สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เข้าร่วมในงานสายสัมพันธ์กับอัลกุรอาน

ต้องระมัดระวังในการเจรจา จะต้องไม่เป็นการบ่อนทำลายประเทศชาติอย่างเป็นอันขาด

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์คาเมเนอี ได้เข้าร่วมในงานสายสัมพันธ์กับอัลกุรอาน ในช่วงเริ่มต้นของเดือนรอมฎอน อันทรงเกียรติ ซึ่งถือเป็นฤดูแห่งการผลิบานของอัลกุรอาน โดยงานดังกล่าวนั้นเป็นการสื่อสารในระบบออนไลน์ด้วยการถ่ายทอดสดจากมุศ็อลลา อิมามโคมัยนี กรุงเตหะราน ซึ่งมีบรรดานักกอรีเข้าร่วมและได้อ่านพระดำรัสแห่งรัศมีจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวแสดงความยินดี เนื่องในการเข้ามาเยือนของเดือนรอมฎอนอันจำเริญยิ่ง ถือได้ว่าเป็นเดือนแห่งการประทานลงมาของอัลกุรอาน โดยท่านได้อธิบายถึงประเด็นของการชี้นำของอัลกุรอาน โดยเฉพาะในมิติต่างๆที่กว้างขวาง ซึ่งท่านผู้นำได้กล่าวว่า “อัลกุรอานนั้นเป็นคัมภีร์ที่ชี้นำมวลมนุษยชาติทั้งหมด รวมทั้งในมิติต่างๆทางปัจเจกบุคคลและทางสังคมในการดำเนินชีวิตของมนุษย์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงบางประเด็นที่สำคัญที่เกี่ยวกับการชี้นำของอัลกุรอาน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ การบริหารจัดการสังคมของมนุษย์ ความท้าทายทางการเมืองและทางสังคมที่เกี่ยวข้องกัน การมีพฤติกรรมในการบริหารจัดการ การดำรงความยุติธรรม การป้องกันเหล่าศัตรูทั้งภายในและภายนอก การขจัดศัตรูทั้งหลาย ประเด็นทางด้านจริยธรรม ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวและการอบรมบุตรทั้งหลาย ความสงบนิ่งทางจิตวิญญาณ การปราบปรามความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากภายใน คำแนะนำให้มีความรู้ การรู้จักถึงความเป็นจริงของโลกแห่งวัตถุ และพฤติกรรมทางปัจเจกบุคคล ทั้งหมดนี้คือ ส่วนหนึ่งของประเด็นที่สำคัญในการชี้นำของอัลกุรอาน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความยำเกรง (ตักวา) และความหวาดกลัวต่อพระเจ้า คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับประโยชน์จากการชี้นำของอัลกุรอานและท่านผู้นำยังได้กล่าวแนะนำให้อ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานพร้อมทั้งการครุ่นคิดในอัลกุรอานในเดือนรอมฎอนอันทรงเกียรติ โดยท่านกล่าวว่า “หัวใจจะเกิดความใสสะอาดด้วยกับการอ่านอัลกุรอาน ทั้งยังเกิดการผลิบานและความสดชื่นอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำอีกว่า บรรดานักกอรี(นักอ่าน) อัลกุรอาน จะต้องเป็นผู้ที่เผยแผ่อัลกุรอานอีกด้วย โดยท่านได้เน้นถึงความจำเป็นในการอ่านอัลกุรอานที่ควบคู่ไปพร้อมกับการรำลึก การมีความหวาดกลัวและการให้ความใส่ใจในความหมายที่ลึกซึ้งของอัลกุรอาน

ในช่วงแรกของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงสถิติของการปราศรัยในวันที่หนึ่งของเดือนฟัรวัรดีน ที่เกี่ยวกับการจัดอันดับโลกของเศรษฐกิจของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “หลังจากที่ได้อธิบายถึงสถิติดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งบางคนนั้นมีความคิดเห็นว่า สถิติเหล่านี้นั้นไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีการตรวจสอบและเป็นที่ชัดเจนว่า สถิติที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับที่ 18 ของประเทศนั้นไม่ถูกต้อง และกรณีดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งข้าพเจ้าจะต้องขอกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจต่อบุคคลที่ได้กล่าวย้ำเตือนในประเด็นเหล่านี้”

ในอีกภาคส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงความขมขื่นของประชาชนในช่วงวันต่างๆที่สวยงามที่สุด เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่า โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “สถิติที่ขมขื่นและเกิดความสั่นสะเทือนอย่างมาก อันเนื่องจากการเพิ่มของจำนวนผู้ติดเชื้อและการเสียชีวิต ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯและประชาชนทั้งหมด จะต้องมีความเฉลียวฉลาดและการตื่นขึ้นมา เพราะว่าโรคร้ายนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ล้อเล่น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ จะต้องมีการดำเนินการอย่างเด็ดขาดและปฏิบัติตามข้อบังคับของผู้เชี่ยวชาญและบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและการรักษาโรค”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบทางสังคมของโรคโคโรน่า เช่น ในการเสียชีวิตของผู้ป่วย การเพิ่มขึ้นของการว่างงาน ปัญหาค่าครองชีพ และผลสะท้อนของแบบแผนต่างๆของประเทศ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคร้ายนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ประชาชนทั้งหลายนั้น จะต้องปฏิบัติตามนโยบายและแบบแผนของบรรดาเจ้าหน้าที่และการระมัดระวังตามข้อบังคับของสาธารณสุข ซึ่งจะทำให้โรคร้ายนี้หมดสิ้นไปและเราจะได้รับชัยชนะเหนือโรคไวรัสร้ายแรงนี้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวขอบคุณต่อความพยายามและความเสียสละอันน่ายกย่องของหน่วยงานการแพทย์ในการต่อสู้กับโรคร้ายโคโรน่า และท่านยังได้กล่าวชมเชยและเสนอแนะให้บุคคลและกลุ่มอาสาสมัครต่างๆในการช่วยเหลือต่อนักต่อสู้ในเวทีแห่งการรักษาและการเยียวยา ดั่งในช่วงแรกของการแพร่ระบาดโรคไวรัสร้ายนี้ โดยท่านกล่าวว่า “เดือนรอมฎอนนั้น เป็นเดือนแห่งการทำความดีและการช่วยเหลือผู้ที่ขัดสน ในสถานการณ์โคโรน่า ก็จะต้องมีความเพียรพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือให้เป็นทวีคุณและให้ถึงระดับขั้นสูงสุด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงประเด็นที่เกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ มาตรการคว่ำบาตรและการเจรจาด้วยเช่นกัน โดยท่านกล่าวว่า “เรานั้นได้ประกาศอย่างชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของประเทศที่เกี่ยวกับกรณีข้อตกลงนิวเคลียร์และการคว่ำบาตรในการปราศรัยต่อสาธารณชนไปแล้ว และในการประชุมกับบรรดาเจ้าหน้าที่หรือเป็นลายลักษณ์อักษรอีกด้วย และเราก็ได้อธิบายผ่านไปแล้ว ฉะนั้น จึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า นโยบายของประเทศควรที่จะดำเนินการได้อย่างไร”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “การตัดสินใจของบรรดาเจ้าหน้าที่ คือ การเข้าไปเจรจากันเพื่อที่จะทำให้นโยบายนี้นั้นมีการดำเนินการ ซึ่งเราจะไม่ขอกล่าวถึงในประเด็นนี้ แต่เราก็จะต้องระมัดระวังว่า การเจรจานั้น จะไม่เป็นการบ่อนทำลาย เพราะว่าจะส่งผลเสียต่อประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป้าหมายของพวกสหรัฐฯ จากการเน้นย้ำและการยืนกรานในการเจรจา คือ ความพยายามที่จะบังคับให้ยอมรับในคำพูดที่เป็นเท็จ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ตรรกะของสาธารณรัฐอิสลามนั้นวางอยู่บนพื้นฐานที่ว่าอันดับแรก สหรัฐฯจะต้องยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด เพราะว่าพวกเขานั้นไม่น่าไว้วางใจ และก่อนหน้านี้ ในหลายครั้งมาแล้ว พวกเขาก็ได้ละเมิดพันธสัญญา แม้ว่าผู้เจรจาชาวยุโรปยังออกมายอมรับในการประชุมแบบส่วนตัวเองด้วย ถึงแม้แต่ในการตัดสินใจ พวกเขาก็ยอมจำนนต่อพวกสหรัฐฯและไม่มีความอิสระต่อตนเองเลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ข้อเสนอส่วนมากของพวกสหรัฐฯ นั้นเป็นการแสดงถึงความเป็นชาติมหาอำนาจ จอมอหังการและเป็นสิ่งที่น่าอับอายอย่างมาก แม้แต่ยังไม่สามารถที่จะมองได้เช่นกัน”

ในช่วงท้ายของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามยังได้ให้ความหวังกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐด้วยสายตาที่เปิดกว้าง และหัวใจที่มั่นคง รวมทั้งการมอบหมายกิจการ(ตะวักกุล)ต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่จะก้าวไปข้างหน้าและด้วยกับความสำเร็จของพระองค์ ก็จะทำให้ประชาชาตินั้นพบกับความสุขและความสบายใจ

ทั้งนี้ บรรดาคณาจารย์ นักกอรีได้อ่านพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และหนึ่งในนักอ่านบทรำพันธ์ต่อพระเจ้า ได้ดำเนินรายการในงานสายสัมพันธ์แห่งรัศมีดังกล่าวนี้อีกด้วย

 

 

 

 

 

700 /