในเวทีระดับโลกและในประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการสร้างเอกภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงการดำเนินการครั้งล่าสุดของบางบุคคลในการเผชิญหน้ากับรัฐบาลและตัวของท่านประธานาธิบดีเอง โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “แม้ว่าในหมู่พี่น้องเหล่านี้ จะมีคนดีอยู่ด้วยก็ตาม แต่ทว่า การกระทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นความผิดพลาด และข้าพเจ้าก็ได้ประกาศอย่างชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นนี้ไปแล้ว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การวิพากษ์วิจารณ์ มิใช่เป็นการดูถูกเหยียดหยาม โดยท่านผู้นำ ได้กล่าวเสริมว่า “การดูถูกเหยียดหยามในหมู่ประชาชนทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งที่ต้องห้าม และในระดับเจ้าหน้าที่นั้นสูงส่งยิ่งกว่า โดยเฉพาะกับในระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เป็นไปได้ว่า พวกท่านนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างถูกต้อง พวกท่านก็จงวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งถือได้ว่าไม่ได้มีปัญหาใดๆ แต่การกล่าววิพากษ์วิจารณ์นั้นมีความแตกต่างกับการดูถูกเหยียดหยาม เพระว่า พฤติกรรมและการดูถูกเหยียดหยามนั้นเป็นวิธีการของพวกสหรัฐ ซึ่งเราจะเห็นได้จากการดีเบตต่างๆ การกระทำของสื่อมวลชนของพวกเขา ซึ่งพวกเขาได้พบกับความอัปยศอดสูในโลกนี้  ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ทางการเมืองผู้เลื่องลือคนหนึ่ง บอกว่า โลกนี้ได้มองดูเราอย่างหวาดกลัวและด้วยความอัปยศอดสู”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า “วิธีการของพวกเรา คือ วิธีการของอิสลามและอัลกุรอาน ซึ่งหมายถึง มีการแสดงความคิดเห็นด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่อนุญาตให้มีการดูถูกเหยียดหยาดเป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวสรุปไว้ในประเด็นนี้ โดยกล่าวว่า “เราจะต้องรักษาเกียรติของเหล่าผู้นำทั้งสามสภา และบรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศ ซึ่งพวกเขาได้รับใช้และให้บริการต่อประชาชนทั้งหลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม หลังจากที่อธิบายถึงประเด็นสำคัญนี้แล้ว ท่านผู้นำก็ย้อนกลับไปที่ประเด็นโคโรน่า โดยชี้ไปที่ประเด็นทางด้านสุขภาพ ความมั่นคง และเศรษฐกิจในการตัดสินใจที่เกี่ยวกับโรคร้ายนี้ และความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกันระหว่างประเด็นเหล่านี้ โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “เนื่องจากด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจก็เกิดขึ้นมาจากโรคร้ายนี้ ฉะนั้น หลักการและลำดับความสำคัญในการตัดสินใจ ก็คือ สุขภาพของประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวขอบคุณต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ศูนย์การป้องกันแห่งชาติโรคโคโรน่า และสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้อง โดยถือว่า การปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นการดำเนินการที่ยอดเยี่ยมและการญิฮาด (การต่อสู้) ในแนวทางพระผู้เป็นเจ้า หลังจากนั้น ท่านผู้นำได้กล่าวถึงข้อเสนอแนะที่สำคัญ

ข้อเสนอแนะ ประการแรกของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี คือ ความจำเป็นในการจัดตั้งฐานและการปฏิบัติการอย่างเร่งด่วน เพื่อดำเนินการตามการตัดสินใจของศูนย์การป้องกันแห่งชาติโรคโคโรน่าและการตรวจสอบในการดำเนินการ

ข้อเสนอแนะนำ ประการต่อไปของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การทำให้กระทรวงสาธารณสุขกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับการกำหนดมาตรการบังคับและข้อจำกัดต่างๆ 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ขณะที่ กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดมาตรการบังคับและข้อจำกัดต่างๆ และหน่วยงานอื่นๆ ก็จะต้องมีความระมัดระวังและนำไปปฏิบัติโดยที่ไม่ต้องคำนึงในข้อพิจารณาอื่นๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “การควบคุมจุดการเข้าออกในประเทศอย่างแม่นยำ การจำกัดในการจราจรที่ไม่จำเป็นระหว่างเมือง พร้อมกับการโน้มน้าวผู้คนและการออกกฎระเบียบที่เข้มงวดในการคมนาคมในเมืองและในสภาพแวดล้อมสาธารณะ คือ ตัวอย่างของมาตรการจำกัด ซึ่งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผู้รับผิดชอบหลักการในการดำเนินการและการตรวจสอบ”

การอบรมสาธารณชนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดและวิธีการป้องกันในรูปแบบพื้นที่ใกล้เคียง ด้วยการใช้ศักยภาพของมัสยิดทั้งหลายและกลุ่มอาสาสมัคร แต่ด้วยกับการที่ทำให้กระทรวงสาธารณสุขและความร่วมมือของกระทรวงการชี้นำกับองค์กรสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติเป็นแกนหลัก  และความจำเป็นในการกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการบังคับทางด้านสาธารณสุข  ทั้งหมดนี้นั้นคือ ข้อเสนอแนะทั้งหลายของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ในการเผชิญหน้ากับโคโรน่า

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงสถานการณ์ของการดำเนินชีวิตที่ยากลำบากของบางบุคคลและการประกอบอาชีพ ด้วยกับบทลงโทษที่รุนแรง โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในประเด็นนี้ รัฐบาลจะต้องมีการพิจารณาถุงยังชีพ ซึ่งบรรดาผู้มีจิตกุศลและประชาชนจะต้องเข้าสู่ภาคสนาม และการช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ เพราะว่า การกระทำเช่นนี้ คือ การกระทำที่ดีที่สุด และเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเข้าใกล้ชิดพระเจ้า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความสำคัญของการเผชิญหน้ากับโรคร้ายนี้ ในวันแรกๆของการแพร่ระบาด โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “ตามการยืนยันของบรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากว่าวันแรกหรือสองวันในช่วงแรก ได้มีการค้นหาเหล่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคและการดำเนินการเพื่อรักษาเยียวยาพวกเขา ความสูญเสียจะน้อยลง ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความเป็นจำเป็นอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า การลดจำนวนน้อยลงของผู้เข้าถึงหน่วยงานการบริหาร ด้วยการเพิ่มการบริการทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ โดยการเสนอแนะให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “ช่างน่าเสียใจยิ่งนักที่เจ้าหน้าที่บางคนไม่ได้ให้ความสำคัญในมาตรการ เช่น ในกรณีการสวมหน้ากากอนามัยด้วยวิธีการที่ถูกต้อง หรือการรักษาในระยะห่าง ซึ่งจากการไม่เอาใจใส่ในประเด็นเหล่านี้ก็จะส่งผลเสียต่อสาธารณชนทั่วไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นต่อการให้บริการทางพลังงานมนุษย์ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้นมีความต้องการ จากการวิจัยเพื่อการผลิตยาและวัคซีนในการรักษาโรคโคโรน่า โดยท่านผู้นำได้กล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง

"การรับฟังคำพูด คำเดียว จากการประชุมของศูนย์การป้องกันโรคโคโรน่า คือ ข้อเสนอแนะอีกประการหนึ่งของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการมีอาสาสมัครจำนวนมากในช่วงเดือนแรกๆของการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า และการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การช่วยเหลือต่อบรรดาพยาบาล การฉีดยาฆ่าเชื้อในหน่วยงานต่างๆและทางเดินเท้า การให้คำแนะนำต่อครอบครัวและการช่วยเหลือต่อผู้สูงอายุ โดยท่านได้เน้นย้ำถึงการดำเนินการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง และการเชิญชวนให้บรรดาอาสาสมัครที่บริสุทธิ์ใจและเหล่าเยาวชน ผู้ศรัทธาและมีความชอบธรรมทั้งหลาย เข้าสู่ภาคสนามอีกครั้ง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการว่างงานของบางคน เนื่องมาจากโรคโคโรน่า โดยที่ไม่มีการประกันสังคมจากการว่างงาน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประกันสังคม จะต้องมีหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งการเข้ามาของบรรดาผู้มีจิตกุศลในประเด็นนี้ ถือว่าเป็นการให้ทานที่ดีที่สุด”

ในช่วงท้ายจากการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงความสำคัญอย่างน่าอัศจรรย์ของดุอาอ์ (การขอพร) การตะวัซซุล(สื่อกลาง)  และการอิสติฆฟาร( การขอลุแก่โทษ)จากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อการบรรเทาทุกข์จากการทดสอบต่างๆ โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้กล่าวไปนั้น เป็นเพียงสื่อกลางเท่านั้น และสิ่งที่เป็นสื่อกลางเหล่านี้ จะทำให้ชีวิตและจิตวิญญาณนั้นมีชีวิตชีวา ก็คือ พระผู้เป็นเจ้า พระผู้ทรงสูงส่ง ซึ่งจะต้องกระทำด้วยกับการขอพรและการวิงวอน จากความโปรดปรานของพระองค์ ที่จะครอบคลุมเหนือสภาพของประชาชาติอิหร่าน เพื่อให้ก้าวผ่านจุดนี้ไปได้” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ภารกิจที่ยิ่งใหญ่กำลังดำเนินการอยู่ในประเทศ ในขณะนี้ และด้วยการเตาฟีก (ความประสงค์) ของพระเจ้า จะไม่มีเหตุการณ์ใดที่สามารถยับยั้งสาธารณรัฐอิสลามได้ แต่อุปสรรคเหล่านี้ จะเป็นสาเหตุที่จะทำให้มีการเคลื่อนไหวนั้นช้าลง ซึ่งจะต้องถูกกำจัดออกไปโดยเร็วที่สุด”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯท่านโรฮานี ประธานาธิบดี ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการในการป้องกันโรคโคโรน่า ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา โดยเขากล่าวว่า “สำหรับการป้องกันโรคไวรัสนี้ ในขณะนี้นั้น ไม่มีวิธีจัดการกับไวรัสนี้ได้ นอกจากการปฏิบัติตามกฏระเบียบทางด้านสาธารณสุขและการป้องกัน”

ท่านประธานาธิบดี กล่าวเสริมว่า “ดังเช่น ในช่วงยุคของสงครามที่ไม่อนุญาตให้เรานั้นซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทางสงคราม และในช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่าแทบที่จะไม่มีผู้ใดให้อุปกรณ์ที่เรานั้นมีต้องการ เช่น ชุดตรวจวินิจฉัย เครื่องช่วยหายใจ ห้องไอซียูและแม้แต่หน้ากากอนามัย แต่ทว่าเราได้อาศัยบริษัทฐานความรู้ในการผลิตอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและในขณะนี้เรานั้นก็ไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น”

นายโรฮานี  กล่าวอีกว่า “ในกรณีของโคโรน่า เป็นที่ชัดเจนสำหรับเราแล้วว่า การพึ่งพายังศักยภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกในประเทศ แม้ว่า การช่วยเหลือของผู้อื่นนั้นมีความสำคัญสำหรับพวกเราอย่างมาก และเรานั้นทราบดีว่า ในวันหนึ่ง เราก็จะต้องยืนได้ด้วยสองเท้าของพวกเราเอง เพราะว่าคนอื่นๆไม่ได้ให้การช่วยเหลือพวกเรา แม้ว่าจะเป็นในเรื่องสิทธิมนุษยชน สาธารณสุข การเยียวยาและการรักษาชีวิตมนุษย์ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงสโลแกนก็ตาม”

นายโรฮานี ยังได้ชี้ถึงความแตกต่างทางด้านอัตลักษณ์ของไวรัสโคโรน่าในปัจจุบันและไวรัสในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาในประเทศ โดยท่านประธานาธิบดี กล่าวเสริมว่า “ทั้งกระทรวงสาธารณสุขและผู้เชี่ยวชาญต่างกล่าวว่า “ไวรัสในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นไวรัสที่กลายพันธุ์มาจากยุโรปซึ่งมีความเร็วและกำลังแพร่เชื้อที่เพิ่มมากขึ้น 9 เท่า”

ท่านประธานาธิบดี กล่าวถึงการฟ้องร้องในการไม่ปฏิบัติตามอย่างจริงจังของคำแนะนำทางกฏหมาย โดยเขากล่าวว่า “การออกมาตรการอย่างรุนแรงในพื้นที่ๆมีความเสี่ยงสูง ข้อควรระวังที่จำเป็นเพื่อการป้องกันการละเมิดในการกักตัวของผู้ติดเชื้อ และการพิจารณาการกำหนดบทลงโทษทางกฎหมายสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน”

นายโรฮานี กล่าวว่า “สำหรับการช่วยเหลือเพื่อจัดเตรียมและการแจกจ่ายสิ่งที่ประชาชนนั้นมีความต้องการในการกักตัว ด้วยการช่วยเหลือของมัสยิดและกลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชน”

ท่านประธานาธิบดี ยังกล่าวรายงานเกี่ยวกับแหล่งการเงินในการวิจัยยาและวัคซีน การช่วยเหลือจากรัฐบาลต่อครอบครัวที่ขาดแคลนในช่วงโคโรน่า และการจ่ายเงินให้กับภาคส่วนต่างๆของบุคลากรทางการแพทย์

หลังจากนั้น ด็อกเตอร์ นามะกี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและการแพทย์ ได้กล่าวขอบคุณต่อท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการสนับสนุนที่ไม่เปลี่ยนแปลงและยังเป็นกำลังใจให้กับหน่วยงานการแพทย์ รวมถึงความพยายามของบรรดาเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกๆคนในการเผชิญหน้ากับโคโรน่า โดยเขา กล่าวว่า “เราได้เพิ่มเตียงห้องไอซียูในโรงพยาบาลทั้งหลาย และจะไม่มีผู้ป่วยโรคโคโรน่าคนใด ที่เขานั้นต้องการเตียงห้องไอซียูแล้วจะไม่ได้รับมัน”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า “ไม่มีที่ใดในโลกที่สามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดโรคไวรัสร้ายนี้ได้ ด้วยการร้องขอและคำแนะนำ แต่เราจะต้องควบคุมโรคนี้ได้ ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการบังคับและข้อจำกัดต่างๆทางกฏหมายอย่างเข้มงวด”

 

700 /