สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

พยาบาลและครอบครัวเหล่าชะฮีดในการป้องกันด้านสาธารณสุขเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

“ต้องรายงานและเปิดเผยข้อเท็จจริง ขณะที่ศัตรูต้องการบิดเบือนข้อเท็จจริง”

บรรดาพยาบาล จำนวนหนึ่ง และครอบครัวเหล่าชะฮีดในการป้องกันด้านสาธารณสุข เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า จากการกระทำและคำพูดของท่านหญิงซัยนับ กุบรอ (ซ.) แสดงให้เห็นถึงความสูงส่งและความยิ่งใหญ่ของพลังอำนาจทางจิตวิญญาณและสติปัญญาของสตรี และท่านผู้นำยังได้อธิบายถึงมิติต่างๆของคุณค่าในการเป็นพยาบาล และความยากลำบากและความขมขื่นของการประกอบอาชีพนี้ โดยถือว่า การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสังคมพยาบาลในแวดวงต่างๆ คือ ข้อเรียกร้องหลักของเหล่าพยาบาลทั้งหลาย และยังถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯและความจำเป็นในปัจจุบันและอนาคตของประเทศชาติและสังคมที่จะต้องทำให้ข้อเรียกร้องเหล่านี้บรรลุผล”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันประสูติของท่านหญิงซัยนับ กุบรอ (ซ.) และวันพยาบาลแห่งชาติ ต่อบรรดาพยาบาลทั้งหมดทุกๆคน และเหล่าผู้ให้บริการด้านสาธารณสุข โดยท่านกล่าวว่า “สตรีผู้ยิ่งใหญ่แห่งกัรบะลา ผู้นี้ ได้พิสูจน์ให้ประชาชาติทั้งหลายและในประวัติศาสตร์ประจักษ์ว่า สตรี สามารถเป็นดั่งมหาสมุทรอันยิ่งใหญ่แห่งความอดทน อดกลั้น และเป็นจุดสุดยอดอันยิ่งใหญ่ของสติปัญญาและการบริหารจัดการ  แม้ว่า เหล่าพวกที่มีความคิดสั้นๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น เหล่าชาติตะวันตก จอมอหังการ ได้ทำให้สตรีต้องพบกับความต่ำต้อยก็ตาม” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความอดทนของท่านหญิงซัยนับ (ซ.) คือ การเผชิญหน้ากับความโศกเศร้าที่ไม่อาจจะพรรณาได้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การยืนหยัดและความอดทนจากการเป็นชะฮีดของ 18 บุคคลของผู้เป็นที่รัก ดั่งเช่น ท่านอิมามฮุเซน หัวหน้าแห่งบรรดาชะฮีด ผู้เป็นพี่ชายผู้สูงส่งและเป็นข้อพิสูจน์ของพระเจ้า และบุตรชายทั้งสองของท่านหญิงซัยนับ ทั้งความอดทนในการเผชิญหน้ากับการดูหมิ่นเหยียดหยามที่มีต่อท่านหญิง ผู้ที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งครอบครัวของศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ และความอดทนในการรับผิดชอบอันหนักอึ้งในการรวบรวมและการดูแลบรรดาสตรีและเด็กหลายสิบคนจากความสูญเสียและความโศกเศร้า อีกทั้ง ความอดทนอันสวยงามในการเป็นพยาบาลของท่านหญิงซัยนับจากคำกล่าวของท่านอิมามซัจญาด (ซ.) ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้ คือ ความยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณของท่านหญิงซัยนับในฐานะของสตรีผู้หนึ่ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวอธิบายถึงพฤติกรรมอันชาญฉลาดและทรงพลังอำนาจอันเต็มไปด้วยสติปัญญาของสตรีผู้ยิ่งใหญ่นี้ โดยท่านได้ชี้ถึงการกระทำและคำพูดของท่านหญิงซัยนับในการเผชิญหน้ากับผู้ปกครองที่อธรรมและคนพูดที่ไร้สาระ เช่น ยะซีดและอิบนุซิยาด โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ความกล้าหาญของท่านหญิงที่ปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์ แต่ในขณะที่เมื่อการเผชิญกับประชาชนนั้น เป็นคำอธิบายและเป็นคำพูดที่กล่าวโทษพวกเขา ซึ่งหลังจากนั้น ได้กลายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การต่อสู้ของพวกเตาวาบีนเกิดขึ้นในเมืองกูฟะฮ์นั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การต่อสู้ในการรายงานและคำอธิบาย คือ อีกมิติหนึ่งของการใช้สติปัญญาและการบริหารจัดการที่ลึกซึ้งของท่านหญิงซัยนับ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ท่านหญิงซัยนับได้กล่าวรายงานถึงความเป็นจริงที่มีประสิทธิภาพและได้ทำให้เรื่องราวของกัรบะลา มีความเป็นอมตะ ทั้งยังไม่ปล่อยให้ศัตรูฉวยโอกาสในการรายงานเหตุการณ์เหล่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตอกย้ำโดยเน้นถึงความจำเป็นในการรายงานความเป็นจริงของข้อเท็จจริงทางสังคม ประวัติศาสตร์ของการปฏิวัติอิสลาม การป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์และเหตุการณ์ต่างๆในช่วง 42 ปีที่ผ่านมา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หากไม่ได้มีการกระทำเหล่านี้แล้วไซร้ กรณีทั้งหลายก็จะไม่เกิดขึ้น ในขณะที่ศัตรูได้รายงานถึงสิ่งที่บิดเบือนจากความเป็นจริงและมีการกล่าวเท็จต่อสาธารณชน ด้วยกับการเปลี่ยนแปลงจากผู้กดขี่ให้กลายเป็นผู้ถูกกดขี่ และการยกข้ออ้างในการกระทำที่กดขี่และอธรรมอย่างต่อเนื่องของพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวในการปราศรัยของท่านเกี่ยวกับประเด็นคุณค่าของการเป็นพยาบาล  โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จุดหลักของคุณค่านี้ คือ การช่วยเหลือประชาชนที่มีความต้องการ กล่าวคือ ผู้ป่วยนั้นมีความต้องการในการดูแลและความช่วยเหลือของพยาบาลในทุกเรื่องทั้งหมดของเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเป็นพยาบาล เป็นเหตุที่จะได้รับรางวัลทวีคูณหลายเท่าจากพระผู้เป็นเจ้า โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้กับผู้ป่วย เหล่าญาติของผู้ป่วยและประชาชนทั้งหมด คือ การมีคุณค่าอันโดดเด่นของการเป็นพยาบาล และสังคมของการเป็นพยาบาลนั้นก็มีสิทธิเหนือประชาชาติทั้งหมดอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงเหล่าพวกชาติมหาอำนาจ จอมอหังการของโลกที่รู้สึกดีใจต่อความทุกข์ทรมานของประชาชาติอิหร่าน ที่ได้ประจักษ์ในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น การช่วยเหลือซัดดามให้ทำการทิ้งระเบิดเคมีและการก่อให้เกิดความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานอย่างสุดซึ้งของประชาชนของเมืองชายแดนอิหร่าน และเช่นกัน ในประเด็นต่างๆ เช่น การคว่ำบาตรยารักษาโรคต่อประชาชาติอิหร่าน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ตามข้อเท็จจริงเหล่านี้ เมื่อบรรดาพยาบาลด้วยกับความพยายามและการเสียสละ ได้ทำให้ผู้ป่วยและญาติของเขามีรอยยิ้มออกมา ขณะที่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขาเหล่านั้นกำลังทำการต่อสู้กับชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ ซึ่งการกระทำนี้ ได้เพิ่มคุณค่ามากเป็นหลายเท่าให้กับสังคมพยาบาลในสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ธรรมชาติของการทำงานพยาบาล กล่าวคือ การเห็นความเจ็บป่วยและความทุกข์ทรมานของเหล่าผู้ป่วยและการดูแลพวกเขาอยู่ตลอดเวลา คือ ความขมขื่นและความยากลำบาก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในบางช่วงเวลา เช่น ในยุคสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์หรือการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ได้เกิดความยากลำบากเป็นทวีคูณหลายเท่าด้วยกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “เช่นเดียวกัน ในยุคของสงครามภาคบังคับ บรรดาพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์ได้ทำงาน ท่ามกลางการทิ้งระเบิด และในช่วงโคโรน่า พวกเขาก็ได้เพิ่มชั่วโมงในการทำงาน การลดน้อยของการลางาน การเข้าร่วมในโรงพยาบาลในช่วงวันหยุดของวันปีใหม่ และการเห็นความเจ็บปวดจากการเสียชีวิตของผู้ป่วย และเพื่อนร่วมงานของพวกเขา ความยากลำบากได้ทวีคูณ และความอดทนในการเสี่ยงภัยที่จะได้รับเชื้อไวรัสร้ายนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำว่าประชาชาติจะต้องเข้าใจและเห็นคุณค่าของพวกเขา ทั้งการเข้าร่วมของกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย นักศึกษาศาสนาและเยาวชนทั้งหลาย เพื่อช่วยเหลือบรรดาพยาบาลในยุคสมัยของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า ถือว่า เป็นข้อเท็จจริงที่เด่นชัด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความมุ่งมั่นและความรู้สึกรับผิดชอบนี้ในช่วงเวลาต่างๆ เช่น การต่อสู้ในยุคสมัยของการปฏิวัติอิสลามและการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ได้แสดงให้เห็นถึงการมีอัตลักษณ์ที่สดใสและมีชีวิตชีวาที่เต็มไปด้วยการขับเคลื่อนและการใช้สติปัญญาของประชาชาติอิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขับเคลื่อนทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ เป็นสัญญาณและผลผลิตของอัตลักษณ์นี้ก็กำลังจะเติบโตขึ้น โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “วีรบุรุษทั้งหลาย ดั่งเช่น ชะฮีดสุไลมานี ชะฮีดฟัครีซาเดห์ และชะฮีดชะฮ์ร์ยารี ถือเป็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นภายในและเป็นอัตลักษณ์อันยิ่งใหญ่นี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความว่างเปล่าของการรายงานทางศิลปะจากความยากลำบากและความอดทนของการทำงานของพยาบาล และยังพบว่ามีพื้นที่และแแหล่งทางศิลปะจำนวนมากมายในการรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เหล่าศิลปินทั้งหลายที่มีความรับผิดชอบและมีความมุ่งมั่น จะต้องเข้ามาสู่ภาคสนามและจะต้องแสดงแหล่งทุนอันยิ่งใหญ่ทางวัฒนธรรมนี้ในรูปแบบต่างๆของศิลปะอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวถึงประเด็นข้อเรียกร้องของบรรดาพยาบาลถือเป็นกรณีในการเน้นย้ำ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ข้อเรียกร้องหลักของบรรดาพยาบาลในประโยคเดียว ก็คือ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสังคมพยาบาล ซึ่งถือเป็นความจำเป็นในปัจจุบันและอนาคตของประเทศชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ประเด็นโคโรน่า แสดงให้เห็นว่า หากสังคมพยาบาลยังไม่แข็งแกร่ง ก็จะทำให้ได้รับความเสียหายอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การดำเนินการตามกฏหมายว่าด้วยอัตราค่าบริการพยาบาล คือ หนึ่งในข้อเรียกร้องที่เฉพาะของบรรดาพยาบาล และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการเน้นย้ำของท่านก่อนหน้านี้ในประเด็นนี้ โดยท่านกล่าวว่า “กฏหมายนี้ได้รับการอนุมัติเมื่อ 14 ปีที่แล้ว แต่ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่ง จนถึงวันสุดท้ายของรัฐบาลชุดที่แล้ว แม้แต่การร่างระเบียบการในการดำเนินการของกฏหมายดังกล่าวนี้ยังไม่แล้วเสร็จ และข้าพเจ้าจะขอเน้นย้ำโดยกระตุ้นให้รัฐบาลชุดนี้และกระทรวงว่าการสาธารณสุขให้มีการดำเนินการต่อไปในประเด็นอัตราค่าบริการพยาบาล”

การขาดแคลนพยาบาลและความจำเป็นในการเสริมเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล และปัญหาความมั่นคงในการทำงาน ก็เป็นอีกสองข้อเรียกร้องของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีความจำเป็นที่จะต้องบรรลุผล โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในบางช่วงเวลา เช่น ในยุคสมัยของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า ก็ได้มีการเชิญชวนประชาชนให้เข้ามาสู่การทำงานในการเป็นพยาบาล แต่ทว่าได้มีการทำสัญญาในระยะสั้นกับบรรดาพยาบาลและหลังจากที่ผ่านมาสักระยะหนึ่ง พวกเขาก็ถูกให้ออกจากการทำงาน ในขณะเดียวกัน พยาบาลก็จะต้องมีความมั่นคงในการทำงานและไม่ควรมองพยาบาลเป็นเพียงพนักงานตามฤดูกาลเท่านั้น”

“การสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพของประเทศขึ้นมาใหม่ และการกระจายการแพทย์อย่างเท่าเทียม” ก็เป็นอีกสองประเด็นที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวอธิบายถึง

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประสิทธิภาพและผลผลิตที่ดีอย่างมากของระบบสุขภาพในช่วงทศวรรษที่ 60 และในช่วงแรกของทศวรรษที่ 70 โดยมุ่งเน้นย้ำถึงประเด็นสุขภาพและการป้องกัน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แน่นอนว่า การรักษาเป็นสิ่งที่จำเป็น แต่การป้องกันนั้นถือว่าดีกว่า และจะต้องมีการสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพขึ้นมาใหม่และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งเพื่อที่จะลดค่าใช้จ่ายและทำให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการด้านสาธารณสุขได้มากยิ่งขึ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การกระจัดกระจายแพทย์ไปตามพื้นที่ต่างๆ เป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรมนัก โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า ข้”าพเจ้าจะไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาของการขาดแคลนแพทย์หรือความเพียงพอของแพทย์ แต่ทว่าในการกระจัดการกระจายของแพทย์ตามส่วนต่างๆของประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ชอบธรรม ซึ่งในประเด็นนี้ก็จะต้องมีการพิจารณาอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่าน โดยท่านถือว่า การมอบหมายกิจการต่อพระผู้เป็นเจ้า (ตะวักกุล) ผู้ทรงฤทธานุภาพ กล่าวคือ ในการทำงานและความเพียรพยายาม ในขณะที่มีความไว้วางใจต่อพันธสัญญาอันมีเกียรติยิ่งและการช่วยเหลือของพระองค์ ในทุกๆเรื่องของการดำเนินชีวิตและจะเป็นทางออกให้กับประเทศชาติ โดยท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้แสดงความหวังว่า ในวันพรุ่งนี้จะดีกว่าในวันนี้ และพระเจ้าก็จะทรงทำให้ประชาชาติอิหร่านได้รับชัยชนะและความภาคภูมิใจในทุกเวทีของการเผชิญหน้ากับศัตรูอีกด้วย”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯท่าน ดร.อัยนุลลอฮี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข การรักษาโรคและการศึกษาทางการแพทย์ ได้กล่าวขอบคุณต่อการต่อสู้อย่างมุมานะของบรรดาพยาบาลและหน่วยงานทางการแพทย์ ในตลอดช่วง 22 เดือนที่ผ่านมาในการเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า เพื่อผลิตวัคซีนต่อต้านโคโรน่า ในศูนย์วิทยาศาสตร์และการวิจัยในประเทศ 5 แห่ง และเขายังได้ชี้ถึงการเข้าถึงวัคซีนอย่างกว้างขวางและการฉีดวัคซีนมากกว่า 110 ล้านโดส โดยท่านรัฐมนตรีกล่าวว่า “จนถึงวันนี้ ประชาชนประมาณ 74 เปอร์เซ็นได้รับวัคซีนทั้งสองโดสแล้วและอีกประมาณ 86 เปอร์เซ็นได้รับวัคซีนเพียงโดสเดียวเช่นกัน”

พณฯท่าน อัยนุลลอฮี ยังถือว่า การขจัดข้อกังวลหลักของสังคมพยาบาล การลดค่าใช้จ่ายในการรักษา การเสริมสร้างแบบแผนแพทย์ประจำครอบครัวและระบบการเข้าถึง การสนับสนุนการผลิตยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในประเทศ การพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และการดำเนินการอย่างถูกต้องต่อนโยบายการเติบโตของประชาชนอย่างเหมาะสม ทั้งหมดนี้คือ ลำดับความสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข การรักษาโรคและการศึกษาทางการแพทย์ที่จะต้องมีการดำเนินการต่อไป

 

 

700 /