สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ตัวแทนองค์กรนักศึกษา เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

พวกไซออนิสต์นั้นไม่เข้าใจอะไรเลย นอกจากภาษาที่แข็งกร้าว

ตัวแทนองค์กรนักศึกษา ได้เข้าพบปะกับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ซึ่งถือเป็นการเข้าพบปะกัน โดยผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงกลยุทธ์หลักของการเรียกร้องสู่การเปลี่ยนแปลง คือ การขับเคลื่อนแบบก้าวกระโดดและแบบญิฮาดีนั้น เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยการมีนวัตกรรมใหม่ๆในวิธีการต่างๆและการปฏิบัติการณ์ในทุกพื้นที่ของการปกครองและส่วนต่างๆของวิถีการดำเนินชีวิตของสาธารณชน โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมอย่างมากของประชาชนในการเลือกตั้งในวันที่  28 เดือนโครดอด (18 มิถุนายน) และท่านผู้นำยังได้กล่าวอธิบายถึงผลลัพท์ที่สำคัญของการมีส่วนร่วมโดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในอันดับที่สอง จะต้องมีการเลือกตั้งที่ดีและพึงปรารถนา ซึ่งผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง จะต้องเป็นบุคคลที่เป็นผู้ศรัทธา นักการปฏิวัติ มีความเพียงพอ เป็นที่นิยมและเต็มไปด้วยกับความหวัง ทั้งเป็นที่เชื่อมั่นของเยาวชนทั้งหลายและมีความสามารถในประเทศและเป็นผู้ที่มีความยุติธรรม อีกทั้งมีการต่อต้านกับการทุจริตอย่างแท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งและกล่าวประณามอย่างรุนแรงต่อสองเหตุการณ์ที่ขมขื่นและการนองเลือดครั้งล่าสุดในโลกอิสลาม หมายถึง ในอัฟกานิสถานและปาเลสไตน์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ขอพระผู้เป็นเจ้า ทรงสาปแช่งต่อเหล่าอาชญากรที่ก่ออาชญากรรมในการสังหารหมู่ต่อบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่และผู้บริสุทธิ์ชาวอัฟกานิสถานด้วยกับการหลั่งเลือดพวกเขา และด้วยการเสียชีวิตของเด็กสาวเยาวชนเหล่านี้ ได้ทำให้อาชญากรรมนี้ได้ลุกลามไปถึงในระดับเช่นนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้อีกด้วยเช่นเดียวกันถึงการก่ออาชญากรรมที่อำมหิต ป่าเถื่อนและฉ้อฉลของพวกรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในมัสยิดอัลอักซอ อัลกุดส์อันทรงเกียรติ และพื้นที่ต่างๆในปาเลสไตน์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อาชญากรรมเหล่านี้ได้ประจักษ์ต่อสายตาของชาวประชาคมโลกและทุกคนจะต้องปฏิบัติตามหน้าที่ของตนด้วยการกล่าวประณามการกระทำดังกล่าว”

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวยกย่องต่อความตื่นตัว ความพากเพียรและความมุ่งมั่นของประชาชาติปาเลสไตน์ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พวกไซออนิสต์นั้นไม่เข้าใจอะไรเลย นอกจากภาษาที่แข็งกร้าว ด้วยเหตุนี้ ชาวปาเลสไตน์ทั้งหลายจึงจะต้องเสริมสร้างพลังอำนาจและการยืนหยัดต้านทาน เพื่อที่จะทำให้เหล่าอาชญากรนั้นยอมจำนนและยุติการกระทำอันป่าเถื่อนของพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวอธิบายในประเด็นหลักของตน กล่าวคือ ประเด็นการเรียกร้องสู่การเปลี่ยนแปลง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง คือ การรักษาและการเสริมสร้างหลักการ พื้นฐาน รวมทั้งแนวปฏิบัติของการปฏิวัติอิสลาม ด้วยการคิดค้นในวิธีการต่างๆและการมีนวัตกรรมใหม่ๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการใช้ประโยชน์จากความหมายของการเปลี่ยนแปลงในวรรณกรรมของประเทศชาติตะวันตกที่ตรงข้ามกับอิหร่าน และยังถือว่าเป็นคำพูดของบุคคลที่เอนเอียงไปทางตะวันตกเป็นหลัก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “วัตถุประสงค์ของพวกเขานั้นแตกต่างจากวัตถุประสงค์และตรรกะของพวกเราอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าการเปลี่ยนแปลงในหลักการและพื้นฐานของการปฏิวัติในความเป็นจริง ก็คือ การปฏิเสธในการปฏิวัติที่จะนำไปสู่ความล้าหลัง ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงจะต้องมีความระมัดระวังในการใช้ความหมายของการเปลี่ยนแปลง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวอธิบายถึงเหตุผลของความจำเป็นของประเทศในการเปลี่ยนแปลงและการยอมรับในการเปลี่ยนแปลง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “นอกเหนือจาก ความก้าวหน้าและความสำเร็จมากมายในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา เรานั้นกำลังทุกข์ทรมานจากความล้าหลังที่เรื้อรังและเป็นปัญหาที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยกับการขับเคลื่อนไปอย่างปกติ ซึ่งเรานั้นต้องการที่จะมีการเปลี่ยนแปลงและการขับเคลื่อนไปในรูปแบบที่พิเศษ และความต้องการดังกล่าวนี้ ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับได้จากยุคแห่งการปฏิวัตินี้ในการบรรลุสู่ก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความล้าหลังนั้น เกิดขึ้นมาจากความเพิกเฉยในบางประการ ความลำเอียงและการค่อยๆห่างเหินออกจากแนวทางการปฏิวัติในหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “ด้วยสาเหตุนี้เอง ส่วนมากของขีดความสามารถและโอกาสต่างๆมากมาย ได้ล่าช้าลงและยังถูกเพิกเฉย ซึ่งจะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของชาติ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงบางตัวอย่าง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ระบบเจ้าขุนมูลนาย การผลัดวันประกันพรุ่ง กฏระเบียบที่ไร้ประโยชน์และเป็นอันตรายในบางครั้ง คือ ปัญหาของภาคส่วนในการบริหารจัดการของประเทศ ในขณะที่ในภาคส่วนของการดำเนินชีวิตของสาธารณชน ประเด็นต่างๆ เช่น ความฟุ่มเฟือย ความหรูหรา และการแข่งขันของชนชั้นสูง อายุของการแต่งงานที่เพิ่มมากขึ้น และการสูงวัยของประชากร ถือว่า เป็นปัญหาอย่างจริงจังที่จะต้องได้รับการแก้ไขต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความกระจ่างชัดของตรรกะและเป้าหมายของการเปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันในการสร้างความสับสน และความวุ่นวายทางจิตใจและทางการปฏิบัติในแนวทางนี้ โดยท่านกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลง จะต้องไปถึงยังสภาพที่ดีที่สุด หมายถึง การเสริมสร้างแนวปฏิบัติหลักของการปฏิวัติอิสลาม ความสะดวกสบายของแนวทางในการขับเคลื่อนไปยังอุดมการณ์หลัก เช่น ความยุติธรรม อิสรภาพ เสรีภาพ และการทำให้เกิดสังคมในรูปแบบอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตให้ประเด็นนี้ว่า “ในการบรรลุสู่อุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ และบางอุดมการณ์ที่เล็กๆ บางประการ เช่น ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ความพอเพียงทางเศรษฐกิจ การมีอำนาจในนโยบายต่างประเทศ และการป้องกันประเทศให้พ้นจากเครือข่ายของการผูกขาดกับชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า นโยบายต่างๆ เช่น การทำให้มหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบอิสลามหรือนโยบายการเปลี่ยนสถานีวิทยุและโทรทัศน์ให้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ คือ นโยบายต่างๆต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขับเคลื่อนของนักการปฏิวัติอิสลามรุ่นแรกไปสู่เป้าหมายหลักของสาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งได้ดำเนินการภายใต้การชี้นำของท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฮ.) ซึ่งพร้อมกับความยากลำบากและเหตุการณ์ในการนองเลือด เป็นประสบการณ์ที่ควรจดจำ โดยท่านกล่าวว่า  “หนึ่งในปัญหาที่ไม่ได้ให้ความสนใจมากพอ ก็คือ ความซับซ้อนและความยากลำบากต่างๆในการขับเคลื่อนไปสู่อุดมการณ์ทั้งหลาย” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นของการทำให้มหาวิทยาลัยเป็นรูปแบบอิสลาม คือ ตัวอย่างของปัญหาเหล่านี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “มหาวิทยาลัยในประเทศของเรา ได้ก่อตั้งในช่วงของการครอบงำและการปกครองโดยนโยบายของชาติตะวันตก และด้วยกับปัจจัยที่เชื่อมโยงกับตะวันตกโดยมีเป้าหมายในการอบรมนักศึกษาที่เชื่อฟังและเป็นผู้บริโภคผลิตภัณฑ์และความรู้แบบชาติตะวันตกที่ล้าสมัย ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยทั้งหลาย ด้วยการมีคุณสมบัติเช่นนี้ให้กลายเป็นมหาวิทยาลัยอิสลาม ซึ่งเต็มไปด้วยกับความซับซ้อนที่จะเกิดขึ้น นอกจากการเปลี่ยนแปลงแล้ว จะเป็นสิ่งอื่นใดเลยไม่ได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเกิดการเปลี่ยนแปลงของประเด็นต่างๆ เช่น กระแสทางเศรษฐกิจ ตลอดจนการเคลื่อนไหวทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ ขึ้นอยู่กับมุมมองที่ชัดเจนและครอบคลุม โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “ในวันนี้นั้น ชนชั้นนำที่เคร่งครัดต่อศาสนาและการปฏิวัติอิสลามของประเทศต่างมีประสบการณ์ที่มากมายและยังสามารถที่จะผลิตความคิดและการมีนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการเผชิญหน้าที่ถูกต้องกับปัญหาใหม่ ๆ เช่น ปัญหาของโลกสังคมออนไลน์ เป็นต้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วิธีการอันจำเพาะส่วนปัจเจกบุคคลในการบรรลุสู่การเปลี่ยนแปลง คือ การใช้ประโยชน์จากบรรดาเยาวชน โดยท่านกล่าวว่า “เยาวชนทั้งหลายนั้นมีข้อกำหนดทั้งหมดของการขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลง อันได้แก่ การมีความคิดใหม่ การมีนวัตกรรมใหม่ การมีศักยภาพสูงและการมีความกล้าหาญในการดำเนินการ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า นอกจากลักษณะที่เด่นชัดเหล่านี้ของบรรดาเยาวชนแล้ว ยังมีข้อบกพร่องบางประการในเยาวชนทั้งหลายอยู่ ที่จะต้องได้รับมาจากบรรดาผู้ที่มีประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงคำกล่าวก่อนหน้านี้ของตนเกี่ยวกับความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลแห่งเยาวชนของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “บางคนอาจจะคิดว่า ความหมายของคำว่า รัฐบาลแห่งเยาวชนของการปฏิวัติอิสลามนั้น จะต้องมีสมาชิกที่มีอายุประมาณ 30 ถึง 35 ปี ในขณะที่ ความหมายนี้นั้นไม่ได้หมายถึงการเพิกเฉยต่อบรรดาผู้ที่มีประสบการณ์และผู้ที่เคยผ่านโลกมาก่อนแล้วเลย” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เงื่อนไขหลักของเยาวชนและผู้ที่มีประสบการณ์ คือ การมีความศรัทธาและการมีแรงจูงใจที่ซื่อสัตย์และเป็นนักการปฏิวัติ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “รัฐบาลแห่งเยาวชนของการปฏิวัติอิสลาม ไม่รวมถึงบรรดารัฐมนตรี แต่รวมทั้งบรรดานักบริหารที่มีประสิทธิภาพและเป็นตัวกำหนดหลายร้อยคน ในทุกระดับชั้น ที่สามารถจะเป็นเจ้าภาพให้กับบรรดาเยาวชน ผู้ศรัทธาและเป็นนักการปฏิวัติ ซึ่งจะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและการดำเนินการต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเน้นย้ำว่า “ในทัศนะของข้าพเจ้านั้นเป็นไปได้ที่จะใช้ประโยชน์จากบรรดาเยาวชน ผู้ศรัทธาและนักการปฏิวัติในภาคส่วนของการบริหารต่างๆโดยมีเงื่อนไขที่ว่ารัฐบาลที่เข้ามามีอำนาจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ในระดับสูงจะต้องเชื่อมั่นในตัวเยาวชน ดังที่ท่านอิมามโคมัยนีได้เชื่อมั่นต่อเยาวชน จึงทำให้การทำงานนั้นก้าวไปข้างหน้า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หากมีรัฐบาลเช่นนี้ แน่นอนว่า ปัญหาต่างๆก็จะได้รับการแก้ไขในเวลาอันสมควร และจะเป็นการจัดเตรียมพื้นฐานเพื่อที่จะบรรลุสู่อุดมการณ์อื่นๆอีกต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงบทบาทและผลงานต่างๆของเยาวชนในชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามและในการก่อตัวของความพยายามอย่างสร้างสรรค์และในการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในวันนี้ ประเทศเนื่องจากมีการฝึกฝนพลังงานมนุษย์ ผู้ศรัทธา นักการปฏิวัติอิสลามและผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อมั่นตนเอง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงแรกๆของการปฏิบัติถือว่ามีเงื่อนไขที่ดีกว่ามาก ซึ่งจะต้องใช้ประโยชน์จากพลังของเยาวชนเหล่านี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวสรุปในประเด็นของการเปลี่ยนแปลง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประการแรก การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่จำเป็น 

ประการที่สอง การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ 

ประการที่สาม วิธีการที่จะบรรลุสู่การเปลี่ยนแปลง คือ การจัดตั้งรัฐบาลที่เชื่อมั่นต่อการเปลี่ยนแปลงและองค์ประกอบของการสร้างการเปลี่ยนเปลง คือ เยาวชน ผู้ศรัทธาและเป็นนักการปฏิวัติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับกรณีมหาวิทยาลัยทั้งหลายต่อไป

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงข่าวที่สร้างความกังวลใจเกี่ยวกับการลดน้อยลงของการเรียนรู้และการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า โดยท่านผู้นำได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของการศึกษาในระดับสูงต้องให้ความสนใจกับปัญหานี้และการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเตือนด้วยเช่นเดียวกันถึงความจำเป็นในการขจัดข้อบกพร่องของอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษาในระบบออนไลน์ โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงปรากฏการณ์อันน่ารังเกียจในการสร้างช่องทางเพื่อการโกงในการสอบที่เป็นเหตุทำให้การศึกษานั้นไร้คุณค่า ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการกับปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงบางคนต่างพยายามที่จะทำให้นักศึกษาหมดหวังหรือการสนับสนุนให้พวกเขาออกไปจากประเทศและการหันหลังให้กับพวกเขา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “นักศึกษา ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่มีคุณค่าสำหรับประเทศชาติ ซึ่งจะไม่ต้องสร้างความหดหู่ให้กับพวกเขา เพราะว่าบรรดานักศึกษาที่มีศรัทธาและมีความกระตือรือร้นในการสร้างความหวังและยังมีบทบาทที่สำคัญในการสร้างแรงจูงใจต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำถึงประเด็นการสร้างงานให้กับบรรดานักศึกษา ตั้งแต่ในสมัยที่พวกเขายังเป็นนักศึกษา และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงปัญหาการเกณฑ์ทหาร ซึ่งอยู่ในคำพูดของบรรดานักศึกษา โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ปัญหาเรื่องทหาร เป็นหนึ่งในประเด็นสลับซับซ้อนซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ในรูปแบบของสโลแกน แน่นอนว่าในประเด็นนี้ได้มีการเสนอโครงการต่างๆและหน่วยงานต่างๆก็กำลังจะทำการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องมีการคิดอย่างรอบคอบในทุกๆด้านเพื่อที่มีการตัดสินใจที่ถูกต้อง”

หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวถึงองค์กรนักศึกษาในหลายประเด็นด้วยกัน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า องค์กรนักศึกษาต่างๆ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศชาติและท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงบทบาทของพวกเขาในฐานะศูนย์กลางของการผลิตทางความคิดและตัวขับเคลื่อนในการเปลี่ยนแปลงและความพยายามในประเด็นทางสังคมและวิทยาศาสตร์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของเยาวชนทั้งหลายในภาคสนามที่เต็มไปด้วยกับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า การปรากฏตัวในการเผชิญหน้ากับปัญหาระหว่างประเทศ เช่น ในกรณีนิตยสารที่เหยียดหยามของฝรั่งเศส การทิ้งระเบิดในมหาวิทยาลัยกรุงคาบูล และปัญหาปาเลสไตน์และเยเมน การแสดงความคิดเห็นและจุดยืนในกรณี FETF การเสริมสร้างการแก้ปัญหาเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์  และการแสดงปฏิกิริยาในปัญหาเอกชนที่บางส่วนได้รับการแก้ไข ทั้งหมดนี่คือ ตัวอย่างที่น่าชื่นชมในการดำเนินการขององค์กรนักศึกษา ซึ่งการแสดงจุดยืนเช่นนี้ จะเสริมสร้างอัตลักษณ์ขององค์กรนักศึกษาให้มีความแข็งแกร่ง” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความคาดหวังจากองค์กรนักศึกษา ทำให้รากฐานทางศาสนาเกิดความเข้มแข็ง ทั้งการเป็นนักการปฏิวัติของพวกเขา และประเด็นที่สำคัญของการขัดเกลาจิตใจตนเอง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การขัดเกลาจิตใจตนเองนั้น จะมีผลอย่างมากต่อการต่อสู้ทางสังคมและการปฏิวัติ ในขณะที่ท่านอิมามโคมัยนี ผู้ยิ่งใหญ่ ได้กล่าวไว้ว่า สาเหตุที่ผู้คนเกิดความหวาดกลัวต่อสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการขาดการขัดเกลาจิตใจนั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุผลของการหันเหของนักศึกษาบางคนและองค์กรของการปฏิวัติในยุคปี 60 ในช่วงหลายปี หลังจากรากฐานของการปฏิวัติอิสลาม คือ ความอ่อนแอทางปัญญาและการมีความศรัทธาของพวกเขา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เนื่องจากการมีศรัทธาและความยำเกรง บรรดานักศึกษาจะไม่ไปอยู่กับฝ่ายตรงกันข้ามและเหล่าศัตรูของการปฏิวัติอิสลามได้หรอก พวกเขาจะยืนหยัดและยึดมั่นในแนวทางของการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรนักศึกษากับบรรดานักศึกษาทั่วประเทศ เป็นโอกาสที่มีประสิทธิภาพและยังเป็นการเปิดปมทางปัญญาและทางศาสนาของนักศึกษาอีกด้วย โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ในประเด็นนี้ ตัวแทนของผู้นำสูงสุดในมหาวิทยาลัยต่างๆนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญ ซึ่งจะต้องมีความพยายามให้มากยิ่งขึ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเลือกตั้ง เป็นอีกเวทีหนึ่งในการสร้างบทบาทขององค์กรนักศึกษาและการเชิญชวนให้ทุกคนเข้ามีส่วนร่วมอย่างมากและมีการเลือกตั้งที่ดีที่ตรงตามความต้องการ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การแสดงความคิดของบางคน อาจจะเป็นการแสดงถึงความเห็นอกเห็นใจ แต่อย่าได้ทำให้ประชาชนต้องหมดหวังจากการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ของประเทศชาติโดยประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การเข้าร่วมของประชาชนอย่างมากในการเลือกตั้ง จะมีผลต่อความเข้มแข็งและการมีศักยภาพของรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้ง ทั้งยังเป็นการรักษาศักดิ์ศรี และความมั่นคงให้กับประเทศ”

หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำถึงการเข้าร่วมอย่างมากของประชาชนโดยท่านได้เน้นย้ำอีกถึงการเลือกตั้งที่พึงปรารถนาและดี โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จะต้องมีการจัดตั้งรัฐบาลที่เพียงพอและมีการบริหารจัดการที่เต็มไปด้วยกับความศรัทธา ความหวัง และเชื่อมั่นต่อศักยภาพในประเทศ เพราะว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐนั้นไม่มีความหวัง การงานก็จะไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “บุคคลที่เชื่อว่า เขานั้นไม่มีความสามารถอะไร ทั้งทางด้านการป้องกัน การเมือง เศรษฐกิจและการผลิต เขาก็ไม่เหมาะสมที่จะปกครองประชาชนเลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ บุคคลผู้ที่เชื่อมั่นต่อประชาชนและเยาวชน ควรที่จะเข้ามาโดยเขาถือว่า เยาวชนเป็นปัจจัยที่สำคัญ ทั้งยังมีผลงานของการปฏิวัติอิสลามและการเรียกร้องความยุติธรรม อีกทั้งเป็นผู้ต่อต้านต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “รัฐบาลดังกล่าวนี้ หลังจากที่เข้ามามีอำนาจก็สามารถที่จะจัดระเบียบการบริหารประเทศ ด้วยการแต่งตั้งผู้บริหารหลายร้อยคน ซึ่งเป็นทั้งเยาวชนและเป็นผู้ศรัทธาที่แท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับความคิดเห็นของตนเกี่ยวกับการเข้าร่วมของบุคคลในการเลือกตั้ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการคัดเลือกบุคคล ในช่วงก่อนๆหน้านี้ ได้มีบุคคลที่ต้องการสมัครเป็นประธานาธิบดีได้เข้ามาถามความคิดเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตอบไปว่า ไม่มีความเห็นด้วยหรือไม่ว่าไม่เห็นด้วย  หมายความว่า ข้าพเจ้านั้นไม่มีความคิดเห็นใดๆ แต่ในช่วงนี้ ข้าพเจ้าจะบอกว่า ข้าพเจ้าจะไม่พูดเช่นนี้อีกต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ส่วนบุคคลที่เชื่อว่าในระหว่างเขากับพระเจ้า เขานั้นมีคุณสมบัติที่ตรงตามกฏหมายและมีความเหมาะสม เขาก็สามารถเข้ามาได้ และประชาชนก็เช่นกัน เมื่อได้เห็นนโยบายต่างๆของเขา ก็สามารถที่จะเลือกเขา”

ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การพบปะกันในวันนี้ เป็นการพบปะที่ดีอย่างมาก และคำพูดของบรรดานักศึกษาก็ถือว่า อยู่ในระดับที่สูงทีเดียว ทั้งการเผยแพร่มุมมองต่างๆของพวกเขาต่อสาธารณชนนั้นมีประโยชน์อย่างมาก 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำถึงการรักษาผลของเดือนรอมฎอนอันจำเริญในช่วงต่างๆของปี โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การจาริกเดือนรอมฎอน จะต้องอยู่ในพฤติกรรมส่วนบุคคล สาธารณะ สังคม มหาวิทยาลัย การเมืองและการปกครอง ทั้งยังมีความต่อเนื่อง เพื่อที่จะให้ความเมตตาของพระเจ้าได้คงอยู่เสมอ”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้มีตัวแทนขององค์กรนักศึกษาทั้ง 9 คนได้กล่าวแสดงความคิดเห็นและแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษดังนี้

- มุฮ์ซิน คัซซาอี (ตัวแทนขององค์กรอาสาสมัครนักศึกษา)

- ฮะมีด มุฮัมมัดพูร (เลขาธิการสหภาพแรงงานของขบวนการยุติธรรมนักศึกษา)

-ไรฮาเนฮ์ ซาดัต มีร ฮะซะนี (นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่โครงการวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลของมนุษย์)

- ซัยยิดอีมาน อะฮ์มะดี (เลขาธิการสมาพันธ์นักศึกษาอิสลามอิสระ)

- ฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอนิชีน (ตัวแทนนิตยสารของนักศึกษาประจำกระทรวงสาธารณสุข)

- เตาฮีด ตะกีซาเดฮ์ (เลขาธิการสหภาพสังคมนักศึกษาอิสลาม)

- มีร อัรมาน อัดนานี (เลขาธิการสมาคมนักศึกษาอิสลามแห่งมหาวิทยาลัยครู)

- ฟาฏิมะฮ์ รอวันด์ (ตัวแทนกลุ่มอาสาสมัครการกุศลของนักศึกษา)

- มุฮัมมัด กูดัรซี (เลขาธิการสหภาพสำนักงานตะฮ์กีม วะฮ์ดัต)

 ประเด็นที่ได้กล่าวเน้นย้ำมีดังต่อไปนี้:

- การปรับโครงสร้างของการบริหาร-การดำเนินการของประเทศชาติ

- การเสนอทฤษฎีที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความยุติธรรมและเสรีภาพ

- การชี้แจงตรรกะของภาคเอกชน

- การปรับโครงสร้างและหน้าที่ของสภาระดับสูง

- การนำเสนอการตั้งชื่อทศวรรษที่ห้าของการปฏิวัติอิสลาม ด้วยชื่อ การเปลี่ยนแปลงและความทันสมัย

- ความต้องการในการจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อแรงงานและกรรมกร

- ความจำเป็นในการสนับสนุนจากภาครัฐและการไม่แข่งขันกับภาคเอกชนในด้านการผลิตวัคซีน

- ความจำเป็นในการจัดตั้งหลักสูตรที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการใช้สื่อ

- การปรับปรุงข้อบังคับในการใช้กฎหมายบางฉบับ รวมถึง กฎหมายว่าด้วยการเกณฑ์ทหาร

- ความจำเป็นในการอนุรักษ์นิยมและการกระจายข่าวอย่างละเอียดและเชื่อถือได้ในสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ

- การสร้างความโปร่งใสในกฏเกณฑ์การคัดเลือกและการสรรหาเจ้าหน้าที่เฉพาะทาง

- การวิพากษ์วิจารณ์ในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่บางคนที่มีต่อนักศึกษา ผู้วิพากษ์วิจารณ์

 

700 /