สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดในพิธีนมาซอีดฟิฏร์

ณ. ศูนย์รวมที่ยิ่งใหญ่ มุศ็อลลากรุงเตหะราน

ความสวยงามของวันอีดฟิฏร์ปีนี้ ซึ่งในวันนี้ได้เริ่มต้นด้วยการนมาซอีดอย่างยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านในทั่วทุกสารทิศแห่งแผ่นดินอิสลาม  โดยที่พี่น้องผู้ศรัทธาและผู้มีความเชื่อมั่นในความเป็นเอกะของพระองค์ ได้ออกมาแสดงการขอบคุณด้วยการก้มกราบสูญูดที่สามารถขัดแกลาตนเองตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนแห่งความยำเกรงและการเคารพภักดีพระองค์   และได้ประจักษ์เห็นการเข้าร่วมสัมมนาแห่งชาติและด้านจิตวิญญาณของชาวอิหร่าน


 ณ. ศูนย์รวมที่ยิ่งใหญ่ มุศ็อลลากรุงเตหะราน ในช่วงเช้าตรู่ของวันนี้(อังคาร ที่29  กรกฎาคม)  ในการชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชนผู้ถือศีลอดของชาวกรุงเตหะราน ที่ได้ร่วมนมาซอีดฟิฎร์ ภายใต้การนำของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม 


ช่วงแรกในการปราศรัย  ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงความยินดีเนื่องในวันอีดอันจำเริญและเปี่ยมล้มไปด้วยความปลื้มปิติยินดีแห่งวันอีดฟิฏร์  การจัดมัจญลิซกุรอาน  ซิกร์ (รำลึกถึงพระองค์) การบริจาคทานกันอย่างแพร่หลาย   การตะวัซซุล การอุทธรณ์ การวิงวอนขอในค่ำคืนแห่งอานุภาพ(ลัยละตุลก็อดร์) และการออกมาเดินประท้วงอย่างยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านในวันอัลกุดส์ ล้วนเป็นพื้นฐานแห่งการแสวงหาความเมตตา ความรอฮ์มัตและความบารอกัตจากพระผู้อภิบาล    พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  ข้อเท็จจริงที่สวยงามเช่นนี้ เป็นเหตุให้ประชาชาตินี้สามารถเชื่อมสัมพันธ์เดือนรอมฎอนอันประเสริฐเข้าสู่วันอีดฟิฏร์อันจำเริญได้อย่างสมบูรณ์แบบ


ท่านผู้นำสูงสุด ได้กำชับและแนะนำให้ประชาชนรักษาอะมั้ลแห่งความสำเร็จที่ได้สะสมในช่วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐนี้ให้ดี  พร้อมกับชี้ถึงข้อเรียกร้องของท่านในช่วงปีที่ผ่านมาในการแพร่ขยายพิธีละศีลอดที่เรียบง่ายในสังคม ว่า  อัลฮัมดุลิลลาห์  ในปีนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมที่ได้เห็นการละศีลอดอย่างเรียบง่ายกันอย่างแพร่หลายตามท้องถนน สถาบันศาสนาและศูนย์ราชการต่างๆ 


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้กำชับพี่น้องประชาชนว่า  การปฏิบัติเช่นนี้ย่อมส่งผละกระทบที่ดีในการก่อรูปลักษณ์แห่งวิถีชีวิตของอิสลาม จงเผยแพร่และส่งเสริมสิ่งเหล่านี้ให้มากยิ่งขึ้น


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วันอัลกุดส์ปีนี้เป็นการสำแดงความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงของประชาชาติอิหร่าน  พร้อมกับกล่าวชี้ถึง การปรากฏตัวอย่างเร่าร้อนและคึกคักของประชาชนทุกภาคส่วนโดยเฉพาะมารดาที่พาบุตรน้อยของตนมาร่วมเดินประท้วงด้วยว่า  อัลกุดส์ปีนี้ เป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับประชาชาติอิหร่านที่มีเกียรติอย่างแท้จริง โดยที่สามารถแสดงให้ประชาคมโลกได้ประจักษ์ถึงความมีชีวิตชีวาและความปรารถนาอันแรงกล้าของตน


ในคุตบะห์ที่สอง  ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้มุ่งเน้นปราศรัยในประเด็นความสำคัญต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซ่า


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า เหตุการณ์ในกาซ่า “เป็นประเด็นแรกของโลกอิสลามและโลกแห่งมนุษย์ชาติ”    พร้อมกับชี้ถึง การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เด็กๆผู้บริสุทธิ์ในฉนวนกาซ่า และการถูกอธรรมของมารดาทั้งหลายในแผ่นดินนี้  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า  หมาป่าชั่วร้ายตัวนี้ ภายใต้ชื่อระบอบยิวไซซออนิสต์ กำลังก่ออาชญากรรมในฉนวนกาซ่า  ซึ่งมนุษยชาติทั้งหลายจึงควรออกมาแสดงท่าทีบางอย่างและเผชิญหน้ากับการก่ออาชญากรรมครั้งนี้ของระบอบไซออนิสต์ผู้กระหายเลือดและผู้ปฏิเสธ  


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าปราศรัยในประเด็นนี้ด้วยการชี้ถึงสามประเด็นที่สำคัญโดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซ่า 


ประการแรก   จำต้องประณามและลงโทษทางอาญาแก่ยิวไซออนิสต์และบรรดาผู้สนับสนุน 

ประการที่สอง  สดุดีและเทิดเกียรติการมุกอวิมัตครั้งประวัติศาสตร์ที่หาเทียบมิได้ของพี่น้องในฉนวนกาซ่า 

ประการที่สาม  จำต้องเสริมสร้างและสนับสนุนในการติดอาวุธให้กับพี่น้องชาวปาเลสไตน์


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  การก่ออาชญากรรมที่ชัดเจนของผู้นำของระบอบไซออนิสต์ในฉนวนกาซ่า คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเป็นความหายนะที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก  พร้อมกับกล่าวย้ำว่า ทั้งอาชญากร ทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังและผู้ให้การสนับสนุนผู้อหังการ พวกเขา จำต้องถูกประณามและถูกลงโทษในระดับนานาชาติ  และแม้นว่าอาชญากรตัวนี้จะอยู่ในอำนาจหรือ ลงจากอำนาจหรือถูกโค่นล้มแล้วก็ตาม  และนี้คือสิ่งที่โฆษกของประเทศชาติทั้งหลาย นักปฏิรูปและผู้มีความเห็นอกเห็นใจทั่วโลกทั้งหลายจำต้องเรียกร้องอย่างจริงจัง


ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า  ความอดทนที่น่าอัศจรรย์และการมุกอวิมัตที่น่าชื่นชมของพี่น้องในกาซ่า เป็นประเด็นที่สองที่สำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซ่า  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  พี่น้องกาซ่าอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ที่ถูกปิดล้อมอย่างเบ็ดเสร็จ ในขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆของพวกเขามีอยู่อย่างจำกัด อีกถูกบุกโจมตีอย่างหนักตลอดทั้งวันทั้งคืน และไร้ซึ่งความปรานีจากศัตรูผู้มีความสกปรก โสมม ขยะแขยงและไร้ซึ่งความเมตตา นั้นคือ ยิวไซออนิสต์


ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมุกอวิมัตและพลังอำนาจแห่งการยืนหยัดของพี่น้องในฉนวนกาซ่า เป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่สำหรับทุกคน  พร้อมกับกล่าวเสริมว่า  การมุกอวิมัตครั้งนี้มันเหนือความคาดหมายและการจินตนาการใดๆ  อันเป็นบ่งชี้ถึงพลังอำนาจแห่งการยืนหยัดของมนุษย์และพลังอำนาจแห่งการมุกอวิมัตของประชาชาติหนึ่ง  ซึ่งแน่นอนผลลัพธ์สุดท้ายในสิ่งนี้ ด้วยเตาฟิกและพระประสงค์ของพระผู้อภิบาล ประชาชนเหล่านี้จะสามารถมีชัยเหนือศัตรูอย่างแน่นอน


ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึงความพยายามของยิวไซออนิสต์ บรรดาผู้สนับสนุนผู้ก่ออาชญากรรมของอเมริกาและยุโรป ที่จะให้ยิวไซออนิสต์ยอมยุติการบุกโจมตีพี่น้องในฉนวนกาซ่า ว่า  จนมาถึงสิ่งนี้แล้วทั้งศัตรูผู้ก่ออาชญากรรม มีความเสียใจเหมือนหมา ในสิ่งที่ได้ลงมือทำ และได้พยายามหาแนวทางในการเจรจาสงบศึกและยุติสงคราม และสิ่งนี้คือสัญญาณที่บ่งชี้ถึงชัยชนะของกลุ่มมุกอวิมัต


ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้สนับสนุนยิวไซออนิสต์ผู้ก่ออาชญากรรม จึงมีความพยายามให้มีการเจรจาหยุดยิงกับพี่น้องกาซ่า และสิ่งนี้ก็เพื่อปกป้อง ระบอบไซออนนิสต์ ของอิสราเอลเท่านั้น


ท่านผู้นำสูงสุด ได้ชี้ถึงประเด็นที่สาม โดยชี้ถึงคำพูดและความพยายามของเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเมืองของแนวรบของมหาอำนาจผู้อหังการ  โดยเฉพาะประธานาธิบดีอเมริกา ที่ออกคำสั่งให้ปลดอาวุธกลุ่มฮามาสและญิฮาดอิสลามีในปาเลสไตน์   พร้อมกับกล่าวเสริมว่า เป้าหมายในการปลดอาวุธของกลุ่มมุกอวิมัต  ในขณะที่กลุ่มมุกอวิมัตมีเครื่องป้องกันที่จำกัดในการปกป้องชาวปาเลสไตน์  ซึ่งมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะเอาเครื่องป้องกันจากพวกเขาไปอีก เพื่อให้พวกเดรัจฉานใจอำมหิตสามารถโจมตีได้อย่างสะดวก และเพื่อให้ชาวปาเลสไตน์ไม่มีเครื่องป้องกันตนเอง 


ในช่วงท้ายของการกล่าวปราศรัยครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวย้ำว่า  มันตรงกันข้ามกับทัศนะและความพยายามของผู้สนับสนุนยิวไซออนิสต์ที่เข่นฆ่าเด็กๆผู้บริสุทธิ์   ทั่วโลกโดยเฉพาะโลกอิสลามจำต้องตระหนักที่จะต้องให้การช่วยเหลือเท่าที่มีความสามารถในการติดอาวุธให้ชาวปาเลสไตน์ 


700 /