สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาเจ้าหน้าที่ชาวอิรักผู้ให้บริการแก่ผู้แสวงบุญในวันอัรบะอีนเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

อัรบาอีนสัญญาณแห่งความประสงค์ของพระเจ้าในชัยชนะของประชาชาติอิสลาม

บรรดาเจ้าหน้าที่ชาวอิรักผู้ให้บริการแก่ผู้แสวงบุญในวันอัรบะอีน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวขอบคุณต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ชาวอิรักที่เป็นเจ้าของสถานีให้บริการแก่ผู้แสวงบุญในพิธีชุมนุมวันอัรบะอีนจากการปฏิบัติอย่างมีเกียรติต่อผู้แสวงบุญ โดยถือว่า พิธีการชุมนุมอัรบะอีน เป็นประเด็นที่ไม่มีใครเหมือนในโลก เป็นพื้นฐานในการทำความรู้จักท่านอิมามฮุเซน (อ) และการสร้างอารยธรรมใหม่แห่งอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พิธีการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ในวันอัรบะอีน  เป็นสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่แสดงถึงความประสงค์ของพระองค์ในชัยชนะของประชาชาติอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พฤติกรรมที่มีเกียรติของประชาชนมุสลิมชาวอิรักในการต้อนรับแขกจากบรรดาผู้แสวงบุญในวันอัรบะอีน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครเหมือนและบนพื้นฐานของความรักที่มีต่อท่านอิมามฮุเซน (อ) โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ข้าพเจ้าต้องขอกล่าวขอบคุณจากก้นบึ้งของหัวใจและในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชาติอิหร่านต่อพวกท่านทั้งหลาย ผู้ที่รับใช้ให้บริการในช่วงสัปดาห์แห่งอัรบะอีน และประชาชาติอิรักและเจ้าหน้าที่รัฐบาลอิรักทุกคนในการจัดเตรียมความปลอดภัยในการเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งต้องขอขอบคุณต่อบรรดานักวิชาการและบรรดามัรญิอ์ ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า การได้รับโอกาสให้เป็นผู้ต้อนรับแขกจากผู้แสวงบุญของท่านอิมามฮุเซน ถือว่าเป็นความโปรดปรานและความเมตตาหนึ่งของพระเจ้า ที่จะต้องรู้จักในคุณค่าของมัน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความรักที่มีต่อท่านอิมามฮุเซน (อ)เป็นเรื่องพิเศษที่ไม่มีใครเหมือนในหน้าประวัติศาสตร์และจะไม่มีอีกต่อไป และการเคลื่อนไหวและการชุมนุมอันยิ่งใหญ่ที่จัดขึ้นในทุกปีเนื่องในวันอัรบะอีนในประเทศอิรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางจากเมืองนะญัฟสู่กัรบะลา บัดนี้นั้น ได้ปรากฏเป็นมิติต่างๆในระดับสากล ทั้งท่านอิมามฮุเซนและการรู้จักท่านนั้นก็ได้กลายเรื่องของสากลไปแล้ว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “โลกวันนี้ได้เผชิญกับความฉ้อฉล ความเลวร้ายและความต่ำทรามนั้นต้องการที่จะรู้จักเสรีภาพแห่งฮุซัยนี และถ้าหากท่านอิมามฮุเซนได้รับการแนะนำอย่างถูกต้อง ในความจริงแล้ว อิสลามและอัลกุรอานก็จะได้รับการแนะนำด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า ตรรกะและสาส์นของท่านอิมามฮุเซน (อ) จะเป็นทางรอดพ้นของโลกจากระบอบการปกครองของฝ่ายผู้ปฏิเสธและชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ โดยกล่าวว่า “ตรรกะของท่านอิมามฮุเซน (อ) คือ ตรรกะในการปกป้องสิทธิและการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับความฉ้อฉล การละเมิด การหลงทางและความอหังการ ขณะที่เยาวชนทั้งหลายในโลกและประชาชาติที่เป็นกลางในวันนี้นั้นกำลังกระหายและมีความต้องการตรรกะนี้  ซึ่งการเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ของการชุมนุมในวันอัรบะอีน สามารถที่จะแนะนำให้โลกได้รู้จักถึงตรรกะของท่านอิมามฮุเซนอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า พิธีการชุมนุมวันอัรบะอีน จะเป็นสากลมากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน ทั้งการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่นี้ ได้แสดงถึงความร้อนระอุของเลือดแห่งท่านอิมามฮุเซน (อ) และสาส์นแห่งอาชูรอ หลังจากที่ผ่านไป 1400 ปี โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ท่านอิมามฮุเซน (อ)  ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะกับชาวชีอะฮ์เท่านั้น แต่ท่านนั้นเป็นของทุกนิกายในอิสลาม ไม่ว่าจะเป็นชีอะฮ์หรือซุนนี โดยท่านนั้นเป็นของมนุษยชาติ ด้วยเหตุผลนี้เอง เราจึงได้เห็นการเข้าร่วมของบุคคลผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมในพิธีการชุมนุมวันอัรบะอีนอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ในสถานการณ์ต่างๆที่เหล่าศัตรูของอิสลามได้ใช้ประโยชน์จากทุกเครื่องมือและเครื่องอำนวยความสะดวกทางการเงินและทางด้านวัตถุในการเผชิญหน้ากับประชาชาติอิสลาม ขณะที่พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่งได้สำแดงให้การชุมนุมวันอัรบะอีนนั้นมีความยิ่งใหญ่อย่างฉับพลัน และในความจริงแล้ว เป็นสัญญาณหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ในชัยชนะครั้งสุดท้ายของแนวรบในการขับเคลื่อนแห่งฮุซัยนีที่มีต่อแนวรบของฝ่ายผู้ปฏิเสธและชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการเพิ่มพูนจิตวิญญาณและวัฒนธรรมของการชุมนุมวันอัรบะอีน โดยการเชิญชวนให้นักคิด นักกิจกรรมด้านวัฒนธรรมมีการวางแบบแผนในการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่นี้ โดยท่านกล่าวว่า “การเดินขบวนวันอัรบะอีนนั้น ยังสามารถจะเป็นพื้นฐานในการบรรลุสู่เป้าหมายสุดท้ายของประชาชาติอิสลามนั่นคือ การสร้างอารยธรรมอันยิ่งใหญ่และใหม่แห่งอิสลาม บนพื้นฐานนี้ ก็จะต้องมีสายสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างบรรดาชาวมุสลิม ทั้งชีอะฮ์และซุนนี ชาติพันธุ์และเผ่าพันธุ์ต่างๆที่เพิ่มมากขึ้นในการเดินขบวนครั้งนี้ด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “หากว่าศักยภาพต่างๆมากมายที่นับไม่ถ้วนของประชาชาติต่างๆของอิสลาม ทั้งในเอเชียตะวันตก และแอฟริกาเหนือได้เชื่อมโยงต่อกันและสำแดงออกมาจากการปฏิบัติ เมื่อนั้น ความหมายที่แท้จริงของเกียรติยศและศักดิ์ศรีแห่งพระเจ้าและอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของอิสลามก็จะได้ปรากฏแก่ประชาคมโลก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการตื่นตัวของประชาชาติอิสลาม โดยถือว่า ประชาชาติอิรักเป็นประชาชาติที่มีเกียรติ มีวัฒนธรรมและมีเจตนามุ่งมั่น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาเยาวชนชาวอิรักทั้งหลายได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขานั้นมีอำนาจในเหตุการณ์เมื่อหลายปีที่ผ่านมา และด้วยคำฟัตวา(คำวินิจฉัยศาสนบัญญัติ) ของมัรญิอ์ ผู้ยิ่งใหญ่ของอิรัก ยังสามารถทำลายแผนการร้ายของกลุ่มดาอิช (ไอซิส) และพวกตักฟีรีย์ได้ ทั้งยังเป็นการปกป้องประชาชาติและประเทศจากการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายของโลกในการก่อสงครามกลางเมือง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประชาชาติอิหร่านและอิรักเป็นสองประชาชาติที่หัวใจและจิตวิญญาณของทั้งสองนั้นมีความสัมพันธ์ต่อกัน โดยท่านกล่าวว่า “เหล่าศัตรูต่างพยายามที่จะสร้างความแตกแยกระหว่างสองประชาชาติ แต่ด้วยกับความโปรดปรานของพระเจ้า พวกเขานั้นไม่สามารถ และหลังจากนี้ก็จะไม่มีความสามารถด้วยเช่นกัน เพราะว่า ปัจจัยหลักในความสัมพันธ์ของทั้งสองประชาชาติอิหร่านกับอิรักนั้นคือ การมีความศรัทธาต่อพระเจ้า การมีความรักต่อบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์(อ) และการมีความรักต่อท่านอิมามฮุเซน (อ)”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงตลอด 40 ปีจากแผนการร้าย การข่มขู่คุกคามและการคว่ำบาตรของสหรัฐและเหล่าลิ่วล้อ สมุนรับใช้พวกเขาที่มีประชาชาตินี้ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ด้วยกับแผนการร้ายเหล่านี้ที่ได้ทำให้สายตาของพวกเขามืดบอด ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่เป็นต้นกล้าที่เบาะบาง บัดนี้ได้กลายเป็นต้นไม้ที่สูงสง่าที่งามกำลังจะออกผลผลิตอย่างมากในแต่ละวัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในช่วงท้าย โดยท่านได้ชี้ถึงสโลแกนของผู้ที่เข้าร่วมเกี่ยวกับการทำลายสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยเน้นว่า “ด้วยกับความโปรดปรานและความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า จะทำให้สโลแกนเหล่านี้บังเกิดขึ้นในเวลาอันไม่ไกลนับจากนี้และประชาชาติอิสลามก็จะได้รับชัยชนะเหนือเหล่าศัตรูทั้งหลายด้วย”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน มัรวี ผู้ดูแลฮะรัมท่านอิมามริฎอ ได้กล่าวโดยถือว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ชาวอิรัก ผู้ที่ให้บริการแขกผู้แสวงบุญในวันอัรบะอีนแห่งท่านอิมามฮุเซน เป็นแสงสว่างในการรวมตัวครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ โดยกล่าวเสริมว่า “พิธีการรวมตัวครั้งใหญ่ในวันอัรบะอีนแห่งฮุซัยนี เป็นการสำแดงถึงขอบเขตระหว่างอิสลามอันบริสุทธิ์กับอิสลามจอมปลอมแห่งบะนีอุมัยยะฮ์และอเมริกา”

ผู้ดูแลฮะรัมอิมามริฏอ ยังได้ชี้ถึงการจัดสัมมนาของบรรดาชาวอิรักที่ให้บริการผู้แสวงบุญในวันอัรบะอีน ในเมืองมัชฮัด อันศักดิ์สิทธิ์ กล่าวว่า “ในการจัดสัมมนาครั้งนี้ ได้มีผู้เข้าร่วม นอกเหนือจากบรรดาผู้ที่ให้บริการผู้แสวงบุญ นักกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ยังมีชาวอะฮ์ลิซซุนนะห์ ชาวคริสต์ ชาวซูฟี และชาวเคิร์ด เข้าร่วมด้วย”

และเช่นกัน ในการพบปะกันครั้งนี้ บรรดาผู้ที่ให้บริการผู้แสวงบุญชาวอิรัก นักบรรยายธรรมเทศนา นักกวี นักอ่านลำนำ จำนวนหนึ่งได้ขึ้นพูด อ่านบทกวีและการอ่านลำนำเพื่อไว้อาลัยให้กับท่านอิมามฮุเซนและบรรดาชะฮีดแห่งกัรบะลา”

 

 

 

700 /