สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานและสมาชิกรัฐสภาอิสลาม เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

การพิชิตเมืองโครรัมชะฮ์ร์ คือ การเปลี่ยนจากสมการที่ขมขื่น ให้เป็นสมการที่หอมหวาน

ประธานและสมาชิกรัฐสภาอิสลาม เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำ ถือว่า การพิชิตเมืองโครรัมชะฮ์ร์ คือ สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนสมการที่ขมขื่น ให้กลายเป็นสมการหอมหวาน และการบรรลุสู่ความรอดพ้นของชาติ โดยท่านยังได้ชี้ให้เห็นว่า องค์ประกอบของการเปลี่ยนแปลงสมการนี้ โดยท่านกล่าวว่า “กฏของความก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความซับซ้อน ความขมขื่นและการบรรลุสู่ชัยชนะและความสำเร็จ ของการกระทำในรูปแบบญิฮาดี การมีเจตนาความมุ่งมั่น ความคิดริเริ่มสร้างสรร การเสียสละ การมีวิสัยทัศน์ในระยะยาว และแกนหลักที่สำคัญ คือ การมีความบริสุทธิ์ใจและการตะวักกุล(การมอบหมายการงานทั้งหลาย) ต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงยิ่งใหญ่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า รัฐสภาอิสลาม เป็นหนึ่งในเสาหลักของการบริหารจัดการของประเทศ โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงความยากลำบากและความซับซ้อนของการบริหารจัดการประเทศในสถานการณ์ระหว่างประเทศที่สำคัญในปัจจุบัน โดยท่านผู้นำได้เรียกร้องให้สภาทั้งหมดและหน่วยงานต่างๆเห็นถึงความเข้าใจในความสำคัญของสถานภาพและความร่วมมือกันอย่างจริงใจซึ่งกันและกัน อีกทั้ง ท่านผู้นำยังได้เน้นย้ำว่า “การรู้จักถึงศักยภาพอย่างถูกต้องและผลกระทบต่างๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาทั้งหลายที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า ศัตรูนั้นต่างมีความหวังในการเล็งมองมายังความผิดพลาดของพวกเรามากกว่าการมีศักยภาพ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึง สัปดาห์แห่งวันครบรอบการพิชิตเมืองโครรัมชะฮ์ร์ ถือว่า เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้ที่มากกว่าการยึดได้คืนเมืองที่ถูกครอบครอง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การพิชิตเมืองโครรัมชะฮ์ร์ อันที่จริงแล้ว คือ การเปลี่ยนแปลงสมการที่ขมขื่นและที่สำคัญยิ่งต่อผลประโยชน์ของบรรดานักรบแห่งอิสลาม และได้กลายเป็นสมการอันแสนหอมหวาน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวอธิบายถึงเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงสมการนี้ โดยท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า “ปัจจัยแห่งความรอดพ้นของชาติที่ได้รับมาจากการพิชิตเมืองโครรัมชะฮ์ร์ ได้แก่ การกระทำในรูปแบบญิฮาดี การเสียสละ การมีเจตนาความมุ่งมั่น ความคิดริเริ่มสร้างสรร การมีมุมมองในระยะยาวต่อเป้าหมายและอุดมการณ์และสิ่งที่สูงส่งกว่าเหนือทั้งหมด คือ การมีความบริสุทธิ์ใจ อีกทั้งการตะวักกุล (การมอบหมายการงานทั้งหลาย) ต่อพระผู้เป็นเจ้า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัจจัยเหล่านี้และกฎทั่วไป เป็นใบเบิกยาแห่งความรอดพ้นในทุกกิจการและตลอดเวลา โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “พื้นฐานของกฎและหลักการนี้ของความรอดพ้น คือ พันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้าที่ไม่อาจผิดพลาดในอัลกุรอาน เพื่อนำชัยชนะมาสู่บุคคลและสังคมที่ยึดมั่นในปัจจัยเหล่านี้ และพระองค์จะไม่ทรงทำให้การกระทำและความเพียรพยายามของบุคคลเหล่านี้ในสังคมต้องพบกับความสูญเปล่า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “การเสียสละตนเอง หมายถึง การไม่ยึดติดอยู่กับความต้องการที่ต่ำต้อย และปัญหาจำนวนมากมายของบุคคลและในสังคม จะต้องเริ่มต้นด้วยการยอมจำนนต่อความต้องการที่ต่ำต้อย”

หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ก็เข้าสู่ประเด็นที่เกี่ยวกับรัฐสภา และท่านผู้นำสูงสุดได้เน้นย้ำให้เห็นว่า รัฐสภาอิสลาม เป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญของการบริหารจัดการในประเทศ และมีสถานภาพที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ทั้งบรรดาสมาชิกรัฐสภาที่มาจากเมืองต่างๆ หรือแม้แต่สมาชิกรัฐสภาที่มาจากเมืองที่มีประชากรเบาบาง ก็จะต้องมีมุมองเช่นนี้ต่อสถานภาพของรัฐสภาและจะต้องมีความตระหนักถึงความยากลำบากและความซับซ้อนในการบริหารจัดการประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความกว้างใหญ่ ประชากร ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และสภาพอากาศที่หลากหลายของอิหร่าน โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “การบริหารจัดการประเทศที่มีสถานภาพของอิหร่านที่ทรงเกียรตินี้ เป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่ง และด้วยกับการมีเงื่อนไขที่พิเศษในปัจจุบันของโลก จึงถือเป็นเรื่องยากลำบากและความซับซ้อนโดยธรรมชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งสังเกตว่า “แน่นอนว่า ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน การบริหารจัดการ กลายเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับทุกๆประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายถึงเหตุผลของสถานการณ์ที่พิเศษในโลกนี้ โดยท่านกล่าวว่า “การแข่งขันกันระหว่างฝ่ายมหาอำนาจและการคุกคามทางนิวเคลียร์ของฝ่ายมหาอำนาจ การเคลื่อนไหวและการคุกคามทางทหารที่เพิ่มมากขึ้น และการเกิดสงครามใกล้ยุโรป ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เกิดสงครามมากที่สุดในโลก การแพร่ระบาดของโรคร้ายต่างๆ การคุกคามทางอาหารในระดับโลก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้ ทำให้สถานการณ์โลกในปัจจุบันนั้นมีความพิเศษและในสถานการณ์เช่นนี้ การบริหารจัดการของประเทศต่างๆได้กลายเป็นเรื่องยากลำบากและมีความซับซ้อนที่มากขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “นอกเหนือจาก สถานการณ์ที่ปกครองในทุกประเทศ อันเนื่องมาจากการนำเสนอรูปแบบอย่างใหม่ ซึ่งเป็นรูปแบบประชาธิปไตยทางศาสนา เป็นเหตุทำให้ตารางการกำกับดูแลของระบอบมหาอำนาจถูกทำลาย ทั้งยังพบกับความท้าทายที่ต่อเนื่องกับฝ่ายมหาอำนาจของโลกด้วยมิติต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า สาธารณรัฐอิสลามได้ปกป้องตนเองในการเผชิญหน้ากับความเป็นปรปักษ์ ในขณะที่กำลังบรรลุสู่ความก้าวหน้าและความสำเร็จ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาสมาชิกรัฐสภา รัฐบาล สภาตุลาการสูงสุด และหน่วยงานอื่นๆ ล้วนจะต้องทราบถึงการบริหารจัดการที่ยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างไร ทั้งที่มีความสำคัญอีกด้วย และจะต้องมีเพิ่มการระมัดระวังอย่างเหมาะสมกับสถานภาพเช่นนี้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เรานั้นจะต้องตระหนักถึงทั้งขีดความสามารถและความอ่อนแอ และมีความระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะว่าศัตรูต่างมีความหวังในความผิดพลาดของเรามากกว่าที่มีความหวังต่อขีดความสามารถและศักยภาพของเราเสียอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นการเรียกรัฐสภาสมัยที่ 11 เป็นรัฐสภาแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บางคนไม่ชอบการเรียกนี้ แต่นี่คือ ความเป็นจริง เพราะว่า ประชาชนที่เลือกบรรดาสมาชิกรัฐสภานี้ ต่างมีสโลแกนและการกำหนดทิศทางเพื่อการปฏิวัติอิสลามทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวปฏิเสธความคิดเห็นของคนบางคนที่ถือว่าสโลแกนของการปฏิวัติอิสลาม เป็นการสร้างปัญหาให้กับประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “การขับเคลื่อนไปสู่อุดมการณ์ของการปฏิวัติอิสลามนั้นเป็นผลประโยชน์ของประเทศและจะทำการเยียวยาความเจ็บปวดต่างๆได้อีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การคงสภาพของการเป็นนักปฏิวัติอิสลามนั้นสำคัญมากกว่าการเป็นนักการปฏิวัติ โดยท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในช่วงปีแรกๆของการปฏิวัติอิสลามนั้น บางคนมีความกระตือรือร้นและมีความร้อนแรง หรือเรียกอีกอย่างเป็นซูเปอร์ของการปฏิวัติ แต่ทว่าพวกเขากลับไม่มีการยืนหยัดและความอดทนที่จะอยู่บนเส้นทางนี้แล้วพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะอยู่บนเส้นทางนี้ต่อไปได้ ด้วยเหตุนี้เอง การคงสภาพอยู่ในการปฏิวัติอิสลามของบุคคลและโดยรวมของรัฐสภา จึงมีความยากกว่าการเป็นนักการปฏิวัติเสียอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวยกย่องต่อการดำเนินที่ดีในช่วงสองปีที่ผ่านมาของรัฐสภาสมัยที่ 11 และหลังจากนั้น ท่านผู้นำได้กล่าวอธิบายถึงลักษณะตัวบ่งชี้ของผู้แทนแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “ลักษณะตัวบ่งชี้ประการแรก คือ การใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย และการไม่ใช้ชีวิตในรูปแบบที่หรูหรา ซึ่งการใช้ชีวิตของบรรดาสมาชิกรัฐสภานี้ จะต้องไม่มีความแตกต่างกับยุคสมัยของรัฐสภาก่อนหน้านี้” 

การยอมรับในภาระหน้าที่ความผิดชอบ เป็นลักษณะตัวบ่งชี้ประการที่สองของผู้แทนแห่งการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำอีกว่า “พวกท่านทั้งหลายจะต้องมีการยืนหยัดในการร่างกฎหมายที่ดี และในอีกด้านหนึ่ง อย่าได้เป็นเหมือนเช่นนี้ด้วยกับการมีความรู้ว่าสภาผู้พิทักษ์จะยกร่างกฏหมายนี้ เมื่อมีการถูกนำเสนอออกไป หรือรัฐบาลนั้นไม่มีความสามารถที่จะดำเนินการได้ ฉะนั้นพวกท่านทั้งหลายจะต้องร่างกฏหมายนี้ ไม่ใช่เพียง เพียงให้พ้นจากความรับผิดชอบของตนเองเท่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเป็นประชาธิปไตยของประชาชน เป็นอีกประการหนึ่งของลักษณะตัวบ่งชี้ของผู้แทนคนหนึ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความเป็นประชาธิปไตยของประชาชน หมายถึง นอกเหนือจากการนั่งร่วมและการคบค้าสมาคมกับประชาชนแล้ว พวกท่านทั้งหลายก็จะต้องรับฟังในสิ่งที่พวกเขาพูด แต่ทว่า ที่ใดก็ตามที่มีความเป็นไปไม่ได้ที่จะสนองตอบความต้องการของประชาชน พวกท่านก็จะต้องพูดจากับพวกเขาด้วยเหตุผลอย่างชัดเจน ซึ่งนี่คือ ภารกิจที่เป็นตัวอย่างของการญิฮาบในการอธิบายและการแสดงออก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การจัดอันดับความสำคัญของปัญหาของประเทศ มาเป็นปัญหาหลักและปัญหารอง ทั้งการให้ความสำคัญต่อปัญหาหลักนั้น เป็นลักษณะตัวบ่งชี้อีกประการหนึ่งของผู้แทนแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “ลักษณะตัวบ่งชี้อีกประการหนึ่งคือ การหลีกเลี่ยงจากการเลือกปฏิบัติและการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับผู้ ที่กระทำการทุจริตหรือการมีความระมัดระวังตนเองในการเผชิญหน้ากับการทุจริต”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความร่วมมือกันอย่างจริงใจกับสภาทั้งหมดและหน่วยงานต่างๆและบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหมด อีกทั้งการหลีกเลี่ยงออกจากการติดสินบนและความขัดแย้งเป็นข้อกำหนดของรัฐสภาแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ผู้แทนแห่งการปฏิวัติอิสลาม จะต้องอยู่ร่วมกับประชาชนทั่วไป แต่ทว่าอย่าได้เป็นเพียงการสร้างสถานการณ์ ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านทั้งหลายจะต้องยอมรับในการคัดค้านอย่างถูกต้องในกฏหมายและการดำเนินการของรัฐสภาและหากนอกเหนือจากนี้ ก็อย่าได้ทำให้บรรยากาศของรัฐสภา เป็นการต้องห้ามพวกท่านไม่ให้ปฏิบัติในภาระหน้าที่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยึดมั่นในรัฐธรรมนูญและการปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ เป็นลักษณะตัวบ่งชี้อีกประการหนึ่งของผู้แทนแห่งการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้กล่าวสรุปในภาคส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่าน โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า หนึ่งในสิ่งที่ไม่บ่งบอกถึงสัญลักษณ์ของการปฏิวัติอิสลามคือ คำพูดที่มีความขัดแย้งและความเป็นอคติ”

หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ให้คำเสนอแนะบางประการที่เกี่ยวกับประเด็นทางกฎหมาย

โดยท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “การกำหนดกฎหมายที่มีมุมมองที่ครอบคลุมและในระยะยาว และการหลีกเลี่ยงออกจากกฎหมายในประเด็นปลีกย่อย การเล็งเห็นถึงความสำคัญต่อนโยบายทั่วไปในกฏหมายที่ได้รับการประกาศใช้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ภาระหน้าที่ของรัฐสภาคือ การกำหนดกฎหมายตามนโยบายเหล่านี้ และไม่ใช่ความขัดแย้งกับนโยบายเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่า นโยบายทั่วไปบางอย่าง เช่น นโยบายในการเลือกตั้งทั่วไปหรือนโยบายทางด้านกฎหมายทั่วไป จำเป็นต้องมีกฎหมายลูก แต่ถึงแม้ว่าจะผ่านไปหลายปีแล้ว นับตั้งแต่มีการประกาศไปแล้วนั้น จนถึงบัดนี้ ยังไม่มีการลงมติของกฏหมายที่เกี่ยวข้องเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บรรดาสมาชิกรัฐสภา จะต้องนำเสนอโครงร่างกฏหมายโดยเฉพาะกรณีที่เป็นช่องว่างและความต้องการของประเทศชาติ ขณะที่รัฐบาลนั้นยังมาได้ยื่นเป็นญัตตินั้นคือ หน้าที่และสิทธิของรัฐสภา โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า ข้าพเจ้าได้ยินมาว่า โครงร่างกฏหมายในรัฐสภาชุดนี้นั้นมีจำนวนมากกว่ารัฐสภาชุดก่อนๆ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้เชี่ยวชาญและการดำเนินงาน อีกทั้งการดำเนินการก็จะพบกับปัญหาและหากว่าไม่มีการดำเนินการตามข้อกฏหมายก็จะทำให้ความรับผิดชอบของบรรดาเจ้าหน้าที่นั้นเกิดข้อกังขาได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า “ด้วยกับการจัดตั้งรัฐสภาชุดใหม่ โครงร่างกฏหมายที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบของรัฐสภาชุดก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาและความพยายามในการพิจารณาที่มาก จึงได้ถูกยกเลิกไป ฉะนั้น ปัญหานี้ก็จะต้องได้รับการแก้ไข”

คำเสนอแนะอีกประการหนึ่งของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี คือ การปฏิรูปโครงสร้างของงบประมาณ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “องค์ประกอบของงบประมาณที่ไม่ถูกต้องนั้นก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงขณะนี้ ซึ่งผู้ฟังของประเด็นนี้ก็คือรัฐบาลนั่นเอง แต่ในรัฐสภาก็ไม่ควรที่จะเพิ่มรายจ่ายโดยไม่ได้กำหนดรายรับที่แท้จริงและจะทำให้การขาดดุลงบประมาณ ซึ่งถือว่าการเพิ่มปัญหาหลักให้กับปัญหาทางเศรษฐกิจได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า การเสริมสร้างความเชี่ยวชาญของรัฐสภาทั้งในศูนย์วิจัยและในคณะกรรมาธิการผู้เชี่ยวชาญ โดยท่านได้ชี้ถึงการกำหนดแบบแผนการพัฒนาที่เจ็ด โดยท่านกล่าวว่า “ในแบบแผนทั้งห้าปีนี้ อย่าได้มองเพียงแต่ภาพรวมเท่านั้น ทว่ารัฐบาลและรัฐสภาก็จะต้องให้ความกระจ่างด้วยกับการมองถึงแกนของปัญหาของแบบแผนดังกล่าว เพื่อที่จะเป็นแนวทางให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐฯต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายถึงหลายตัวอย่างที่จะต้องมีการพิจารณาในแบบแผนที่เจ็ด โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในแบบแผนที่เจ็ดสำหรับประเทศ เช่น การเกษตร หรือปัญหาเหมืองแร่ธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นศักยภาพของประเทศที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ หรือด้วยกับการสกัดโดยปราศมูลค่าเพิ่ม หรือปัญหาอุตสาหกรรม ซึ่งยุทธศาสตร์ของประเทศนั้นยังไม่ถูกรู้จักในภาคส่วนนี้ จะต้องมีการวางแบบแผนและใช้เอกสารโดยเน้นย้ำถึงแกนหลักของปัญหาในลักษณะวิชาการ แน่นอนว่า จะต้องมีการพิจารณาในสิ่งอำนวยความสะดวกของประเทศและประเด็นการจัดการที่ดินอีกด้วยเช่นกัน”

คำเสนอแนะประการต่อไปของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การให้ความใส่ใจต่อมิติต่างๆทางการสื่อสารที่ได้รับการอนุมัติและการดำเนินการของรัฐสภา รวมทั้งการอธิบายให้กับประชาชน โดยท่านกล่าวว่า “การไม่มีคำอธิบายอย่างถูกต้องให้กับประชาชน จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดสูญอากาศในการต่อต้านกฏหมายและความโกลาหล อีกทั้งเป็นสิ่งที่พวกท่านทั้งหลายจะต้องรู้สึกเสียใจ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวยกย่องต่อความรวดเร็วและการรายงานที่ตรงเวลาของศาลตรวจเงินแผ่นดินภาค เมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ล่าสุด ศาลตรวจเงินแผ่นดินภาค ได้เริ่มตรวจสอบงบประมาณของบางบริษัทของรัฐบางแห่ง และหากว่ามีการขยายไปยังบริษัททั้งหมดของรัฐฯก็จะเป็นข้อได้เปรียบอีกประการหนึ่งของรัฐสภา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงคำเสนอแนะก่อนหน้านี้ของท่านที่มีต่อบรรดาสมาชิกรัฐสภาบนพื้นฐานที่ว่าด้วยการไม่แทรกแซงในการแต่งตั้ง โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ประธานรัฐสภากล่าวว่า สมาชิกรัฐสภาบางคน ไม่พอใจต่อคำเสนอแนะนี้ แต่ทว่าคำเสนอแนะนี้นั้นมีประโยชน์ต่อพวกท่านทั้งหลาย เพราะหากว่าในพื้นที่หนึ่งได้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งด้วยการเสนอหรือด้วยความกดดัน แต่เขาไม่มีผลงานที่พึงปรารถนา ดังนั้น จึงไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ใดจะต้องรับผิดชอบ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “หนึ่งในปัญหาที่สำคัญของรัฐธรรมนูญ คือ การแบ่งแยกอำนาจกัน และทุกๆคนจะต้องปฏิบัติในภาระหน้าที่ของตนเอง แน่นอนว่า เราได้ให้คำแนะนำกับรัฐบาลมาโดยตลอดว่าให้ใช้ประโยชน์จากการปรึกษาและความคิดเห็นของบรรดาสมาชิกรัฐสภา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของบุคคล และการหลีกเลี่ยงจากการกล่าวผ่านกระบอกเสียงของรัฐสภาในประเด็นที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ที่ความรับผิดชอบมีมากขึ้นเท่าใด การทำอิบาดัต(การเคารพภักดี)และความอ่อนน้อมของมนุษย์ที่มีพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่งและการยึดอนุเคราะห์จากบรรดาอิมาม ผู้ชี้นำไปสู่แนวทางของพระองค์ก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น”

ในช่วงท้ายที่สุด ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเทอดเกียรติและสดุดีต่อดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของท่านอิมามโคมัยนี ผู้ล่วงลับและบรรดาชะฮีดแห่งการปฏิวัติอิสลามและการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์และการรำลึกและการเทอดเกียรติต่อชะฮีดซัยยาด โคดาอี ซึ่งเขาถูกลอบสังหารเมื่อสามวันที่ผ่านมา ด้วยการปฏิบัติการในการก่อการร้าย 

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ พณฯท่าน ด็อกเตอร์ กอลิบาฟ ประธานรัฐสภาอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงการดำเนินการของรัฐสภาสมัยที่ 11 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยถือว่า การให้ความสำคัญต่อการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร เป็นยุทธศาสตร์หลักของรัฐสภานี้ โดยเขากล่าวว่า “รัฐสภาจะดำเนินการตามกรอบของยุทธศาสตร์นี้เพื่อที่จะบรรลุสู่โครงการของการเปลี่ยนแปลงในกฏหมายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ”

ท่านประธานรัฐสภา ยังได้กล่าวอธิบายถึงการเน้นย้ำในการแก้ปัญหาที่เป็นรากเหง้าของปัญหาทั้งหลายในประเทศ ด้วยกับการบริหารจัดการเพื่อลดปัญหาต่างๆของประชาชนไปได้ในชั่วขณะหนึ่ง และการอนุมัติการแจกจ่ายการช่วยเหลือสกุลเงินต่างประเทศในรูปของสินค้าโภคภัณฑ์ที่จำเป็นอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการที่เฉพาะของบรรดาสมาชิกรัฐสภา

การอธิบายการดำเนินการของกฏหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการออกใบอนุญาตประกอบธุรกรรม การออกกฏหมายภาษีสำหรับบ้านที่ว่าง การสนับสนุนฐานความรู้ ความโปร่งใส การนำเข้ารถยนต์ การสนับสนุนครอบครัวและเยาวชน การจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ๆด้อยโอกาสและพื้นที่ชายขอบในด้านงบประมาณและการอนุมัติ การติดตามในการปรับปรุงและการแก้ไขปัญหาต่างๆของทหาร ทั้งหมดเหล่านี้คือ ประเด็นหลักของการรายงานที่ พณฯท่านกอลีบาฟนำเสนอในการพบปะกันครั้งนี้ 

 

700 /