สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานรัฐสภาและบรรดาสมาชิกรัฐสภา เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

การเลือกตั้งประธานาธิบดี จะเป็นการสร้างเกียรติ ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจ

ประธานรัฐสภาและบรรดาสมาชิกรัฐสภา ได้เข้าพบปะกับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยถือเป็นการพบปะกันในรูปแบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอธิบายถึงประเด็นที่สำคัญล่าสุดที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี วิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประชาชนในนโยบายการเลือกตั้งของผู้สมัครประธานาธิบดี ถือว่า เป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มแรงจูงใจในการเลือกตั้ง และท่านผู้นำยังได้กล่าวอธิบายถึงสิ่งที่ควรกระทำและไม่ควรกระทำในการแข่งขันในการเลือกตั้ง โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “ผลของการเลือกตั้ง จะปรากฏอยู่ในการดำเนินชีวิตของประชาชนและประเทศชาติในอีกหลายปี ซึ่งพวกเรานั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเลือกตั้งในวันที่ 28 เดือนโครดอด (18 มิถุนายน) จะเป็นการสร้างเกียรติ ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจให้กับอิหร่าน ซึ่งเป็นสิ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เหล่าศัตรูนั้นต้องการ”

การเข้าพบปะกันครั้งนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นในการปฏิบัติงานของรัฐสภาสมัยที่ 11 ในปีที่สอง โดยท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้ข้อเสนอแนะกับบรรดาสมาชิกรัฐสภาเกี่ยวกับการดำเนินการในลักษณะต่างๆอย่างต่อเนื่อง เช่น ในการขับเคลื่อนทางการปฏิวัติอิสลามอย่างชาญฉลาด ความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน และการมีประสิทธิภาพ รวมทั้งความเป็นที่นิยมของประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “รัฐสภาทั้งหมด ดั่งเช่นที่ท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่ง ได้กล่าวไว้ว่า ตัวเอง จะต้องเป็นแก่นแท้ของคุณธรรมอันยอดเยี่ยมให้กับประชาชาชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผลงานของรัฐสภาในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายาม ความอุตสาหะอย่างมุ่งมั่นและการมีประสิทธิภาพ ทั้งการเข้าร่วมของพลังเยาวชนที่เต็มไปด้วยกับศักยภาพที่เคียงข้างกับพลังของบรรดาผู้มีประสบการณ์ทั้งทางด้านนิติบัญญัติและในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นเหตุให้รัฐสภาได้ประสบกับความสำเร็จในการอนุมัติรัฐบัญญัติต่างๆที่สำคัญและท่านผู้นำยังได้กล่าวขอบคุณต่อประธานรัฐสภาและสมาชิกรัฐสภาในการพบปะกับประชาชนในโครงการรัฐสภาสัญจรอีกด้วย โดยท่านกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายนั้น จะต้องดำเนินการในการขับเคลื่อนอย่างนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่องและจะต้องอยู่เคียงข้างกับประชาชนอย่างสม่ำเสมอ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแสดงถึงภาพลบของรัฐสภาสมัยที่ 11 เป็นการเคลื่อนไหวที่ปราศจากความเห็นอกเห็นใจและการไร้แรงจูงใจในการแก้ไข โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บางคนได้วิพากษ์วิจารณ์โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการแก้ไขและการปรับปรุง แต่การแสดงภาพลบนั้น ไม่ได้มีแรงจูงใจใดทั้งสิ้น ซึ่งบรรดาสมาชิกรัฐสภา จะต้องไม่ให้ความสนใจต่อการกระทำเหล่านี้ และปฏิบัติตามหน้าที่ของตนต่อไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งอย่าได้ทำให้พฤติกรรมและคำพูดของพวกท่านทั้งหลายนั้นได้กลายเป็นข้ออ้างให้กับเหล่าศัตรูที่ใช้ในการต่อต้านพวกท่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เสนอข้อแนะนำหลายประการให้กับบรรดาสมาชิกรัฐสภา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ข้อแนะนำหลัก คือ การคงสภาพของความเป็นนักการปฏิวัติอิสลาม และการรักษาคุณลักษณะต่างๆ เช่น ในการขับเคลื่อนและการมีความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานว่า มวลเทวทูตจะประทานความเมตตาจากพระเจ้าให้กับบรรดาผู้ซึ่งได้ยืนหยัดในแนวทางที่เที่ยงตรง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการหันเหของบางองค์ประกอบอย่างช้าๆ โดยท่านกล่าวว่า “บางคนในช่วงแรกๆ พวกเขานั้นเต็มไปด้วยกับความสามารถและความเต็มที่ในการปฏิบัติงาน แต่ทว่า เนื่องจากการกระซิบกระซาบทางทรัพย์สิน ตำแหน่งและชื่อเสียง ทำให้เส้นทางของพวกเขานั้นหันเหและบางครั้งได้เปลี่ยนออกไปถึง180 องศาเลยทีเดียว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การคงสภาพของความเป็นนักการปฏิวัติอิสลามนั้นต้องการในการระมัดระวังตนเองอย่างสม่ำเสมอและการคิดบัญชีให้กับตนเองอีกด้วย โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความหมายที่แท้จริงของคำว่า ตักวา คือ การระมัดระวังตนเองอยู่ตลอดเวลาในยามที่เผชิญหน้ากับภัยอันตรายและการสั่นสะเทือนต่างๆ”

ข้อแนะนำประการที่สองของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การเพิ่มประสิทธิภาพและการดำรงอยู่ด้วยเหตุผลและความสงบสุขในรัฐสภา

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวว่า “จนถึงขณะนี้ ผลงานของรัฐสภา ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดีทีเดียว แต่ทว่า การวางพื้นฐานสำหรับการปรับปรุงกิจการของประเทศนั้นต้องการในการทำงานที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมและต้องการความสงบสุขด้วยกับการใช้เหตุผล ทั้งการออกห่างจากการมีพฤติกรรมที่ใช้อารมณ์และความรู้สึก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า รัฐสภา คือ หนึ่งในการแสดงภาพลักษณ์ทางภูมิปัญญาโดยทั่วไปของประเทศ และท่านผู้นำยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ต่อบุคคลที่อยู่นอกรัฐสภาที่บอกว่า ความเป็นนักการปฏิวัติอิสลามนั้น หมายถึง คำพูดที่ไม่รับผิดชอบและการมีพฤติกรรมที่ใช้อารมณ์ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความเป็นนักการปฏิวัติอิสลามนั้น หมายถึง การมีจิตวิญญาณในการดำเนินการอย่างถูกต้อง ทั้งเป็นผู้ที่มีเจตนามุ่งมั่นและเป็นผู้ที่มีการตัดสินใจอย่างถูกต้องที่เกิดขึ้นมาจากการใช้เหตุผลทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ท่านอิมามโคมัยนี คือ หนึ่งในภาพลักษณ์ที่แท้จริงของความเป็นนักการปฏิวัติอิสลามที่ใช้เหตุผล โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.)  เป็นนักการปฏิวัติอิสลามที่มากกว่าผู้ใดทั้งหมด ในขณะที่ท่านนั้นเป็นผู้ที่ใช้สติปัญญาว่าด้วยเหตุและผลมากกว่าผู้ใดทั้งหมดอีกด้วย ทั้งนี้ท่านยังเป็นผู้ที่พูดด้วยการไตร่ตรองและมีความรอบคอบมากที่สุด และท่านก็ไม่เคยปล่อยเวลาในเส้นทางนี้ให้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์เลย”

ข้อเสนอแนะอีกประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การรู้จักถึงพฤติกรรมด้านลบของบรรดาสมาชิกรัฐสภา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในพฤติกรรมด้านลบเหล่านี้ คือ การใช้ขีดความสามารถทางกฏหมาย เช่น การตั้งกระทู้ถาม การอภิปราย การตรวจสอบ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จะต้องใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถเหล่านี้ ให้ตรงตามข้อกฏหมายและตามความเป็นจริงเท่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแทรกแซงในการบริหารจัดการและความพยายามที่มอบหมายความรับผิดชอบในการบริหารเมืองและจังหวัดให้กับบุคคลที่ตนเองประสงค์ คือ หนึ่งในพฤติกรรมทางด้านลบที่ประสบพบกับบรรดาสมาชิกรัฐสภา

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงข้อเสนอแนะให้บรรดาสมาชิกรัฐสภาควรระมัดระวังในการใช้กระบอกเสียงจากรัฐสภา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในบางครั้ง การกล่าววิพากษ์วิจารณ์ จะมีผลต่อกลุ่มบุคคลอันจำเพาะ แต่ทว่า การใช้กระบอกเสียงจากรัฐสภานั้นจะไม่มีผลใดๆทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งการสร้างความเสียหายก็ตาม”

การหลีกเลี่ยงจากความพยายามเพื่อที่จะไปถึงยังตำแหน่งในกระทรวงหรือตำแหน่งในการบริหารจัดการ คือ อีกข้อเสนอแนะประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดที่มีต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เสนอแนะต่อคณะผู้ตรวจสอบพฤติกรรมของบรรดาสมาชิกรัฐสภา จะต้องระมัดระวังในกรณีเหล่านี้ด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “โดยที่จริงแล้ว การระมัดระวังภายในของบรรดาสมาชิกรัฐสภา คือ สิ่งที่มีประสิทธิผลมากที่สุด”

ข้อเสนอแนะประการต่อมาของท่านผู้นำสูงสุดที่มีบรรดาสมาชิกรัฐสภา คือ การให้ความสำคัญอย่างจริงจังของผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบญัตติและรัฐบัญญัติต่างๆ ทั้งในการยกระดับคุณภาพของข้อกฏหมายต่างๆอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “การยกระดับข้อกฏหมายให้เกิดความแข็งแกร่งและมีการปฏิบัติใช้อย่างโปร่งใสและไม่คลุมเครือ และการไม่สามารถตีความข้อกฏหมายต่างๆได้ ซึ่งบรรดาสมาชิกรัฐสภา จะต้องยกระดับในกรณีญัตติและรัฐบัญญัติต่างๆด้วยกับการรับฟังคำแนะนำจากเจ้าของความคิดเห็นไปจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเตือนอีกจุดหนึ่งในประเด็นนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในประเด็นที่มีความสำคัญและมีความละเอียดอ่อน โดยแทนที่การเสนอญัตติให้เสนอเป็นร่างกฏหมายบัญญัติ เพราะว่า รัฐบาลจะยอมรับในฐานะที่เป็นผู้บริหารและยังได้รับการสนับสนุนของผู้เชี่ยวชาญของรัฐบาลอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเสนอแนะให้มีความใส่ใจในประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรกและประเด็นหลัก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ช่างโชคดีเสียนี่กระไร ที่แผนงานของรัฐสภาได้ดำเนินไปตามประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอันดับแรก แต่ทว่าประเด็นนี้จะต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง เนื่องจากคำขวัญประจำปีในการจัดอันดับความสำคัญของปัญหาของประเทศ คือ การขจัดอุปสรรคในการผลิตและการสนับสนุนการผลิต เพราะหากว่าการผลิตได้รับการฟื้นฟู ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นมีชีวิตชีวา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตในข้อเสนอแนะของตนที่มีต่อรัฐสภาในหลายสมัยที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเด็นความหนาแน่นของข้อกฏหมาย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จะต้องใช้เวลาในการพิจารณาในกรณีนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ให้ข้อเสนอแนะประการสุดท้ายต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภา โดยท่านได้ชี้ถึงคำพูดของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) บนพื้นฐานที่ว่า รัฐสภา คือ แก่นแท้ของคุณธรรมของประชาชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “คำพูดนี้ หมายถึง รัฐสภา จะต้องเป็นแก่นแท้ของคุณธรรมของประชาชาติ ซึ่งคุณธรรมต่างๆของประชาชาติในช่วง 42 ปีที่ผ่านมา ทั้งในด้านต่างๆ กล่าวคือ การต่อสู้ การเสียสละ การมีเกียรติ การเชื่อมั่นตนเอง การมีความหวัง และการยืนหยัดในยามที่ประสบกับปัญหาต่างๆ”

ในอีกภาคส่วนหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงประเด็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีในการกล่าวสุนทรพจน์ของท่าน โดยท่านผู้นำได้กล่าวเสริมว่า “เหล่าศัตรูได้ใช้ทุกวิธีทางเพื่อทำลายการเลือกตั้งประธานาธิบดี ขณะที่บางคนในประเทศ ก็เช่นกัน เขานั้นได้เอาคำพูดของเหล่าผู้ที่ประสงค์ไม่ดีมาพูดต่อโดยที่จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ทว่าข้าพเจ้านั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า และด้วยความพยายามอุตสาหะของประชาชาติ จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้นั้นเป็นสิ่งที่สร้างเกียรติและศักดิ์ศรีให้กับประเทศชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครประธานาธิบดีโดยสภาผู้พิทักษ์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ข้าพเจ้าต้องขอกล่าวขอบคุณทุกคนที่เข้าสู่เวทีในการเลือกตั้งบนพื้นฐานของความรู้สึกความรับผิดชอบ ตลอดจนผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติและได้ปฏิบัติอย่างสุภาพด้วยการเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมการเลือกตั้ง ซึ่งข้าพเจ้านั้นก็จะต้องขอบคุณเป็นอย่างมาก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การไม่ผ่านตรวจสอบคุณสมบัติของบางคน ไม่ได้หมายถึง การไร้ความสามารถของพวกเขา แต่หมายความว่า สภาผู้พิทักษ์ได้ปฏิบัติตามรายงานต่างๆ สิ่งอำนวยความสะดวก และการรู้จักถึงตัวบุคคล ซึ่งไม่สามารถกำหนดคุณสมบัติของบุคคลนั้นได้ แม้ว่าบุคคลนั้น อาจจะมีความสามารถมากก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงบางคนได้ประท้วงต่อต้านสภาผู้พิทักษ์ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า แรงจูงใจของการประท้วงเหล่านี้นั้นมีความแตกต่างกัน บางคนได้ประท้วงด้วยความเห็นอกเห็นใจและความกังวลใจในการเข้าร่วมในการเลือกตั้งที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่บางคนเนื่องจากการรู้สึกไม่พอใจที่ผู้ได้รับการเสนอชื่อของพวกเขาไม่ผ่านคุณสมบัติ แต่บางคนกลับไม่เห็นด้วยกับหลักการของสภาผู้พิทักษ์ ส่วนบุคคลที่ต้องการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่เนื้อหาของตนเองเพื่อเป็นการแก้แค้นต่อสภาผู้พิทักษ์ ซึ่งพระผู้เป็นเจ้านั้นจะไม่ทรงอภัยให้อย่างเด็ดขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงความกังวลใจของบางคนที่เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการเข้าร่วมในเลือกตั้งที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ในการเลือกตั้งวันที่ 18 โครดอด(18 มิถุนายน) โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่าอัตราในการเข้าร่วมของประชาชนไม่เกี่ยวข้องกับชื่อนี้หรือชื่อนั้น แต่ทว่า ประชาชนกำลังมองหาผู้บริหารที่มีเจตนาเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาต่างๆของประเทศ  และไม่สำคัญว่าบุคคลนี้จะมีสถานะอะไรหรือมาจากฝ่ายการเมืองใดก็ตาม แน่นอนว่า ประเด็นนี้ อาจมีความสำคัญกับกลุ่มการเมือง แต่ไม่ใช่สำหรับสาธารณชนเลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “สิ่งที่สำคัญสำหรับผู้สมัครทั้งหลายที่จะต้องโน้มน้าวให้ประชาชนรับรู้ว่า พวกเขานั้นรู้ปัญหาต่างๆของสังคม เป็นผู้บริหารจัดการ และมีความซื่อสัตย์ ทั้งยังมีศักยภาพในการบริหารประเทศ ซึ่งในสภาพเช่นนี้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า เราจะได้เห็นประชาชนออกมาร่วมในการลงคะแนนเสียงกันอย่างมากที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความคิดเห็นของบางคนบนพื้นฐานที่ว่าผู้สมัครทั้งหลายควรที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโลกสังคมออนไลน์และนโยบายด้านต่างประเทศในการอภิปรายของพวกเขา โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำในประเด็นนี้ว่า “สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาของประชาชน ขณะที่ปัญหาของประชาชน คือ การว่างงานของบรรดาเยาวชน ค่าครองชีพของกลุ่มชนที่ด้อยโอกาสและเหล่ามาเฟียที่นำเข้า ซึ่งได้ทำลายสันหลังของการผลิต การสร้างความผิดหวังให้กับเยาวชนที่มีนวัตกรรมและมีแรงบันดาลใจ ทั้งยังทำให้เกษตรกรทั้งหลายที่พยายามอุตสาหะต้องหมดหนทาง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวเสริมอีกในประเด็นนี้ว่า “ล่าสุด เราได้กล่าวเตือนเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับสถานการณ์ของเกษตรกรไปแล้ว เนื่องจากเกษตรกรได้ผลิตผลิตภัณฑ์ ด้วยความเพียรพยายามและความเหน็ดเหนื่อยอย่างมากของเขา แต่ทว่านโยบายและการนำเข้าที่ไม่ถูกต้องได้ทำให้เขาหมดหวัง ในขณะที่กำไรหลักนั้น กลับไปตกอยู่ในกระเป๋าของนายหน้า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “ผู้ที่เข้ามาดูแลในฝ่ายบริหาร ควรที่จะเป็นผู้ที่รู้จักปัญหาเหล่านี้และปัญหาหลักของประชาชน ทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในสภาพเช่นนี้ ประเทศนั้นจะพบกับความผาสุกอย่างแท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นทางการเมืองและวัฒนธรรม เป็นประเด็นที่มีความสำคัญ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ขณะนี้ ปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาหลักของประเทศ คือปัญหาเศรษฐกิจ และผู้สมัครทั้งหลายนั้น จะต้องนำเสนอแบบแผนและแนวทางในแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชนและการโน้มน้าวประชาชนให้เชื่อว่าพวกเขานั้นมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการที่ศัตรูได้ต่อต้านในการเลือกตั้ง นับตั้งแต่การเริ่มต้นของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญและการถ่ายโอนอำนาจในการบริหารประเทศไปยังประธานาธิบดี โดยท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า “ในตลอด 42 ปีนี้ การโฆษณาชวนเชื่อของศัตรู กล่าวคือ ก่อนในการเลือกตั้ง พวกเขาจะบอกกับประชาชนว่า พวกท่านทั้งหลายจะต้องไม่เข้าร่วมในการลงคะแนนเสียงเป็นอันขาด  แต่หลังจากการเข้าร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง พวกเขากลับบอกว่า การเลือกตั้งนั้นมีการออกแบบและยังบอกด้วยว่าบุคคลที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีนั้นไม่มีอำนาจเลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “ในขณะนี้ การโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูก็เป็นเช่นนี้” โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พวกเขาต่างพยายามโน้มน้าวให้ประชาชนเชื่อว่า การเลือกตั้งและการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้นไม่มีประโยชน์ใดๆและช่างน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่บางคนในประเทศกลับพูดจาซ้ำซากเช่นนี้และยังตั้งทฤษฎีเหล่านี้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “แม้ว่าจะมีการเป็นปฏิปักษ์และการโฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้ แต่ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคนที่จะต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ศาสนาได้บัญญัติและแสวงหาความพึงพอพระทัยของพระเจ้าด้วยการปฏิบัติตามหน้าที่ของพวกเรา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวข้อเสนอแนะให้กับผู้สมัครประธานาธิบดีและผู้สนับสนุนพวกเขา รวมทั้งประชาชนทั่วไป

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเตือนผู้สมัครประธานาธิบดีทั้งหลายว่าไม่ให้พวกเขาเปลี่ยนการเลือกตั้งให้กลายเป็นฉากของสงครามในการแย่งชิงอำนาจและการเผชิญหน้ากันอย่างดูหมิ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอเมริกาและบางประเทศในยุโรปได้ทำให้พวกเขานั้นไร้ศักดิ์ศรี โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่มีการอภิปรายและการกำหนดนโยบายในการเลือกตั้ง พวกศัตรูจะใช้วิธีการในการบ่อนทำลาย การใส่ร้ายและการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นกับประชาชน โดยทำให้ประเทศได้รับความเสียหาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “สนามในการเลือกตั้งเป็นสนามในการแข่งขันเพื่อรับใช้ประชาชนและการรุดหน้าในการกระทำความดี ซึ่งจะต้องออกห่างจากความเกลียดชังและการดูหมิ่น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำถึงการหลีกเลี่ยงจากนโยบายหาเสียงที่ไม่เป็นจริงและการหลอกลวงประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ผู้สมัครทั้งหลาย จะต้องมีนโยบายในการหาเสียงและการให้คำมั่นสัญญาที่มีความเป็นไปได้และตรงความเป็นจริงของประเทศ”

การระมัดระวังอย่างจริงจังในการรักษาศีลธรรม และการละเว้นจากการทำลายบรรทัดฐานและทำลายขีดเส้นหลักของรัฐอิสลาม เป็นอีกข้อเสนอแนะประการต่อไปของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อผู้สมัครประธานาธิบดีทั้งหลาย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การระมัดระวังทางศีลธรรมและการมีจริยธรรมอิสลามในการอภิปรายและการให้สัมภาษณ์นั้น จะทำให้ประชาชนยึดถือเอาไปเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติทางสังคมต่อไป”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวเสริมว่า “วิธีการแก้ไขของบางคนที่จะได้เห็นและได้ยินมากเพิ่มขึ้น คือ การทำลายขีดเส้นหลักของรัฐอิสลาม ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามนั้นเป็นรัฐที่มีความมั่นคง มีจุดยืนและมีการยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูด้วยขีดเส้นนี้แห่งพระเจ้าและที่นิยมของประชาชน ในขณะที่การทำลายบรรทัดฐาน จะไม่ได้สร้างสถานการณ์ที่ดีขึ้นให้เกิดกับประชาชนเลย”

หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวถึงบรรดาผู้สนับสนุนผู้สมัครประธานาธิบดีโดยถือว่า การมีเจตนาแห่งพระเจ้า จะเป็นเกียรติและความพึงพอพระทัยของพระองค์ ในกรณีที่ผลลัพท์จะออกมาอย่างไรก็ตาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า  “จะต้องระมัดระวัง ในบางครั้งผู้สนับสนุนก็มีความร้อนแรงไปมากกว่าผู้สมัครเสียเอง จึงทำให้เกิดความขัดแย้งและการใส่ร้ายซึ่งกันและกัน เพราะว่านโยบายของฝ่ายตรงกันข้ามนั้นเป็นการทำลายผู้สนับสนุนพวกเขา และยังมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการใส่ร้ายและการแพร่กระจายการโกหกต่อต้านซึ่งกันและกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเสริมว่า “แรงจูงใจของศัตรูที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกนั้นมีความลึกซึ้งเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าในโลกสื่อสังคมออนไลน์ บางครั้งก็มีการเน้นย้ำในประเด็นที่ไม่ได้สะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชนเลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ขอร้องให้ผู้สมัครประธานาธิบดีทั้งหลายต่างให้คำมั่นสัญญากับพระเจ้าให้ยอมรับ ไม่ว่า ผลของการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตามและให้ยอมจำนนด้วยความสุภาพอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “อย่าได้บอกว่า การเลือกตั้งและสาธารณรัฐ หากตรงกับผลประโยชน์ของเราก็ต้องยอมรับ และหากไม่ตรงกับผลประโยชน์ของเรา ก็จะไม่ยอมรับ และช่างน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่การทดสอบอันขมขื่นในประเด็นเหล่านี้ในปี 1388 (ปฏิทินอิหร่าน) ในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งยังคงปรากฏอยู่”

ในช่วงท้ายของการกล่าวสุนทรพจน์ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้กล่าวถึงประชาชนทั่วไปว่า “การเลือกตั้งนั้นจะมีขึ้นในวันเดียว แต่ผลของมันจะคงอยู่เป็นเวลาอีกหลายปี ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่าน จงเข้าร่วมในการเลือกตั้งที่เป็นสิทธิของพวกท่าน และจงขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าในการลงคะแนนเสียงให้กับบุคคลที่เหมาะสมในความรับผิดชอบนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “ผู้ที่สั่งห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมในการลงคะแนนเสียงโดยบอกว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไร้ประโยชน์ พวกเขานั้นเป็นคนที่พูดจาโกหกว่าพวกเขามีความเห็นอกเห็นใจประชาชน ฉะนั้น พวกท่านทั้งหลายจะต้องไม่ใส่ใจในคำพูดของพวกเขาเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงความสำคัญของการเลือกตั้งสภาเมืองและสภาหมู่บ้านโดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้นั้น มีผลเป็นอย่างมากต่อการบริหารจัดการเมืองต่างๆและหมู่บ้านทั้งหลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้แสดงความหวังเพื่อได้รับคำชี้นำจากพระเจ้าในการปฏิบัติตามหน้าที่ โดยการเชิญชวนให้ผู้ที่มีอิทธิพลในการพูดทุกหมู่เหล่าใช้ประโยชน์จากคำพูดอันทรงพลังของเขาในการส่งเสริมการเลือกตั้ง”

ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯท่าน กอลีบอฟ ประธานรัฐสภาอิสลาม ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญที่สุดทางด้านนิติบัญญัติและการตรวจสอบบข้อกฏหมายในปีแรกของรัฐสภาในสมัยที่ 11

การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาค่าครองชีพโดยการผ่านกฎหมาย เช่น "แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจของประชาชน กฎหมายในการเพิ่มการผลิตและการลดราคาบ้านที่อยู่อาศัย การกำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้าทางการเกษตร การบังคับให้รัฐบาลช่วยอุดหนุนสินค้าพื้นฐาน การลดภาษีของหน่วยการผลิตต่างๆ  การจัดสรรงบประมาณในวงเงิน 2หมื่นล้านโตมานสำหรับการช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาส และความพยายามในการปฏิรูปโครงสร้างของงบประมาณและการปรับปรุงระบบการธนาคารและภาษีให้ทันสมัย ตลอดจนกฎหมายที่สำคัญอื่นๆ รวมถึง การยอมรับในการดำเนินการเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ ทั้งหมดเหล่านี้คือ การดำเนินงานที่ พณฯท่าน กอลีบอฟได้ชี้ถึงในการรายงานที่เกี่ยวกับผลงานของรัฐสภาต่อท่านผู้นำสูงสุด

 

 

 

 

 

700 /