สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลสมัยที่ 13 เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

การไว้วางใจของประชาชนด้วยการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้

ประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลชุดใหม่ ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในทุกโอกาสของรัฐบาลในการรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ และการมุ่งเน้นของรัฐบาลในการบูรณาการแห่งการปฏิวัติอิสลาม อีกทั้งการใช้สติสัมปชัญญะอย่างชาญฉลาด ในทุกด้านของการบริหารจัดการประเทศ ซึ่งถือว่า เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการจัดอันดับความสำคัญของปัญหาด้านเศรษฐกิจ และท่านผู้นำยังได้ให้ข้อเสนอแนะให้ประเด็นต่างๆที่สำคัญ อาทิเช่น ความเป็นที่นิยมของประชาชน การสร้างความยุติธรรม การต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น การฟื้นฟูความหวังและความไว้วางใจของประชาชน และความสามัคคี การมีอำนาจและการแบ่งชนชั้นของรัฐบาล

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พวกสหรัฐฯ เป็นดุจดั่งหมาป่าที่ดุร้ายในเวทีของการเจรจาต่อรอง และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงสถานการณ์ที่รุนแรงของอัฟกานิสถาน โดยท่านกล่าวว่า “ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะให้การสนับสนุนต่อประชาชาติที่ถูกกดขี่ และบรรดามุสลิมชาวอัฟกานิสถาน ทั้งความสัมพันธ์ของเราและรัฐบาลต่างๆนั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์และพฤติกรรมของพวกเขาที่มีต่ออิหร่าน”

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยในช่วงเริ่มต้น โดยท่านผู้นำได้ให้คำแนะนำต่อบรรดาสมาชิกรัฐบาล ให้รู้จักถึงคุณค่าในการรับใช้ประชาชนอย่างลึกซึ้ง และท่านผู้นำยังกล่าวขอบคุณต่อรัฐสภาที่ได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วและทันเวลาในการตรวจสอบคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีที่ถูกนำเสนอออกไป อีกทั้งท่านผู้นำยังได้แสดงความหวังว่า “การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่มีเกียรติของประชาชาติและประเทศชาติ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวเทอดเกียรติรำลึกต่อชะฮีดทั้งสอง รอญาอี และบาฮูนัร โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ระยะเวลาในการรับใช้ประชาชนของท่านทั้งสองนั้นมีน้อยมาก  แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้เข้ามาสู่ภาคสนามด้วยกับความบริสุทธิ์ใจและความตั้งใจ ทั้งยังใช้วิธีการในการสร้างความเป็นที่นิยมของประชาชนและการเพียรพยายามอย่างมาก ซึ่งวิธีการต่อสู้เหล่านี้ จะเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ให้กับบรรดาเจ้าหน้าที่ฯทุกคน”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สถานการณ์ในประเทศ เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “หากว่าพวกท่านทั้งหลาย มีความเพียรพยายามอย่างที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยการตะวักกุล(การมอบหมายการงานต่อพระเจ้า) และการตะวัซซุล (การแสวงหาสื่อยังพระองค์) แน่นอนว่า ปัญหาต่างๆเหล่านั้นจะได้รับการคลี่คลายอย่างแน่นอน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า  “อย่างที่ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ฯทั้งหมดก่อนหน้านี้ว่า โอกาสในการรับใช้ประชาชนเพียงสี่ปี จะสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วและไม่ควรเสียโอกาส แม้แต่ชั่วโมงเดียวก็ตาม เพราะว่าโอกาสเหล่านี้เป็นของประชาชนและของอิสลาม และแน่นอนว่า ขณะ​ที่​พวกท่านกำลังทำ​งานอย่าง​หนัก​และความ​พากเพียร ก็ไม่​ควรที่จะ​ละเลย​ครอบครัวของพวกท่านเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขับเคลื่อนบนเส้นทางแห่งการปฏิวัติอิสลาม
และการสร้างพลวัตของการปฏิวัติอิสลามในทุกภาคส่วนของการบริหารจัดการด้านเศรษฐกิจ การบูณาการ การให้บริการ นโยบายด้านต่างประเทศ วัฒนธรรม การศึกษาและภาคส่วนอื่นๆ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง   และในขณะเดียวกัน ท่านผู้นำสูงสุดยังได้เน้นย้ำว่า “ความเป็นนักการปฏิวัติอิสลามนั้นจะต้องใช้หลักที่ว่าด้วยเหตุผล และความคิดและการใช้สติปัญญาอย่างชาญฉลาด  และนี่คือวิถีของสาธารณรัฐอิสลามนับตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว”
ในการอธิบายคำแนะนำที่สำคัญประการแรกต่อรัฐบาล ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็นถึงมิติต่างๆของความเป็นที่นิยมของประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า "การอยู่ท่ามกลางประชาชนและการพูดคุยกับพวกเขาโดยตรง ถือเป็นมิติต่างๆที่ดีอย่างหนึ่งของความเป็นที่นิยมของประชาชน ซึ่งเมื่อวานนี้ พณฯท่านราอีซี ได้แสดงให้เห็นด้วยการเดินทางพบปะประชาชนในจังหวัดคูซิสตาน”

ท่านอยาตอลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การปฏิบัติตามวิถีชีวิตของประชาชน พฤติกรรมที่ไม่โอ้อวด การออกห่างจากการแบ่งชนชั้นและการหลีกเลี่ยงจากการดูถูกประชาชน เป็นอีกมิติต่างๆของความเป็นที่นิยมของประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ปัญหาต่างๆและวิธีการในการแก้ไข จะต้องให้ประชาชนได้รับรู้ และควรหลีกเลี่ยงออกจากคำพูดที่ไม่เป็นความจริง และการทำให้ประชาชนต้องหมดหวัง ทั้งยังต้องขอความช่วยเหลือทางปัญญาและการปฏิบัติจากพวกเขาอีกด้วย”
“การขอโทษประชาชนอย่างรวดเร็ว กรณีที่เกิดความผิดพลาด” และการอธิบายในรายงานอย่างซื่อตรงและการไม่พูดเกินความจริง คือ อีกวิธีการหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็นถึงมิติต่างๆของความเป็นที่นิยมของประชาชน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้คำแนะนำต่อประธานาธิบดีและบรรดาสมาชิกรัฐบาล จากการศึกษาในคำบัญชาการที่สำคัญอย่างมากของอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ.) ที่มีต่อท่านมาลิก อัชตัร โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในคำบัญชาทางประวัติศาสตร์นี้ ได้กล่าวอธิบายมิติต่างๆมากมาย เพราะว่า ตามศาสนาอิสลามถือว่า ความสัมพันธ์ระหว่างการปกครองกับประชาชน จะต้องเป็นภราดรภาพและความเป็นมิตรต่อกันและกัน”

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวอธิบายถึง ประเด็นการสร้างความยุติธรรม ซึ่งถือเป็นคำแนะนำประการที่สองของท่านที่มีต่อรัฐบาล โดยท่านผู้นำถือว่า ตามหลักศาสนาสากลและพื้นฐานในการจัดตั้งรัฐบาล คือ การสร้างความยุติธรรม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เรายังล้าหลังในประเด็นเหล่านี้ และเราจะต้องมีความพยายามอย่างมาก”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “ในทุกมติของคณะรัฐมนตรี การร่างข้อกฎหมาย และการตัดสินใจทุกอย่างของรัฐบาล จะต้องมีภาคผนวกของความยุติธรรมเข้าร่วมอยู่ด้วย และจะต้องมีความระมัดระวังอย่างเต็มที่ว่าคำสั่งเหล่านี้หรือคำตัดสินใจและข้อกฏหมายเหล่านี้ จะไม่ส่งผลกระทบกับกลุ่มชนที่ด้อยโอกาสและก่อให้เกิดอันตรายต่อกระบวนการของความยุติธรรม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า บางวิธีการทั่วไปของการบริหารจัดการ เป็นการปฏิเสธความยุติธรรม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในการแจกจ่ายเงินช่วยเหลือ และประเด็นใดก็ตาม ควรที่จะดำเนินการที่จะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกลุ่มชนที่ด้อยโอกาสกับกลุ่มชนอื่นๆน้อยที่สุด และไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องมีการแจกจ่ายสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างยุติธรรมที่สุด”

“การต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น และการเผชิญหน้ากันอย่างระมัดระวังและความจริงจังต่อกรณีเหล่านี้ เป็นอีกคำแนะนำที่สำคัญประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อประธานาธิบดีและรัฐบาลชุดใหม่
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “การต่อสู้กับการทุจริต เป็นส่วนเสริมของความยุติธรรม เพราะการทุจริตและสัญลักษณ์ต่างๆของมัน เช่น ความละโมบโลภมาก การมีปฏิกิริยาที่ไม่เหมาะสมและไม่มีทิศทาง คือ หนึ่งในภัยพิบัติที่สำคัญที่ต่อต้านกับความยุติธรรม”

 ท่านอยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงกรณีการต่อสู้กับการทุจริตของ พณฯ ท่านราอิซีในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานฝ่ายตุลาการสูงสุด โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การงานเหล่านี้นั้นเป็นการกระทำที่ดี ทำให้ประชาชนมีความหวังและยังเป็นการเพิ่มความเป็นที่รักให้กับพวกเขาอีกด้วย แต่ก็จะต้องพึงสังเกตว่า สถานที่หลักในการเผชิญหน้ากับการทุจริตและการต่อสู้กับการทุจริต นั่นคือ สภาของการบริหารจัดการ เพื่อที่จะขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดสิ้นไป และแม้ว่าจะมีมาตรการในป้องกันก็ตาม หากว่ามีความจำเป็นในบางกรณีที่หน่วยงานตุลาการสูงสุดจะเข้ามา ก็ควรที่จะเข้ามาดำเนินการอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาของความขัดแย้งทางผลประโยชน์ส่วนตัวและสาธารณชนในทุกหน่วยงานทั้งหมด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ หนึ่งในสัญลักษณ์ต่างๆของการทุจริต ถือเป็นการละเมิดฝ่าฝืนในการดำเนินการตามนโยบายมาตรา 44 ซึ่งการดำเนินการอย่างถูกต้องอาจจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นเจริญรุ่งเรืองได้อย่างแท้จริง แต่ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ไม่ได้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องและยังทำให้เกิดการทุจริตในการดำเนินการอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การติดตั้งระบบข้อมูลข่าวสารและการให้บริการเป็นเครื่องมือที่ดีในการตรวจสอบและความชาญฉลาดของรัฐบาลทางด้านการตรวจสอบประสิทธิภาพของหน่วยงานต่างๆและการต่อสู้กับการทุจริต โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เราได้แนะนำหลายครั้งแล้วให้มีการจัดเตรียมระบบข้อมูลนี้และเชื่อมต่อกัน แต่การกระทำนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ”

คำแนะนำอีกประการต่อมาของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ ประเด็นที่สำคัญอย่างมาก กล่าวคือ การฟื้นฟูความไว้วางใจและการสร้างความหวังให้กับประชาชน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า "ความไว้วางใจของประชาชน เป็นทุนทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัฐบาล ซึ่งช่างน่าเสียใจที่ได้รับความเสียหายไปบ้าง และวิธีการในการฟื้นฟู ก็คือ การประสานคำพูดและการกระทำของเจ้าหน้าที่เข้าด้วยกันให้เป็นหนึ่งเดียวกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “จะต้องระมัดระวังในการให้คำมั่นสัญญาและคำพูดต่างๆ และหากให้สัญญาไว้ ก็ต้องทำให้เกิดเป็นจริง เพราะว่าการให้สัญญาและไม่ปฏิบัติตาม จะทำให้ประชาชนขาดความไว้วางใจ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงคำมั่นสัญญาและคำสั่งของประธานาธิบดีระหว่างการเยือนจังหวัดอะฮ์วาซ เมื่อวานนี้ โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “จะต้องระมัดระวังให้มากที่จะทำให้คำมั่นสัญญาเหล่านี้ ได้เกิดขึ้นจริง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำว่า “หากพวกท่านทั้งหลายได้ให้คำมั่นสัญญาและเนื่องจากเกิดปัญหาบางอย่าง และเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามนั้น พวกท่านก็ควรที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้ประชาชนรับทราบ และขอโทษต่อพวกเขา เพื่อที่จะไม่ให้ความไว้วางใจของพวกเขาได้รับความเสียหาย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความหลากหลายของข้อกฎหมาย และแบบแผนงาน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หนึ่งในปัญหาต่างๆของประเทศ คือ การขาดการติดตามผลอย่างจริงจัง ดังนั้น จะต้องที่จะมีการกำหนดวันที่สำหรับคำมั่นสัญญา เพื่อที่จะทำให้สามารถติดตามผลและการปฏิบัติตามได้ในวันเวลาที่กำหนดได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสามัคคี การมีอำนาจ และการตรวจสอบรัฐบาล เป็นอีกประเด็นที่สำคัญอย่างมาก โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความสามัคคีของรัฐบาล หมายถึง การที่รัฐบาลไม่มีคำพูดต่างๆที่ออกไปและในการปฏิบัติจะต้องมีความสามัคคีกับหน่วยงานต่างๆทั้งหมด เพราะว่าไม่ว่ากรณีใดก็ตามที่รัฐบาลไม่มีความสามัคคีกันและไม่มีอำนาจในรัฐบาล เท่ากับว่า รัฐบาลละทิ้งการงานต่างๆให้กับประชาชน ทั้งยังเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าในแบบแผนต่างๆและนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การตรวจสอบ หมายถึง การได้รับข้อมูลที่ถูกต้องในภาคส่วนต่างๆของรัฐบาล และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงแบบแผนต่างๆของ พณฯท่านราอิซีที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสภาของฝ่ายการบริหารจัดการ โดยท่านผู้นำได้ข้อสังเกตว่า “ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง และการขับเคลื่อนไปยังความก้าวหน้า คือ การปฏิบัติตามข้อกฏหมาย ความโปร่งใส ข้อระวังทางทรัพย์ การออกห่างจากความขัดแย้งทางผลประโยชน์ส่วนตัวและการมีความจริงจังในการตัดสินใจและร่างข้อกฏหมาย”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า รัฐบาลแห่งเยาวชน คือ ข้อกำหนดหนึ่งในการเปลี่ยนแปลง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความเป็นเยาวชนในร่างกายและส่วนตรงกลางของรัฐบาล จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ความรู้สึกปิดกั้นในประเทศถูกขจัดออกไป และเช่นกัน การจัดเตรียมทุนสำรองให้กับบรรดาผู้บริหารระดับสูงและมีประสบการณ์ในอนาคต”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลง คือ การใช้ประโยชน์จากปัญญาของสาธารณชนและความมีสติสัมปชัญญะ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในกรณีประเด็นความเปลี่ยนแปลง จะต้องใช้ประโยชน์จากทัศนะต่างๆของบรรดานักวิชาการในระดับแนวหน้า โดยปราศจากประเด็นทางการเมืองและฝ่ายต่างๆทางการเมือง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นอีกว่า “คำแนะนำเหล่านี้ จะต้องทำให้เกิดเป็นแบบแผนทางการปฏิบัติ เพื่อที่จะทำให้ความเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นไปได้ หากแต่เป็นเพียงคำตักเตือนและการบันทึกไว้ในความทรงจำนั้นไม่มีประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม หลังจากนั้นท่านได้อธิบายถึงภาคส่วนที่สำคัญในการจัดอันดับความสำคัญในการงานของประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดอันดับแรกของประเทศ คือ ประเด็นเศรษฐกิจ หลังจากนั้น วัฒนธรรรม และการสื่อสาร และประเด็นวิทยาศาสตร์ แต่ทว่ายังมีประเด็นที่สำคัญเร่งด่วน  ก็คือ ประเด็นโคโรน่าและสุขภาพของประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความพยายามอย่างดีของรัฐบาลที่ผ่านมา ในประเด็นสุขภาพ เช่น การจัดสรรหาวัคซีน และการนำเข้า ประเด็นที่เกี่ยวกับการเยียวยารักษา การติดตามผล การระมัดระวัง การกลั่นกรอง และการฉีดวัคซีนทั่วไป ถือว่า เป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ หนึ่งในกรณีที่จำเป็น คือ การกักตัว ด้วยความเฉลียวฉลาด และการระมัดระวังอย่างจริงจังในเขตพรมแดน และการป้องกันอย่างจริงจังในการแพร่ระบาดเชื้อพันธุ์ใหม่ของโรคร้าย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงหน้าที่ของประชาชนในการต่อสู้กับโรคโคโรน่า โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ประชาชนนั้นมีต้องหน้าที่รับผิดชอบ 4 ประการ ด้วยกันดังนี้ การสวมใส่หน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางสังคม ความสำคัญในการระบายอากาศและอากาศถ่ายเทสะดวก และการล้างมือด้วยสบู่ แน่นอนว่า หากว่ามีการระมัดระวังในกรณีเหล่านี้ ความสูญเสียอย่างหนักก็จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในประเด็นที่มีความสำคัญ คือ ประเด็นเศรษฐกิจซึ่งเป็นประเด็นหลักอันดับต้นของประเทศ อัตราเงินเฟ้อสูง ขาดดุลงบประมาณ ปัญหาค่าครองชีพของประชาชน การลดค่าเงินสกุลของชาติ การลดอัตรากำลังซื้อของประชาชน ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ และระบบการธนาคาร คือ ปัญหาต่างๆที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “จะต้องมีการวางแบบแผน ในแต่ละปัญหา และในขั้นตอนต่อมา ก็คือ มีการประสานกับบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อที่จะมีปฏิบัติและร่วมมือกัน โดยถือว่า นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญในการสร้างความสามัคคีของรัฐบาล” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “การที่ท่านประธานาธิบดีได้แต่งตั้งรองประธานาธิบดีคนแรก เป็นเจ้าหน้าที่ร่วมมือในภาคส่วนเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นการกระทำที่ดีเป็นอย่างมาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ผลที่ดีตามมา และหากว่ามีปัญหาขัดแย้งในทัศนะกันก็ไม่ควรที่จะให้ประชาชนรับรู้ เพราะว่า มันจะส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้ความสนใจกับแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและการขับเคลื่อนมันออกไป เช่น ภาคส่วนที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรมเหล็ก ยานยนต์และพลังงาน และภาคปิโตรเคมี คือ สิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก และท่านผู้นำยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีความสามัคคีระหว่างผู้รับผิดชอบในภาคส่วนต่างๆเหล่านี้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงกรณีการควบคุมระบบธนาคาร โดยเน้นย้ำถึงประเด็นการสร้างเม็ดเงินและการผลิตสภาพคล่อง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจต่างเชื่อว่าการสร้างเม็ดเงิน จะต้องกระทำในภาคส่วนที่เกี่ยวกับการผลิต และหากไม่มีการกระทำในส่วนนี้ การสร้างเม็ดเงินก็จะต้องหยุดชะงักลง ซึ่งหากว่ามีการดำเนินการในกรณีนี้อย่างถูกต้อง ผลที่ได้รับจากการป้องกันอัตราเงินเฟ้อ การกระตุ้นการผลิต และการสร้างงาร และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสกุลเงินของชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำในกรณีเศรษฐกิจ โดยเน้นถึงความอุตสาหะพยายาม ยุทธวิธี และการทำงานในรูปแบบญิฮาดี โดยท่านผู้นำได้ให้คำแนะนำสองประการที่สำคัญ ด้วยกัน 

1.สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ พวกท่านทั้งหลายอย่าได้มองวิธีการแก้ไขแบบชั่วคราวและเพื่อบรรเทาเท่านั้น และพวกท่านจะต้องติดตามหาวิธีการพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาต่างๆ 

2.พวกท่านทั้งหลาย อย่าได้ทำให้วิธีการในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้นขึ้นอยู่กับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร และพวกท่านจงวางแบบแผนเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ หากว่ามาตรการคว่ำบาตรยังคงอยู่

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของประเด็นวัฒนธรรมและการสื่อสาร โดยท่านผู้นำถือว่า โครงสร้างวัฒนธรรมของประเทศนั้นมีปัญหา และต้องการในการปฏิรูปใหม่ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การขับเคลื่อนในการปฏิวัติอิสลาม หมายถึง การขับเคลื่อนที่มีหลักการ มีการใช้สติสัมปชัญญะ ที่ว่าด้วยเหตุและผล เกิดขึ้นมาจากแนวคิดและความเป็นวิทยปัญญา  ไม่ใช่เป็นการขับเคลื่อนที่ไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงบทบาทโครงสร้างและซอฟต์แวร์ของวัฒนธรรมที่มีความผิดพลาดอย่างมากมาย เช่น ความฟุ่มเฟือย การปฏิบัติตามอย่างคนตาบอด และการใช้ชีวิตที่หรูหรา ล้วนเกิดมาจากรากเหง้าทางวัฒนธรรมทั้งสิ้น โดยท่านผู้นำยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิรูปความเบี่ยงเบนเหล่านี้โดยการใช้เครื่องมือทางวัฒนธรรม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลาย จะต้องทำให้สื่อต่างๆทางด้านวัฒนธรรม และการศิลปะ เช่น  สื่อภาพยนตร์ สื่อจากภาพและเสียง สื่อสิ่งตีพิมพ์ และหนังสือต่างๆได้รับความเจริญรุ่งเรืองอย่างแท้จริง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังรู้สึกปลึ้มปิติด้วยการเติบโตของกองทัพอันยิ่งใหญ่ของบรรดาเยาวชน ที่ให้ความสนใจด้านวัฒนธรรม โดยท่านผู้นำถือว่า ภาคส่วนต่างๆทางวัฒนธรรมของรัฐบาล จะต้องให้การสนับสนุนอย่างชาญฉลาดแก่บรรดาเยาวชนเหล่านี้และแบบแผนในความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า จะต้องค้นหาศักยภาพของเยาวชน และรับประกันเสรีภาพของพวกเขาภายใต้ของกฏหมาย และแน่นอนว่า พวกท่านทั้งหลาย จะต้องมีการเผชิญหน้ากับการทุจริตทางศีลธรรมและการทุจริตในด้านวัฒนธรรมโดยปราศจากความกระดากอาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “วิธีหลักในการเผชิญหน้ากับสงครามจิตวิทยาของศัตรู คือ การสนับสนุนในการขับเคลื่อนที่ถูกต้องในด้านวัฒนธรรมและการยกย่องชมเชยพวกเขา และการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด เพราะว่า เวทีของวัฒนธรรมและการสื่อสาร จะเป็นตัวก่อให้เกิดความถูกต้องและการทุจริตและความถูกต้องและความผิดพลาด ทั้งนี้ เวทีของสงครามทางวัฒนธรรมก็จะเป็นตัวการในการแพร่กระจายของการทุจริตไปทั่วโลก”

ในภาคส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวถึงประเด็นที่สำคัญทางด้านนโยบายต่างประเทศ โดยท่านผู้นำยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการขับเคลื่อนหลายเท่าในนโยบายด้านต่างประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “จะต้องมีการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจในการทูต ดังเช่นเดียวกันที่ในหลายประเทศที่ประธานาธิบดีเป็นผู้ติดตามการทูตของเศรษฐกิจ ดังนั้น จะต้องมีการเสิรมสร้างความแข็งแกร่งการทูตทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยมุมมองนี้เช่นกัน
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขยายการค้าต่างประเทศกับ 15 ประเทศเพื่อนบ้านและอีกหลายประเทศในโลก ยกเว้นในกรณีหนึ่งหรือสองกรณี เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “การทูตนั้นจะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลและการเชื่อมโยงกับปัญหานิวเคลียร์ เพราะว่าปัญหานิวเคลียร์ เป็นปัญหาที่มีความเป็นอิสระ  ซึ่งจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสมกับประเทศชาติ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมในประเด็นนี้อีกว่า “พวกสหรัฐฯนั้นได้ไปไกลเกินความไร้ยางอายในประเด็นนิวเคลียร์เสียแล้ว ในขณะที่พวกเหล่านั้นได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ท่ามกลางสายตาของทั้งหมด บัดนี้กลับมาพูดจาโดยอ้างว่าพวกเขาเป็นหนี้ ดั่งกับว่าสาธารณรัฐอิสลามได้ถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าวเอง ในขณะเดียวกัน หลังจากการถอนตัวของสหรัฐ อิหร่านก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร และหลังจากนั้นไม่นานนัก ด้วยการประกาศและการให้ความสนใจต่อบางพันธสัญญา และไม่มีผู้ใดละทิ้งมันทั้งหมด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ไม่ถือว่า ส่วนของประเทศยุโรปที่พร้อมกับสหรัฐจะน้อยกว่าพวกสหรัฐ ในการไม่รักษาคำมั่นสัญญาและการผิดศีลธรรมและมารยาท โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกเขาก็เหมือนกับพวกสหรัฐนั่นแหละ ขณะที่ในการพูดจาและเล่นคำนั้นบอกว่าพวกเขาเป็นเจ้าของหนี้สิน ราวกับว่า อิหร่านหลังจากที่ได้เข้าร่วมโต๊ะเจรจาและเย้ยหยันต่อพวกเขาและผิดสัญญาเสียเอง” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า  “รัฐบาลสหรัฐฯ ในปัจจุบันก็ไม่ต่างจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ เพราะสิ่งที่พวกเหล่านี้เรียกร้องจากอิหร่านในกรณีนิวเคลียร์ ก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ทรัมป์เรียกร้อง และเหล่าเจ้าหน้าที่ฯในวันนั้น ก็ได้เน้นย้ำถึงความไร้เหตุผล และพวกเหล่านั้นบอกว่าไม่อาจที่จะยอมรับมันได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พวกสหรัฐที่อยู่เบื้องหลังในเวทีทางการทูตและเยาะเย้ย ทั้งเอาคำพูดของตนเป็นสัจธรรม คือ หมาป่าที่ดุร้ายอย่างมาก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “แน่นอนว่า บางครั้งพวกเหล่านั้นก็เปรียบเสมือนกับสุนัขจิ้งจอก ที่มีเล่ห์อุบาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นในสถานการณ์ปัจจุบันในอัฟกานิสถาน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า อัฟกานิสถาน เป็นประเทศมิตร ภาษาเดียวกัน ศาสนาเดียวกัน และมีวัฒนธรรมเดียวกันกับอิหร่าน และท่านผู้นำยังได้กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อปัญหาต่างๆของประชาชน รวมถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามบินคาบูลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ปัญหาเหล่านี้และความยากลำบากต่างๆ ล้วนเป็นการกระทำของพวกสหรัฐทั้งสิ้น ตลอด 20 ปีในการยึดครองประเทศ โดยที่พวกเหล่านี้ได้ก่อความกดขี่ข่มเหงต่างๆนานาต่อประชาชน”
การทิ้งระเบิดในพิธีงานแต่งงานและพิธีงานไว้ทุกข์ การสังหารเยาวชนคนหนุ่มสาว การจับประชาชนจำนวนมากขังคุกอย่างไม่ไร้เหตุผล และการเพิ่มการผลิตยาเสพติดที่หลายสิบเท่า นี่คือ ส่วนหนึ่งของการปรากฏตัวที่เป็นผลลบของพวกสหรัฐในอัฟกานิสถาน ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง โดยท่านผู้นำยังกล่าวว่า “พวกสหรัฐนั้นไม่ได้กระทำการใดๆเพื่อที่จะทำให้อัฟกานิสถานได้รับความก้าวหน้าเลย ซึ่งอัฟกานิสถานในวันนี้ แม้ว่า หากว่าไม่มีการล้าหลังในความก้าวหน้าทางพลเรือนและการบูรณาการตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการถอนกองกำลังของสหรัฐอย่างน่าอับอายออกจากอัฟกานิสถาน และการขนย้ายเหล่าผู้ร่วมงานชาวอัฟกันไปยังพื้นที่ๆเลวร้ายยิ่งกว่าอัฟกานิสถาน และท่านผู้นำสูงสุดยังได้แสดงจุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยท่านได้เน้นว่า “เราให้การสนับสนุนต่อประชาชาติอัฟกานิสถาน เพราะว่ารัฐบาลต่างๆได้เข้ามาและจากไปเหมือนดั่งในอดีตที่ผ่านมา แต่ทว่าประชาชาติอัฟกานิสถานยังคงอยู่ และประเภทของความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับรัฐบาลทั้งหลายนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับอิหร่าน และเราขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า โปรดทำให้สถานการณ์ในอัฟกานิสถานดียิ่งขึ้นและประชาชนชาวอัฟกานิสถานรอดปลอดภัยด้วยเถิด” 

ในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้ขอดุอาอ์ (การขอพร) เพื่อความสำเร็จของประชาชาติอิหร่านและรัฐบาลชุดใหม่ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เราหวังว่าด้วยการปฏิบัติตามสิ่งที่พวกท่านทั้งหลายได้พูดไว้ จะทำให้ปัญหาต่างๆของประชาชนได้รับการแก้ไขและทำให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจอีกด้วย”
ก่อนการกล่าวปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านประธานาธิบดีได้กล่าวขอบคุณรัฐสภาแห่งอิสลามที่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการตรวจสอบคุณสมบัติของบรรดารัฐมนตรีที่ถูกเสนอ การติดตามปัญหาโรคโคโรน่า และการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจและค่าครองชีพ ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาอันดับต้นของรัฐบาลที่ 13 

ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน ราอีซี ถือว่า การเร่งการฉีดวัคซีนทั่วไปและการจัดสรรยาที่จำเป็นสำหรับประชาชน เป็นแบบแผนที่สำคัญของรัฐบาล โดยประธานาธิบดี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลกำลังเผชิญ รวมถึง การขาดดุลงบประมาณที่สูงอย่างมาก โดยท่านประธานาธิบดี ราอีซี กล่าวว่า “การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และการจัดเตรียมสินค้าหลักที่จำเป็น คือ สองอันดับความสำคัฐของรัฐบาลในประเด็นเศรษฐกิจของประเทศ”
ท่านประธานาธิบดี ยังได้ชี้ถึงประสบการณ์ของรัฐบาลชุดที่แล้ว โดยประธานาธิบดีราอีซีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรับรู้จุดอ่อนของรัฐบาลชุดก่อน และการเรียนรู้จากพวกเขา เช่น การออกห่างจากความผูกพันธ์กับพวกต่างชาติและการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์เชิงบวกและเป็นประโยชน์จากรัฐบาลชุดก่อน






 

700 /