สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีซีเรียพร้อมคณะ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

การยืนหยัดและการต่อสู้ของประชาชาติและรัฐบาลซีเรีย เป็นการสร้างความภาคภูมิใจ

พณฯท่าน บัชชาร อัสซัด ประธานาธิบดีซีเรีย พร้อมคณะผู้ติดตาม ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า การยืนหยัดและการต่อสู้ของประชาชาติและรัฐบาลซีเรีย ทั้งชัยชนะในสงครามระหว่างประเทศ เป็นการปูทางเพื่อสร้างเครดิตและความภาคภูมิใจให้กับซีเรีย อีกทั้งท่านผู้นำสูงสุดยังได้เน้นย้ำว่า “ด้วยการสร้างขวัญและให้กำลังใจอันสูงส่ง ความร่าเริงและเจตจำนงอันแน่วแน่ของบุคคลผู้เป็นประธานาธิบดี ในขณะที่รัฐบาลอิหร่านนั้น จะต้องมีความพยายามอย่างมากในการขยายความร่วมมือกับซีเรียและการปรับความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศให้มากยิ่งขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของซีเรียในภาคสนามทางการเมืองและการทหาร โดยท่านกล่าวว่า “ซีเรียในวันนี้ ไม่ใช่ซีเรียในช่วงก่อนสงคราม แม้ว่าในช่วงเวลานั้นจะไม่มีการทำลายล้างก็ตาม แต่ทว่า การให้เกียรติและความเคารพและการมีเครดิตของซีเรียในปัจจุบันนี้ ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา และประเทศทั้งหลายต่างก็มองซีเรียในฐานะที่เป็นมหาอำนาจประเทศหนึ่ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นให้เห็นว่า วันนี้ ประธานาธิบดีและประชาชาติซีเรียได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับประชาชาติต่างๆในภูมิภาค โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ผู้นำบางคนของบางประเทศเพื่อนบ้านของเราและของพวกท่านทั้งหลาย ได้เข้าร่วมนั่งประชุมกับรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และจิบกาแฟร่วมกันกับพวกเหล่านั้น แต่ทว่าประชาชนของประเทศเหล่านี้ เมื่อถึงวันอัลกุดส์สากล พวกเขาทั้งหลายได้ออกมารวมตัวอย่างมากมายด้วยการกล่าวสโลแกนในการต่อต้านรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และนี่คือ ความเป็นจริงของภูมิภาคตะวันออกกลางในวันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มีปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อการยืนหยัดและชัยชนะของซีเรียในสงครามระหว่างประเทศ โดยท่านผู้นำได้กล่าวถึง พณฯท่าน อัสซัด โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญมากที่สุด คือ การสร้างขวัญและการให้กำลังใจอันสูงส่งของพณฯท่านประธานาธิบดีและหากพระเจ้าทรงประสงค์ ด้วยกับขวัญและกำลังใจเช่นนี้  จะทำให้พณฯท่านสามารถที่จะบูรณะพื้นที่ต่างๆที่ถูกทำลายไปในช่วงสงคราม เพราะว่า ภารกิจอันยิ่งใหญ่นั้นกำลังรอคอยท่านอยู่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวเทอดเกียรติและรำลึกความทรงจำของนายพลกอเซ็ม สุไลมานี โดยท่านกล่าวว่า “ชะฮีดผู้สูงส่งผู้นี้ มีความรักอันเป็นพิเศษต่อซีเรียเป็นอย่างมาก และด้วยความหมายที่แท้จริงก็คือ เขาได้เสียสละอุทิศชีวิต ซึ่งพฤติกรรมของเขาในซีเรียกับการกระทำของเขาในสงครามแห่งการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ระหว่างแปดปีกับอิหร่านนั้นไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ชะฮีดสุไลมานีและบรรดาชะฮีดแห่งกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม เช่น ชะฮีดฮะมะดานี ซึ่งพวกเขาได้พยายามอย่างมากด้วยการอุทิศชีวิตของตนเอง และมองว่าประเด็นซีเรีย เป็นหนึ่งในภารกิจที่จำเป็นอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ นั้นเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญอย่างยิ่งและพวกเราก็อย่าปล่อยได้ให้ความสัมพันธ์นี้เกิดความอ่อนแอเป็นอันขาด แต่ทว่าจะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งกับความสัมพันธ์นี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามที่มีความเป็นไปได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเปิดเผยความเป็นมิตรและความรักของบางประเทศในการเผชิญหน้ากับซีเรีย เมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกท่านจะต้องใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ที่ผ่านมาจากการทำให้เกิดอนาคตอันสดใส”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างขวัญและการให้กำลังใจและความรื่นเริงของประธานาธิบดีซีเรีย เป็นการปูทางสู่ภารกิจอันยิ่งใหญ่ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พณฯท่านประธานาธิบดีและรัฐบาลของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นมีขวัญและกำลังใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังให้ความสำคัญและเต็มไปด้วยกับแรงบันดาลใจกับประเด็นซีเรียเป็นพิเศษด้วย ซึ่งเราจะต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ให้การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”

ในการเข้าพบปะกันครั้งนี้ พณฯท่าน ราอีซี ประธานาธิบดีอิหร่านได้เข้าร่วมอยู่ด้วย โดย พณฯท่าน บัชชาร อัสซัด ได้กล่าวขอบคุณต่อจุดยืนและการสนับสนุนของประชาชาติและรัฐบาลอิหร่านมาโดยตลอด อีกทั้งประธานาธิบดีซีเรียยังได้กล่าวเทอดเกียรติต่อชะฮีดสุไลมานี โดยกล่าวว่า “การยืนหยัดในการต่อสู้และจุดยืนอันมั่นคงของอิหร่านในตลอดทศวรรษที่ 4 ที่ผ่านมา ในประเด็นต่างๆของภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะปัญหาปาเลสไตน์ ได้แสดงให้ประชาชนทั้งหลายในภูมิภาคนี้เห็นว่า แนวทางของอิหร่านนั้น เป็นแนวทางที่ถูกต้องและมีหลักการอีกด้วย”

ประธานาธิบดีซีเรีย ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พื้นที่ต่างๆที่ถูกทำลายไปนั้น ก็สามารถที่จะบูรณะขึ้นมาใหม่ แต่ทว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกทำลายไปแล้วนั้นไม่สามารถที่จะเอากลับคืนมาใหม่ได้ ขณะที่การยืนหยัดของประชาชาติอิหร่านบนพื้นฐานและหลักการของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ด้วยความเพียรพยายามของท่านผู้นำสูงสุดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นการปูทางเพื่อชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านและประชาชนในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประชาชนชาวปาเลสไตน์”

พณฯท่าน บัชชาร อัสซัด กล่าวเสริมว่า “บางคนคิดว่า การที่อิหร่านให้การสนับสนุนขบวนการต่อสู้ในซีเรียนั้นเป็นการสนับสนุนทางอาวุธยุทโธปกรณ์ ในขณะที่การสนับสนุนและการช่วยเหลือที่สำคัญที่สุดของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน คือ การสร้างขวัญและให้กำลังใจต่อการยืนหยัดและการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง”

ในช่วงท้ายสุด ประธานาธิบดีซีเรีย ได้เน้นย้ำว่า “สิ่งที่รัฐเถื่อนไซออนิสต์ไม่สามารถที่จะปกครองพื้นที่ในภูมิภาคนี้ได้ ก็คือ ความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์ระหว่างอิหร่านกับซีเรีย ซึ่งจะต้องมีความต่อเนื่องด้วยการมีอำนาจนี้”

 

700 /