สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวปราศรัยเนื่องในวันครูแห่งชาติและวันแรงงานสากล

กองกำลังกุดส์คือปัจจัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพทางการทูต

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัย เนื่องในวันครูแห่งชาติและวันแรงงานสากล ซึ่งถือเป็นการพบปะกับประชาชาติอิหร่าน ด้วยการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ โดยท่านผู้นำถือว่า บรรดาครูและผู้ใช้แรงงานนั้น มีสถานภาพที่สำคัญในความก้าวหน้าของประเทศ การเลือกตั้งด้วยความหมายที่แท้จริง ถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับชาวอิหร่าน ผู้ทรงเกียรติ และยังถือเป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำให้รากฐานของรัฐอิสลามนั้นเกิดความมั่นคง และท่านผู้นำยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์ต่อเจ้าหน้าที่บางคนที่มีความพยายามที่จะทำให้ประชาชนหมดหวังจากการเลือกตั้ง โดยท่านได้เน้นว่า “บรรดาผู้สมัครประธานาธิบดี จะต้องไม่ให้คำมั่นสัญญาที่หลอกลวงโดยปราศจากการสนับสนุนและจะต้องพูดกับประชาชนด้วยการนำเสนอในแบบแผนที่แท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแสดงความเสียใจและรู้สึกประหลาดใจจากคำพูดที่ไม่ถูกต้องของเจ้าหน้าที่บางคนในกรณีนโยบายด้านต่างประเทศ โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “กองกำลังกุดส์ คือ ปัจจัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพทางการทูตในภูมิภาคเอเชียตะวันตก และอย่าได้พูดในคำพูดที่เป็นการยอมรับคำพูดของเหล่าพวกต่างชาติ”

ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า รัตติกาลต่างๆแห่งก็อดร์ อันจำเริญ คือ จุดสุดยอดของเดือนรอมฎอนที่ยิ่งใหญ่ และท่านยังได้แนะนำประชาชนทั้งหลายให้ใช้ประโยชน์จากศักยภาพอันไม่เสมอเหมือนผู้ใดของช่วงสัปดาห์แห่งก็อดร์ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การขอพร และการคร่ำครวญต่อพระเจ้า และการขออภัยโทษจากความผิดบาปทั้งหลาย รวมทั้งการร้องไห้ คือ หนึ่งในตัวอย่างในการเป็นอาคันตุกะของเดือนรอมฎอนอันจำเริญยิ่งนี้ ที่เรานั้นจะต้องให้ความสนใจและทำการตะวัซซุล (การขอผ่านสื่อ) ยังพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงเกียรติ โดยทำให้เรานั้นเตรียมความพร้อมในการใช้ประโยชน์จากความโปรดปรานเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายพอสังเขปเกี่ยวกับบุคลิกภาพของท่านอิมามอะลี บิน อะบีฏอลิบ (อ.)  โดยถือว่า ฐานะภาพแห่งอิมามัตนั้น เป็นตำแหน่งที่สูงส่งอย่างมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อิมามัต มิได้หมายถึงตำแหน่งผู้นำทางศาสนาและทางโลก แต่ทว่า อิมามัต คือ ความหมายที่สูงส่งที่นอกเหนือจากบรรดาอิมาม ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายและบรรดาผู้ที่ได้รับการคัดเลือกโดยจำเพาะแล้ว ซึ่งจะเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้อื่นใดเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการมีความรักของบรรดาชีอะฮ์และเหล่าผู้เคร่งครัดทางศาสนาและนิกายต่างๆที่มีต่อท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี  (อ.) โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การแสดงความรักเหล่านี้ ซึ่งเกิดขึ้นมาจากลักษณะอันพิเศษของนายแห่งบรรดาผู้ยำเกรง นั่นก็คือ ความยุติธรรมอันน่าประหลาดใจ การไร้ซึ่งการให้อภัย ความครอบคลุมอย่างกว้างขวางและการปราศจากการให้ความสำคัญในปัจเจกบุคคล ทั้งหมดนี้ คือ แกนหลักของลักษณะอันพิเศษของท่านอิมามอะลี (อ.)”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสมถะ การไม่ใส่ใจต่อโลกอย่างสมบูรณ์ ความกล้าหาญ ความเมตตาและความอ่อนโยนในการอยู่เบื้องหน้าเหล่าผู้ที่อ่อนแอ การมีเจตนามุ่งมั่นในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้กดขี่และฉ้อฉล การเสียสละในแนวทางแห่งสัจธรรม การมีวิทยปัญญาอย่างลึกซึ้งและความมั่นคงในการกระทำ ทั้งหมดเหล่านี้คือ ลักษณะอันพิเศษของท่านอิมามอะลี (อ.) ซึ่งท่านนั้นอยู่ในฐานะจุดสูงสุดของความสมบูรณ์เหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  การปฏิบัติตามท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ.) ในลักษณะที่พิเศษส่วนปัจเจก และการมีมารยาทในการปกครอง เป็นหน้าที่อันหนักหน่วงอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกเรานั้นยังล้าหลังในประเด็นต่างๆเหล่านี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความกระตือรือร้นของท่านอิมามอะลี (อ.) ในการได้รับตำแหน่งชะฮีด โดยท่านกล่าวว่า “พวกเราต้องขอขอบคุณต่อพระเจ้า ที่ในยุคสมัยของเรานั้นยังมีบรรดาวีรบุรุษที่เสียสละ ซึ่งพวกเขาได้ปฏิบัติตามอิมามของพวกเขา ด้วยการมีความรักในการเป็นชะฮีด อย่างเช่น ท่านชะฮีดฮัจญ์ กอซิม สุไลมานี ซึ่งท่านนั้นคือภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเวทีนี้”

หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวอธิบายเกี่ยวกับฐานะภาพและตำแหน่งที่สำคัญของบรรดาครู โดยท่านได้ชี้ถึงลักษณะพิเศษของท่านชะฮีด มุเฏาะฮะรี ซึ่งท่านกล่าวเสริมว่า “ท่านชะฮีด มุเฏาะฮะรี คือ นักวิชาการ นักปรัชญา นักคิด นักนิติศาสตร์และท่านนั้นยังสันทัดในปัญหาต่างๆทางปัญญาและความคิด แต่ลักษณะที่สำคัญของชะฮีดอาจารย์ ผู้นี้ ก็คือ ท่านนั้นมีการผลิตและการแผยแพร่แนวคิดที่ถูกต้อง มั่นคงและมีความลึกซึ้งในการต่อสู้ทางกระบวนการทางความคิดมาโดยตลอด และด้วยความห่วงใยต่อประชาชนและสังคม ทั้งในการเผชิญหน้ากับคลื่นของแนวคิดที่หันเหของชาติตะวันออกและชาติตะวันตก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรู้จักในหน้าที่และความรับผิดชอบต่อหน้าที่ คือ อีกสองลักษณะที่พิเศษของท่านชะฮีด มุเฏาะฮะรี โดยท่านกล่าวว่า “ท่านชะฮีด ผู้นี้ได้ให้ความสำคัญต่อความต้องการทางสังคม และใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถในเวทีทางความคิดและวิชาการ ซึ่งถือเป็นอันดับแรกๆของความต้องการต่างๆ โดยบรรดาครูทั้งหลาย จะต้องนำเอาลักษณะเหล่านี้และวิธีการต่างๆมาเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การปกป้องความคิดของบรรดานักเรียนและนักศึกษาทั้งหลาย เป็นหน้าที่ๆสำคัญของครูทั้งหลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาครู จะต้องมีการรักษาคำมั่นสัญญา ความสามารถและมีทักษะ ในการถ่ายทอดวิชาการของมนุษย์ให้กับชนรุ่นยุวชนและเยาวชน และทำให้ลูกศิษย์ทั้งหลายนั้น กลายเป็นนักคิดและนักวิชาการต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บรรดาครู คือ ทหารของกองทัพที่ก้าวหน้าของประเทศชาติ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาครู จะต้องยอมรับในฐานะภาพอันยิ่งใหญ่นี้ มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่และแสดงบทบาทที่สำคัญทางประวัติศาสตร์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการโจมตีของพวกต่างชาติและการเบี่ยงเบนทางความคิดต่อเยาวชนทั้งหลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาครู จะต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางการศึกษาในการสกัดกั้นการโจมตีที่ใหญ่หลวงเหล่านี้ ด้วยความพยายามที่จะทำให้เป็นอันดับศูนย์จากการโจมตีเหล่านี้ และการเติบโตต่างๆจะต้องอยู่ในระดับที่สูงที่สุดให้ได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงฐานะภาพอันทรงคุณค่าและมีประสิทธิภาพของบรรดาครู โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความเข้าใจในฐานะภาพอันสูงส่งนี้และเป็นตัวกำหนด จะต้องกลายเป็นวัฒนธรรม ซึ่งสื่อต่างๆและหน่วยงานในการโฆษณาและการศึกษา จะต้องรับผิดชอบต่อภารกิจที่หนักหน่วงนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของบรรดาครู คือ สิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้เห็นว่า นี่คือ หน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลและรัฐสภาในประเด็นนี้และท่านยังกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจต่อบรรดาครูซึ่งมีความพยายามอย่างมากในการให้การศึกษาในช่วงเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า รวมถึงครอบครัวทั้งหลาย โดยเฉพาะบรรดามารดาทุกๆคนอีกด้วย”

ในอีกส่วนหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวปราศรัยเนื่องในวันแรงงานสากล เกี่ยวกับประเด็นแรงงาน สถานภาพของผู้ใช้แรงงาน ความจำเป็นในการสนับสนุนทุกๆด้านต่อผู้ใช้แรงงานที่มีความพยายามอุตสาหะ และการมีประสิทธิภาพของพวกเขาเหล่านี้ อีกทั้ง บทบาทของผู้ใช้แรงงานในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและความเป็นอิสระเสรีของประเทศ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงสถานภาพอันสูงส่งของผู้ใช้แรงงานในอิสลาม และท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้ทำการจูบมือของบรรดาผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในสังคมที่เศรษฐกิจเป็นอิสระและการผลิตเป็นแกนหลัก ผู้ใช้แรงงานก็คือ เสาหลักของมัน และบทบาทอันมีประสิทธิภาพนี้ของผู้ใช้แรงงาน หน่วยงานทั้งหลายในการประชาสัมพันธ์และสื่อต่างๆจะต้องให้การช่วยเหลือด้วยการทำให้กลายเป็นวัฒนธรรมต่อสาธารณชนต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ตั้งแต่ช่วงแรกของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลาม เหล่าผู้ที่ประสงค์ไม่ดีและพวกต่างชาติต่างพยายามที่จะทำให้สังคมของผู้ใช้แรงงานเผชิญหน้ากับรัฐอิสลาม แต่ทว่า บรรดาผู้ใช้แรงงานนั้นได้ยืนหยัดเคียงข้างรัฐอิสลามมาโดยตลอด ซึ่งเห็นได้ในตัวอย่างที่เด่นชัดในยุคสงครามป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงคำขวัญประจำปี และประเด็นการสนับสนุนการผลิต โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หนึ่งในประเภทของการสนับสนุนการผลิต คือ การสนับสนุนต่อผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย เพราะว่า ผู้ใช้แรงงานที่มีความเคลื่อนไหวและมีชีวิตชีวา จะสร้างความมั่งคั่งในกับประเทศชาติ และในที่สุด พวกเขาก็จะเป็นผู้ที่ทำให้ประเทศได้รับเกียรติ การมีพลังอำนาจและความอิสระเสรีของประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า การสนับสนุนต่อผู้ใช้แรงงาน มิใช่เฉพาะกับการเพิ่มขึ้นเงินเดือนที่เหมาะสมกับการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การยกระดับทักษะและความเชี่ยวชาญให้กับบรรดาผู้ใช้แรงงาน การให้ความสนใจในการสงเคราะห์ การสาธารณสุขและการรักษาเยียวยา ความมั่นคงในการสร้างงาน การวางแบบแผนในโครงการบ้านพักของบรรดาผู้ใช้แรงงาน และการสร้างความสัมพันธ์อย่างยุติธรรมระหว่างผู้ใช้แรงงาน การสร้างงาน การสนับสนุนจากรัฐบาลต่อผู้ใช้แรงงาน คืออีกมิติหนึ่งในประเด็นการสนับสนุนต่อผู้ใช้แรงงาน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การวางแบบแผนอย่างถูกต้องสำหรับการสร้างานและการติดตามผลอย่างละเอียดและตรงตามหลักการ รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของภาคเอกชนในการสร้างงาน เป็นการช่วยเหลืออย่างยิ่งใหญ่ในความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ  โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การสร้างงาน นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจ ได้รับเกียรติแล้ว ยังจะทำให้สังคม และการเมืองก็ได้รับเกียรติอีกด้วยเช่นกัน  เพราะว่า ในสังคมโดยเฉพาะในรุ่นเยาวชน เป็นบ่อเกิดในการมีชีวิตชีวา การขับเคลื่อน การป้องกันการก่อตัวของภัยทางสังคม หรือแม้แต่ทางความมั่นคงด้วยก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้มิติต่างๆของการสร้างงานในสังคมโดยถือว่า เป็นหนึ่งในแบบแผนที่สำคัญ ซึ่งรัฐบาลต่างคาดหวังในการสร้างงาน และท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เหล่าบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและใช้ประโยชน์จากแผ่นดินและมูลค่าเพิ่มของมันในการทำให้โรงงานทั้งหลายได้ปิดทำการลง พวกเขาเหล่านั้น พึงรู้ไว้เถิดว่า เป็นการกระทำที่ผิดพลาดและเป็นที่ต้องห้าม ทั้งการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการทรยศต่อประชาชน และบรรดาผู้ใช้แรงงาน ทั้งยังเป็นสร้างความเสียหายต่อความเป็นอิสระเสรีและเศรษฐกิจของประเทศที่มีการผลิตของชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้คำแนะนำโดยเน้นย้ำถึงหน่วยงานต่างๆของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงการเกษตรให้มีบทบาทอย่างจริงจังในการเผชิญกับปรากฏการณ์นี้และการจัดการกับบุคคลเหล่านี้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ด้วยเช่นกันเกี่ยวกับทัศนะของนักเศรษฐศาสตร์บนพื้นฐานของความจำเป็นในการเคลื่อนไหวของการประชุมเชิงปฏิบัติการขนาดเล็กและระดับปานกลางที่ควบคู่กับการประชุมเชิงการปฏิบัติการขนาดใหญ่ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การขยายวงกว้างของการประชุมเชิงปฏิบัติการเหล่านี้ นอกเหนือจาก จะเป็นการสร้างงาน ยังเป็นการปูทางเพื่อสู่การผลิตความมั่งคั่งของประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มที่ด้อยโอกาสและชนชั้นกลาง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า วิธีการที่ดีที่สุดในการทำให้การคว่ำบาตรไร้ประสิทธิภาพ คือ ความพยายามอย่างแท้จริงและการไม่เป็นเพียงสโลแกนสำหรับการผลิตของชาติ ซึ่งจะทำให้ศัตรูหมดหวังจากการคว่ำบาตรอีกต่อไป และในที่สุด การคว่ำบาตรก็จะถูกยกเลิกไป”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดี ด้วยความหมายที่แท้จริง เป็นโอกาสที่สำคัญและไม่เสมอเหมือนผู้ใดสำหรับการเสริมสร้างรากฐานของการมีอำนาจและความปลอดภัยของประเทศมีความมั่นคง โดยท่านกล่าวว่า “บางคนด้วยการบิดเบือนในหลักการของการเลือกตั้งหรือการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสภาผู้พิทักษ์หรือหน่วยงานอื่น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนหมดหวัง ฉะนั้นการกระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ผิดพลาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ สาธารณรัฐอิสลามได้จัดการเลือกตั้งต่างๆอย่างปลอดภัยมาแล้ว และเป็นไปได้ว่า จะมีการทุจริตในการเลือกตั้งอยู่บ้างเพียงเล็กน้อย ซึ่งจะไม่ส่งผลต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งเลย และการเลือกตั้งในสาธารณรัฐอิสลามนั้นอยู่ควบคู่กับการรักษาคำมั่นสัญญามาโดยตลอด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แต่บางคนเชื่อว่า หากผลคะแนนเสียงในการเลือกตั้งตรงตามความต้องการของตน การเลือกตั้งนั้นถือว่ามีความปลอดภัย แต่หากผลคะแนนเสียงไม่ตรงตามความต้องการของตนก็จะกล่าวหาผู้จัดการเลือกตั้งหรือเหมือนกับการก่อจราจลในเหตุการณ์วิกฤติในปี 1388(2009) ซึ่งข้อกล่าวหานั้นไม่ยุติธรรมและการก่อจราจลเป็นการก่ออาชญากรรมอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแนะนำสำหรับบุคคลที่เข้าสู่เวทีของการเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวว่า “บุคคลเหล่านี้ จะต้องหลีกเลี่ยงจากคำพูดและการให้สัญญาที่หลอกลวง โดยปราศจากการสนับสนุนทางความคิดและไม่ให้ความสำคัญในสิ่งอำนวยความสะดวกหรือปฏิเสธข้อมูลการรับรู้จากพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “บุคคลที่เข้ามาสู่เวทีการเลือกตั้ง พวกเขาจะต้องมีแบบแผนที่แท้จริง ซึ่งหากว่าผู้เชี่ยวชาญได้ยิน สามารถที่จะยอมรับมันได้อีกด้วย”

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ในบางครั้ง บางคนกลับพูดเหมือนกับว่าพวกเขานั้นไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ ในขณะเดียวกัน ผู้ที่จะเข้ามาสู่เวทีการเลือกตั้ง  จะต้องมีความศรัทธาต่ออิสลาม รัฐธรรมนูญและคะแนนเสียงของประชาชน ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีข้อเรียกร้องอย่างจริงจังที่จะต้องมีการระมัดระวังในประเด็นนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังรู้สึกประหลาดใจและเสียใจต่อการแสดงทัศนะของเจ้าหน้าที่บางคนในหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งมีการเปิดเผยผ่านสื่อที่ต่อต้านสาธารณรัฐอิสลาม เป็นการนำเอาคำพูดที่ซ้ำซากของเหล่าศัตรูและอเมริกา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พวกสหรัฐฯนั้นไม่พอใจต่อการแทรกซึมทางจิตวิญญาณของอิหร่านในภูมิภาคและการมีอยู่ของปัจจัยต่างๆ หมายถึง กองกำลังกุดส์และชะฮีดสุไลมานี และด้วยเหตุนี้เอง นายพลสุไลมานีจึงถูกลอบสังหารและเป็นชะฮีด ดังนั้น อย่าได้พูดคำพูดใดที่จะเป็นการยืนยันคำพูดของพวกเหล่านั้นเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “นโยบายของประเทศ ประกอบด้วยโครงการด้านเศรษฐกิจ การทหาร สังคม วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม รวมทั้งนโยบายด้านต่างประเทศอีกด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดในภาคส่วนเหล่านี้ก็จะต้องไปด้วยกันและการปฏิเสธภาคส่วนใดก็ตาม ถือเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐฯจะต้องไม่กระทำเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “กองกำลังกุดส์ เป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดในการป้องกันทางการทูตอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันตก และเป็นการปูทางไปสู่การเกิดขึ้นนโยบายอันมีเกียรติของสาธารณรัฐอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความปรารถนาของพวกชาติตะวันตกในการกลับเข้ามามีอำนาจในอิหร่านในยุคการปกครองแบบเผด็จการ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงต่อต้านการขับเคลื่อนทางการทูต การขยายความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับจีนและรัสเซีย และบรรดาประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน  แม้กระทั่งในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของประเทศเพื่อนบ้านถูกกดดันด้วยการขัดขวางไม่ให้เดินทางเยือนอิหร่านและเราจะต้องมีการปฏิบัติการอย่างเป็นอิสระที่เต็มไปด้วยความพยายามและขีดความสามารถในการเผชิญหน้ากับการสร้างความกดดันเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นให้เห็นอีกว่า นโยบายด้านต่างประเทศถูกกำหนดโดยกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศในทุกที่ของโลก และไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศที่ตัวกำหนด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “กระทรวงต่างประเทศนั้นมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายต่างๆ แต่ไม่ได้เป็นผู้ตัดสินใจ เป็นเพียงผู้ดำเนินการเท่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในประเทศของเรา ก็เช่นกันว่านโยบายด้านต่างประเทศนั้น สภาสูงสุดทางความมั่นคงแห่งชาติด้วยการเข้าร่วมของบรรดาเจ้าหน้าที่เป็นตัวกำหนดและกระทรวงต่างประเทศ จะต้องมีการดำเนินการตามวิธีการของตน”

ในช่วงท้าย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ขอพรต่อพระเจ้า ด้วยกับความหวังในความสำเร็จของพระองค์ที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ในการรับใช้ประชาชน โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “อย่าได้พูดในลักษณะที่ว่าเป็นคำพูดที่ไม่ยอมรับนโยบายของประเทศ และทำให้เหล่าศัตรูยินดีต่อข้อเรียกร้องของพวกเหล่านั้น”

 

 

 

 

700 /