สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้ผลิต กลุ่มผู้ประกอบการ รวมทั้งบรรดานักขับเคลื่อนทางด้านฐานความรู้พบผู้นำสูงสุด

การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของประชาชนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติ

บรรดาผู้ผลิต กลุ่มผู้ประกอบการ พร้อมทั้งบรรดานักขับเคลื่อนทางด้านฐานความรู้ หลายร้อยคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า อนาคตอันสดใสของประเทศ นั้นต้องการความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง และท่านผู้นำยังได้ให้เห็นถึงชี้ความสำคัญอันดับต้นของความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ ที่ควบคู่กับความยุติธรรมในแบบแผนฉบับที่ 7ของการพัฒนาประเทศ โดยท่านกล่าวอธิบายถึงเหตุผลและข้อกำหนดของการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “การแก้ไขปัญหาต่างๆของค่าครองชีพที่สามารถสัมผัสได้และความยากลำบากในการใช้ชีวิตของครัวเรือน เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจในการมีจิตวิญญาณ มุมมองแห่งความหวัง และการขับเคลื่อนที่สัมผัสได้ของบรรดานักขับเคลื่อนทางการผลิตและการประกอบการ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ดังที่ได้เคยกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ประเทศนั้นมีขีดความสามารถและศักยภาพของประเทศในการเจริญเติบโต เนื่องด้วยการมีอยู่ของทรัพยากรที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานให้ สถานภาพทางภูมิศาสตร์ และระหว่างประเทศ รวมทั้งทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางด้านทรัพยากรมนุษย์นั้น ถือว่ามีความสูงส่งเป็นอย่างมากและมีความโดดเด่นในเวทีต่างๆ และด้วยเหตุนี้เอง อนาคตของประเทศและมุมมองแห่งความก้าวหน้าของอิหร่าน จะสดใสยิ่งขึ้นกว่า การคาดการณ์ในปัจจุบันอย่างมากทีเดียว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การตั้งชื่อปีนี้ว่า เป็นปีแห่ง “การผลิต ฐานความรู้และการสร้างงาน” ในระดับหนึ่งนั้น อันเนื่องมาจากการพบปะกับบรรดานักขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ เมื่อปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “นิทรรศการที่ข้าพเจ้าเยี่ยมชม เมื่อสองวันก่อน แสดงให้เห็นว่า มีการประกอบการต่างๆที่ค่อนข้างดีที่ ดำเนินการตามคำขวัญของปี ในขณะเดียวกัน คำพูดของบรรดานักขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจากการพบปะกันครั้งนี้ เกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ จะเป็นการแจ้งข่าวดีที่มีความหวังอย่างยิ่ง และตัวบ่งชี้ทางการของครึ่งปีแรกของปี 1401 ที่จะแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวและการเติบโตของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯที่เข้าร่วมพบปะกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านรองประธานาธิบดีคนที่หนึ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ให้มีการติดตามประเด็นและแก้ไขความคับข้องใจและความคาดหวังที่ชอบธรรมของบรรดานักขับเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ จากการพบปะกันครั้งนี้ ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานที่มีนักขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพวกท่านทั้งหลาย จงแก้ไขปัญหา ซึ่งในสภาพนี้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศนั้นมีความเติบโตอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความคาดหวังบางประการจากท่านผู้นำสูงส่งที่มีต่อบรรดาผู้ผลิตบางส่วน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ข้าพเจ้า จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับประเด็นของการบริหารเป็นอันขาด แต่ข้าพเจ้า จะนำเสนอแนวทางและยืนยันที่จะเน้นย้ำให้พวกเขาปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้”

ในการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม จากการเข้าพบปะกันของบรรดาผู้ผลิต กลุ่มผู้ประกอบการและบรรดานักขับเคลื่อนทางด้านฐานความรู้ โดยท่านได้กล่าวอธิบายถึงประเด็นหลักที่มีความสำคัญ กล่าวคือ  ความจำเป็นของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง

ความล้าหลังของประเทศในช่วงทศวรรษที่ 90 และการปิดประเด็นทางเศรษฐกิจในบางปีของทศวรรษนี้ และผลลัพท์ที่ตามมา คือ ตัวบ่งชี้เชิงลบในภาคส่วนต่างๆ ถือเป็นข้อเท็จจริงที่สำคัญที่ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ให้เห็นว่า มีความจำเป็นที่จะทำให้เศรษฐกิจได้รับการเติบโตอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า จุดด้อยทางการบริหารจัดการและปัญหาต่างๆ  เช่น มาตรการคว่ำบาตรและการที่ประเทศให้ความสำคัญกับปัญหานิวเคลียร์ และผลลัพท์ที่ตามมา คือ การตั้งเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ถือเป็นเหตุผลที่สำคัญของความล้าหลังทางเศรษฐกิจในช่วงทวรรษที่ 90

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การชดเชยความล้าหลังนี้ จะต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ในระยะเวลาอย่างน้อย 10 ปี โดยท่านกล่าวว่า “ด้วยเหตุผลนี้ ในแบบแผนฉบับที่7 ของการพัฒนาประเทศ เราจึงให้ความสำคัญในอันดับต้นเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่ควบคู่กับความยุติธรรม เพราะว่าความยุติธรรม เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และหากมิได้เป็นเช่นนั้น ความก้าวหน้าที่แท้จริง ก็จะยังไม่เกิดขึ้น ในขณะที่อัตราการเติบโต ค่าเฉลี่ยกำหนดไว้ที่ 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้าสามารถที่จะกระทำได้ใน 5 ปีข้างหน้า ก็จะได้รับความก้าวหน้าที่ดีเป็นอย่างยิ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงความจำเป็นในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง โดยท่านผู้นำได้เรียกร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ ผู้ผลิต และนักขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจทุกคน ให้ความสำคัญและมีความระมัดระวังใน 4 เหตุผลหลัก ดังนี้

เหตุผลประการแรก คือ ปัญหาค่าครองชีพของประชาชนและความยากลำบากในความเป็นอยู่ของครัวเรือนต่างๆ

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัญหาเหล่านี้ เป็นเหตุผลที่มีความสำคัญอย่างมากในการทำความเข้าใจถึงความจำเป็นของการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยท่านกล่าวว่า “การขจัดความยากจนและปัญหาค่าครองชีพของประชาชน และการสร้างสวัสดิการและความสะดวกสบายของพวกเขานั้นไม่อาจสามารถเยียวยาให้หายขาดได้ หากปราศจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหมดทุกคนและบุคคลผู้ที่มีศักยภาพในการบริหารจัดการ มีแนวคิดและความสามารถทางการเงินนั้น จะต้องรับผิดชอบอย่างหนักอึ้งในประเด็นนี้”

ความจำเป็นในการยกระดับสถานภาพของอิหร่านทางด้านเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและระดับโลก อีกทั้งการสร้างงานให้กับผู้สำเร็จการศึกษาหลายล้านคน เป็นเหตุผลสองประการที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวอธิบายในบริบทนี้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “การมีอยู่ของเยาวชนผู้เชี่ยวชาญที่มีการศึกษา ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง แต่การว่างงานของพวกเขา คือ ที่มาของความอัปยศอดสู เยาวชนที่มีประสิทธิภาพที่ได้รับการศึกษาจากประเทศ ซึ่งเขานั้นต้องการที่จะมีอาชีพการงานและมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และหากปราศจากการสร้างงานให้กับพวกเขา เราก็อย่าได้พูดว่า ด้วยเหตุอันใดหรือที่พวกเขาต้องย้ายถิ่นฐาน และโดยธรรมชาติแล้ว การสร้างงานให้กับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและเยาวชนที่มีความสามารถนั้นต้องการความเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง”

เหตุผลประการที่สี่ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการอธิบายถึงความจำเป็นของการเติบโตทางเศรษฐกิจ คือ สถานการณ์ที่คลุมเคลือในประเด็นของประชากรของประเทศที่เกี่ยวกับเยาวชนในอนาคตอันไม่ไกลนัก

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณต่อพระเจ้า ณ ในปัจจุบันนี้ จำนวนประชากรของเยาวชนกำลังดีขึ้น แต่ด้วยแนวโน้มของการมีบุตรในปัจจุบัน อนาคตของประชากรจึงไม่แน่นอนในแง่นี้ ดังนั้น เราควรที่จะทำให้ประเทศพบกับความมั่งคั่งด้วยการเติบโตอย่างรวดเร็วและอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าในวันหนึ่ง ซึ่งเรานั้นไม่มีจำนวนเยาวชนที่เพียงพอ ก็เป็นไปไม่ได้ว่าประเทศจะมีความมั่งคั่ง”

ประเด็นต่อไปในการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านได้อธิบายถึงข้อกำหนดและความจำเป็นในการทำให้เศรษฐกิจได้รับการเติบโต และข้อกำหนดบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ ขณะที่บางส่วนเกี่ยวข้องกับบรรดานักขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ และบางส่วนเกี่ยวกับประชาชนด้วยเช่นกัน

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวในประเด็นนี้ โดยถือว่า การเพิ่มอัตราการลงทุนสำหรับการผลิต และการส่งเสริมการเพิ่มผลผลิต เป็นสองเสาหลักที่สำคัญและความต้องการขั้นพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจ  โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “ในบางภาคส่วน รวมถึงวิธีการบริโภคทรัพยากรทางธรรมชาติ ซึ่งในความเป็นจริง มีผลผลิตที่ต่ำอย่างมาก”

การมีอยู่ของวิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์และแบบแผนในระยะยาวของหน่วยงานการบริหารจัดการและหน่วยงานของภาครัฐ เป็นข้อกำหนดอีกประการหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง โดยท่านกล่าวว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่ มักจะพูดว่า พวกเขานั้นมีแบบแผนในระยะยาว แต่ถ้าหากเราบอกว่า เรามี และเราไม่ได้อดทนกับชีวิตประจำวันและการเปลี่ยนคำพูดในอีกสองสามวัน ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายกับชีวิตประจำวันนี้ ทั้งในทุกสถานที่และในทุกสิ่งทุกอย่าง”

การที่หน่วยงานการบริหารจัดการ ให้การสนับสนุนต่อภาคเอกชน  ถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอีกประการหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดได้ให้คำแนะนำแก่บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯรับทราบ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การทำให้ภารกิจทั้งหมดเป็นของภาครัฐฯ ในช่วงเริ่มต้นของการปฏิวัติอิสลาม เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “ประเทศจะไม่ดำเนินต่อไปไม่ได้ หากปราศจากการขับเคลื่อนของวิสาหกิจเอกชน และวิสาหกิจเหล่านี้ก็จะไม่เข้าสู่ภาคสนาม โดยปราศจากการสนับสนุนจากรัฐบาลและหากว่าเป็นเช่นนี้ ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า นโยบายของมาตราที่ 44 นั้น มีความชัดเจนและยังได้รับการอนุมัติจากองค์ประกอบที่มีความสนใจในความยุติธรรมทางสังคม โดยท่านกล่าวว่า “ขณะที่ พี่น้องที่ดีบางคนและผู้ที่มีเจตนาดีบางคน ได้ออกมาคัดค้านนโยบายเหล่านี้ ซึ่งการคัดค้านนี้ ถือว่าไม่ถูกต้อง แน่นอนว่า ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ในหลายรัฐบาลยังไม่ได้มีการดำเนินการตามนโยบายเหล่านี้ ซึ่งจะต้องมีความระมัดระวัง การบริหารจัดการและมีการกำหนดกฏระเบียบวินัยในการดำเนินการตามนโยบายทั่วไปของมาตราที่ 44”

การยกระดับฐานความรู้และเทคโนโลยี ถือเป็นข้อกำหนดที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติได้กล่าวถึงและมหาวิทยาลัยทั้งหลายและศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ต่างๆต้องมีความสนใจในประเด็นนี้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสำเร็จในปัจจุบันนี้ในหลายๆด้าน อันเป็นผลมาจากการเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวทางวิทยาศาสตร์ เมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาเยาวชน นักวิทยาศาสตร์ จะต้องก้าวข้ามแนวหน้าของวิทยาศาสตร์โลกและการวางรากฐานสำหรับการทำให้ความหวังนี้เป็นจริงในอีก 50 ปีต่อมา หากผู้ใดก็ตามที่ต้องการที่จะรับรู้ถึงวิทยาการล่าสุด เขาจะต้องเรียนรู้ภาษาเปอร์เซีย”

การเสริมสร้างประสิทธิภาพในทุกภาคส่วน รวมถึงในการขับเคลื่อนของแรงงานและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐและวิธีการบริโภคทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำ ถือเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับข้อกำหนดของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวอธิบาย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแข่งขันกันของสินค้าและการให้บริการด้วยการเพิ่มคุณภาพและการลดราคาของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เป็นหนึ่งในข้อกำหนดสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยท่าน กล่าวว่า “ประเด็นนี้ ถือว่า มีความสำคัญอย่างมากในด้านการส่งออก”

การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เป็นข้อกำหนดประการที่หก สำหรับการบรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นและยั่งยืน ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้เน้นย้ำหลายครั้งด้วยกัน โดยท่านกล่าวว่า “เราจะต้องดำเนินการบางอย่าง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการผลิต การประกอบธุรกิจ และการค้าขายได้อย่างง่ายดาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การตัดสินใจที่ขัดแย้งกันและการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและข้อบังคับบ่อยครั้ง เป็นอุปสรรคในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การแก้ไขการตัดสินใจที่ขัดแย้งกัน ซึ่งในบางครั้งสองหน่วยงานที่นั่งโต๊ะเดียวกันในการประชุมคณะรัฐบาล ได้ประกาศการตัดสินใจที่ย้อนแย้งกัน อีกทั้งบางครั้งมีการประกาศกฎระเบียบในรัฐบาล แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงจากรัฐสภาทำให้ภารกิจที่วางแผนไว้ในระยะหนึ่งต้องถูกยกเลิก ซึ่งปัญหานี้ จะต้องได้รับการแก้ไขทั้งจากรัฐบาลและจากรัฐสภา”

การรักษาเยียวยาเส้นทางที่ยาวไกลและคดเคี้ยวของกระบวนการบริหารจัดการ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ชี้ให้เห็น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในด้านหน้าต่างของหน่วยการบริการ มีการดำเนินการที่ดี ซึ่งควรที่จะขยายไปในภาคส่วนอื่นๆ แน่นอนว่า การยกเลิกกฎระเบียบ ไม่ได้หมายถึง เป็นการต่อต้านการออกคำสั่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแทรกแซงตามดุลยพินิจของหน่วยงานที่กำกับดูแลและไม่กำกับดูแล เป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การแทรกแซงทางกฎหมาย ควรดำเนินการในกรณีของการละเมิด แต่การแทรกแซงที่ไม่จำเป็นและไม่มีกรณี และการแทรกแซงของหน่วยงานบางแห่งที่ดำเนินการกับการทำงานของผู้คน โดยไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมาย จะต้องถูกขจัดออกไป”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นย้ำให้เห็นว่า มีความพยายามในการจัดหาทุนทรัพย์ให้กับการขับเคลื่อนของภาคเอกชน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “รากฐานของกองทุนเพื่อการพัฒนา คือ การช่วยเหลือในภาคเอกชน แต่ทว่า นับตั้งแต่การก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน เมื่อใดก็ตามที่ภารกิจของรัฐบาลต่างๆ ต้องถูกผูกมัดและไม่ได้รับอนุญาตให้การถอนออกกองทุนตามกฏหมาย โดยที่พวกเขาเหล่านั้นได้เข้ามาหาข้าพเจ้าอย่างเหนือกฏหมาย ถือว่า การกระทำเช่นนี้นั้นมีปัญหาทั้งทางเทคนิคและมีผลลัพท์ที่จะตามมาด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม หลังจากที่ได้อธิบายถึงปัจจัยที่มีประสิทธิผลในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ถือว่า การมีวินัยทางการเงินในงบประมาณ เป็นอีกข้อกำหนดประการหนึ่งสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยท่านกล่าวว่า “งบประมาณนั้นมีปัญหาในเชิงโครงสร้างและการขาดดุลงบประมาณ เป็นหนึ่งในปัญหาที่สร้างปัญหาอย่างมากที่สุดสำหรับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการประชุมของสภาสูงสุดทางด้านเศรษฐกิจของบรรดาผู้นำสภาต่างๆ ในขณะที่ปัญหานี้ ยังไม่ได้รับการแก้ไข”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ในประเด็นของการขาดดุลงบประมาณ ปัญหาของภาระผูกพันทางการเงินที่ไม่มีแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือได้นั้น ค่อนข้างมีประสิทธิภาพและควรที่จะยุติลง ซึ่งแน่นอนว่า บางครั้ง รัฐบาลเป็นผู้ที่ให้คำมั่นสัญญาเหล่านี้เอง แต่ข้อเรียกร้องของรัฐสภานั้นแย่ยิ่งกว่านั้น และข้อผูกมัดหลายอย่างถูกกำหนดไว้กับรัฐบาลโดยที่ไม่มีแหล่งที่มาที่เชื่อถือได้”

การขจัดอุปสรรคในการมอบอำนาจการบริหารจัดการให้แก่ประชาชน การหลีกเลี่ยงไม่ให้ภาครัฐเข้าแข่งขันกับภาคเอกชนและการป้องกันการนำเข้าที่มากเกินไป เป็นข้อกำหนดทั้ง 3 ประการที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้เพื่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ในส่วนสุดท้ายของการปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ให้ข้อสังเกตไว้ 3 ประการ 

ประการแรก การแข่งขันกันในเชิงบวกของภาคเอกชนที่เป็นแรงผลักดัน แต่องค์กรวิสาหกิจภาคเอกชน ควรแยกออกการแข่งขัน ออกจากความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภารกิจทางเศรษฐกิจในต่างประเทศ และการร่วมมือกันในประเด็นต่างๆที่สำคัญ

ประการที่สอง หน่วยงานต่างๆภาครัฐ ควรให้ความสนใจกับบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในการสร้างงานและมูลค่าเพิ่ม และการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดใหญ่ในห่วงโซ่ของการผลิต

ประการที่สาม ปัญหาของสหกรณ์ต่างๆของการผลิต ที่จะสามารถเป็นหนึ่งในการแก้มัดภารกิจอื่นๆในการสร้างงานและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างความยุติธรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ

ในช่วงท้ายของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ กำลังดำเนินการและความพยายามกันอย่างเต็มที่ ซึ่งแน่นอนว่า พวกเขาควรกำหนดทิศทางและการดำเนินการไปในทิศทางที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดี”

ในการพบปะกันครั้งนี้ ตัวแทนจากกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญด้านฐานความรู้จากภาคเอกชน จำนวน 14 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสาขาเครื่องมือแพทย์ขั้นสูง ทันตแพทยศาสตร์และเภสัชศาสตร์ การบริการด้านเทคนิคและวิศวกรรม อุตสาหกรรมไม้และสารเซลลูโลส อุตสาหกรรมเครื่องเขียน การเกษตรและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและอุตสาหกรรมการผลิตน้ำดื่ม การสร้างอุปกรณ์สำหรับภาคพลังงานทดแทนและโซลาร์เซลล์ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี การประมวลผลข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ ธุรกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมพรมและสิ่งทอ ทั้งหมดเป็นประเด็นต่างๆที่กล่าวในรายงานด้วยการใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ทั้งความสำเร็จและการผลิตต่างๆอีกด้วย และยังรวมถึงข้อร้องเรียนและการนำเสนอปัญหาต่างๆของพื้นที่ในการปฏิบัติงาน

การสร้างหน้าต่างเดียวสำหรับบริการภาครัฐให้แก่ผู้ผลิต การยกระดับวิธีการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆด้วยความรวดเร็ว การจัดตั้งสมาคมภาครัฐและเอกชนเพื่อดำเนินโครงการขนาดใหญ่และได้เสร็จสิ้นไปครึ่งหนึ่ง การสร้างโครงสร้างของหน่วยการตัดสินใจและการบริหารจัดการทางด้านการส่งออก การบริการด้านวิศวกรรม การแก้ไข กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการโอนที่ดินในภาคเกษตรกรรม  การกำหนดแบบแผนงานอย่างจริงจังและการส่งเสริมการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ การระเบียบบรรดานักขับเคลื่อนนอกระบบทางด้านอุตสาหกรรม การจัดตั้งคณะทำงานระดับชาติทางด้านการเขียนซอฟต์แวร์  การแก้ไขปัญหาเงินทุนหมุนเวียนของหน่วยการผลิต การหลีกเลี่ยงการกำหนดราคาบังคับ ในกรณีที่ไม่ได้ใช้สกุลเงินของรัฐบาล การจัดการการใช้พลังงานและการจัดสรรเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม การเน้นการรับรู้ทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การฟื้นฟูโรงงานแม่ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น ทั้งหมดเหล่านี้คือ การแสดงความคิดเห็นของบรรดาผู้ผลิตในการพบปะกันครั้งนี้

 

700 /