สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นายกรัฐมนตรีอินเดียเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

ผลลัพท์จากความร่วมมือระหว่างอินเดียกับอิหร่านคือ

เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา (23 พ.ค) นายนเรนทระ ทาโมทรทาส โมที นายกรัฐมนตรีอินเดียเข้าพบปะอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดแห่งการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่างอิหร่านกับอินเดีย ในด้านวัฒนธรรม เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งไปนำสู่การร่วมมือกันระหว่างทั้งสองประเทศอย่างกว้างขวาง และกล่าวว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านมียินดีต่อการขยายตัวของความสัมพันธ์กับอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นใหม่และจะมีความก้าวหน้าในโลก อีกทั้งยังมีการดำเนินการตามข้อตกลงทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศอย่างจริงจังและไม่ได้รับอิทธิพลจากนโยบายการเมืองใดๆทั้งสิ้น

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงอนาคตทางเศรษฐกิจที่ดีของอินเดีย เช่นเดียวกันกับอิหร่านทางด้านทรัพยากร น้ำมันและก๊าซ ซึ่งอิหร่านเป็นประเทศที่มีการครอบครองทรัพยากรเหล่านี้ และกล่าวเสริมว่า : นอกจากเหนือจาก น้ำมันและก๊าซ ดังที่ท่านได้กล่าวไปแล้วนั้น ท่าเรือชาบะฮาร ก็เป็นอีกหนึ่งในการเชื่อมความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างทิศตะวันออกกับตะวันตกและทิศเหนือกับใต้ ซึ่งเป็นความร่วมมือที่ลึกซึ้งในระยะยาวและมีประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้อีกถึงนโยบายทางการเมืองที่ถูกต้องของรัฐบาลอินเดียที่ไม่ได้ที่จะเข้าร่วมกับพันธมิตรตะวันตกและอเมริกา ที่เรียกกันว่าการต่อสู้กับการก่อการร้าย ท่านกล่าวว่า การต่อสู้ที่แท้จริงและจริงจังกับการก่อการร้าย ถือว่าเป็นหนึ่งความร่วมมือระหว่างอิหร่านและอินเดีย เพราะว่าบางประเทศในตะวันตกมิได้มีความจริงจังเกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย อีกทั้งยังมีบทบาทในการเกิดขึ้นของกลุ่มก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน เช่นเดียวกันกับกลุ่มก่อการร้ายในอิรักและซีเรียอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุด เน้นย้ำว่า ในการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นสิ่งน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ออกมาในนามของอิสลาม ซึ่งชาวมุสลิมและประเทศอิสลามนั้นจะต้องรับผิดชอบ โดยท่านกล่าวว่า แน่นอนยิ่ง ในการต่อสู้ครั้งนี้ จะต้องมีการเข้าร่วมของประเทศอิสลามที่ไม่ปฏิบัติตามนโยบายของอเมริกาและตะวันตก เพราะว่า ประเทศเหล่านี้มิได้มีความจริงจังในการต่อสู้กับการก่อการร้ายสักเท่าไร

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นอีกว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้น มีความจริงจังในการต่อสู้กับการก่อการร้ายและจะใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่างในการจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ

ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงการใช้ประโยชน์ขององค์กรต่างๆและกลุ่มก่อการร้ายจากบางปัญหาหลักและจุดด้อยของสังคมมุสลิมในประเทศทั้งหลายในการดึงดูดสมาชิกเข้าร่วมกับกลุ่มก่อการร้าย ท่านเน้นว่า ประเทศต่างๆควรจะใช้ประเด็นนี้เป็นข้ออ้างของการปราบปรามการก่อการร้าย 

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การก่อการร้ายนั้นเป็นโรคติดต่อและมีผลอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ท่านกล่าวว่า ดังที่กล่าวกันนั้น เป็นไปได้ว่าจะมีการยับยั้งโรคร้ายต่างๆได้ เราก็สามารถที่จะจัดการกับการก่อการร้ายและและยับยั้งกลุ่มก่อการร้ายนี้ได้ด้วยเช่นกัน

ในการพบปะครั้งนี้ ฮุจญตุลอิสลาม โรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านก็เข้าร่วมด้วย 

นายกรัฐมนตรีอินเดียได้ชี้ถึง การเดินทางเยือนประเทศอินเดียของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เมื่อปี 1980 เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์กันระหว่างสองประเทศอย่างลึกซึ้ง โดยเขากล่าวว่า ในการเดินทางมาครั้งนี้นั้น มีการบันทึกข้อตกลงที่ดีและการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งข้าพเจ้ามั่นใจว่า ด้วยกับเจตนาที่จริงจังของสองฝ่าย จะทำให้เกิดผลลัพท์ที่ดีต่อไป 

นายนเรนทระ โมที ด้วยกับการยืนยันในคำพูดของท่านผู้นำของการปฏิวัติอิสลามโดยเฉพาะเกี่ยวกับภัยอันตรายของการก่อการร้ายและความจำเป็นในการต่อสู้กับภัยดังกล่าว เขาเสริมว่า : แต่เป็นสิ่งที่น่าเสียใจที่บางประเทศได้มีการแบ่งการก่อการร้ายในรูปแบบที่ดีและเลว โดยเฉพาะการต่อสู้กับการก่อการร้ายนั้นเป็นเพียงคำพูดเท่านั้น 

นายกรัฐมนตรีอินเดีย เน้นอีกว่า อิสลามเป็นศาสนาแห่งความรักและไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับการก่อการร้าย เขากล่าวว่า : เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา อินเดียได้นำเสนอให้มีการจัดประชุมระดับโลกในการต่อสู้กับการก่อการร้ายโดยการเข้าร่วมของประเทศอิสลาม แต่ได้รับการคัดค้านจากบางประเทศในตะวันตก

เขาเสริมว่า จำเป็นที่ประเทศต่างๆนั้นจะต้องมีการต่อต้านกับการก่อการร้ายอย่างจริงจังและยืนเคียงข้างกัน อีกทั้งต้องร่วมมือกันในการปราบปรามกลุ่มก่อร้ายต่างๆด้วย

700 /