สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ เข้าร่วมในพิธีการสำเร็จการศึกษาขอมหาวิทยาลัยทหาร

กองทัพอิหร่านในวันนี้ เป็นเกราะป้องกันให้กับประชาชาติในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคาม

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ได้เข้าร่วมในพิธีการสำเร็จการศึกษาของบรรดานักศึกษา จากมหาวิทยาลัยทหารอิมามฮุเซน (อ.) ซึ่งผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยท่านผู้บัญชาการสูงสุดถือว่า กองกำลังเหล่านี้ที่เต็มไปด้วยกับความภาคภูมิใจ คือ ป้อมปราการอันแข็งแกร่งในการสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นกับประชาชาติอิหร่านอันมีเกียรติและมาตภูมิที่มีพลังอำนาจ ทั้งยังเป็นที่รักอย่างยิ่ง โดยท่านผู้บัญชาการสูงสุด กล่าวเสริมว่า “การเข้ามาแทรกแซงของพวกทหารต่างชาติในภูมิภาคนี้ เป็นที่มาของการแตกแยกและการสร้างความเสียหาย ปัญหาต่างๆและเหตุการณ์ทั้งหลาย จะต้องได้รับการแก้ไขโดยปราศจากการแทรกแซงจากพวกต่างชาติ และประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ จะต้องปฏิบัติตามแบบอย่างในการมีอำนาจและการใช้เหตุผลของอิหร่านและกองทัพบกของสาธารณรัฐอิสลาม 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้แสดงถึงการมีความหวังในความสำเร็จให้กับบรรดาผู้ที่สำเร็จการศึกษาและการยกฐานภาพของบรรดาเยาวชนของกองทัพทั้งหลายในสำนักคิดและมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน และท่านผู้นำ ยังได้กล่าวแสดงความยินดีต่อประชาชาติอิหร่าน ในการมีบรรรดาเยาวชน ผู้ศรัทธา ผู้ประพฤติที่คุณงามความดี ผู้ที่กล้าหาญ และผู้ที่มีเจตจำนงอันมั่นคง ทั้งยังเป็นผู้ที่มีบะศีรัต (ผู้ที่ประจักษ์แจ้งเห็นจริง) โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาผู้บัญชาการอันทรงเกียรติ ซึ่งพวกเขาได้ให้การอบรมสั่งสอนต่อเยาวชนทั้งหลายแห่งมาตภูมินั้นควรที่จะได้รับการยกย่องและการชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ยังได้ชี้ถึงคำกล่าวของท่านอิมามอะลี (อ.) ที่ได้กล่าวถึงกองทัพ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า กองทัพของอิหร่านในวันนี้นั้น เป็นดั่งเกราะป้องกันให้กับประชาชาติและประเทศชาติในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่รุนแรงของเหล่าศัตรูทั้งภายนอกและภายใน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเป็นทหารของประชาชาติอิหร่านนั้น เป็นเหตุให้เกิดความภาคภูมิใจ มีเกียรติและศักดิ์ศรี โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การเตรียมความพร้อมสำหรับการปกป้องประชาชาติอิหร่านและอัตลักษณ์ของอิสลาม ชาติ และการเป็นนักการปฏิวัติอิสลามของประเทศชาติ ถือเป็นความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของกองทัพบก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความมั่นคง คือ โครงสร้างพื้นฐานของการขับเคลื่อนทั้งหมดที่จำเป็นต่อความก้าวหน้าของประเทศ และท่านยังถือว่า การบรรลุสู่ความมั่นคงของประเทศ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพายังพวกต่างชาติ เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “นี่ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับประชาชาติอิหร่าน แต่ทว่า ในประเทศต่างๆ แม้แต่ในประเทศในยุโรปเองก็ประสบกับปัญหาเช่นนี้ด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงคำพูดล่าสุดของยุโรปและอเมริกา โดยท่านกล่าวว่า “ชาวยุโรปบางคน ถือว่า การกระทำของสหรัฐฯ นั้นเป็นดั่งกริชที่ทิ่มแทงจากด้านหลัง และกล่าวอีกนัยว่า ยุโรปนั้น จะต้องสร้างความมั่นคงของตนเองอย่างเป็นอิสระ โดยปราศจากการพึ่งองค์กรนาโต้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็คือ สหรัฐฯ นั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “เมื่อประเทศต่างๆในยุโรปได้รู้สึกถึงความบกพร่องในการสร้างความมั่นคงที่ยั่งยืน ด้วยกับเหตุผลที่ต้องพึ่งพายังสหรัฐ กล่าวคือ เหล่าประเทศที่ไม่มีการต่อต้านยุโรปนั้นเป็นที่ชัดเจนว่า บัญชีของประเทศเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมของสหรัฐและพวกต่างชาติอื่นๆ”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ถือว่า การสร้างความมั่นคงด้วยกับการพึ่งพายังผู้อื่น เป็นเพียงภาพมายา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เหล่าบุคคลที่มีการจินตนาการเช่นนี้ จะถูกตบหน้าอีกในไม่ช้านี้ เพราะว่าการแทรกแซงโดยตรงหรือทางอ้อมของพวกต่างชาติในการสร้างความมั่นคง การก่อสงครามและสันติภาพของประเทศใดก็ตาม ถือเป็นภัยพิบัติที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเทอดเกียรติต่อการมีอำนาจและความภาคภูมิใจของกองทัพบกในการผ่านบททดสอบที่สำคัญเป็นอย่างมากและความยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ 8 ปี โดยท่านกล่าวว่า “การมีอำนาจของกองทัพบกขึ้นอยู่กับประเด็นต่างๆ อาทิเช่น การฝึกอบรม การมีนวัตกรรมใหม่และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ การจัดเตรียมอาวุธยุทโธปกรณ์ และการมีระเบียบวินัยขององค์กรที่เกี่ยวข้อง แต่ทว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการมีอำนาจของกองทัพบก คือ  การสร้างขวัญกำลังใจทางด้านจิตวิญญาณ ศาสนาและศีลธรรม จริยธรรม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การถอนกองกำลังทหารสหรัฐที่เต็มไปด้วยกับอาวุธยุทโธปกรณ์ โดยปราศจากการมีขวัญกำลังใจทางด้านศีลธรรม จริยธรรม และทางจิตวิญญาณ ให้ออกไปจากอัฟกานิสถาน คือ ตัวอย่างของผลลัพท์ในการมีอำนาจแบบผิวเผิน และไม่ได้เป็นจริง โดยท่านกล่าวว่า “พวกสหรัฐได้เข้ามาประจำการทางทหารเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ในอัฟกานิสถาน เพื่อที่จะล้มล้างของกลุ่มตาลีบัน ด้วยการยึดครองที่ยาวนาน การสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ การก่ออาชญากรรม และการสร้างความเสียหายอย่างมากมาย แต่ทว่าหลังจากนี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางด้านวัตถุและมนุษยธรรมของรัฐบาลได้ให้กับกลุ่มตาลีบัน และการไม่ยอมรับความเป็นจริงนี้ ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญให้กับประเทศต่างๆ”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ยังถือว่า สภาพของกองทัพทหารของสหรัฐในขณะที่ออกจากอัฟกานิสถาน ได้สะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์ที่แท้จริงของกองทัพนี้ โดยท่านกล่าวว่า “ภาพเหล่านี้ของฮอลลีวูดที่เปิดเผยให้เห็นถึงกองทัพสหรัฐและประเทศต่างๆเยี่ยงอย่างพวกเหล่านั้น เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น เพราะว่า อัตลักษณ์ที่แท้จริงของพวกเขานั้น ก็เป็นเช่นนี้ด้วยเช่นเดียวกันในอัฟกานิสถาน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงความเกลียดชังของประชาชนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่มีต่อกองทัพของสหรัฐ โดยท่านกล่าวว่า “ไม่ว่าที่ใดก็ตาม ที่พวกสหรัฐเข้ามาแทรกแซง พวกเขาก็จะถูกประชาชาติเหล่านั้นเกลียดชัง”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ถือว่า การเข้ามาประจำการของกองทัพต่างชาติในภูมิภาคนี้ ยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความแตกแยกและการสร้างความเสียหายและการทำลายล้าง อีกด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “ความเหมาะสมของภูมิภาคนี้ ก็คือ ทุกประเทศจะต้องมีกองทัพที่เป็นอิสระและมีการพึ่งพายังประชาชาติของตนเอง ทั้งยังเป็นพันธมิตรกับกองทัพของประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “กองทัพทั้งหลายในภูมิภาคนี้ สามารถที่จะสร้างความมั่นคงให้เกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ได้ และไม่ควรที่จะอนุญาตให้กองทัพของพวกต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในการปกป้องผลประโยชน์ของพวกตน หรือเข้ามาประจำการทางทหารด้วย”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ กล่าวเสริมว่า “เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิหร่านในบางประเทศของเพื่อนบ้าน จะต้องใช้ตรรกะนี้ที่จะไม่อนุญาตให้ทหารของพวกต่างชาติเข้ามาประจำการในประเทศของเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “กองทัพบกอันทรงเกียรติและมีศักดิ์ศรีของเรานั้น มักปฏิบัติด้วยการใช้เหตุผลและการมีอำนาจ และด้วยกับการใช้เหตุผลนี้ จะต้องเป็นแบบอย่างให้กับประเทศอื่นๆและยังเป็นปัจจัยในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีอยู่ และทุกคนจะต้องรู้ไว้ด้วยว่า หากว่ามีผู้ใดก็ตามที่ได้ขุดบ่อน้ำให้พี่น้องของเขา เขาก็จะตกลงไปในบ่อน้ำนั้นก่อน”

ในช่วงท้ายสุดของการปราศรัย ท่านผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพทุกเหล่าทัพ ได้ให้คำแนะนำโดยเน้นย้ำกับกองทัพว่า ให้มีความภาคภูมิใจในการรับใช้ประชาชาติและประเทศชาติต่อไป ทั้งยังมีการเพิ่มศักยภาพทางด้านวัตถุและด้านจิตวิญญาณอีกด้วย

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ พลตรี มูฮัมหมัด บากีรี เสนาธิการทหารบก ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับความสามารถและความพร้อมในการต่อสู้ การป้องกันประเทศ และความมั่นคงของกองทัพบก ตลอดจนการรับใช้ทางสังคมของกองทัพนี้ที่มีต่อประชาชน และเขายังได้ชี้ถึงความล้มเหลวของสหรัฐในอัฟกานิสถาน โดยเขากล่าวว่า “ความล้มเหลวครั้งนี้ การขนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ออกจากฐานทัพต่างๆในภูมิภาคและความล้มเหลวของพวกรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในสงคราม 12 วัน ที่ได้รับการเรียกขานกันว่า ดาบแห่งอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม)แสดงให้เห็นว่า การล้มสลายอันรวดเร็วของสหรัฐกำลังจะเกิดขึ้น”

พิธีการนี้ ได้มีการจัดขึ้นพร้อมกันในมหาวิทยาลัยทหารของกองทัพบก โดยมีการถ่ายทอดผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เช่นกัน

โดย นายพลจัตวา นุอ์มาน ฆุลามี อธิการบดีมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน พลอากาศจัตวา อะลีริฎอ รูดบารี อธิการบดีมหาวิทยาลัยชะฮีดซัตตารี และพลตำรวจตรี ลุฟอะลี บัคติยารี อธิการบดีมหาวิทยาลัยตำรวจอามีน ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับกิจกรรม การดำเนินการ และหลักสูตรการศึกษาของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ 

“พิธีการสาบานตน การมอบธงโดยนักศึกษารุ่นเก่าให้กับนักศึกษาใหม่ และการขับบรรเลงบทสรรเสริญซูรูดร่วมกันของบรรดานักศึกษาที่อยู่ในจัตุรัส” ทั้งหมดนี้คือ รูปแบบของรายการต่างๆของพิธีการสำเร็จการศึกษาของบรรดานักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาของกองทัพบก

นอกจากนี้ ท่านเสนาธิการทหารของกองทัพบก ยังได้รับอนุญาตจากท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพให้ทำการติดยศและติดบ่าอินธนูให้กับนักศึกษาจำนวนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกในพิธีการครั้งนี้อีกด้วย

 

700 /