สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประชาชนชาวเมืองทาบริซ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์

“การเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจ คือ สโลแกนของการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยเนื่องในวโรกาสครบรอบปีแห่งการลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนชาวเมืองทาบริซ ในวันที่ 29 เดือนบะฮ์มัน 1356 (18 กุมภาพันธ์ คศ.1978) โดยท่านผู้นำได้พบปะกับประชาชนชาวแคว้นอาเซอร์ไบจานตะวันออกและชาวเมืองทาบริซ โดยผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งจัดขึ้น ณ มุศ็อลลา อิมามโคมัยนี เมืองทาบริซ

โดยท่านผู้นำ ถือว่า การขับเคลื่อนในวันที่ 29 บะฮ์มัน เป็นการปูพื้นฐานเพื่อนำไปสู่การเคลื่อนไหวภาคสนามครั้งยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง และในที่สุด การปฏิวัติอิสลามก็ได้รับชัยชนะ 

และท่านผู้นำยังถือว่า มีปัจจัยต่างๆที่ทรงอิทธิพลต่อความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลามในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ตลอดจนความต้องการของประชาชนของวันนี้และในอนาคตของประเทศ โดยท่านยังได้ชี้ให้เห็นถึงการดำเนินการในภาคประชาชนครั้งยิ่งใหญ่เมื่อวันที่ 22 บะฮ์มันของปีนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พิธีการเฉลิมฉลอง 22 บะฮ์มันในปีนี้ สร้างความฉงนใจให้เป็นอย่างยิ่งและยังเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างมาก เพราะว่า เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าและปัญหาค่าครองชีพ ทั้งในการแพร่กระจายข่าวปลอมของสื่อสารต่างๆของพวกต่างชาติ รวมถึงการเข้าร่วมของประชาชนส่วนมากในเมืองและพื้นที่ต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเจน”

ในการพบปะกันครั้งนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วันที่ 29 บะฮ์มัน 1356  เป็นวันแห่งความรุ่งโรจน์ของเมืองทาบริซ และท่านยังได้เน้นย้ำว่า การขับเคลื่อนและการมีความคิดสร้างสรรค์ของชาวเมืองทาบริซในวันนี้ ได้นำไปสู่การก่อตัวของประเพณีสี่สิบวันรำลึก ความต่อเนื่องของการต่อสู้ของประชาชาติและผลลัพท์ของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การปฏิวัตินี้ ไม่ได้รับชัยชนะมาด้วยอาวุธปืน การเมืองและการเล่นพรรคเล่นพวก แต่ทว่าปัจจัยหลักในชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม คือ การเข้าร่วมภาคสนามของประชาชนและประชาชนชาวเมืองทาบริซ ด้วยการมีความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาเองที่ได้สร้างความต่อเนื่องของการเคลื่อนไหวภาคสนามนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประเด็นความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลามและขบวนการแห่งการปฏิวัติเป็นหลักการพื้นฐานของสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม ท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่ง ได้เพียรพยายามและอุตสาหะทั้งหมดของท่านเพื่อขับเคลื่อนขบวนการแห่งการปฏิวัติและตัวอย่างที่เด่นชัด คือ การบริหารจัดการของท่านอิมามในช่วงยุคสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านอิมามนั้นได้ทำให้สงครามภาคบังคับ กลายเป็นสื่อกลางในการเข้ามามีอำนาจของชาติและการสร้างเครดิตให้เกิดขึ้นระหว่างประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลามและขบวนการแห่งการปฏิวัติ ตามวิถีและแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี  เป็นอีกประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่สุดในการสร้างพลังดึงดูดสำหรับวันนี้และในอนาคตของประเทศชาติ และหลังจากนั้น ท่านผู้นำก็ได้กล่าวอธิบายถึงความหมายและตัวอย่างของความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลาม

ผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “การต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลาม หมายถึง การพิจารณาเป้าหมายและอุดมคติ และการตอบสนองความต้องการในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายเหล่านี้” โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เป้าหมายทั้งหลายของการปฏิวัติอิสลาม กล่าวคือ เป็นความก้าวหน้าอย่างแท้จริง ในทุกมิติทั้งทางด้านวัตถุและทางด้านจิตวิญญาณ การเกิดขึ้นของความยุติธรรมทางสังคม การมีอำนาจของประเทศชาติ การก่อตัวของสังคมอิสลามและในที่สุด การถือกำเนิดของอารยธรรมอิสลามใหม่ที่ยิ่งใหญ่

หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างบางส่วนที่เป็นพื้นฐานสำหรับความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลามและการบรรลุสู่เป้าหมาย และทุกคนควรที่จะกระทำอย่างเต็มที่ตามความสามารถของตนเอง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ความพยายามของบรรดานักวิทยาศาสตร์และนักวิจัย ความพยายามของนักการศาสนาและมหาวิทยาลัย ผู้ประกอบการและแรงงานทั้งหลาย บรรดานักวิชาการ เยาวชนในมหาวิทยาลัยและสถาบันศาสนา นักเคลื่อนไหวทางสังคม นักเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือภาคสนาม นักเคลื่อนไหวด้านการทหาร นักเคลื่อนไหวในการทำญิฮาดเชิงอธิบายและการแสดงออก บรรดาพนักงานภาครัฐ ผู้ที่มีวิสัยทัศน์ทางการเมือง ในสื่อต่างๆ และสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะในสื่อระดับชาติ การช่วยเหลือยังศูนย์กลางในการต่อสู้ในภูมิภาคและในโลกอิสลาม และบรรดาผู้ที่เตรียมพร้อมจะเข้าร่วมในภาคสนามต่างๆ เช่น การป้องกันฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์หรือวันที่ 9 เดือนเดย์ ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นองค์ประกอบของขบวนการทั่วไปโดยที่มีเป้าหมายอันสูงส่งของการปฏิวัติอิสลามที่เป็นการปูทางไปสู่ความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความพยายามเหล่านี้บางส่วนที่เกิดขึ้นในวันนี้และบางส่วนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “ประชาชนโดยทั่วไปรับรู้ถึงการขับเคลื่อนและความต้องการของวันนี้และจะเข้าสู่ภาคสนามอย่างรวดเร็วและอย่างชาญฉลาด โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ตัวอย่างที่เด่นชัดในการขับเคลื่อนเหล่านี้ คือ การป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่งได้ชี้เพียงครั้งเดียว แต่ทำให้คลื่นมหาชนหลั่งไหลเข้าสู่สนามแห่งการต่อสู้เป็นอย่างมาก และเหตุการณ์หลังจากนั้น เช่น ในการป้องกันฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์และการต่อสู้กับการต่อต้านการปฏิวัติอิสลาม ทั้งการเข้าร่วมในการสร้างวีรกรรมในวันที่ 9 เดือนเดย์ ปี 1388 ก็เช่นกันที่ประชาชาตินั้นมีความเฉลียวฉลาดอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขับเคลื่อนทางวิทยาศาสตร์ เป็นอีกสนามหนึ่งในการเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพของประชาชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในเหตุการณ์โคโรน่า บรรดาเยาวชนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ได้ตระหนักถึงความจำเป็นของวันนี้และได้เริ่มปฏิบัติงานในทันที ซึ่งผลที่ได้รับคือ การผลิตวัคซีนหลายชนิดและก็ไม่จำเป็นที่จะต้องยื่นมือถึงผู้อื่นและหากว่าไม่มีการผลิตวัคซีนของชาติแล้วไซร้ พวกเหล่านั้นก็จะไม่ให้วัคซีนแก่อิหร่าน”

“การเข้าร่วมของประชาชนและการชื่นชมพวกเขาในการเดินขบวนวันที่ 22 บะฮ์มัน ของปีนี้” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างครั้งล่าสุดของภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติ ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “แม้ว่าประชาชนจะประสบกับปัญหาต่างๆมากมาย เช่น การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า ปัญหาค่าครองชีพ การแพร่กระจายข่าวปลอมของพวกต่างชาติ และเป็นสิ่งที่น่าเสียใจยิ่งนักที่บางองค์ประกอบภายในประเทศกลับให้การช่วยเหลือในการแพร่กระจายข่าวปลอมเหล่านี้ ในขณะที่การเดินขบวนที่ยิ่งใหญ่ ได้แสดงให้เห็นว่ามีประชาชนที่เข้าร่วมเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ตามรายงานจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า นอกจากความต้องการในปัจจุบันแล้ว การให้ความสนใจยังความต้องการในอนาคต ก็เป็นสิ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “หากวันนี้ เราไม่มีความคิดเกี่ยวกับความต้องการหลักของอนาคต เช่น การอบรมสั่งสอนนักวิชาการ นักวิจัย และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของกระบวนการวิทยาศาสตร์ การมีบุตรและการสืบพันธุ์ และการจัดหาองค์ประกอบที่จำเป็นในความก้าวหน้าของประเทศ กล่าวคือ บรรดาเยาวชน ซึ่งแน่นอนว่า ในอีก 20 ปี ข้างหน้า เราก็จะพบกับปัญหาเหล่านี้อีกครั้ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ เป็นอีกความต้องการหลักของอนาคตของชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เหตุผลที่ฝ่ายศัตรูต้องพึ่งพาปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านและการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอันฉ้อฉล ทั้งๆที่พวกเหล่านั้นทราบดีถึงการใช้ประโยชน์อย่างสันติวิธีของพวกเราและการแสดงออกอย่างไร้สาระของพวกเหล่านั้น เช่น การเว้นระยะห่างที่ใกล้ชิดของอิหร่านจนถึงการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ คือ การป้องกันความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของประเทศชาติ เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการในอนาคตของอิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวอธิบายถึงตัวอย่างที่ถูกละเลยและมีการเพิกเฉย จนเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาต่างๆในหลายปีที่ผ่านมา แม้กระทั่งปัญหาข้อตกลงนิวเคลียร์เองก็ตาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในกรณีเหตุการณ์ข้อตกลงนิวเคลียร์ในปีที่ 1394 และ 1395  ซึ่งข้าพเจ้าขอคัดค้านว่า จะต้องมีการระมัดระวังในประเด็นต่างๆ เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นหลังจากนั้น และข้าพเจ้าก็ได้กล่าวย้ำด้วยกันหลายครั้ง แต่ทว่าบางคนกลับไม่ให้ความสนใจและปัญหาหลังจากนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง การมีวิสัยทัศน์ในอนาคต ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขับเคลื่อนอย่างมากมายในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา เป็นการขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพอย่างมากและเป็นเหตุให้การปฏิวัติอิสลามนั้นมีความต่อเนื่อง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “อย่าได้ทำให้ปัญหาต่างๆในปัจจุบัน เป็นก้อนฝุ่นที่เกาะความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ได้เป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความก้าวหน้าอันน่าอัศจรรย์ทางวิทยาศาสตร์ในภาคส่วนต่างๆและการยอมรับของศูนย์กลางของโลกในการเติบโตทางวิทยาศาสตร์ของอิหร่านอย่างรวดเร็วหลายเท่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลก โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การปฏิวัติอิสลาม ได้ก่อให้เกิดความก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสร้างถนน เขื่อน การเข้าถึงน้ำ ไฟฟ้า การให้บริการด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ก็เช่นกัน หากว่าไม่มีการขับเคลื่อนแบบญิฮาดีในการปฏิวัติ แน่นอนว่า ความก้าวหน้าเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า การตัดสินของศูนย์กลางของโลกที่เกี่ยวกับการปรับปรุงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจของอิหร่าน หลังจากการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “แม้ว่า ข้าพเจ้ากล่าววิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นทางเศรษฐกิจมาโดยตลอด เช่น ความยุติธรรมทางสังคม การกระจายความมั่งคั่งอย่างสมดุล และการปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมกับกลุ่มชนผู้ด้อยโอกาส แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ในประเด็นเศรษฐกิจ ตามรายงานของศูนย์เศรษฐกิจที่มีชื่อเสียงของโลก ได้เกิดความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่ ขณะที่เรานั้นมีการพึ่งพาตนเองในสินค้ามากมายหลายรายการและการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับบรรดาผู้ผลิตในประเทศว่า มีความก้าวหน้าที่สำคัญเหล่านี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี ยังได้กล่าวเน้นย้ำว่า “สื่อระดับชาตินั้นมีภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงในการสะท้อนความสำเร็จของภาคส่วนในการผลิต แต่ทว่ายังไม่ได้มีการดำเนินการอย่างที่จะเป็นไปและจะต้องเกิดขึ้น ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการในภารกิจนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “บรรดานักขับเคลื่อนในภาคส่วนต่างๆได้ช่วยเหลือให้การปฏิวัติอิสลามดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องใน 43 ปี แต่ทว่า บางคนกลับเพิกเฉยและไม่ใส่ใจ ทั้งยังมีความเจตนารมณ์ที่ไม่ดีอีกด้วย หากมิได้เป็นเช่นนั้น สถานการณ์ของประเทศก็คงจะดีกว่านี้อย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุผลของการเป็นปรปักษ์ต่อการปฏิวัติอิสลาม คือ การมีชีวิตและการให้ชีวิตของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การมีชีวิตของการปฏิวัติอิสลาม หมายถึง การยึดถือของประชาชนทั่วไปและคนรุ่นใหม่ยังอุดมการณ์ของการปฏิวัติอิสลาม  หากว่าไม่มีการยึดถือและการยืนหยัดต่อสู้  ศัตรูก็จะไม่มีความต้องการที่จะสร้างความชั่วร้ายเหล่านี้หรอก ด้วยเหตุนี้เอง การเป็นปรปักษ์ต่างๆ เนื่องจากการยึดมั่นและความซื่อสัตย์ของประชาชาติต่อเป้าหมายของการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ไม่ถือว่า คำกล่าวของบางคนที่อ้างว่าเขายึดถือต่อการปฏิวัติอิสลาม บนพื้นฐานที่ว่าการปฏิวัติอิสลามนั้นยังห่างไกลจากเป้าหมายที่แท้จริง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เหล่าผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างชนชั้นสูงหรือออกมายอมจำนนต่อการเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจ จอมอหังการและอเมริกา พวกเหล่านี้ไม่สามารถอ้างได้ว่า พวกเขายืนหยัดและยึดมั่นต่อการปฏิวัติอิสลาม เพราะว่า คำขวัญของการปฏิวัติอิสลาม คือ การสนับสนุนกลุ่มชนผู้ด้อยโอกาสและผู้ยากไร้ และการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจ ทั้งคำพูดเหล่านี้ของพวกเขาเหล่านั้นไม่อาจที่จะยอมรับได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยืนหยัดในการต่อสู้ที่สร้างความภาคภูมิใจให้ประชาชาติอิหร่าน มิใช่เพียงสาเหตุของความก้าวหน้า แต่ได้ส่งผลที่สำคัญในระดับภูมิภาค โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การยืนหยัดได้เพิ่มขึ้นด้วยการทำลายความอหังการของชาติมหาอำนาจและเปิดปากของประชาชาติทั้งหลายในการเผชิญหน้ากับสหรัฐและพวกเราจะต้องรู้จักคุณค่าของความโปรดปรานนี้เพื่อที่จะทำให้การปฏิวัติอิสลามนั้นดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ให้คำชี้แนะที่สำคัญต่อบรรดาเยาวชน บนพื้นฐานที่ว่า “พวกท่านทั้งหลายจะต้องเล็งเห็นว่า เป้าหมายใดที่ศัตรูตั้งเป้าไว้ และพวกท่านจะต้องมีการขับเคลื่อนและดำเนินการในจุดที่ตรงกันข้ามกับเป้าหมายนั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “วันนี้ศัตรูได้ตั้งเป้าหมายยังความคิดเห็นของสาธารณชน โดยเฉพาะแนวคิดและสมองของบรรดาเยาวชน คนหนุ่มสาว เพื่อที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายหลายพันล้านล้านดอลลาร์และการวางแผนร้ายในห้องปฏิบัติการณ์ทางความคิดของพวกเหล่านั้น เพื่อที่จะสามารถทำให้ประชาชาติอิหร่าน โดยเฉพาะบรรดาเยาวชนหันเหออกจากวิถีแห่งการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการปฏิบัติการทางการสื่อสาร เป็นสองเครื่องมือหลักของชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ ที่ต้องการแยกประชาชนออกจากรัฐอิสลามและเข้าควบคุมความคิดของพวกเขา โดยท่านกล่าวว่า “การกุข่าวปลอมและการใส่ร้ายยังเสาหลักของการปฏิวัติอิสลามและศูนย์กลางที่มีประสิทธิภาพต่อความก้าวหน้าของการปฏิวัติ เป็นวิธีการต่างๆที่ใช้ในการปฏิบัติการทางการสื่อสารของพวกเหล่านั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การใส่ร้ายต่อรัฐสภา สภาผู้พิทักษ์ กองทัพซิพอฮ์ และบุคคลดั่งเช่น ชะฮีด ผู้สูงส่ง นายพลกอเซ็ม สุไลมานี เป็นอีกตัวอย่างของการใส่ร้ายเหล่านี้ โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกเหล่านั้น หากว่า ไม่หวาดกลัวต่อความโกรธกริ้วของประะชาชน พวกเขาก็จะใส่ร้ายต่อท่านอิมามโคมัยนี แต่พวกเหล่านั้นไม่มีความกล้าที่จะกระทำเช่นนี้ได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “เยาวชนทั้งหลายและประชาชาติอิหร่าน จะต้องยืนหยัดและต่อสู้กับการดูหมิ่น การใส่ร้ายและการกุข่าวปลอมทางการสื่อสาร ตลอดจนการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ” โดยท่านกล่าวว่า “วิธีการที่จะเผชิญหน้ากับการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ คือ ความพยายามภายในประเทศและการจัดการกับมาตรการคว่ำบาตร แน่นอนว่า นอกเหนือจากนี้ ยังต้องมีความพยายามทางการทูตอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีทีเดียว และบรรดาพี่น้องนักการปฏิวัติของเรา ก็จะต้องมีความพยายามที่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและการเกลี้ยกล่อมฝ่ายตรงกันข้ามด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำว่า “ภารกิจหลักในการเผชิญหน้ากับการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจ คือ การจัดการกับมาตรการคว่ำบาตรด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการผลิตและการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจ ซึ่งในการขับเคลื่อนนี้บนฐานความรู้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เชิญชวนให้ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชน ให้ทำการขอพร (ดุอา) การตะวัซซุล(การใช้สื่อกลางในการสื่อสารต่อพระเจ้า) และการใช้ประโยชน์อย่างมากจากวันที่ 15 ของเดือนรอญับอันจำเริญยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า การสื่อสารกับพระผู้เป็นเจ้า จะทำให้การดำเนินชีวิต ประเทศชาติและอนาคตของการปฏิวัติอิสลามนั้นมีความจำเริญยิ่งนัก 

ก่อนการกล่าวคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน อาลิฮาชิม ตัวแทนของผู้นำสูงสุดประจำแคว้นอาเซอร์ไบจานตะวันออก และอิมามนำนมาซวันศุกร์ของจังหวัดทาบริซ ได้กล่าวรายงานที่เกี่ยวกับกิจกรรมทางวัฒนธรรมและรูปแบบแผนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติอิสลามของจังหวัด ตลอดจน การช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาหลักของประเทศ รวมถึงในการผลิตด้วยเช่นกัน โดยตัวแทนผู้นำสูงสุดกล่าวว่า “วันนี้ อาเซอร์ไบจานนั้น เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเอกภาพและความสามัคคีของประชาชาติ ความกระตือรือร้นของชาวอิหร่านและความหลงใหลในการปฏิวัติอิสลามอีกด้วย

 

700 /