สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

สาส์นฮัจญ์ประจำปีฮิจเราะฮ์ศักราช 1442 ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

พันธสัญญาอันสัตย์จริงของพระเจ้า คือ ชัยชนะของบรรดานักต่อสู้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ส่งสาส์นเนื่องในพิธีฮัจญ์ประจำปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่ 1442 ถึงบรรดามุสลิมทั่วทั้งโลก โดยท่านผู้นำถือว่า ความต่อเนื่องของหัวใจที่มีความรักและความห่วงใยในการเข้าร่วมในการเป็นอาคันตุกะของพระเจ้า คือ บททดสอบที่จะก้าวผ่านไป และท่านผู้นำยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะไม่ให้ความสำคัญของสาส์นต่างๆของฮัจญ์นั้นลดน้อยลง โดยท่านถือว่า “การยืนหยัดต่อสู้ในการเผชิญหน้ากับเหล่ามหาอำนาจ ผู้รุกราน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา นั้นคือ หนึ่งในสาส์นที่สำคัญของฮัจญ์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงปัญหาต่างๆและความโชคร้ายของโลกอิสลาม โดยท่านผู้นำยังได้อธิบายถึงความภาคภูมิใจของขบวนการต่อสู้และการตื่นตัวของประชาชาติอิสลาม โดยเฉพาะในปาเลสไตน์ เยเมน และอิรัก ซึ่งท่านถือว่าเป็นความจริงที่ได้สร้างความหวังให้กับภูมิภาค โดยท่านผู้นำได้กล่าวเน้นย้ำว่า “พันธสัญญาอันสัตย์จริงของพระเจ้า คือ ชัยชนะของบรรดานักต่อสู้ และหนึ่งในผลลัพท์ของการต่อสู้นี้ คือ การขัดขวางพวกสหรัฐและเหล่าผู้ฉ้อฉลไม่ให้เข้ามาแทรกแซงและการก่อความชั่วร้ายในประเทศต่างๆของอิสลาม”

โดยเนื้อหาของสาส์นฮัจญ์ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ พระผู้ทรงเมตตา ปราณียิ่งเสมอ

การสรรเสริญทั้งมวลนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักวาล และขอกล่าวอำนวยพรแด่ท่านศาสดามุฮัมมัด และบรรดาวงศ์วานผู้บริสุทธิ์ของท่าน รวมทั้งเหล่าสาวกผู้ที่ถูกเลือกสรร และบรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามพวกเขาด้วยคุณงามความดี จวบจนถึงวันแห่งการตัดสิน

โอ้พี่น้องทั้งชายและหญิงจากทั่วโลก!

ปีนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่ประชาชาติอิสลามนั้น ไม่ได้รับสิทธิจากความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของฮัจญ์ ในขณะที่หัวใจที่มีความรักและความห่วงใย ที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศกและความเสียใจ ได้สูญเสียโอกาสในการเป็นอาคันตุกะในบ้านอันทรงเกียรติ ซึ่งพระเจ้า ผู้ทรงปรีชาญาณและทรงเมตตา ได้ทรงสร้างไว้สำหรับประชาชาติของพระองค์

ปีนี้ จึงเป็นปีที่สองที่ฤดูกาลแห่งความสุขและความรื่นเริงทางจิตวิญญาณของฮัจญ์ ได้กลายเป็นฤดูกาลแห่งความพลัดพรากและความเสียใจ ขณะที่มีการแพร่ระบาดของโรคไวรัสร้าย และบางที อาจจะเป็นภัยพิบัติที่มาจากนโยบายต่างๆของผู้ปกครองที่ดูแลฮะรอมอันศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเช่นกัน ที่ทำให้สายตาที่มีความรักและความห่วงใยของบรรดาผู้ศรัทธาต้องถูกหวงห้ามจากการเพิ่งมองยังสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพ ความยิ่งใหญ่และการมีจิตวิญญาณของประชาชาติอิสลาม อีกทั้งจุดสูงสุดที่รุ่งโรจน์และความภาคภูมิใจนี้ ได้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกเมฆและฝุ่นละออง

การทดสอบนี้ เสมือนกับการทดสอบต่างๆในประวัติศาสตร์ของประชาชาติอิสลาม ที่ได้ก้าวผ่านไป ซึ่งสามารถที่จะนำไปสู่อนาคตอันสดใส สิ่งที่สำคัญของฮัจญ์ในรูปแบบที่แท้จริง คือ การดำรงอยู่ของฮัจญ์ในหัวใจและจิตวิญญาณของบรรดามุสลิม และบัดนี้ เมื่อบริบทของพิธีฮัจญ์ได้ขาดหายไปอย่างชั่วคราว แต่สาส์นอันยิ่งใหญ่ของฮัจญ์นั้น จะต้องไม่ทำให้ความสำคัญนั้นลดน้อยลงไปด้วยเป็นอันขาด

ฮัจญ์ ถือเป็นการเคารพภักดี(อิบาดะฮ์) ที่เต็มไปด้วยกับความเร้นลับและความลี้ลับ ที่มีโครงสร้างและการผสมผสานที่สวยงามในการขับเคลื่อนและความนิ่งสงบ ทำให้เกิดเอกลักษณ์ทางปัจเจกบุคลของบรรดามุสลิมและในสังคมอิสลาม อีกทั้งยังนำเสนอความสวยงามต่างๆต่อสายตาของประชาคมโลก ในอีกด้านหนึ่ง การยกระดับจิตใจของปวงบ่าวของพระเจ้าให้สูงขึ้น ด้วยกับการรำลึก ความนอบน้อมถ่อมตน การวิงวอน และการเข้าใกล้ชิดยังพระองค์ ในอีกด้านหนึ่ง ด้วยการสวมใส่อาภรณ์และมีเส้นทางในรูปแบบเดียวกัน ทั้งมีการขับเคลื่อนที่สามัคคีกัน จึงเป็นสถานที่ในการรวมตัวของบรรดาพี่น้องที่มาจากทั่วทุกมุมโลก และยังเป็นการสร้างความผูกพันธ์ระหว่างกันและกัน และในอีกมุมหนึ่ง ความสูงส่งที่สุดของสัญลักษณ์ของประชาชาติอิสลาม ได้สำแดงต่อสายตาของประชาคมโลก ด้วยกับพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยความหมายและความลี้ลับทั้งหมด ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความยิ่งใหญ่ของประชาชาติต่อสายตาของผู้ที่ไม่หวังดีอีกด้วย

ในปีนี้ พิธีฮัจญ์ ณ บัยตุลลอฮ์ อัลฮะรอมนั้น เป็นไปไม่ได้ แต่ทว่า การให้ความสนใจต่อพระผู้เป็นเจ้าแห่งบัยตุลลอฮ์ การรำลึก การนอบน้อมถ่อมตน และการวิงวอน อีกทั้งการขออภัยโทษ นั้นเป็นไปได้ การเข้าร่วม ณ ทุ่งอะรอฟาตก็เป็นไปไม่ได้ แต่การขอพร(ดุอา) และการวิงวอนในวันอะรอฟะฮ์ ที่เป็นการสร้างมะอ์รีฟัตให้กับทุกคนนั้นเป็นไปได้ การขว้างปาใส่หินชัยฏอน(ซาตาน)ในมินาก็เป็นไปไม่ได้ แต่การขัดขวางและการปฏิเสธพวกซาตาน มหาอำนาจ ในทุกสถานที่นั้นเป็นไปได้ การรวมตัวของเรือนร่างทั้งหลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ณ วิหารอัลกะอ์บะฮ์ เป็นไปไม่ได้ แต่ทว่าการรวมหัวใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยอยู่รอบโองการต่างๆที่ชัดเจนของอัลกุรอานอันทรงเกียรติและการยึดสายเชือกของพระเจ้า นั้นเป็นไปได้และยังคือ หน้าที่อันถาวร

พวกเรา คือ ผู้ที่ปฏิบัติตามศาสนาอิสลาม ซึ่งในปัจจุบันมีประชากรจำนวนมากมาย มีแผ่นดินที่กว้างใหญ่ มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่นับไม่ถ้วน และเป็นประชาชาติที่มีชีวิตชีวาและมีการตื่นตัว ซึ่งจะต้องกำหนดอนาคตของตนเอง ด้วยกับทรัพยากรและความเป็นไปได้ของเรา ในตลอดช่วง 150 ปีที่ผ่านมา ประชาชาติอิสลามไม่ได้มีบทบาทใดๆ ต่อชะตากรรมของประเทศต่างๆและรัฐบาลของพวกเขาเลย แต่ก็มีข้อยกเว้นบางประการ โดยที่พวกเขานั้นถูกปกครองอย่างสมบูรณ์ด้วยนโยบายของรัฐบาลชาติตะวันตก ผู้รุกราน และอยู่ท่ามกลางความโลภ การแทรกแซง และการก่อความชั่วร้าย ขณะที่ความล้าหลังทางวิทยาศาสตร์และการพึ่งพาทางการเมืองของหลายประเทศในปัจจุบันนี้ ล้วนเป็นผลที่มาจากความนิ่งเฉยและความไร้ความสามารถของพวกเขาทั้งสิ้น  ขณะที่ประชาชาติของเรา บรรดาเยาวชนของเรา บรรดานักวิทยาศาสตร์ของเรา บรรดานักวิชาการศาสนาและบรรดาปัญญาชนที่เป็นพลเมืองของเรา บรรดานักการเมือง รวมทั้งพรรคการเมืองของเรา และสังคมของเราในวันนี้ จะต้องชดเชยอดีตที่ปราศจากความน่าภาคภูมิใจและน่าละอายใจ โดยที่พวกเขาจะต้องยืนหยัดต่อสู้ในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้รุกราน การแทรกแซง และการก่อความชั่วร้ายของเหล่ามหาอำนาจ ชาติตะวันตก

ทุกวาทกรรมของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ได้ทำให้โลกของมหาอำนาจ เกิดความวิตกกังวลและมีความโกรธเคืองเป็นอย่างมาก นั่นคือ การเชิญชวนให้มีการยืนหยัดต่อสู้ในรูปแบบนี้ กล่าวคือ การยืนหยัดต่อสู้ในการเผชิญหน้ากับการแทรกแซง และการก่อความชั่วร้ายของพวกสหรัฐและเหล่ามหาอำนาจ ผู้รุกราน และการกำหนดอนาคตของโลกอิสลามด้วยการพึ่งพายังคำสอนต่างๆของอิสลาม

โดยธรรมชาติแล้ว สหรัฐอเมริกาและเหล่าพันธมิตรของเขาต่างก็รู้สึกอ่อนไหวต่อชื่อของ “การยืนหยัดต่อสู้” และยังได้ตัดสินใจในความเป็นปรปักษ์กับแนวร่วมของการต่อสู้ของอิสลามในทุกรูปแบบ ความร่วมมือของบางรัฐบาลในภูมิภาคกับพวกเหล่านั้น ถือเป็นความจริงที่ขมขื่นซึ่งได้ช่วยสานต่อความชั่วร้ายเหล่านี้ให้พวกเหล่านั้นอีกด้วยเช่นกัน

แนวทางที่เที่ยงตรง ซึ่งเกิดขึ้นในพิธีฮัจญ์  การซะแอ การฏอวาฟ การเข้าร่วมในทุ่งอะรอฟาต การขว้างหินญะมะรอต สโลแกนและคำขวัญต่างๆ  และความรุ่งโรจน์และความเป็นเอกภาพของฮัจญ์ ได้แสดงให้เราเห็นถึงการมอบหมายกิจการยังพระเจ้า การให้ความสนใจต่อพลังอำนาจอันนิรันดร์ของพระองค์ ความเชื่อมั่นในตนเองของชาติ ความเชื่อมั่นในความเพียรพยายามและการต่อสู้ การมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการขับเคลื่อน และการมีความหวังอันยิ่งใหญ่สำหรับชัยชนะ

ความเป็นจริงของเวทีต่างๆของอิสลามในภูมิภาค ได้เพิ่มความหวังและการเสริมสร้างการมีความมุ่งมั่นให้กับประชาชาติอิสลาม ในอีกด้านหนึ่ง ความโชคร้ายของโลกอิสลาม ความล้าหลังทางวิทยาศาสตร์และความพึ่งพาทางการเมือง และความไม่สงบทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้เรานั้นต้องเผชิญกับภารกิจอันยิ่งใหญ่และการต่อสู้ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ชาวปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองได้เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากเรา ชาวเยเมนผู้ถูกกดขี่ที่เต็มไปด้วยหยดเลือดซึ่งทำให้หัวใจทั้งหลายนั้นเกิดความเจ็บปวด ความโศกเศร้าของชาวอัฟกานิสถานทำให้ทุกคนต้องรู้สึกกังวล เหตุการณ์อันขมขื่นในอิรัก ซีเรีย เลบานอน และบางประเทศอื่นๆของอิสลามเป็นที่ประจักษ์ว่า มีมืออันชั่วร้ายและการแทรกแซงของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตรของเขาอยู่ที่นั้น ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้บรรดาเยาวชน เกิดมีความกระตือรือร้นและความเพียรพยายามอย่างมาก  

ในอีกด้านหนึ่ง การเกิดขึ้นของขบวนการต่อสู้ในภูมิภาคที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดนี้ และการตื่นตัวของประชาชาติทั้งหลาย และแรงจูงใจของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีชีวิตชีวา ได้ทำให้หัวใจนั้นเต็มไปด้วยกับความหวัง ชาวปาเลสไตน์ในทุกภาคส่วนได้ชัก "ดาบแห่งอัลกุดส์" ออกจากฝัก ในอัลกุดส์(เยรูซาเล็ม) กาซา เขตเวสแบงก์และในดินแดนที่ถูกยึดครองในปี 1948 และในค่ายผู้ลี้ภัยต่างๆ ทั้งหมดต่างได้ลุกขึ้นต่อสู้ ในตลอดช่วง 12 วัน ซึ่งได้ทำให้จมูกของผู้รุกรานต้องถูกลากถูไปกองบนพื้นดิน ชาวเยเมนที่ถูกปิดล้อมและโดดเดี่ยว ในสงครามเจ็ดปี การก่ออาชญากรรมและการกดขี่ของศัตรูที่ชั่วร้ายและมีหัวใจที่หยาบกระด้าง และถึงแม้ว่าจะเกิดวิกฤติการขาดแคลนอาหาร ยารักษาโรค และที่อยู่อาศัย แต่พวกเขาก็ไม่ยอมจำนนต่อเหล่าผู้กดขี่ข่มเหง ในขณะที่พวกเขาด้วยกับการมีพลังอำนาจและความคิดสร้างสรร ทั้งในอิรัก ขบวนการต่อสู้ด้วยการใช้ภาษาที่ชัดเจนได้ทำให้พวกสหรัฐ ผู้ยึดครอง และกลุ่มไอซิสที่เป็นหุ่นเชิดของพวกเหล่านั้นได้ถอนกำลังออกไป และยังเป็นการแสดงถึงการมีเจตนามุ่งมั่นในการเผชิญหน้ากับการแทรกแซงในทุกรูปแบบและการก่อความชั่วร้ายของพวกสหรัฐและเหล่าพันธมิตรของพวกเหล่านั้น

ความพยายามในการโฆษณาชวนเชื่อของพวกสหรัฐ เพื่อบิดเบือนเจตจำนง ความต้องการและการกระทำของบรรดาเยาวชนที่กระตือรือร้นและขบวนการต่อสู้ทั้งในอิรัก ซีเรีย เลบานอนและประเทศอื่นๆ โดยที่มีการเกี่ยวโยงกับอิหร่าน หรือแหล่งอื่นๆ ถือว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามต่อบรรดาเยาวชน ผู้กล้าหาญและมีการตื่นตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปราศจากความเข้าใจที่ถูกต้องของพวกสหรัฐที่มีต่อประชาชาติทั้งหลายในภูมิภาค

ความเข้าใจที่ผิดพลาดนี้ นำไปสู่ความอัปยศอดสูของสหรัฐในอัฟกานิสถาน หลังจากที่ได้เข้ามาสร้างความวุ่นวายเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว และมีการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ การวางระเบิด และการจุดชะนวนไฟที่มีต่อประชาชนที่ปราศจากการป้องกันตัวและความเป็นพลเรือน และยังพบด้วยว่าตัวเองนั้นกำลังอยู่ติดในหล่มอีกด้วย อีกทั้งยังจะต้องได้ถอนกองกำลังและอาวุธยุทโธปกรณ์ออกไปอีกด้วย แน่นอนว่า ประชาชาติอัฟกานิสถานนั้นจะต้องระมัดระวังเครื่องมือข่าวกรองของสหรัฐฯ และอาวุธต่างๆของสงครามจิตวิทยาในประเทศของตน อีกทั้งยังจะต้องมีความฉลาดหลักแหลมอีกด้วย

ประชาชาติทั้งหลายในภูมิภาคต่างได้แสดงให้เห็นถึงการตื่นตัวและความฉลาดหลักแหลม แนวทางและวิสัยทัศน์ของพวกเขาที่มีต่อบางประเทศเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับพวกสหรัฐนั้นชัดเจน แม้กระทั่งในการปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของพวกเหล่านั้นในประเด็นปาเลสไตน์ก็ตาม

รัฐบาลเหล่านี้ เป็นรัฐบาลที่สร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพกับระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์อย่างเปิดเผยและซ่อนเร้น หมายถึง การปฏิเสธสิทธิของประชาชาติปาเลสไตน์ที่มีต่อบ้านเกิดเมืองนอนทางประวัติศาสตร์ของพวกเขา นี่คือ การเข้าปล้มสะดมทรัพยากรของชาวปาเลสไตน์ พวกเหล่านั้นยังไม่เพียงพอแค่ การริดรอนทรัพยากรทางธรรมชาติ แต่พวกเหล่านั้นยังได้ปล้นสะดมทรัพยากรของประชาชาติปาเลสไตน์อยู่ในขณะนี้อีกด้วย

โอ้พี่น้องทั้งชายและหญิง!

ภูมิภาคของเรา มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและมากมาย เป็นนิทรรศการที่ให้บทเรียนและเป็นคติเตือนใจให้กับพวกเรา ในอีกด้านหนึ่ง พลังอำนาจที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้และการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้รุกราน ในทางตรงกันข้าม ความต่ำต้อยที่เกิดขึ้นจากการยอมจำนนและการแสดงออกถึงความอ่อนแอและความอดทนต่อความเจ็บปวด

พันธสัญญาอันสัตย์จริงของพระเจ้า คือ ชัยชนะของบรรดานักต่อสู้ในแนวทางของพระองค์ ดังในโองการที่ว่า

 

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِنْ تَنْصُرُوا اللَّهَ يَنْصُرْكُمْ وَيُثَبِّتْ أَقْدَامَكُمْ

“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงมีความศรัทธามั่น หากว่าพวกเจ้าได้ช่วยเหลืออัลลอฮ์ พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือพวกเจ้าและพวกเจ้าจะยืนหยัดบนเส้นทางอันมั่นคง” บทมุฮัมมัด โองการที่ 7

 ซึ่งผลลัพท์แรกในการต่อสู้นี้ ก็คือ  การขัดขวางพวกสหรัฐและเหล่าผู้รุกรานระหว่างประเทศไม่ให้เข้ามาแทรกแซงและก่อความชั่วร้ายในประเทศต่างๆของอิสลาม หากพระองค์นั้นทรงประสงค์

และท้ายที่สุดนี้ ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อพระเจ้า ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยเหลือประชาชาติทั้งหลายของอิสลามด้วยเถิด และขอกล่าวศานติพึงมีแด่ท่านอิมามแห่งยุคสมัย ท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) อีกทั้งขอพระองค์ทรงยกฐานันดรอันสูงส่งให้กับท่านอิมามโคมัยนีและบรรดาชะฮีด ผู้ทรงเกียรติด้วยเถิด

วัสสลามุอะลาอิบาดิลลาฮิซซอลิฮีน

 

ซัยยิดอะลี คาเมเนอี

6 ซุลฮิจญะฮ์ 1442 ฮ.ศ.

ตรงกับ 17 ก.ค. 2021

 

700 /