สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐฯ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

อเมริกา คือ ผู้อยู่เบื้องหลังความไม่สงบในตะวันออกกลาง

เมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารทั้งสามสภา บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯและข้าราชการเข้าพบ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านถือว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดต่อเหตุการณ์การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 29 อูรดิเบเฮชต์ (5 พฤษภาคม)ที่ผ่านมา ก็คือ การมีความไว้วางใจของบรรดาผู้ที่มาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งของรัฐอิสลาม และท่านยังเน้นถึง ความจำเป็นในการสร้างบรรยากาศใหม่ๆในความร่วมมือและการทำงาน อีกทั้งการมีความพยายามในการก้าวหน้าของอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า ความถูกต้องในบริหารจัดการประเทศ ในโอกาศและภัยคุกคาม ควรที่จะนำประสบการณ์ที่สำคัญที่สุดมาปฏิบัติ นั่นคือ ความสามัคคีแห่งชาติ และการไม่ไว้วางใจต่ออเมริกาโดยยึดถือตามกฏเกณฑ์ที่ถูกต้องในการตัดสินใจ ซึ่งกฏเกณฑ์หลักก็คือ "การได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงของชาติ" หมายถึง ผลประโยชน์ไม่ได้ขัดแย้งกับอัตลักษณ์แห่งชาติและการปฏิวัติอิสลามของประชาชาติ

ในช่วงเริ่มต้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เดือนรอมฎอนอันจำเริญ เป็นโอกาสทองและมีคุณค่าในการนบน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้าและเป็นรัศมีของหัวใจทั้งหลาย และกล่าวว่า การบรรลุยังเป้าหมายและแรงบันดาลใจอันสูงส่งนั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับพระเจ้าและการมุ่งมั่นอย่างซื่อสัตย์สุจริตและหากว่า สังคมของอิสลามและการปฏิวัติได้เพิกเฉยและละเลยในการวิงวอนต่อพระองค์ ก็จะได้รับผลกระทบที่ไม่ดี 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 29 อูรดิเบเฮชต์ ที่ผ่านมาว่า การเลือกตั้งนั้นถือว่า การงานที่ยิ่งใหญ่และแสดงถึงการมีอำนาจในการปฏิวัติและความซึมซับอย่างลึกซึ้งของระบอบอิสลามในเบื้องลึกหัวใจของประชาชน แม้ว่าสื่อต่างๆของตะวันตกจะไม่ได้กล่าวถึงก็ตาม 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกระทำอันทรงคุณค่าที่มีผู้เข้ามาร่วมทั้งหมดในการเลือกตั้งนั้นแสดงถึงความเชื่อมั่นในระบอบรัฐอิสลาม และกล่าวเสริมว่า  : การกระทำร่วมกันของบรรดาประชาชน โดยไม่ได้คำนึงถึงผู้ที่ได้รับในการเลือกตั้ง แต่เป็นการลงคะแนนเสียงให้กับสาธารณรัฐอิสลามและมีความไว้วางใจต่อรัฐธรรมนูญ นั่นหมายถึง ในการเลือกตั้ง 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงบางคนที่มีการตีความที่ผิดพลาดในการจัดสรรประชาชน โดยกล่าวเสริมว่า ไม่ควรจะมีการพูดถึงกันหรืออย่าได้มีการพูดกันในเรื่องการจัดสรรประชาชนโดยถือว่าเป็นการทำลายการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติในการเลือกตั้ง 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงการปฏิบัติอันอุกอาจของอเมริกาหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอิหร่านในการเพิ่มขึ้นการคว่ำบาตรและการเป็นศัตรูกับอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า ในการเผชิญกับความเป็นศัตรูนี้ จำเป็นที่จะต้องสร้างบรรยากาศใหม่ๆในความร่วมมือและมุ่งมั่นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสู่ในการพัฒนาประเทศและการส่งเสริมสาธารณรัฐอิสลาม "ซึ่งทั้งหมดทุกๆคนจะต้องมีส่วนร่วม 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สิ่งที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายและทำให้ศัตรูยอมศิโรราบก็คือ  ความพยายามในการยืนหยัด โดยกล่าวว่า ทุกคนจะต้องให้การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐและเจ้าหน้าที่จะต้องมีความระมัดระวังในสถานภาพของประชาชน อีกทั้งยังต้องให้ความร่วมมือในภาคส่วนต่างๆ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นอีกว่า วิถีปกติทั่วไปของข้าพเจ้าก็คือ การให้การสนับสนุนต่อทุกๆรัฐบาล ทั้งในอดีต, ปัจจุบัน และในอนาคต 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึง วิธีการบริหารประเทศที่ถูกต้อง และการกำหนดแนวทาง โดยกล่าวว่า การบริหารประเทศที่ถูกต้องในอันดับแรก ก็คือ ความต้องการในการกำหนดมาตรฐานในการตัดสินใจ และอันดับต่อมาก็คือ การใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ใน38 ปีที่ผ่านมา

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงมาตรวัดการตัดสินใจที่ถูกต้อง จะต้องเป็นผลประโยชน์ของชาติ โดยกล่าวเสริมว่า ผลประโยชน์ของประเทศชาติ จะต้องไม่ขัดแย้งกับอัตลักษณ์ของชาติและการปฏิวัติของประชาชาติอิหร่าน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า ผลประโยชน์แห่งชาติจะต้องสามารถเปรียบเทียบกับอัตลักษณ์ของชาติได้ มิใช่ว่าอัตลักษณ์แห่งชาตินั้นอยู่ในกรอบของผลประโยชน์ที่จินตนาการขึ้นมาเอง มิได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงการอธิบายอัตลักษณ์แห่งชาติ โดยกล่าวอีกว่า อัตลักษณ์แห่งชาติถูกวางอยู่บน สามองค์ประกอบหลัก ก็คือ ความเป็นมุสลิม ,นักปฏิวัติและความลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์ ฉะนั้นในคำนิยามของอัตลักษณ์แห่งชาติ จะต้องมีสามองค์ประกอบนี้รวมอยู่ 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ,ตุลาการสูงสุด รัฐสภา และทั้งหมดทุกๆคนที่มีอำนาจในการบริหารจัดการประเทศ จะต้องหลีกเลี่ยงจากการตัดสินใจที่คัดค้านต่อต้านกับอิสลาม,การปฏิวัติและประวัติศาสตร์ของประชาชาชาติอิหร่าน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นถึงความหมายของผลประโยชน์ของประเทศ มิได้หมายถึงการไม่ให้ความสำคัญในความก้าวหน้าของประเทศและการปิดกั้นตนเองจากความเจริญก้าวหน้า และท่านผู้นำยังกล่าวเสริมว่า เป็นสิ่งที่น่าเสียใจที่มีการตีความจากคำพูดของเจ้าหน้าที่บางคนไปในทิศทางที่ผิดซึ่งกล่าวว่า อย่าได้ให้ผลประโยชน์ของชาติเข้ามาอยู่ในกรอบของอัตลักษณ์แห่งอิสลาม,การปฏิวัติและประวัติศาสตร์ นั่นคือ ความหมายของการปิดกั้นตนเองจากการใช้ประโยชน์ในความก้าวหน้าแห่งมนุษยชาติ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงประเด็นที่สำคัญอีกประเด็นที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ โดยกล่าวอีกว่า อย่าได้นำผลประโยชน์ของประเทศให้มาอยู่ภายใต้การชี้นำของต่างชาติเป็นอันขาด

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงชาติมหาอำนาจได้ใช้รูปแบบต่างๆในการได้รับประโยชน์ของตน โดยกล่าวเสริมว่า หนึ่งในรูปแบบก็คือ การกำหนดกฏเกณฑ์ระหว่างประเทศ เพื่อที่จะใช้วิธีการนี้ในการกล่าวหาประเทศที่ได้รับเอกราชและต่อสู้กับความอยุติธรรม

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวอีกว่า ครั้งล่าสุด ที่อเมริกาได้กล่าวหาอิหร่านว่า ทำให้ภูมิภาคตะวันออกนี้ไม่มีความปลอดภัย เราสามารถจะตอบให้กับเขาว่า ภูมิภาคนี้นั้นเกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณหรือ? ขณะที่พวกคุณและบริวารของพวกคุณ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความไม่ปลอดภัยในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงบทบาทของอเมริกาในการก่อตั้งและให้การสนับสนุนทางทหารต่อกลุ่มก่อการร้ายไอซิส(ดาอิช)ตักฟีรี โดยย้ำว่า ข้อเรียกร้องในการจัดตั้งกลุ่มต่อต้านผู้ก่อการร้ายไอซิส(ดาอิช)ร่วมกันนั้นเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ สหรัฐเป็นศัตรูกับไอซิสที่ตัวเองควบคุมไม่ได้เท่านั้น และจะต่อต้านขัดขวางอย่างเต็มที่กับใครก็ตามที่พยายามจะทำลายกลุ่มก่อการร้าย ไอซิส(ดาอิช)ตักฟีรีหัวรุนแรงนี้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงกรณีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีอเมริกา กล่าวหาอิหร่านสนับสนุนการก่อการร้าย ว่า "ช่างเป็นความคิดที่ปัญญาอ่อน"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า "ช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันสิ้นดี ที่อเมริกายืนหยัดอยู่ข้างชนเผ่าผู้ล้าสมัยอย่างซาอุดีอาระเบีย เพื่อพูดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในที่ๆซึ่งไม่มีใครคิดถึงเรื่องของประชาธิปไตย แต่กลับกล่าวหาอิหร่านในเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งๆที่อิหร่านคือสัญลักษณ์ของประเทศแห่งประชาธิปไตย"

ท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงวิธีการบริหารประเทศอย่างถูกต้องจากการใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา โดยท่านได้ชี้ถึง ผลจากความสามัคคีและเอกภาพแห่งชาติในความสำเร็จช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา และกล่าวเสริมว่า เราจะต้องนำเอาประสบการณ์ที่สำเร็จมาบริหารประเทศแต่ความเป็นเอกภาพมิได้ขัดแย้งกับนโยบายต่างๆของหน่วยงานทั้งหลายของรัฐ แต่ก็อย่าให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในปัญหาหลักของประเทศชาติ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีสองขั้วและสองฝ่ายของประชาชน คือ ประสบการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก และยังกล่าวเสริมว่า ในปี 59 (ปฏิทินอิหร่าน) ประธานาธิบดีสมัยนั้นได้แบ่งประชาชนเป็นสองขั้วและสองฝ่าย กล่าวคือ ฝ่ายที่ยอมรับและไม่ยอมรับ ซึ่งเราก็อย่าได้ทำให้ประวัติศาสตร์นั้นซ้ำรอยอีก 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามถือว่า การไม่เปิดช่องว่างให้กับศัตรู คือ วิธีการหนึ่งในการสร้างความเอกภาพแห่งชาติ และกล่าวอีกว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของรัฐนั้น อย่าได้เปิดช่องโหว่ให้กับศัตรูและเครือข่ายของมันเป็นอันขาด 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงเหตุการณ์อันขมขื่นของวิกฤติปี 88 โดยกล่าวว่า ในเหตุการณ์นั้นมีประชาชนกลุ่มหนึ่งได้ออกมาประท้วงต่อต้านอิสลามและการปฏิวัติกันตามท้องถนน เพราะว่าไม่มีการปิดช่องโหว่ต่อพวกเขาจึงทำให้ปัญหานั้นได้เกิดขึ้น

"การพึ่งพายังศักยภาพภายในและความสำคัญในการผลิตในประเทศ" คือ ประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำกล่าวถึงการบริหารประเทศที่ถูกต้อง 

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า ในประเทศนั้นมีเยาวชนที่มีพลังความสามารถและทุ่มเทในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับความก้าวหน้าทางวิชาการ เช่น ประเด็นของพลังงานนิวเคลียร์และจะต้องใช้ประโยชน์จากเยาวชนเหล่านั้นในความก้าวหน้าของประเทศในภาคส่วนต่างๆ 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า "การไม่ไว้วางใจต่อศัตรู" คือ อีกประสบการณ์หนึ่งที่จะต้องนำมาปฏิบัติในการบริหารประเทศ 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสาม ยังกล่าวเสริมว่า : เราไม่สามารถที่จะไว้วางใจต่อศัตรูได้ แต่ในบางสถานที่ด้วยกับเหตุผลบางประการ เราจึงยอมอ่อนข้อให้กับพวกอเมริกา แต่นี้ก็มิได้เป็นข้ออ้างและเราก็ได้รับบทเรียนมาแล้ว 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐว่า ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่มีการร่วมงานกับต่างชาติ จะต้องมีการระมัดระวังอย่างรอบคอบโดยที่คำพูดที่ได้กล่าวออกไปนั้น จะต้องไม่เป็นการไว้วางใจต่อศัตรู เพราะว่าจะส่งผลกระทบเชิงลบกับทั้งสองฝ่าย

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึง กรณี ข้อตกลงเจรจานิวเคลียร์ กล่าวว่า เราได้ไว้ใจต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ๆได้ติดตามในกรณีนี้ เพราะว่าพวกเขานั้นเป็นที่เชื่อถือได้ แต่ในกรณีนี้ บางกรณีเป็นผลมาจากความไว้ใจต่อฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ได้ให้ความสำคัญ จึงเกิดช่องว่างที่ศัตรูจะใช้ประโยชน์จากมัน

ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงจดหมายของซะรีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านที่มีไปยังเจ้าหน้าที่ในยุโรปเกี่ยวกับอเมริกาที่ละเมิดข้อตกลงเจรจา โดยกล่าวเสริมว่า : ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศไม่ได้คัดค้านกับการเจรจา เนื่องจากว่า เขานั้นเป็นผู้ศรัทธาที่เคร่งครัดต่อศาสนาและมีความรู้สึกรับผิดชอบในหน้าที่จึงได้เขียนจดหมายรายงานถึงกรณีต่างๆในการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  คณะกรรมการตรวจสอบข้อตกลง ควรมีความระมัดระวังอย่างมากในการนำมาปฏิบัติ และกล่าวเสริมว่า เราได้วางเงื่อนไขในการยอมรับข้อตกลงโดยแจ้งกับคณะกรรมการตรวจสอบแล้วว่าให้มีการระมัดระวังอย่างเต็มที่ 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า : ขณะที่ศัตรูได้ยืนอย่างอุกอาจต่อหน้าพวกท่าน เพื่อแสดงถึงความอ่อนแอและความสิ้นหวังของพวกท่าน ซึ่งพวกท่านทั้งหลายจะต้องพึงระวังอย่างมาก 

"การเสริมสร้างความเข้มแข็งทางทหารและความมั่นคง" คืออีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดยังเน้นในการบริหารประเทศที่ถูกต้อง 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า เป็นที่ชัดเจนว่า อเมริกาต้องการตัดองค์ประกอบที่มีอำนาจของอิหร่าน อย่างเช่น กองทัพซิพอ และกองกำลังกุดส์ โดยตั้งเงื่อนไขว่า ไม่ให้มีการแทรกแซงของซิพอและอาสาสามัครบะซีจญ์ในแก้ไขปัญหาของภูมิภาค แต่ในทางตรงกันข้ามกับศัตรู เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกองค์ประกอบในการมีอำนาจและศักดิ์ศรีของอิหร่าน กล่าวคือ กองกำลังทุกเหล่าทัพ,ซิพอฮ์,บะซีจญ์ และทุกหน่วยงานในการปฏิวัติ 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจในการบริหารประเทศที่ถูกต้อง โดยกล่าวว่า เหมือนดังที่ท่านประธานาธิบดีกล่าวไปก็คือ จำต้องนำมาปฏิบัติ ซึ่งผู้ที่จะดำเนินการก็คือ ประธานาธิบดีและคณะรัฐมนตรีของท่าน 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงการดึงดูดในการลงทุนในประเทศและต่างประเทศในการบริหารและจัดการทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยถือว่า  "การเข้าถึงยังหมู่บ้านอย่างจริงจัง เช่น การจัดตั้งอุตสาหกรรมท้องถิ่น" เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการแก้ปัญหาบางอย่างและการขจัดการทุจริตที่จะเกิดขึ้น และกล่าวว่า การจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และการนำเข้าผลผลิตท้องถิ่นเข้ายังหมู่บ้านถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก 

การบริหารอย่างถูกต้องในการนำเข้าสินค้า ถือว่าเป็นการป้องกันไม่ให้นำเข้าสินค้าที่ลอกเลียนแบบเข้ามาผลิตในประเทศ ,การใช้ผลิตภัณฑ์ในประเทศ ยังเป็นความจำเป็นในการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศ การต่อสู้กับสินค้าหนีภาษี , การปฏิบัติตามกฏหมายรัฐธรรมนูญมาตราที่ 44, และประเด็นความปลอดภัยในการลงทุน ทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศ 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวในบทสรุปของคำกล่าวของท่านเกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจว่า เราได้กล่าวเกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมาก และขณะนี้ถึงเวลาที่จะต้องนำมาปฏิบัติ ด้วยเหตุนี้ การจัดแผนงานที่ชัดเจนและครอบคลุม คือ การดำเนินการอย่างแรกที่รัฐบาลจะต้องนำไปปฏิบัติ 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  "สื่อออนไลน์" คืออีกประเด็นที่สำคัญประเด็นหนึ่งที่มีผลกระทบต่อการบริหารประเทศที่ถูกต้อง 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวอีกว่า : สมมุติว่า ปัญหาสื่อออนไลน์นั้นเหมือนการถล่มลงมาของหิมะ ถือว่าเป็นเรื่องที่มีการคัดค้านและขัดแย้งกับผลประโยชน์ของชาติ ประเด็นนี้จะมีความถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง และจะมีข้อมูลที่ผิดพลาดหรือจะถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นการหลอกให้ข้อมูลก็ตาม ซึ่งจะต้องมีความรอบคอบและอย่าให้ประชาชาติถูกตัดสิทธิ์ออกจากสื่อออนไลน์ 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าววิจารณ์ข้อบกพร่องของเครือข่ายสื่อที่ให้ข้อมูลในประเทศโดยกล่าวเสริมว่า มีเครือข่ายสื่อที่ให้ข้อมูลในประเทศจำนวนหนึ่งที่รักษาขอบเขตของประเทศและการควบคุมที่ถูกต้องต่อการใช้สื่อออนไลน์ในประเทศในการใช้ประโยชน์ของพวกเขา 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเสริมว่า ทุกๆคนนั้นสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากสื่อออนไลน์ได้โดยที่มิได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศ ,วิสัยทัศน์ของสาธารณชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาว และจะต้องเพิ่มความเร็วในอินเตอร์เน็ต อีกทั้งทุกการกระทำที่เหมาะสมอีกด้วย

“ปัญหาอเมริกา” คือประเด็นสุดท้ายที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวถึง โดยกล่าวเสริมว่า ปัญหาส่วนมากที่เกิดขึ้นกับอเมริกายังไม่ได้รับการแก้ไข เพราะว่าปัญหาของอเมริกากับเรามิใช่เฉพาะในเรื่องพลังงานนิวเคลียร์หรือสิทธิมนุษยชน แต่ปัญหาของเขาก็คือ สาธารณรัฐอิสลาม

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเกิดขึ้นของระบอบรัฐอิสลามในภูมิภาคนี้  เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งและในแผ่นดินที่มีความมั่งคั่ง เช่น อิหร่านและมีนโยบายเอกเทศในการบริหารประเทศ คือ เหตุผลหลักที่อเมริกาเป็นศัตรูกับสาธารณรัฐอิสลาม และกล่าวอีกว่า พวกเขาต่อต้านกับความเป็นอิสระเสรีของประเทศ แม้ว่าจะมีการปกครองที่ไม่มีศาสนาและการปฏิวัติก็ตาม พวกเขาก็ยังต่อต้านอยู่ดี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึง ทรัพยากรและสิ่งอำนวยความสะดวกอันมากมายของอิหร่าน โดยกล่าวว่า ประเทศชาติมหาอำนาจจะไม่ยอมผ่านอาหารอันโอชะนี้ไปได้ แต่การปฏิวัติอิสลามก็ไม่ยอมให้อาหารนี้เข้าสู่ลำคอของพวกเขาอย่างเด็ดขาด 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ปัญหาต่างๆเช่น สิทธิมนุษยชน, การก่อการร้ายและการกล่าวหาอิหร่านว่าสร้างความไม่ปลอดภัยในภูมิภาค"  คือข้อแก้ตัวของอเมริกาที่มีต่อระบอบรัฐอิสลาม และยังกล่าวอีกว่า อเมริกาคือผู้ก่อการร้ายและสร้างกลุ่มก่อการร้าย อีกทั้งเป็นผู้สนับสนุนรัฐเถื่อนเยี่ยงอิสราเอลไซออนิสต์ ซึ่งเป็นมันสมองของการก่อการร้าย ที่เกิดขึ้นมาจากการก่อการร้ายและการฉ้อฉล ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงไม่ยอมอ่อนข้อให้กับอเมริกาแต่อย่างใด 

ในบริบทนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามยังเน้นว่า อย่าได้มีการพูดคุยที่คลุมเครือหรือสองแง่ สองง่ามที่จะนำไปใช้ในทิศทางที่ผิดและจะต้องมีจุดยืนที่โปร่งใสและชัดเจนอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า พวกอเมริกา จงรู้ไว้เถิดว่า สาธารณรัฐอิสลามจะยืนหยัดในการทวงคืนสิทธิของบรรดาผู้ถูกกดขี่และปกป้องสิทธิของชาวปาเลสไตน์ อีกทั้งในการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของประชาชาติทั้งหลาย 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวในข้อสรุปถึงคำพูดของท่านว่า ประชาชาติอิหร่านคือประชาชาติที่มีชีวิตในการเป็นนักปฏิวัติอิสลามที่มีเกียรติและกำลังเข้าสู่วัยหนุ่ม โดยกล่าวเสริมว่า สภาพการณ์ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ดีต่ออนาคตของประเทศและหวังว่าฐานะภาพของประชาชนจะดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถขจัดภัยคุกคามต่างๆได้ 

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯ ท่านประธานาธิบดี ได้กล่าวขอบคุณต่อท่านผู้นำและประชาชนในการสร้างวีรกรรมแห่งการเลือกตั้งในปีนี้ โดยกล่าวว่า ผู้ที่ได้รับชนะในการเลือกตั้งก็คือ ประชาชาติ และช่วงเวลาในการแข่งขันและการวิพากษ์วิจารณ์ได้สิ้นลงแล้ว และในวันนี้เราจะต้องให้ความสนใจต่อข้อเรียกร้องของประชาชน

ท่านประธานาธิบดีอิหร่าน ถือว่า ข้อเรียกร้องของประชาชน ก็คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสร้างงานและการปรับปรุงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และยังกล่าวอีกว่า: ไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลย หากว่าเราทุกๆคนยืนเคียงข้างท่านผู้นำสูงสูด แน่นอนเราก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆได้

ท่านโรฮานี ได้อธิบายถึงผู้ที่ประสงค์ร้ายต่อโลกเฉกเช่น อเมริกา ซึ่งมีความกังวลในความยิ่งใหญ่ของอิหร่าน โดยกล่าวว่า เรากำลังรอแผนการณ์ร้ายอันใหม่ของศัตรู และแน่นอนว่า แผนการณ์เหล่านี้มิได้เป็นสิ่งใหม่ให้กับประชาชาติอิหร่าน ซึ่งประชาชนของเรานั้นได้พิชิตเหนือเหตุการณ์ที่ยุ่งยากและลำบากกว่านี้มาแล้วและในอนาคตก็จะเป็นผู้พิชิตอีกด้วย

ท่านประธานาธิบดี ในส่วนหนึ่งของคำพูดของเขา ยังชี้ถึงการสิ้นสุดของรัฐบาลครั้งที่สิบเอ็ดและกำลังเข้าสู่การปฏิบัติงานของรัฐบาลครั้งที่สิบสอง 

ท่านโรฮานี ถือว่ การควบคุมอัตราเงินเฟ้อและตัวเลขหลักเดียวของมัน,การเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าวข้างต้นในอัตราร้อยละแปด,การสร้างงาน, ความสมดุลในเชิงบวกของการค้า,ความมั่นคงของราคาในสกุลเงิน ,การลดการพึ่งพางบประมาณด้วยน้ำมันและการเพิ่มขึ้นของภาษี ,การเพิ่มขึ้นของการผลิตและการส่งออกน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี,การส่งก๊าซเข้ายัง9000 หมู่บ้านและการส่งน้ำมากกว่าห้าพันหมู่บ้าน, และการมีไฟฟ้าใช้ยังหมู่บ้านทั้งหมดที่มีกว่า 10 ครัวเรือน อีกทั้งการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเข้าถึงสองหมื่นแปดพันหมู่บ้าน ทั้งหมดนั้นคือผลผลิตของรัฐบาลที่ผ่านมา  

ท่านประธานาธิบดี ยังชี้ถึงการตั้งชื่อของปีนี้ว่า "ปีแห่งเศรษฐกิจต้านทาน  การผลิตและการสร้างงาน กล่าวว่า รัฐบาลที่สิบสองมีความพยายามที่จะนำคำขวัญของปีนี้ไปปฏิบัติ 

 ท่านโรฮานี ยังถือว่า การแก้ปัญหาการว่างงานคือ การกระทำที่มีความสำคัญในระดับชาติ และกล่าวอีกว่า เพื่อให้บรรลุถึงโครงการสร้างงานแผนที่หก จะต้องมีการสร้างงานมากกว่า เก้าแสน การสร้างงานในปีนี้ และเน้นว่า ในการสร้างงานจะต้องมีการลงทุน, การปฏิรูปธนาคาร ,การเพิ่มทักษะความสามารถของเยาวชนคนหนุ่มสาว และมีการพัฒนาบริษัทต่างๆบนพื้นฐานของความรู้และความสามารถ

ท่านประธานาธิบดี ถือว่า การสนับสนุนผู้ยากไร้และคนยากจน คืออีกนโยบายที่สำคัญเป็นรัฐบาลที่สิบสอง โดยเน้นถึงความสำคัญของการมีความยุติธรรมทางสังคมและยังกล่าวอีกว่า รายได้ของประเทศได้มีการพัฒนาในอัตราที่ 14 เท่า ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นตัวเลขหลักเดียวให้ได้

ในช่วงท้าย ท่านโรฮานีได้กล่าวขอบคุณต่อท่านผู้นำสูงสุดในการให้คำแนะนำและให้การสนับสนุนต่อรัฐบาลมาโดยตลอดและยังกล่าวขอบคุณต่อประชาชาติอิหร่านในการเข้าร่วมอย่างถ่วมท้นจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ช่วงท้ายของการเข้าพบกัน ท่านผู้นำสูงสุดได้นำนมาซมักริบและอิชาอ์ พร้อมทั้งการละศีลอดร่วมกันอีกด้วย 

700 /