สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพเข้าร่วมในพิธีการสำเร็จการศึกษาและประดับอินทรธนู

“กองทัพต้องเตรียมพร้อมในการเผชิญหน้าต่อการสร้างความเสียหายต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ เข้าร่วมในพิธีการสำเร็จการศึกษา ประดับอินทรธนูและพิธีการสาบานตนของนักศึกษาทหารมหาวิทยาลัยทหารของกองทัพสาธารณรัฐอิสลามครั้งที่ 17  ณ มหาวิทยาลัยแห่งการป้องกันภัยทางอากาศคอตะมุลอัมบิยาอ์  

ในช่วงแรกก่อนการเข้าสู่สนาม ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ปรากฏตัวในสถานที่ฝังศพของบรรดาชะฮีด พร้อมทั้งได้อ่านซูเราะฮ์อัลฟาติฮะห์เพื่ออุทิศผลบุญ รำลึกและร่วมเทิดเกียรติในความทรงจำของบรรดาผู้ปกป้อง ผู้เสียสละแห่งอิสลามและแห่งชาติ

หลังจากนั้น ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพได้เข้าเยี่ยมชมพิธีการสวนสนามของทหารทุกทั้งหลาย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้สอบถามสารทุกข์สุกดิบของบรรดาทหารผ่านศึกในเข้าร่วมในสนามอีกด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ก็ได้กล่าวปราศรัย โดยถือว่า การรักษาความปลอดภัย เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความสำคัญอย่างยิ่งของกองทัพของสาธารณรัฐอิสลาม และท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงแผนการร้ายของเหล่าศัตรูในการบ่อนทำลายความมั่นคงในบางประเทศของภูมิภาค โดยท่านกล่าวว่า “บรรดาผู้ที่มีความรักและห่วงใยต่ออิรักและเลบานอน พวกท่านจงรู้ไว้เถิดว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกของพวกท่านคือ  การป้องกันความไม่ปลอดภัย และประชาชนของประเทศเหล่านี้ก็จะต้องรู้ด้วยว่า ข้อเรียกร้องต่างๆนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพวกเขาที่เกิดขึ้นภายใต้กรอบของกฏหมายเท่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เชิญชวนบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯและปัญญาชน อีกทั้งประชาชนทุกหมู่เหล่าให้มีการตื่นตัวจากความพยายามต่างๆในการทำลายการคิดคำนวณของพวกเขา โดยถือว่า วิธีการเดียวในการเผชิญหน้า คือ การมีบะศีเราะฮ์ (การประจักษ์ชัดเห็นจริง) และท่านได้กล่าวในหลายประเด็นที่สำคัญว่า “จะต้องมีความหวังต่ออนาคตและพันธสัญญาต่างๆของพระผู้เป็นเจ้า และอย่าได้ไว้วางใจต่อศัตรูเป็นอันขาด รวมทั้งอย่าได้เพิกเฉยต่อการเคลื่อนไหวของศัตรู แม้สักวินาทีเดียวก็ตาม อย่าได้ทรนงตนในชัยชนะทั้งหลาย และกองทัพ ก็จงเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับการก่อความเสียหายต่างๆ”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัยของท่าน โดยท่านได้ชี้ถึงความสำคัญของประเด็นความปลอดภัยในทุกสังคม และหน้าที่ๆสำคัญของกองทัพ คือ การรักษาความปลอดภัย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากว่าไม่มีความปลอดภัยในสังคมแล้วไซร้ ก็จะไม่มีการดำเนินการทางด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์และการวิจัย โดยในการกระทำที่ต้องใช้ความคิด รวมทั้งทางวัฒนธรรม เพราะฉะนั้น การรักษาความปลอดภัยจึงเป็นหนึ่งในหน้าที่ๆพิเศษที่จะต้องรู้จักคุณค่าของมัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเสียหายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศหนึ่ง คือ การไม่มีความปลอดภัย และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการวางแบบแผนของเหล่าศัตรูในการก่อจราจลและสร้างความไม่ปลอดภัยในบางประเทศแถบภูมิภาค โดยท่านกล่าวว่า “ปัจจัยอันชั่วร้ายและความมุ่งร้ายที่เป็นอันตรายที่ถูกรู้จักแล้วว่า เบื้องหลังของเหตุการณ์เหล่านี้ คือ สหรัฐและหน่วยข่าวกรองของชาติตะวันตกที่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากบางประเทศในภูมิภาคที่ล้าสมัย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวถึงบรรดาผู้ที่มีความรักและห่วงใยต่ออิรักและเลบานอน โดยท่านได้เน้นว่า “สิ่งสำคัญอันดับแรก ก็คือ การป้องกันความไม่ปลอดภัย และประชาชนของประเทศเหล่านี้ก็จะต้องพึงตระหนักว่า ศัตรูนั้นต้องการทำลายโครงสร้างของกฏหมายและการสร้างช่องว่างให้เกิดขึ้นในประเทศเหล่านี้ และวิธีการเดียวก็คือ การตอบรับข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของประชาชน ด้วยกับการดำเนินการตามกรอบของข้อกฏหมาย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เหล่าศัตรูก็มีความคิดเช่นนี้เกี่ยวกับประเทศอิหร่านที่มีเกียรติของเราด้วยเช่นกัน แต่ทว่า ช่างโชคดียิ่งนักที่ประชาชาตินั้นมีความเฉลียวฉลาดและเข้าสู่ภาคสนามได้ทันเวลา และกองกำลังทั้งหลายของกองทัพก็จะต้องเตรียมความพร้อมในการทำลายแผนการร้ายเหล่านั้น”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ ได้กล่าวต่อถึงความแตกต่างระหว่างธรรมชาติของกองทัพของชาติมหาอำนาจกับกองทัพของสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “ หน้าที่ความรับผิดชอบหลักของกองทัพของชาติมหาอำนาจ ผู้ละเมิด ก็คือ การสร้างความเสียหายให้กับประเทศต่างๆ แต่ทว่า ปรัชญาและตรรกะของกองกำลังทั้งหลายของกองทัพแห่งสาธารณรัฐอิสลาม  นอกเหนือจากในการป้องกันตนเองอย่างมั่นคงและมีความแข็งแกร่งอย่างมีอำนาจแล้ว และจะไม่มีการละเมิดอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ว่า ในช่วงหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา บางอาชญากรรมของกองทัพอังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกา ได้เกิดขึ้นในอนุทวีปอินเดีย เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันตก แอฟริกาเหนือและแอฟริกากลาง  โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ปัญหาหลักของกองทัพเหล่านี้ คือ การพึ่งพายังระบอบชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ และด้วยเหตุนี้เอง เราได้เน้นว่ามีความจำเป็นในการพึ่งพาของรัฐยังอัลกุรอานและศาสนาอิสลาม ทั้งในองค์ประกอบทั้งหมด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวว่า “ระบอบรัฐอิสลาม ได้ให้เกียรติต่อกองกำลังทั้งหลายของกองทัพ ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (ซิพอฮ์) กองกำลังอาสาสมัคร (บะซีจญ์) กองกำลังตำรวจ  เพราะว่าพวกเขา นั้นคือ องค์ประกอบที่สำคัญและมีประสิทธิภาพต่อระบอบรัฐอิสลามอย่างแท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเสียสละชีวิตในสมรภูมิต่างๆและการสร้างความภาคภูมิใจในการทดสอบทั้งหลายในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา คือ ลักษณะอันพิเศษของกองทัพของสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ส่วนมากขององค์ประกอบที่มีความศรัทธา ดั่งเช่น บรรดาชะฮีด ซัยยอด ,ชีราซี ,ซัตตารี ,บอบออี ,ฟัลลอฮี และ ฟะกูรี และเช่นกัน มัรฮูม ซะฮีรนิญอด และมัรฮูมซะลีมี ได้ตอบรับการเชิญชวนรัฐอิสลามแห่งสาธารณรัฐอิสลาม ทั้งยังเป็นการสร้างกองกำลังอันยิ่งใหญ่ให้กับกองทัพอีกด้วย”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ ถือว่า หนึ่งในความภาคภูมิใจของกองทัพ คือ การสนับสนุนฝ่ายในการยืนหยัดต้านทาน(กลุ่มมุกอวิมัต) ในหลายปีที่แล้ว โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “นี่คือ บทบาทที่สำคัญทั้งในอนาคตและในเวลาของมันก็จะมีการประกาศให้รับทราบอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเปลี่ยนแปลงในการจัดระบบระเบียบ การใช้กลยุทธ์ในการปฏิบัติการ ในแนวคิด และทางด้านวัฒนธรรม รวมทั้งการกำหนดทิศทาง คือ อีกลักษณะพิเศษอันเด่นชัดของกองทัพแห่งสาธารณรัฐอิสลาม หลังจากนั้น ท่านผู้นำก็ได้กล่าวอธิบายถึงหน้าที่ต่างๆในอนาคตของกองกำลังทั้งหลายของกองทัพ ซึ่งมีหลายประเด็นด้วยกัน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายถึงลักษณะพิเศษของประชาชาติหนึ่งที่เป็นอิสรชน โดยกล่าวว่า “ประชาชาติที่เป็นอิสรชน ทั้งในด้านเจตนามุ่งมั่น และทางการปฏิบัติ ได้แยกแยะถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงอย่างถูกต้อง และในการใช้ประโยชน์เหล่านั้นด้วยความเป็นอิสระเสรี การมีเจตนามุ่งมั่น และการปฏิบัติ และนี่คือ หนึ่งในประชาชาติที่เป็นอิสรชน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในลักษณะที่พิเศษของประชาชาติที่เป็นอิสรชน คือ การไม่ยอมรับผลของการบ่อนทำลายในการคิดคำนวณของศัตรู โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ หนึ่งในแบบแผนของเหล่าศัตรู คือ การเปลี่ยนแปลงการคิดคำนวณของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ ปัญญาชน และประชาชนทั่วไป เพื่อที่พวกเขานั้นจะไม่สามารถแยกแยะผลประโยชน์ที่แท้จริงกับผลประโยชน์ของชาติได้อย่างถูกต้อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่าการบ่อนทำลายการคิดคำนวณของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯและประชาชน เหมือนการใส่ข้อมูลที่ผิดพลาดเข้าไปยังระบบของคอมพิวเตอร์ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “บางที ศัตรูนั้นมีอิทธิพลต่อข้อมูลในคอมพิวเตอร์ทั่วไปของการบริหารจัดการของประเทศหนึ่ง และในแนวคิดและการคิดคำนวณก็มีผลอีกด้วยเช่นกัน แต่ประชาชาติที่เป็นอิสรชนไม่ว่าจะเกิดการดำเนินการอย่างใดก็ตามก็จะไม่มีผลตามมาทั้งสิ้น แต่กลับจะได้รับผลประโยชน์อย่างชาญฉลาดอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีบะศีเราะฮ์ (การประจักษ์แจ้งเห็นจริง) คือ ความจำเป็นในการไม่ยอมรับการบ่อนทำลายในการคิดคำนวณของศัตรู โดยท่านได้เน้นว่า “หากว่าเราไม่มีความฉลาดหลักแหลม เราก็ไม่สามารถที่จะไปถึงยังผลประโยชน์ที่แท้จริงได้ และเราไม่สามารถรู้จักถึงผู้ที่จะกระทำภารกิจอันใหญ่นี้ได้อย่างถูกต้อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ยังได้เน้นว่า หากว่ามีลักษณะพิเศษเหล่านี้ แน่นอนว่าประชาชาติจะได้ผลลัพท์ตามดั่งที่ต้องการ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประชาชนทั้งหลายทั้งหมดทุกคน โดยเฉพาะในกองกำลังต่างๆของกองทัพ จะต้องรู้สึกรับผิดชอบต่อหน้าที่และมีความระมัดระวังอย่าให้ศัตรูนั้นมีผลต่อการคิดคำนวณของพวกเขาได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวสรุปในหลายประเด็นด้วยดังนี้

1.อย่าได้ไว้วางใจต่อศัตรูและอย่าได้มองในแง่ดีต่อศัตรูเป็นอันขาด

2.อย่าได้เพิกเฉยต่อการเคลื่อนไหวของศัตรู

3.อย่าได้ถือว่าศัตรูนั้นไม่มีความสามารถ แต่จะต้องรู้จักพวกเขาเท่าที่มีความสามารถและเตรียมพร้อมในการเผชิญหน้ากับพวกเขา

4.อย่าได้หยิ่งทรนงตนในชัยชนะต่างๆ เพราะว่าแม้เพียงวินาทีเดียวที่มีการเพิกเฉยก็จะทำให้ชัยชนะกลายเป็นความปราชัยได้ แม้แต่ในการเข้าร่วมของท่านศาสดาในสมรภูมิต่างๆก็ตาม

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความศรัทธา การเพียรพยายามอุตสาหะอย่างสม่ำเสมอ ความสามัคคีและการไม่สาละวนต่อความบันเทิงอันเล็กน้อยของโลกนี้ คือ หนึ่งในปัจจัยของการมีชัยชนะและการเก็บรักษามัน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หากว่าไม่มีการเก็บรักษาปัจจัยต่างๆเหล่านี้ ชัยชนะทั้งหลายก็จะไม่เกิดขึ้น”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ ได้กล่าวถึงการเก็บรักษาปัจจัยต่างๆในการมีชัยชนะของภารกิจที่พิเศษของกองกำลังทั้งหลายของกองทัพ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “กองกำลังต่างๆนั้นจะต้องมีความระมัดระวังต่อการสร้างความวุ่นวายและการก่อความเสียหาย ซึ่งจะต้องเตรียมพร้อมที่จำเป็นในการเผชิญหน้ากับความวุ่นวายและการก่อความเสียหาย เพราะว่าดังในคำตรัสของพระผู้เป็นเจ้าในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานที่ว่า ความวุ่นวายและการก่อความเสียหายนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการถูกสังหารเสียอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สองปัจจัยที่สำคัญในการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายต่างๆ คือ การมีความหวังต่ออนาคตและการเชื่อมั่นต่อพันธสัญญาของพระเจ้า โดยท่านกล่าวว่า “ในวันนี้ ด้วยกับความโปรดปรานของพระเจ้า ที่ได้ทำให้สายตาของเหล่าศัตรูนั้นมืดบอดและทำให้บรรดาเยาวชนของประเทศนั้นมีเต็มไปด้วยกับความหวังและบัดนี้ เราจะได้เห็นพันธสัญญาของพระองค์ที่ประจักษ์ต่อสายตาของเหล่าศัตรู ขณะที่บางครั้ง การจินตนาการถึงมันนั้นมีความยากลำบากก็ตาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความการปราชัยอย่างต่อเนื่องของพวกรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่มีกับเยาวชนทั้งหลาย ผู้ศรัทธาของฮิซบุลลอฮ์ และเยาวชนชาวปาเลสไตน์ในสงคราม 33 วัน 22 วัน และ7 วันนั้น เป็นอีกตัวอย่างที่เด่นชัดในการเกิดขึ้นของพันธสัญญาของพระเจ้า โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความล้มเหลวของชาติมหาอำนาจ จอมอหังการในภูมิภาคเอเชียตะวันตก ด้วยกับค่าใช้จ่ายที่มีมูลค่ามหาศาล ทั้งพวกเขานั้นยังยอมรับในความปราชัยเหล่านี้ คือ อีกหนึ่งในตัวอย่างของการเกิดขึ้นของพันธสัญญาของพระองค์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านว่า “ด้วยความโปรดปรานของพระเจ้า ในการเดินขบวนประท้วงเพื่อการกลับสู่มาตภูมิของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ก็จะกลายเป็นวันที่ชาวปาเลสไตน์ได้กลับมายังแผ่นดินของพวกเขาอย่างแน่นอน”

ในพิธีการนี้ พลเอก มูซาวี ผู้บัญชาการกองทัพสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้เน้นถึงการเตรียมความพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบของบรรดาเยาวชนที่มีศรัทธาและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจของกองทัพในการบรรลุยัง “ก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติอิสลาม” โดยกล่าวว่า “กองทัพนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำสั่งสอนของอัลกุรอาน ทั้งมีพลังอำนาจในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูและได้ยืนหยัดอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างเป็นผู้ที่เสียสละ และรุ่นเยาวชนของกองทัพด้วยกับการมีบะซีเราะฮ์  ความรู้สึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ การเสียสละ การจับมือกันอย่างเป็นพี่น้องในกองกำลังซิพอฮ์ การคัดเลือกแนวรบในการต่อสู้และการยืนหยัดต้านทาน ทั้งการเตรียมพร้อมในการเสียสละชีวิตในทุกเวลา ทุกสถานที่และในทุกระดับชั้น”

พลโท ซาอิดี ผูบัญชาการมหาวิทยาลัยแห่งการป้องกันภัยทางอากาศคอตะมุลอัมบิยาอ์ ได้กล่าวรายงานเช่นกันถึงการดำเนินการและแบบแผนในระบบการศึกษาและการปกครองของมหาวิทยาลัย

ในพิธีการนี้ บรรดาผู้บัญชาการ นักการศาสนา อาจารย์ และนักศึกษาดีเด่นที่สำเร็จการศึกษาของกองทัพ จำนวนหนึ่งได้รับรางวัลจากท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพ และมีตัวแทนของนักศึกษาและนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจำนวนหนึ่งได้รับการติดยศและประดับอินทรธนูติดบ่าจากท่านผู้นำสูงสุดอีกด้วยเช่นกัน

การอัญเชิญธงและการอ่านบทเทศนาธรรมโดยบรรดาอดีตนักศึกษาและนักศึกษาใหม่ การปฏิบัติการซ้อมรบ “การปรากฏของดวงอาทิตย์อัลกออิม” คือ รูปแบบของรายการต่างๆในพิธีการในวันนี้ของมหาวิทยาลัยแห่งการป้องกันภัยทางอากาศคอตะมุลอัมบิยาอ์

และเช่นเดียวกัน ยังมีพิธีการเดินสวนสนามของบรรดาหน่วยทหารต่อหน้าท่านผู้บัญชาการสูงสุดทหารทุกเหล่าทัพและการปฏิบัติการความเชื่อมั่นตนเองอีกด้วย

 

 

 

 

 

 

 

700 /