สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวปราศรัยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ศักราชที่ 1400

ประชาชาติอิสลาม จะไม่วันลืมปัญหาปาเลสไตน์อย่างแน่นอน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชาติอิหร่าน ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย เนื่องในวันเริ่มต้นของศักราชใหม่ ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ โดยท่านผู้นำได้กล่าวอธิบายถึงหน้าที่พื้นฐานของหน่วยงานต่างๆและประชาชนในการปฏิบัติตามคำขวัญแห่งปี การสนับสนุนการผลิต และการขจัดอุปสรรคทั้งหลาย ส่วนนโยบายที่ได้ประกาศในกรณีข้อตกลงนิวเคลียร์ หมายถึง การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดและการประเมินผลข้อเท็จจริง ก่อนที่อิหร่านจะกลับเข้าสู่พันธสัญญาของข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งถือว่า ไม่สามารถที่จะฝ่าฝืนได้ และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนโครดอด 1400 (ปฏิทินอิหร่าน) (มิถุนายน 2021) ถือว่า มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งในมิติต่างๆภายในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งท่านยังได้ชี้ถึงแผนการและความพยายามอย่างกว้างขวางของศัตรู เพื่อที่จะทำให้ประชาชนพบกับความหมดหวังจากการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “ประธานาธิบดี ด้วยการมีอำนาจอย่างกว้างขวาง คือ ผู้บริหารที่มีความสำคัญและมีประสิทธิภาพมากที่สุดของประเทศและประชาชนเพื่อที่จะทำให้ศัตรูต้องพบผิดหวังและการปรับปรุงใหม่ของการบริหารในการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งจะต้องมีลักษณะอาทิเช่น เป็นที่นิยมของประชาชน มีความเพียงพอ มีอำนาจในการบริหารจัดการ มีความศรัทธา เรียกร้องสู่ความยุติธรรม การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น มีผลงานทางการปฏิวัติอิสลามและการทำงานในรูปแบบญิฮาดี ความเชื่อมั่นต่อขีดความสามารถในประเทศ มีความหวังต่ออนาคตและมีความเชื่อมั่นในเยาวชนทั้งหลาย”

ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นถึงการเข้าสู่ศตวรรษใหม่จากมุมมองตามสังคมทั่วไป โดยท่านได้ทำการเปรียบเทียบแบบสั้นๆ ระหว่างสถานการณ์ของอิหร่านในปี ศักราชที่1300 และปี 1400 โดยท่านกล่าวว่า “ปีศักราชที่ 1300 เป็นปีแห่งการก่อรัฐประหารของอังกฤษโดยเรซาข่านและการจัดตั้งระบอบการปกครองแบบพึ่งพาและการปกครองระบอบเผด็จการ แต่ทว่าในปี 1400 เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง ซึ่งหมายถึง การปกครองที่มีความเป็นอิสระเสรีและการลงคะแนนเสียงของประชาชนซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพึ่งพาแห่งชาติและความเชื่อมั่นต่อตนเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงความไม่สมบูรณ์ของคำขวัญของปีที่ผ่านมา หมายถึง ปีแห่งการมุ่งหน้าสู่การผลิต โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าในภาคส่วนสำคัญของการผลิตนั้นมีความก้าวหน้า ซึ่งในบางกรณี อาจเรียกได้ว่าเป็นการมุ่งหน้าและกระบวนการนี้ก็จะต้องมีการดำเนินการต่อไปด้วยความเข้มแข็งให้มากยิ่งขึ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงประเด็นความจำเป็นในการขจัดอุปสรรคทั้งหลายในการผลิต ในกรณีต่างๆ เช่น การนำเข้าที่ผิดกฎหมาย การลักลอบการนำเข้าสินค้า และการกำจัดกฎระเบียบที่ซ้ำซ้อน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จะต้องมีการอธิบายผ่านสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นอุปสรรคทั้งหลายในการผลิตที่มีอยู่อย่างมากมาย และหน่วยงานต่างๆและภาคประชาชนจะต้องให้การช่วยเหลือเพื่อกำจัดอุปสรรคเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การนำเข้าวัตถุดิบหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นในการผลิต เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การเพิ่มอำนาจในการซื้อของประชาชน การตัดขาดมือของพ่อค้าคนกลาง การต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น และการปฏิรูประบบธนาคารและกรมศุลกากร เป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จำเป็นเพื่อตอบสนองต่อคำขวัญของปี ซึ่งถ้าหากมีการกระทำเหล่านี้อย่างจริงจัง แน่นอนว่าปีนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการฉวยโอกาสและการปฏิเสธของบางคนโดยถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของปัญหาที่มีอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกสังคมออนไลน์และการโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูจากต่างประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “บางคนถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการหมดหวังและการแสดงให้เห็นถึงทางตัน แต่ทว่าในความเป็นจริงมิได้เป็นเช่นนั้น ขณะที่อิหร่านนั้นสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถในภาคส่วนต่างๆในประเทศ จากการผลิบานทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและแม้แต่ในโลกเองก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “การใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถเหล่านี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องมีปาฏิหาริย์ แต่ต้องการเพียงการบริหารจัดการที่เข้มแข็ง มีความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ ทั้งมีการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น และมีแบบแผนเศรษฐกิจที่ครอบคลุม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการยอมรับของบรรดาผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลกที่เกี่ยวกับการจัดอันดับที่ 18 ของเศรษฐกิจของอิหร่านในหมู่ประเทศต่างๆประมาณ 200 ประเทศด้วยกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บรรดาผู้เชี่ยวชาญกลุ่มเดียวกันนี้ต่างก็เชื่อว่า อิหร่านนั้นมีขีดความสามารถทางภาคพื้นดินและทรัพยากรมนุษย์อย่างมากมาย ซึ่งในขณะที่มีการใช้ประโยชน์จากมัน ก็จะทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านนั้นก้าวข้ามไปยังอันดับที่ 12 และถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นขีดความสามารถภาคพื้นดิน ขอบเขตของประเทศ จำนวนของเพื่อนบ้านที่มากมาย หลากหลาย การกำหนดเส้นทางในการขนส่งจากภาคตะวันออกไปยังภาคตะวันตกและจากภาคเหนือไปยังภาคใต้ของประเทศ  และในประเด็นขีดความสามารถของมนุษย์ ประชากรของคนหนุ่มสาวที่มีการศึกษาและการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงาน ทั้งหมดเหล่านี้คือ ความเป็นจริงที่เกิดมาควบคู่กับทรัพยากรทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ความมั่งคั่งจากใต้พื้นดินที่พระเจ้าทรงประทานมอบให้ และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่ได้สร้างขึ้นในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จนทำให้อิหร่านนั้นมีความสามารถที่กลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งจากการคว่ำบาตรนั้นไม่ได้มีผลกระทบใดๆเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขจัดปัญหาต่างๆนั้นต้องการในความน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ผู้ลงทุนที่มีความจำเป็นและประชาชนทั้งหลายที่ต้องการมีส่วนร่วมในการผลิต เหมือนดั่งความช่วยเหลืออย่างศรัทธามั่นนั้นสามารถที่จะร่วมมือกันทางด้านการกุศล ภาคประชาชน องค์กรต่างๆแห่งการปฏิวัติอิสลาม และคณะกรรมการมัสญิดทั้งหลาย ซึ่งจะต้องมีการจัดระเบียบและมีการวางแบบแผนในประเด็นที่มีความสำคัญ”

เนื่องจากความเหมาะสมในประเด็นที่มีการพูดคุยกัน กล่าวคือ ประเด็นเศรษฐกิจของประเทศ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม จึงได้กล่าวในประเด็นมาตรการคว่ำบาตร

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปิดล้อมทางเศรษฐกิจและการคว่ำบาตรประเทศต่างๆและการขัดขวางการเข้าถึงยังยารักษาโรคและอาหารนั้น เป็นอาชญากรรมที่แท้จริงของสหรัฐอเมริกา โดยท่านผู้นำได้กล่าวเสริมว่า “ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า ประชาชาติอิหร่านได้ปัดเศษขยะให้พ้นออกจากน่านน้ำนี้ แต่ทว่าบางประเทศนั้นกลับไม่สามารถที่จะต้านทานได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวอธิบายถึงสองวิธีการที่เป็นไปได้ในการเผชิญหน้ากับการคว่ำบาตรวิธีการแรก คือ การขอร้องให้ผู้ที่คว่ำบาตรลดหรือยกเลิกการคว่ำบาตร ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้พวกเขาวางข้อเรียกร้องด้วยความโอหังไว้บนโต๊ะและบอกว่า พวกท่านควรที่จะกระทำอย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งนี่คือวิธีการแห่งความอัปยศอดสู ความเสื่อมถอย และความล้าหลัง ส่วนในวิธีการที่สอง คือ การใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถและพลังงานภายในประเทศสำหรับการผลิตสินค้าที่ถูกคว่ำบาตร เพื่อที่จะลดและทำให้การคว่ำบาตรนั้นไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งประชาชาติอิหร่านได้เลือกและจะดำเนินการตามวิธีการที่สองต่อไปอย่างต่อเนื่อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  ความพยายามของประชาชาติอิหร่านในการเปลี่ยนแปลงจากการคว่ำบาตรให้กลายเป็นโอกาสนั้น มีผลลัพธ์ที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง ซึ่งท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นต่างๆ เช่น ในการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกทางด้านสาธารณสุขเพื่อจัดการกับการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่าในประเทศ  การเพิ่มขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ และการเพิ่มอำนาจในการป้องกันประเทศอย่างน่าทึ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ข้อเท็จจริงเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าเรานั้นมีความสามารถที่จะเปลี่ยนจากการคว่ำบาตรให้กลายเป็นโอกาสได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำในเรื่องนี้กับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐในปัจจุบันและในอนาคต โดยท่านกล่าวว่า “ อย่าได้ผูกขาดเศรษฐกิจของอิหร่านกับการคว่ำบาตรเป็นอันขาด และจงสมมติด้วยว่า การคว่ำบาตรนั้นจะยังคงมีอยู่ต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวเสริมว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น ก็ได้มีการพูดคุยกันในหลายครั้งมาแล้วว่า ถ้าหากมีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร หรือถ้ามีการลงทุนจากต่างประเทศ ก็จะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ ในขณะเดียวกันที่ หากมี ถ้าต่างๆเหล่านี้ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต้องพบกับความสูญเปล่าและเกิดความสับสน ทั้งยังจะเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้กล่าวถึงปัญหาที่มีความสำคัญอย่างมากในการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภาจังหวัด โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญอย่างมากของการเลือกตั้ง ทั้งในมิติต่างๆทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “การเลือกตั้งประธานาธิบดีในมุมมองในประเทศ ถือว่าเป็นการปรับปรุงครั้งใหม่ด้วยกับคนใหม่ในการบริหารประเทศ เพราะคนใหม่นั้นมีแรงจูงใจที่ใหม่ในการทำงานและในประเด็นนี้เป็นประเด็นที่มีเกียรติอย่างยิ่ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเข้าร่วมและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งในระดับสากล เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการมีอำนาจของชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “สิ่งที่มีค่ามากกว่าขีดความสามารถในการป้องกันประเทศและอำนาจทางการทูต ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบในการมีอำนาจของชาติ คือ ประชาชนที่มีความเฉลียวฉลาดและเต็มไปด้วยแรงจูงใจและสัญญาณของการเข้าร่วมและการมีอำนาจนั้น เป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดในการเลือกตั้ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หลักการของการมีส่วนร่วมของประชาชน และเช่นเดียวกัน อัตราของการเข้าร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง คือ ปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลในการมีอำนาจของชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ทุกๆคน แม้แต่ผู้ที่ไม่ยอมรับผู้นำสูงสุดก็ตามต่างก็ยอมรับว่าอิหร่านนั้นมีความเข้มแข็ง โดยถือว่าเป็นอีกวิธีการในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่จะทำให้อิหร่านมีความเข้มแข็ง ก็คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “หน่วยสอดแนมของบางประเทศและที่เลวร้ายที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา และรัฐเถื่อนยิวไซออนิสต์ต่างพยายามที่จะทำให้การเลือกตั้งนั้นเกิดความไม่ชอบธรรม ด้วยเหตุผลนี้หรือการกล่าวหาว่ามีการออกแบบในการเลือกตั้ง หรือกล่าวหาว่าสภาผู้พิทักษ์หรือมีความพยายามที่จะทำให้คะแนนเสียงของประชาชนนั้นไม่มีผลใดๆทั้งสิ้นในการที่จะทำให้สถานการณ์ของประเทศดีขึ้น จนกระทั่งทำให้พวกเขานั้นเกิดความท้อแท้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์อย่างมากในการทำให้ประชาชนเกิดความท้อแท้และในประเด็นความไม่ชอบธรรมของการเลือกตั้ง ด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ในการจัดการทางสื่อสังคมออนไลน์ในประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ทุกๆประเทศในโลกก็มีการบริหารจัดการกับสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่บางประเทศกลับรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในการปล่อยปะละเลยสื่อสังคมออนไลน์ของพวกเขา  ซึ่งวิธีการนี้ไม่ใช่เป็นวิธีการที่สร้างความภาคภูมิใจเลย” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “ประชาชนจะต้องมีความเป็นอิสระเสรีในการใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์ แต่ก็ไม่ควรให้พื้นที่เหล่านี้กับศัตรูเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ ศัตรูนั้นต่างพยายามที่จะทำให้ประชาชนนั้นมีส่วนร่วมน้อยลงในการเลือกตั้ง ด้วยวิธีการทางจิตวิทยา ซึ่งเราหวังว่าประชาชนจะทำให้ศัตรูต้องพบกับความผิดหวังด้วยคำตอบที่ปฏิเสธ

“ประเด็นความสำคัญของสถานภาพของประธานาธิบดี” คือ ประเด็นที่สองที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวถึง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า  “ตำแหน่งประธานาธิบดีนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดและมีประสิทธิภาพอย่างมากในการบริหารประเทศ และการหยิบยกประเด็นต่างๆ เช่น ประธานาธิบดีนั้นไม่มีอำนาจใดๆหรือเป็นเพียงตัวแสดง ถือว่าไม่ตรงกับความเป็นจริงและขาดความรับผิดชอบ หรือการไม่ได้รับข้อมูลจริงหรือเกิดจากเป้าหมายอื่นๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “ประธานาธิบดี คือ ผู้บริหารที่มีความรับผิดชอบมากที่สุดในประเทศ” โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จะเห็นได้ว่า ศูนย์การบริหารจัดการเกือบทั้งหมดและสถานที่ราชการส่วนใหญ่นั้นอยู่ในอำนาจของประธานาธิบดี ขณะที่การบริหารในภาคส่วนต่างๆ เช่น ฝ่ายตุลาการและการทหารนั้นไม่ได้มีความสำคัญต่อประธานาธิบดีเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “เราทั้งหมดทุกคน จะต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่และหนักหน่วงของประธานาธิบดี ในเวลาที่เข้ามาลงคะแนนเสียงด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ได้กล่าวถึงผู้ที่ต้องการลงสมัครรับเลือกตั้งว่า “เราคาดหวังให้พวกท่านตระหนักถึงความหนักหน่วงของการทำงานและจงรู้ไว้ว่า ความรับผิดชอบที่หนักหน่วงที่พวกท่านต้องการกระทำนั้นคืออะไร หากพวกท่านเห็นว่า พวกท่านนั้นมีสามารถที่จะรับผิดชอบในหน้าที่นี้ได้ พวกท่านก็จงเข้ามาสู่สนามของการเลือกตั้งได้เลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “พวกท่านจะต้องทราบดีถึงปัญหาหลักของประเทศและมีการวางแบบแผนและแนวทางในการแก้ไข แม้ว่าจะแบบย่อๆ ก็ตาม พวกท่านจะต้องรู้จักเศรษฐกิจของประเทศและประเด็นที่สำคัญ เช่น การเติบโตของการผลิตในประเทศ การเติบโตของการลงทุน การเพิ่มความแข็งแกร่งของสกุลเงินของประเทศ และอัตราเงินเฟ้อ ปัญหาความมั่นคงของประเทศ ผลกระทบทางสังคม วิธีจัดการกับนโยบายที่ซับซ้อนของโลก และปัญหาวัฒนธรรม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้ประชาชนทั้งหลายต่างมีความระมัดระวังในการเลือกของตนเอง โดยท่านได้กล่าวถึงคุณลักษณะของประธานาธิบดีที่พึงปรารถนา โดยท่านกล่าวว่า “ประธานาธิบดีที่พึงปรารถนานั้นต้องมีความเพียงพอ มีศรัทธา เรียกร้องสู่ความยุติธรรมและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น มีผลงานในการปฏิวัติอิสลามและมีการทำงานในรูปแบบญิฮาดี มีความเชื่อมั่นต่อขีดความสามารถภายในประเทศ ทั้งมีความเชื่อมั่นต่อเยาวชนในฐานะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนสาธารณชนของประเทศและเป็นความหวังต่ออนาคต”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “หากว่าบุคคลที่มีลักษณะเช่นนี้ได้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ เขาก็จะนำพาประเทศไปสู่จุดที่ต้องการ และประชาชนก็จะต้องเสาะหาบุคคลที่มีลักษณะเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่า อาจจะหาได้ไม่ง่ายนักสำหรับประชาชน และจะต้องมอบหมายความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่มีความรู้และมีความน่าเชื่อถือ”

ในช่วงท้ายของประเด็นการเลือกตั้ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการรักษาเอกภาพและความสามัคคีของชาติ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การเลือกตั้ง จะต้องเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของชาติ ไม่ใช่สัญลักษณ์ของการแบ่งฝักฝ่ายและการแบ่งแยกขั้วอำนาจ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “จะต้องไม่มีการแบ่งพรรคพวกเป็นฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ควรคำนึงถึงอนาคตของประเทศและรัฐอิสลามเป็นหลัก” โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความแตกต่างทางด้านรสนิยม วิสัยทัศน์ทางการเมือง เชื้อชาติและนิกาย ถือว่าไม่มีปัญหาใดๆ แต่ประเด็นเหล่านี้ จะต้องไม่เป็นการบ่อนทำลายความเป็นเอกภาพของชาติ”

ในช่วงสุดท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้กล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์และประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาคโดยเฉพาะ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ถึงความล้มเหลวของนโยบายแรงกดดันสูงสุดของสหรัฐฯ โดยท่านกล่าวว่า "คนโง่เขลาคนก่อนหน้านี้ เขาได้วางแบบแผนจากแรงกดดันสูงสุดและดำเนินการเพื่อที่จะทำให้อิหร่านนั้นพบกับความอ่อนแอ เพื่อให้อิหร่านที่อ่อนแอนั้นถูกนำเข้าสู่โต๊ะเจรจาและมีการกำหนดข้อเรียกร้องที่โอหังของตน แต่เขาก็ได้ก้าวลงจากอำนาจด้วยกับความอัปยศ และความอับอาย และยังได้ทำให้สหรัฐนั้นต้องพบกับความอัปยศ ขณะเดียวกัน สาธารณรัฐอิสลามกลับยืนหยัดด้วยการมีอำนาจและเกียรติยศต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นว่า “แรงกดดันสูงสุดได้พบกับความล้มเหลว หากรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐต้องการที่จะดำเนินการตามนโยบายเดิมต่อไป พวกเขาก็จะพบกับความล้มเหลว ในขณะที่อิหร่านนั้นจะมีความเข้มแเข็งมากยิ่งขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า นโยบายที่อิหร่านประกาศเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์และการปฏิบัติของฝ่ายต่างๆของข้อตกลงดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่อาจจะฝ่าฝืนได้และถือเป็นเอกฉันท์อีกด้วย โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “สหรัฐฯจะต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด จากนั้น อิหร่านจะทำการประเมินผลข้อเท็จจริงและหากว่ามีการยกเลิกการคว่ำบาตรจริงโดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ เราก็กลับเข้าสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า  “คำพูดของพวกสหรัฐนั้นไม่เป็นที่ยอมรับ หากว่าพวกเขาต้องการยกเลิกการคว่ำบาตร ไม่ใช่เพียงแค่เขียนลงบนกระดาษเท่านั้นเอง แต่พวกเขาก็จะต้องแสดงออกในการปฏิบัติจากการยกเลิกการคว่ำบาตรอีกด้วย และสาธารณรัฐอิสลามจะประเมินผลในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯบางคนที่เกี่ยวกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงนิวเคลียร์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ใช่แล้ว สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับปี 1394 (ปฏิทินอิหร่าน)  แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี้ จะต้องทำให้อิหร่านนั้นได้รับผลประโยชน์ มิใช่สหรัฐ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายว่า “อิหร่านในวันนี้นั้นมีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองที่มากกว่าในวันนั้น โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในทางตรงกันข้าม สหรัฐกลับอ่อนแอลง เพราะมีรัฐบาลที่เข้ามามีอำนาจซึ่งทำให้สหรัฐพบกับความอับอายด้วยคำพูด การกระทำและปัญหาทางเศรษฐกิจ ซึ่งแน่นอนว่า ยังไม่มีความชัดเจนใดๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประธานาธิบดีสหรัฐในปัจจุบัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “ด้วยเหตุนี้เอง หากว่ามีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงนิวเคลียร์ ก็จะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อผลประโยชน์ของอิหร่าน แน่นอนว่า เราได้ทำให้การคว่ำบาตรนั้นไร้ประสิทธิภาพด้วยการมีนวัตกรรมใหม่ๆของบรรดาเยาวชนและบริษัทความรู้พื้นฐาน และเราจะดำเนินการต่อไปในแนวทางนี้อย่างเข้มแข็ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า “อิหร่านจะไม่รีบร้อนเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาที่เสนอให้กับข้อตกลงนิวเคลียร์” โดยท่านกล่าวว่า “บางคนบอกว่าไม่ควรปล่อยโอกาสให้หลุดไป นี่เป็นความจริง แต่เราก็ไม่ควรที่จะเร่งรีบด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นว่าในบางกรณีที่มีความเร่งรีบมากกว่าการปล่อยโอกาสเสียอีก โดยท่านกล่าวว่า “ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีที่เกิดความเร่งรีบในข้อตกลงนิวเคลียร์ ในขณะที่เรานั้นได้ปฏิบัติตามพันธสัญญาทั้งหมด แต่ฝ่ายตรงกันข้ามกลับไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงที่ถูกบันทึกไว้บนกระดาษเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “อิหร่านนั้นมีความอดทนอดกลั้นที่สูงอย่างมากและหากพวกเขายอมรับในนโยบายที่เราได้ประกาศไว้ การงานก็จะประสบความสำเร็จและหากพวกเขาไม่ยอมรับ สถานการณ์ก็จะดำเนินการต่อไปในลักษณะเช่นนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ไม่ถือว่า การเปิดเผยของนักการเมืองบางคนที่บอกว่าไม่มีความแตกต่างในการเป็นผู้นำในการปฏิบัติตามพันธสัญญาของพวกเขา ซึ่งเป็นประเด็นที่ไม่อาจยอมรับได้เนื่องจากพฤติกรรมที่เลวร้ายของพวกสหรัฐ โดยท่านกล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องที่ว่าอันดับแรกเป็นของฉัน หรืออันดับแรกเป็นของคุณ แต่ทว่าเรานั้นไม่เชื่อมั่นในพันธสัญญาของพวกเขา เพราะในสมัยโอบาม่า เราได้ไว้วางใจต่อพวกเขาและปฏิบัติตามพันธสัญญาทั้งหมด ขณะที่พวกเขาบอกว่าจะมีการยกเลิกการคว่ำบาตรตามที่ได้เขียนลงบนกระดาษ แต่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามพันธสัญญาของพวกเขาเลย ทั้งยังทำให้ทุกๆบริษัทที่มีความตั้งใจในการทำงานร่วมกับอิหร่านต้องพบกับความหวาดกลัวในการลงทุน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า นโยบายของสหรัฐฯในการปฏิบัติกับอิหร่านและปัญหาในภูมิภาค รวมถึง การสนับสนุนระบอบรัฐเถื่อนยิวไซออนิสต์ การเข้ายึดครองซีเรีย การร่วมมือกับรัฐบาลซาอุดิอาระเบียในการโจมตีประชาชนที่ถูกกดขี่ชาวเยเมนและปัญหาปาเลสไตน์ เป็นนโยบายที่ผิดพลาด โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประชาชาติอิสลาม จะไม่มีวันลืมปัญหาปาเลสไตน์อย่างแน่นอน และการปรับความสัมพันธ์อย่างปกติของรัฐอิสราเอลกับบางรัฐบาลที่ต่ำต้อย ถือเป็นการกระทำที่ไร้คุณค่าสิ้นดีและมีความผิดพลาดอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเปิดไฟเขียวของรัฐบาลโอบาม่าให้รัฐบาลซาอุดิอาระเบียในการเริ่มต้นในการทำสงครามในเยเมนและการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ในการทิ้งระเบิดเข้าใส่ประชาชน ผู้บริสุทธิ์ โดยท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า “ขณะที่เวลาได้ผ่านไปถึง 6 ปี ด้วยกัน พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำให้ประชาชนชาวเยเมนยอมจำนนต่อพวกเขาได้ และในวันนี้ก็ได้มีคำถามให้กับพวกสหรัฐว่า พวกคุณทราบหรือไม่ว่ารัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้ติดกับดักนี้มาตั้งแต่วันแรกแล้ว ซึ่งวันนี้ การถอยตัวออกจากสงคราม พวกเขาจะต้องพบกับความเสียหาย ทั้งในการดำเนินการต่อไปอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นเยเมนและการไร้ความสามารถของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย เป็นตัวอย่างของผลลัพธ์จากความไว้วางใจต่อสหรัฐฯจากเหล่าพันธมิตรทั้งหลาย โดยท่านกล่าวว่า “พวกสหรัฐฯนั้นไม่รู้จักภูมิภาคนี้ และประชาชาติทั้งหลาย ทั้งยังได้เกิดความผิดพลาดมาโดยตลอดอีกด้วย”

 

700 /