สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลสมัยที่ 12 เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

ไม่ว่าในที่ใดก็ตามที่พวกท่านไว้วางใจต่อชาติตะวันตก

ประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลสมัยที่ 12 เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ซึ่งถือเป็นการเข้าพบครั้งสุดท้าย ก่อนที่คณะรัฐบาลชุดนี้จะครบวาระในสัปดาห์หน้า โดยท่านผู้นำได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันอีดฆอดีร อันจำเริญยิ่งต่อบรรดาชาวมุสลิมทั้งหลาย โดยเฉพาะต่อประชาชาติอิหร่านที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี โดยท่านถือว่า การมีโอกาสในการรับใช้ประชาชนนั้น เป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้ และท่านผู้นำยังได้กล่าวว่า “สำหรับการขอบคุณที่มีต่อความโปรดปรานนี้ จะต้องใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถทั้งหมดของประเทศ เพื่อที่จะบรรลุสู่เป้าหมายของการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุการณ์ฆอดีร เป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีความสงสัยใดๆทั้งสิ้น โดยท่านกล่าวว่า “นอกเหนือจากบรรดาผู้รู้ของชีอะฮ์ โดยเฉพาะท่านอัลลามะฮ์ อะมีนีแล้ว ยังมีการบันทึกคำรายงานฆอดีรจากบรรดาสาวกของศาสดามุฮัมมัดถึง 110 ท่านด้วยกัน และยังมีหลักฐานยืนยันที่เชื่อถือได้อีกด้วย ในขณะที่บรรดาผู้รู้ที่ยิ่งใหญ่และนักวิชาการชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์เองก็ไม่มีข้อสงสัยใดๆที่เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวกับคณะรัฐบาลสมัยที่ 12 โดยท่านกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายนั้น ไม่ว่าในกิจการงานใดก็ตามที่มีเจตนามุ่งมั่นเพื่อรับใช้ประชาชนและรับใช้พระเจ้า อีกทั้งยังมีความบริสุทธิ์ใจด้วยละก็ แน่นอนว่า จะไม่มีวันที่จะถูกลืมในการตัดสินของพระองค์เลย และจะเป็นเสบียงที่สะสมให้กับพวกท่านทั้งหลายจากการปฏิบัติหน้าที่ การทำงานและความพยายามต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวประเมินผลของการทำงานของรัฐบาล โดยท่านกล่าวว่า “ผลงานของรัฐบาลของพณฯท่านโรฮานี ในภาคส่วนต่างๆนั้นถือว่ายังไม่มีความเสมอภาคกัน และในบางกรณีก็ได้มีการปฏิบัติตามความคาดหวังไปแล้ว แต่ในบางกรณีก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวเน้นย้ำถึงการมีโอกาสในการรับใช้ประชาชน ซึ่งถือเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้ และจะต้องรู้จักถึงคุณค่าของมัน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การขอบคุณต่อความโปรดปรานอันนี้ ซึ่งจะต้องใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถทั้งหมด เพื่อที่จะบรรลุสู่เป้าหมายของการปฏิวัติอิสลาม เพราะว่า เรานั้นอยู่ในประเทศแห่งการปฏิวัติอิสลามและประชาชนทั้งหลายก็ได้เสียสละอย่างมากมายในการบรรลุสู่เป้าหมายของการปฏิวัติอิสลามมาแล้ว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตอีกถึงการมีความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของรัฐบาลสมัยที่ 11 และสมัยที่ 12 ในรัฐบาลหน้า โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในประสบการณ์ที่สำคัญอย่างยิ่งของรัฐบาลนี้ ก็คือ การไม่ไว้วางใจต่อชาติตะวันตก ซึ่งรัฐบาลหน้าก็จะต้องใช้ประโยชน์จากประสบการณ์นี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “สิ่งที่ได้ประจักษ์ในรัฐบาลชุดนี้ ก็คือ การไว้วางใจต่อชาติตะวันตกนั้นไม่ได้เป็นคำตอบ และพวกเขาก็ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าในที่ใดก็ตามที่พวกเขาเหล่านั้นมีความสามารถ ก็จะสร้างความเสียหาย และหากว่าในที่ใดก็ตามที่พวกเขาไม่สร้างความเสียหาย ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า พวกเขานั้นไม่มีความสามารถ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเน้นย้ำว่า “อย่าได้ตั้งเงื่อนไขในแบบแผนภายในประเทศ เพื่อที่จะทำให้ชาติตะวันตกเข้ามามีส่วนร่วมด้วยเป็นอันขาด เพราะว่าแน่นอนที่สุดแล้วก็จะพบกับความล้มเหลว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวกับประธานาธิบดีและคณะรัฐบาล โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลาย จะไม่ว่าในที่ใดก็ตามที่มีการทำงานต่างๆนั้นซึ่งเชื่อมโยงกับชาติตะวันตก และการเจรจากับพวกเขาและพวกสหรัฐฯ พวกท่านทั้งหลายก็ไม่ประสบความสำเร็จ และเมื่อใดก็ตามที่พวกท่านได้มีการขับเคลื่อนโดยปราศจากการไว้วางใจต่อชาติตะวันตกและไม่มีความหวังต่อพวกเขา เมื่อนั้น พวกท่านก็จะประสบความสำเร็จและบรรลุเป้าหมาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเจรจากรุงเวียนนาครั้งล่าสุด และกล่าวแสดงความรู้สึกพอใจต่อความเพียรพยายามของบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการทูต อีกทั้งในบางส่วนยังได้รับผลที่ดีจากการเจรจาต่างๆ โดยท่านกล่าวว่า “พวกสหรัฐฯนั้นได้ยืนหยัดอย่างมั่นคงในความเป็นปฏิบักษ์จากการเจรจาต่างๆ ทั้งยังไม่มีการก้าวไปข้างหน้าอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกสหรัฐฯต่างพูดด้วยวาจาและให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร แต่พวกเขากลับไม่ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและบอกว่าจะไม่ยกเลิกมันอีกด้วย ขณะที่พวกเขาเหล่านั้นกลับตั้งเงื่อนไขและบอกด้วยว่า จะต้องมีการเขียนประโยคหนึ่งลงไปในข้อตกลง ซึ่งหลังจากนั้น  เราก็จะมาคุยกันทีหลังในประเด็นต่างๆ หามิได้เป็นเช่นนั้นแล้ว เราก็จะไม่ตกลงเป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “พวกเขาเหล่านั้นต้องการที่ใส่ประโยคนี้ เพื่อเป็นข้ออ้างในการที่จะมีการแทรกแซงในหลักการของข้อตกลงนิวเคลียร์ และประเด็นขีปนาวุธ รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวกับภูมิภาคตะวันออกกลาง หากอิหร่านนั้นไม่ต้องการที่จะพูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับประเด็นต่างๆเหล่านี้ พวกเขาก็บอกว่า เราจะละเมิดข้อตกลงทั้งหมด และไม่มีข้อตกลงอีกต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นให้เห็นว่า พวกสหรัฐฯนั้นไม่ได้มีความเป็นสุภาพบุรุษ แต่มีเพียงการก่อความชั่วร้าย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สหรัฐนั้นไม่ละอายใจเลยที่ได้ผิดคำมั่นสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ดังที่พวกเขาเหล่านั้นได้ละเมิดต่อข้อตกลงมาครั้งหนึ่งแล้วและก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “บัดนี้ จะต้องบอกกับพวกสหรัฐฯว่า พวกคุณนั้นจะต้องรับประกันว่าจะไม่มีการละเมิดข้อตกลงอีกต่อไปในอนาคต ขณะที่พวกเขาเหล่านั้นกลับบอกว่า เราจะไม่รับประกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ของการปราศรัยของท่าน โดยท่านได้กล่าวเน้นย้ำว่า “นี่คือ ประสบการณ์ที่สำคัญอย่างมากสำหรับรัฐบาลและบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯในอนาคต และสำหรับทุกๆคนที่จะเข้ามาสู่เวทีทางการเมืองด้วย เช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่า ประสบการณ์นี้ได้เคยเกิดขึ้นมาโดยตลอด ตั้งแต่ช่วงแรกของการปฏิวัติอิสลาม แต่ในรัฐบาลนี้นั้นมีมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวทิ้งท้ายกับประธานาธิบดีและคณะรัฐบาล โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้านั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากการช่วยเหลือของพระเจ้า ไม่ว่าพวกท่านทั้งหลายจะไปอยู่ในที่ใดก็ตาม พวกท่านก็จงปฏิบัติตามหน้าที่ทางศาสนาและการปฏิวัติอิสลามด้วย

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯท่านโรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านได้กล่าวขอบคุณต่อการสนับสนุนและการชี้แนะของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม มาโดยตลอดช่วงแปดปีที่ผ่านมา ซึ่งท่านประธานาธิบดีได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการและการขับเคลื่อนต่างๆของรัฐบาลที่ผ่านมา

พณฯท่านโรฮานี ถือว่า ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและการลดอัตราเงินเฟ้อ คือ ผลงานที่โดดเด่นของรัฐบาลในช่วงปี 1393 ถึง 1396 (ปฏิทินอิหร่าน) โดยเขากล่าวว่า “ในปี 1387 ศัตรูนั้นต้องการที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศต้องพบกับความเสียหาย แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่ประสบความสำเร็จ”

ประธานาธิบดีอิหร่าน ถือว่า การจัดตั้งสภาสูงสุดของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในเดือนโครดอด ปี 1397 โดยคำสั่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การช่วยเหลือที่สำคัญที่สุดที่มีต่อรัฐบาล โดยเขากล่าวว่า “ในการเผชิญหน้ากับการคว่ำบาตรน้ำมันและการแลกเปลี่ยนทางธนาคารนั้น เราสามารถเพิ่มอัตราในการผลิตปิโตรเลียม อุตสาหกรรมแร่ธาตุ และผลผลิตที่มาจากน้ำมันและก๊าซ อีกทั้งสกุลเงินตามความต้องการของประเทศ

พณฯท่านโรฮานี ยังได้ชี้ถึงผลงานบางส่วนที่ประสบความสำเร็จของรัฐบาล อาทิเช่น การเพิ่มการสกัดจากแหล่งน้ำมันและก๊าซ การเติบโตของการผลิตทางการเกษตร การขยายเครือข่ายทางรถไฟ และการเพิ่มขึ้นของเตียงในโรงพยาบาล โดยเขากล่าวว่า “ในสองช่วงของสงครามทางเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโรคโคโรน่า เราพบกัยบความจริงที่ว่า เรานั้นจะต้องยืนด้วยสองเท้าของเราเอง และจะต้องพึ่งพายังขีดความสามารถภายในประเทศ ซึ่งก็จะตอบสนองต่อความต้องการต่างๆได้ เพราะไม่มีผู้ใดที่จะเข้ามาช่วยเหลือเรา และหลังจากที่พวกเขาได้เห็นถึงความสามารถของอิหร่านในการผลิตวัคซีนแล้ว พวกเขาก็ถือว่า เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อย”

 

700 /