สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

สุนทรพจน์ของท่านผู้นำสูงสุด ในงานอสัญกรรมท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)

ครบรอบอสัญกรรมอิมาม โคมัยนี ( รฮ.)

บรรดาผู้รักและหลงใหลในตัวของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) จากทั่วทุกสารทิศของประเทศ  ได้ร่วมงานครบรอบ 25  ปี แห่งการอสัญกรรมของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  ณ. ฮะรัมอันเจิดจรัสของท่าน   อันเป็นการแสดงถึงความเปล่งบานที่ยิ่งใหญ่  การยืนหยัด เกียตริยศ และความรักในอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติอิสลามที่แท้จริง  และเป็นการให้คำสัตยาบันอีกครั้งหนึ่งกับอุดมการณ์ของบุรุษสุดที่รักยิ่งที่ได้ล่วงลับไปแล้ว


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงรากเหง้า และเหตุผลแห่งความรักความถวิลหา และความใฝ่รู้ของประชาชาติทั้งหลายที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้น ในการทำความเข้าใจปรากฏการณ์ที่ทรงพลังและทิศทางแห่งความเจริญก้าวหน้าของสาธารณรัฐอิสลาม  “ชะรีอัตอิสลาม” และ “ประชาธิปไตยแบบศาสนา” ซึ่งปัจจัยพื้นฐานของชะรีอัตอันนี้ คือสองรากฐานหลักของสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  พร้อมกับเน้นย้ำถึง การเสียสละของประชาชาติและบรรดาเจ้าหน้าที่ คณะผู้บริหาร ที่มีต่อ แบบฉบับใหม่ด้าน “การเมือง-ประชาสังคม”  ว่า  การก่อความวุ่นวายและการวางฐานรากในรูปลักษณะต่างๆของอเมริกา การบั่นทอนสีสันแห่งจิตวิญญาณและการกำหนดทิศทางตามขบวนการปฏิวัติของท่านอิมามโคมัยนีให้ลดน้อยลงนั้น เป็นสองความท้าทายหลัก ที่ประชาชาติอิหร่าน จะต้องรุดหน้าเดินต่อไป ด้วยการทำความรู้จัก และมีชัยเหนือพวกเขา และแนวทางที่เต็มเปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจและความรุ่งโรจน์ของ 

ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)


ในช่วงแรกของการปราศรัยของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ในการชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ระดับชาติ  ซึ่งท่านถือว่า พลังดึงดูดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และสาธารณรัฐอิสลาม ที่นับวันยิ่งมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นที่มีต่อความคิดของประชาคมโลกทั้งหลาย  โดยเฉพาะประชาชาติอิสลาม นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่สำคัญยิ่ง   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  25    ปี หลังจากการจากไปของท่าน  อิมามโคมัยนี(รฎ)ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติอิสลาม   มวลชนจากทุกภาคส่วนโดยเฉพาะ บรรดาเยาวชน  บรรดานักปราชญ์ของโลกอิสลาม มีความสนใจ ใฝ่รู้ และมีความถวิลหาในการสร้างความเข้าใจเพิ่มเติม จากปรากฏการณ์ของประชาธิปไตยแบบศาสนา  ทัศนะเกี่ยวกับระบอบวิลายะตุลฟากีห์ และประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวกับการปฏิวัติอิสลามมากยิ่งขึ้น

 

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน และแพร่ขยายกันอย่างแพร่หลาย ด้าน “ การโฆษณา การเมือง” ของบรรดาศัตรูของสาธารณรัฐอิสลามนั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยแห่งความใฝ่รู้ของประชาชาติทั้งหลายมากยิ่งขึ้น ที่มีต่อประเด็นของการปฏิวัติอิสลาม   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า   ความคิดของประชาชนทั่วโลกอิสลาม มีความถวิลหามากกว่าในอดีตที่ผ่านมาเสียอีก ในการทำความเข้าใจ ถึงแก่นแท้ และฮากีกัตที่แท้จริงของระบอบการปกครองที่บรรดาศัตรูทั้งหลายมุ่งเป้าโจมตีอย่างต่อเนื่องและอย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน  อีกทั้งสนใจที่จะทำความเข้าใจในรหัสยะแห่งการยืนหยัดต่อสู้และความสำเร็จของสาธารณรัฐอิสลาม


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การตื่นตัวอิสลาม และจิตสำนึกแห่งการเป็นปฏิปักษ์กับมหาอำนาจผู้อหังการ นั้น คือผลลัพธ์อันหนึ่งแห่งความใฝ่รู้และความเข้าใจของประชาชาติทั้งหลายที่มีต่อการปฏิวัติอิสลาม   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า แนวรบของมหาอำนาจผู้อหังการมีความผิดพลาดในเชิงกลยุทธ์ พร้อมกับคาดการณ์ว่า สามารถทำลายรากฐานแห่งการตื่นตัวอิสลามแล้ว  ทว่า ความเข้าใจและการรับรู้ที่นำมาซึ่งการตื่นตัวอิสลามนั้น ไม่มีวันหมดสิ้นลง  และนี้คือปรากฏการณ์ครั้งใหม่  ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็จะสามารถแพร่ขยายในวงกว้างอย่างแน่นอน


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า เกียรติยศศักดิ์ศรี และความเจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของประชาชาติอิหร่าน เป็นอีกหนึ่งเหตุผลของความใฝ่รู้ของประชาชาติทั้งหลายที่มีต่อสาธารณรัฐอิสลาม และประชาธิปไตยแบบศาสนา    พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  เยาวชนรุ่นใหม่ของโลกอิสลามกำลังหาคำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ที่มีความสำคัญและเชิงประวัติศาสตร์ที่ว่า  เหตุใด วิธีการใด  ที่ทำให้สาธารณรัฐอิสลาม สามารถต่อสู้เผชิญหน้ากับการโจมตีอย่างป่าเถื่อน และรุนแรงทางการทหาร การเมือง และการโฆษณาเชิญเชื่อของศัตรู และการคว่ำบาตรของอเมริกาที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เป็นเวลา 35   ปี  ได้อย่างสง่าผาเผย และนับวันยิ่งมีความเจริญก้าวหน้า และความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น???? 


 ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงเหตุผลแห่งพลังดึงดูดของสาธารณรัฐอิสลาม ว่า ประชาชาติและเยาวชน และปัญญาชนของโลกอิสลามทั้งหลาย ประจักษ์เห็นถึงความก้าวหน้า ของประชาชาติอิหร่านในเวทีของการบินและอวกาศ  การปรากฏตัวของอิหร่านในหมู่สิบประเทศที่มีความก้าวหน้า ที่สามารถคิดค้นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย  การพัฒนาและก้าวกระโดดเชิงวิทยาศาสตร์ของอิหร่าน ร้อยละ 13    เมื่อเทียบกับอัตราของโลก   และประจักษ์ว่า ประชาชาติอิหร่าน  คือเบอร์หนึ่ง  ในประเด็นนโยบายการเมืองระดับภูมิภาค  และการยืนหยัดต่อสู้กับรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และปกป้องบรรดาผู้ถูกกดขี่และต่อสู้กับผู้กดขี่



ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า ข้อเท็จจริงอันนี้  จึงสามารถเรียกร้องความสนใจจากบรรดาผู้ที่มีความอยากรู้อยากเห็น และปรารถนาที่จะรู้จักปรากฏการณ์ของสาธารณรัฐอิสลาม มากยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดี

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การเลือกตั้ง 32  ครั้ง  ในช่วงระยะเวลา 35  ปี ที่ผ่านมา  ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่มีผู้ใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ และเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมของประชาชาติ  อีกทั้งการปรากฏตัวอย่างเร่าร้อน คึกคักของประชาชาติในการเข้าร่วมเดินขบวนในวันที่ 22   บะห์มันและวันอัลกุดส์สากล  นั้น ก็เป็นข้อเท็จจริงแห่งความดึงดูดของอิหร่านอีกประการหนึ่งที่มีต่อสาธารณชนต่างชาติทั้งหลาย   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  เรามีความเคยชินแล้วต่อประเด็นต่างๆเหล่านี้  ซึ่งถือว่าในสายตาของเราสิ่งนี้ไม่ถือว่าเป็นความยิ่งใหญ่และสำคัญมากเท่าใดนักสำหรับเรา ทว่า ข้อเท็จจริงที่สวยงามอันนี้ สำหรับผู้สังเกตการณ์ของโลกทั้งหลายและประชาชาติบางประเทศนั้น เป็นปมคำถามที่น่าสนใจและสร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  ข้อเท็จจริงทั้งหมดเหล่านี้ ที่มีความสวยงามและความถวิลหานั้น เป็นผลงานสร้าง  ความสามารถ ปัญญาที่ปราดเปรื่องและสร้างสรรค์ของสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ของการปฏิวัติอิสลาม คือ ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  

   

จากนั้น ท่านผู้นำสูงสุด ได้อธิบายภาพลักษณ์ที่สั้นๆแต่ลุ่มลึกแห่งสำนักคิดและอุดมการณ์ของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  


ประเด็นหลักในคำปราศรัยของท่านผู้นำการปฏิวัติในส่วนนี้ คือ  ข้อเท็จจริงอันนี้ เพื่อสามารถให้ก้าวสู่เป้าหมายนั้น จะต้องไม่หลงทาง และเพื่อสามารถก้าวไปในแนวทางนี้ได้อย่างถูกต้อง ก็จำต้องอาศัยการทำความเข้าใจถึงบทบาทหลักของสถาปนิกที่ชำนาญการและมีวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลเช่นนี้ 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า  โครงสร้างหนึ่งของระบอบ “ประชาสังคม – การเมือง” นั้น ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน แห่ง “หลักสติปัญญาแบบอิสลาม” ซึ่งสิ่งนี้คือบทบาทหลักของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  การล่มสลายของระบอบ “ ที่ผูกมัด  เสื่อมทราม  เผด็จการแบบกษัตริย์” และการขุดรากถอนโคน คุณลักษณะต่างๆของทรราชนั้น เป็นปฐมบทแห่งการสร้างโครงสร้างขั้นพื้นฐานอันยิ่งใหญ่  ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) สามารถปฏิบัติสิ่งนี้ ได้ด้วยความตั้งมั่นอย่างแท้จริงและความร่วมมือของประชาชาติ


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายถึงเสาหลักและรากฐานหลักที่สำคัญของระบอบการเมืองประชาสังคม ที่ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญ ซึ่งวางอยู่บนสองประเด็นหลักที่มีความสัมพันธ์กัน   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ประการแรก คือ ชะรีอัตอิสลาม  ซึ่งถือเป็นวิญญาณและแก่นแท้ของสาธารณรัฐอิสลาม   และประการที่สอง คือ การมอบการงานให้กับพี่น้องประชาชน ผ่านวิธีการของแบบประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า อย่ามีผู้ใดสงสัยและคาดคิดว่า  ท่านอิมาม(รฎ)ได้นำเอาระบบการเลือกตั้งมาจากวัฒนธรรมตะวันตก แล้วมาผสมผสานกับแนวคิดอิสลาม  เพราะ ไม่เป็นที่สงสัยคลางแคลนว่า   หากการเลือกตั้งและประชาธิปไตย ไม่สามารถที่จะนำเอาจากตัวบทของชะรีอัตอิสลามได้แล้ว  “อิมามผู้ที่ชัดเจนและเด็ดขาดของเรา” ย่อมต้องอธิบายในประเด็นนี้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวย้ำว่า ตามสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  ชะรีอัตอิสลาม ถือเป็นแก่นแท้และฮะกีกัตของระบอบอิสลาม  ซึ่งจำต้องตระหนักและให้ความสำคัญต่อทุกการงาน การร่างกฎหมาย  การกำหนดนโยบาย  การปลดและการแต่งตั้ง  การปฏิบัติทั่วๆไปของพี่น้องประชาชนและประเด็นอื่นๆ อย่างสมบูรณ์แบบ  ในขณะที่ขั้นตอนการทำงานในระบอบการเมืองประชาสังคม ต้องวางอยู่บนพื้นฐานของหลักประชาธิปไตย และต้องอาศัยหลักพื้นฐานจากหลักชะรีอัต  และประชาชนก็จะทำการเลือกเจ้าหน้าที่ของประเทศทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเลือกโดยตรงหรือทางอ้อมก็ตาม


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การดำเนินการตามหลักชะรีอัตอิสลามอย่างสมบูรณ์แบบนั้น สามารถเป็นรองรับสี่องค์ประกอบหลักด้วยกัน  คือ “ อิสรภาพ  เสรีภาพ ความยุติธรรมและจิตวิญญาณ”   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  การยึดมั่นในหลักชะรีอัตอิสลาม ที่นำมาซึ่งความผาสุกและความรุ่งโรจน์ให้กับอิสลามนั้น นอกเหนือจากที่จะสามารถรองรับและสร้างหลักคุ้มกันให้กับเสรีภาพเชิงปัจเจกบุคคลและประชาสังคมแล้ว    ก็จะยังสามารถรองรับให้หลุดพ้นจากอุ้งมือของบรรดาผู้อหังการด้วย  กล่าวคือ จะสามารถสร้างสรรค์อิสรภาพแห่งชาติ  ที่จะนำมาซึ่งการบรรลุถึงความยุติธรรมและควบคู่ด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง 


จากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายประเด็นที่สำคัญและประเด็นหลักของสำนักคิดท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)   ซึ่งท่านกล่าวเสริมว่า ในสำนักคิดของท่านอิมาม โคมัยนี(รฎ)  นั้น ไม่มีอำนาจและชัยชนะใด ได้มาด้วยการใช้กำลังบังคับและใช้อาวุธ ที่จะเป็นที่ยอมรับได้  ทว่า พลังอำนาจนั้น จะต้องเป็นอำนาจที่ได้มาจากการเลือกของประชาชนเท่านั้น ที่จะถูกยอมรับและควรค่าให้การเคารพ  และจะต้องไม่มีใครเอาหน้าอกเป็นโล่ในการเผชิญหน้ากับสิ่งนี้   และหากได้กระทำเช่นนี้แล้ว ถือว่าการกระทำของเขาเป็นการสร้างฟิตนะห์ 


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ต้นแบบของการเมืองแบบประชาสังคมของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) เป็นศักราชใหม่ในวรรณกรรมการเมืองของโลก  พร้อมกับได้อธิบายถึงอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของต้นแบบใหม่นี้ ว่า  การช่วยเหลือผู้ถูกกดขี่ และการเผชิญหน้าต่อสู้กับผู้กดขี่ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของสำนักคิดท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)


ในประเด็นนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงการสนับสนุนอย่างเต็มที่และไม่หยุดหย่อนของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ที่มีต่อประชาชาติปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่     พร้อมกับกล่าวเสริมว่า การยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับผู้กดขี่ และการทำลายแท่นบูชาของบรรดาจอมอหังการของบรรดาผู้กดขี่นั้น เป็นรากฐานสำคัญของอุดมการณ์ของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่และประชาชาติทั้งหลายจำต้องใส่ใจและหนักในเรื่องนี้ให้จงดี 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การบรรลุเชิงภาคปฏิบัติของต้นแบบ การเมือง – ประชาสังคมของอิมามโคมัยนี(รฎ) นั้น เป็นอีกหนึ่งความแตกต่างที่เด่นชัดระหว่างสำนักคิดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) กับทัศนะต่างๆที่เป็นเพียงแค่ทฤษฎี   พร้อมกับได้เปิดประเด็นคำถามหลัก ที่ว่า   การงานที่ยิ่งใหญ่ของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ที่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบแล้วนั้น จะสามารถดำเนินการต่อไปอีกได้หรือไม่???

คำตอบในโจทย์ข้อนี้ คือ เป็นไปได้  แต่ต้องมีเงื่อนไข 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ในตารางที่สวยงามและดึงดูดของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) นั้น  และเป็นไปตามกระบวนการตามธรรมชาติที่มีบ้านที่ว่างเปล่า  และสามารถเติมเต็มบ้านต่างๆเหล่านี้และสานต่อแนวทางแห่งการกำหนดชะตากรรมนี้ เป็นสิ่งที่เป็นไปได้   ทว่า ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของความตั้งใจ มุ่งมั่น และความรอบรู้แห่งชาติ และระมัดระวังองค์ประกอบต่างๆของแนวทางนี้


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชื่นชมในการเสียสละของประชาชาติอิหร่านที่มีต่ออุดมการณ์และเป้าหมายต่างๆของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ด้วยการแสดงออกทางพฤติกรรมของประชาชาติ ที่ได้แสดงให้เห็นภายหลังจาก 25  ปีแห่งการจากไปของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) นั้น  บรรดาบ้านต่างๆที่ว่างเปล่าเหล่านี้ถูกเติมเต็มด้วยตารางเหล่านี้  และภายใต้การเจริญรอยตามแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  ด้วยความพระประสงค์ของพระผู้อภิบาล แน่นอนยิ่งอิหร่านอันเป็นสุดที่รัก จะก้าวไปถึงจุดสูงสุดแห่งพลังอำนาจอย่างแน่นอน 


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า การเจริญรอยตามแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)  และการบรรลุซึ่งเป้าหมายอันสูงสุดของท่าน  ก็เหมือนกับเป้าหมายที่สำคัญอื่นๆเช่นกันที่จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งขวางกั้นและความท้าทายต่างๆ ซึ่งหากพวกเขาไม่รู้จักในสิ่งนี้และไม่ทำการขจัดออกไปแล้ว  การเจริญรอยตามนั้น มันจะมีความยุ่งยาก ลำบาก หรืออาจเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้


ในการนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ทำการอธิบาย ถึงความท้ายทายสองประการ คือ “ ความท้าทายจากภายใน” และ “ความท้าทายจากภายใน” เป็นความท้าทายที่มีอยู่ที่สำคัญ  ซึ่งบรรดาเยาวชน ปัญญาชน นักคิดนักเขียน และนักปราชญ์เชิงทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ล้วนแล้วจำต้องมีการพิจารณาและให้ความใส่ใจในเรื่องนี้

ท่านผู้นำสูงสุด  ได้อธิบาย “ ความท้าทายจากภายใน” คือ การก่อความวุ่นวายต่างๆ และการวางรากฐานของมหาอำนาจโลก โดยเฉพาะอเมริกา     พร้อมกับกล่าวเสริมว่า ทว่า นักคิดทางการเมืองของตะวันตกบางคน พูดว่า การก่อความวุ่นวายต่างๆเหล่านี้มันไม่มีผล แต่อเมริกาก็ยังคงดำเนินนโยบายมหาภาคนี้ของตนอย่างต่อเนื่อง


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า อเมริกา ได้แบ่งประเทศต่างๆตามพื้นฐานทางความเคลื่อนไหวทางการเมืองและบุคคลที่ทรงอิทธิพลระดับโลก ออกเป็นสามกลุ่ม  คือ “ประเทศที่น้อมรับและเชื่อฟังคำบัญชาสั่งพกเขา”  “รัฐบาลและกลุ่มเคลื่อนไหวที่มีความประนีประนอมออมชอมกับพวกเขา” และ “รัฐบาลและกลุ่มเคลื่อนไหวที่ไม่เชื่อฟังพวกเขา”  


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  รูปแบบของอเมริกาในการเผชิญหน้ากับรัฐบาลต่างๆที่น้อมรับและเชื่อฟังคำสั่งพวกเขา คือ  การสนับสนุนอย่างเต็มที่ จากทุกฝ่ายและแก้ต่างในพฤติกรรมที่สกปรกโสมมของพวกเขาที่ได้ก่ออาชญากรรมในโลก  ทั้งนี้การสนับสนุนที่เต็มที่นั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงระบอบอนุรักษ์นิยมและมีความเป็นเผด็จการสูง ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่และทุกฝ่ายจากอเมริกา  โดยท่านผู้นำสูงสุด กล่าวย้ำว่า  อเมริกาจะกล่าวขานประเทศเหล่านี้ที่ไม่มีการเลือกตั้ง และประเทศที่ไม่มีอำนาจในการพูด ว่า เป็นประเทศบิดาของประชาธิปไตย และหาใช่เป็นเผด็จการไม่


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  กลุ่มประเทศที่สองที่ทางการอเมริกาได้แบ่งกลุ่มนั้น คือประเทศที่อเมริกาทำการประนีประนอมเพื่อผลประโยชน์ของตน  แต่ว่า เมื่อใดสบโอกาสแล้ว ก็จะเอาหอกมาทิ่มแทงและปักลงบนหัวใจของพวกเขาในทันที

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเทศในยุโรป ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างจากประเทศต่างๆเหล่านี้ พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ขณะที่อเมริกายังคงประนีประนอมในผลประโยชน์ของตนกับยุโรป แต่กระนั้นก็ตาม อเมริกาก็ยังคงทำการสอดแนมในวิถีชีวิตส่วนตัวของพลเมืองชาติยุโรปและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของของยุโรปอยู่เสมอ  แม้แต่ คำขอโทษ ก็ไมยอมเอ่ยปากเลยสักคำ


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า แต่เนื่องจากยุโรปมุ่งแต่รับใช้ผลประโยชน์ของอเมริกา จึงทำให้ต้องเผชิญหน้ากับข้อผิดพลาดเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ   ซึ่งมันขัดผลประโยชน์กับชาติของพวกเขา


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประเทศกลุ่มที่สาม คือ “ประเทศที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับอเมริกา”

โดยท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า  นโยบายของอเมริกาที่มีต่อประเทศเหล่านี้คือ  การใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอย่างไม่มีขีดจำกัด เพื่อบั่นทอนหรือเพื่อทำลายล้างประเทศชาติเหล่านี้


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายรูปแบบและแนวทางของอเมริกาในการเผชิญหน้ากับชาติต่างๆที่ไม่ยอมสิโรราบต่อกรุงวอชิงตัน ว่า  เนื่องจากความสูญเสียและเสียหาย กรณีที่อเมริกาบุกโจมตีอีรัก และอัฟกานิสถานนั้น ในวันนี้ การบุกโจมตีทางทหารของอเมริกา จึงไม่ได้อยู่ในนโยบายอันดับต้นอีกต่อไป

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของอเมริกาที่มีต่อประเทศ “ไม่ยอมเชื่อฟังและต่อต้านยืนหยัด” คือ การใช้กลุ่มต่างๆที่เป็นสมุนของตัวเองในประเทศต่างๆนี้   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  การจัดทำรัฐประหาร หรือ การยุยงให้พี่น้องประชาชนออกมาเดินประท้วงบนท้องถนน ซึ่งสิ่งนี้เป็นวิธีการที่สำคัญของอเมริกาที่ใช้กับกลุ่มต่างๆที่ขึ้นอยู่กับตัวเอง


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า รัฐบาลในทุกประเทศเข้ามาทำหน้าที่บริหารจากการเลือกของพี่น้องประชาชน  ซึ่งแน่นอนมีชนส่วนน้อยที่ไม่ลงคะแนนเสียงให้รัฐบาล หรือทำการต่อต้านรัฐบาล และอเมริกาก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ด้วยการปลุกปั่นยั่วยุกลุ่มเคลื่อนไหวหลักที่เป็นผู้ต่อต้าน ให้ประชาชนส่วนหนึ่งออกมาประท้วงบนท้องถนน


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของการกระทำเช่นนี้ คือ เหตุการณ์ในวันนี้ที่ประจักษ์เห็นในบางส่วนของชาติยุโรป  ทว่า เราไม่มีการตัดสินและออกความคิดเห็นในเรื่องนี้  และทำไม บรรดาสมาชิกวุฒิสภาอเมริการ่วมอยู่ในการเดินขบวนประท้วงบนท้องถนนด้วย พวกเขากำลังทำสิ่งใดหรือ ??

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้าย ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของอเมริกาในการเผชิญหน้ากับกลุ่มประเทศที่ไม่ยอมเชื่อฟังและไม่ยอมก้มหัวให้กับอเมริกา


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า อิรัก อัฟกานิสถาน และชาติอาหรับบางชาติ รวมทั้งอิหร่านสุดที่รักของเรา  ก็ตกเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของรูปแบบในการเผชิญหน้าของอเมริกาไปด้วย 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง การสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อกลุ่มก่อการร้ายที่เป็นมุนาฟิก และความสัมพันธ์ของกลุ่มก่อการร้ายกับหน่วยงานด้านความมั่นคงของอเมริกา ว่า บรรดามุนาฟิกีนที่อยู่ภายใต้ร่มธงของอเมริกา  ได้สังหารอุลามาอ์  นักวิชาการ มันสมองด้านการเมือง วัฒนธรรมและพี่น้องชาวอิหร่านจำนวนมาก


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์ของอเมริกาที่มีต่อประเทศเอกราช และไม่ยอม “ก้มลงสิโรราบ” นั้น คือ  “การสร้างความคัดแย้งและแตกแยกในระดับผู้บริหาร” และ การบิดเบือนรากฐานเชิงความศรัทธาและความเชื่อของพี่น้องประชาชน”   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  ด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล  อเมริกาในการเผชิญหน้ากับอิหร่านในเวทีนี้ ได้พบกับความพ่ายแพ้  และการใส่ร้ายป้ายสีต่างๆของพวกเขา อาทิเช่น การก่อรัฐประหารทางทหาร  การสนับสนุนผู้สร้างฟิตนะห์  ความพยายามดึงพี่น้องประชาชนให้ออกมาเดินประท้วงบนท้องถนน และสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่คณะเจ้าหน้าที่    แต่ด้วยความศรัทธาและการตื่นตัวของประชาชาติ ในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี   หลังจากที่ได้อธิบายมุมมองแห่งความท้าทายจากภายนอกแล้ว ก็ได้อธิบายถึงความท้าทายจากภายในที่มีอยู่เหนือระบอบ ว่า  ความท้าทายและภัยอันตรายที่ร้ายแรงอันนี้ จะเกิดขึ้นได้ ต่อเมื่อประชาชาติ และเจ้าหน้าที่ได้ลืมเลือนและห่างไกล จากจิตวิญญาณและการกำหนดทิศทางแห่งขบวนการของอิมามผู้ยิ่งใหญ่ ในประเด็นนี้ ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึง ข้อผิดพลาดในการแยกแยะมิตรและศัตรู และการไร้ความสามารถในการรู้จักศัตรูหลักและศัตรูรอง  ว่า ทุกคนจำต้องใส่ใจและตระหนัก ว่า ในเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจะต้องไม่ละเลยและเพิกเฉยต่อศัตรูหลักเป็นอันขาด


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง หนึ่งในความหมายที่ชัดเจนของประเด็นหลักของศัตรูรอง คือ การกระทำที่น่ารังเกียจของกลุ่มผู้โง่เขลา กลุ่มตักฟีรีย์  กลุ่มวะฮาบี และซะลาฟี ที่มีต่อชีอะห์    พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ศัตรูที่แท้จริงนั้น  คือหน่วยงานด้านความมั่นคงของต่างชาติ และผู้ที่กำลังปลุกปั่นคนเหล่านี้  และผู้ที่มอบเงินให้กับพวกเขา 


ท่านผู้นำสูงสุดกล่าวเสริมว่า ใครก็ตามที่คิดจะรุกรานสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน   เขาก็จะต้องเผชิญกับกำปั่นที่หนักหน่วงของประชาชาติเราอย่างแน่นอน   แต่ขณะเดียวกัน เราเชื่อว่า มือที่ซ่อนเร้นของของบรรดาศัตรูที่คอยเข่นฆ่าพี่น้องมุสลิมผู้บริสุทธิ์ คือ ศัตรูหลักของเรา ไม่ใช่กลุ่มที่ถูกหลอกใช้เช่นนี้ 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม  ถือว่า การขาดความร่วมมือ ความสามัคคีแห่งชาติ ความเกียจคร้านและไร้ซึ่งจิตวิญญาณ  ทำงานน้อย  ความสิ้นหวังปกคลุมจิตใจ และ การมองภาพในลักษณะที่ผิดของคำว่า  “ เราสามารถทำได้ “ และ “เราไม่สามารถทำได้” ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายภายในของระบอบอิสลาม   พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  ดั่งที่ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) ผู้เป็นสุดที่รักยิ่งของพวกเรา กล่าวไว้ว่า  เราสามารถทำได้  และด้วยความมุ่งมั่นแห่งชาติ และการบริหารจัดการแบบญิฮาดีย์ เราสามารถแก้ปมปัญหาได้ที่ละเปลาะ และแก้ไขไปอุปสรรค์ปัญหาต่างๆข้างหน้าได้เป็นอย่างดี


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า  ชื่ออันทรงเกียรติของท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) และบทบาทอันเป็นสถาปนิกผู้ยิ่งใหญ่ของท่านนั้น  ด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล จะสามารถช่วยเหลือประชาชาติอิหร่านในทุกขั้นตอน  และเป็นการสร้างความหวัง ความสุข  สร้างจิตวิญญาณ และอนาคตอันสดใส่ของอิหร่านได้อย่างแน่นอน 


700 /