สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

อุตสาหกรรมนิวเคลียร์เป็นกุญแจที่สำคัญสำหรับความก้าวหน้าของอิหร่านในภาคส่วนต่างๆ

เมื่อช่วงเช้าของวันนี้(11 มิถุนายน) ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับความสำเร็จทางด้านนิวเคลียร์ในภาคส่วนการเกษตร การแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม การก่อสร้างโรงไฟฟ้าและน้ำ เป็นเวลานานถึง 1ชั่วโมงครึ่งด้วยกัน  และหลังจากนั้น บรรดานักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ ที่สร้างความภาคภูมิใจ ได้เข้าพบปะกับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ เป็นกุญแจที่สำคัญสำหรับความก้าวหน้าของอิหร่านในภาคส่วนต่าง ๆ และท่านยังได้เน้นย้ำถึงความพยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้ผลของความก้าวหน้าด้านนิวเคลียร์เกิดเป็นรูปธรรมมากที่สุดในการดำเนินชีวิตของประชาชน โดยท่านกล่าวว่า “การทำให้อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ มีความสำคัญอย่างมากที่ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมในท้องถิ่น แสดงให้เห็นว่า ชาติตะวันตกนั้นกำลังพบกับความล้มเหลวและเป็นความอัปยศอดสูของพวกชาติตะวันตกที่พยายามทำให้ประชาชาติต้องพบกับความอัปยศและการทำให้ขวัญกำลังใจในการทำงานและความหวังในประเทศมีความอ่อนแอลง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจต่อบรรดานักวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่ทั้งหลาย และเหล่าผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมนิวเคลียร์  โดยท่านผู้นำ ถือว่า นิทรรศการที่เยี่ยมชมนี้ เป็นนิทรรศการที่ยอดเยี่ยม เป็นที่น่าพอใจ และเป็นการแจ้งข่าวดี อีกด้วย พร้อมกันนั้น ท่านกล่าวว่า “ประชาชนทั้งหลาย จะต้องรู้จักถึงมิติต่างๆและผลลัพท์ของความก้าวหน้าเหล่านี้ในการดำเนินชีวิตของพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอธิบายถึงความสำคัญทั้งสามประการของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ โดยท่านถือว่า อุตสาหกรรมนี้ เป็นการสร้างเกียรติและศักดิ์ศรีให้กับประเทศ ทั้งในแง่ของความก้าวหน้าและการพัฒนาขีดความสามารถ และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้เห็นถึงผลสะท้อนพื้นฐานของความสำเร็จทางด้านนิวเคลียร์ในการพัฒนาชีวิตที่ดีกว่าของประชาชน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ ทั้งในแง่ของน้ำหนักทางการเมืองและสถานภาพในระดับโลกของอิหร่าน ถือเป็นการสร้างเกียรติและศักดิ์ศรีให้ชาติ ขณะเดียวกัน ในตรงกันข้ามกับความพยายามของเหล่าศัตรูที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศนั้นไร้อนาคตและบรรดาเยาวชนต่างก็สิ้นหวัง กล่าวคือ การฟื้นฟูจิตวิญญาณแห่งความหวังในสังคมและความเชื่อมั่นต่อตนเองของประชาชาติ และแสดงให้ประชาชนและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาเยาวชนได้เห็นว่า เราสามารถที่จะเข้าสู่สนามที่ใหญ่โตและยังสามารถที่จะพิชิตมันได้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และในขณะเดียวกัน ความเป็นรูปธรรมและการสัมผัสได้ของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ โดยท่านถือว่า อุตสาหกรรมนี้ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของการมีอำนาจและความน่าเชื่อถือของอิหร่าน และท่านกล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่มีความรักต่อ อิหร่าน สาธารณรัฐอิสลาม และความแข็งแกร่งและความก้าวหน้าของประเทศ จะต้องเข้ามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนทางวิทยาศาสตร์ การวิจัย และอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความสำคัญให้เกิดขึ้น”

ประเด็นต่อมา จากการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงรากฐานของการมุ่งความสนใจของเหล่าศัตรูในประเด็นพลังงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ข้ออ้างของพวกชาติตะวันตกที่เกี่ยวกับความหวาดกลัวจากการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ในอิหร่าน เป็นเรื่องที่โกหกอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกเขาเหล่านั้นทราบดีว่า เราไม่ได้แสวงหาอาวุธนิวเคลียร์ ดังที่หน่วยข่าวกรองของอเมริกาก็รับทราบถึงข้อเท็จจริงนี้หลายครั้งมาแล้ว รวมทั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่าไม่มีสัญญาณใดๆเลยว่า อิหร่านจะเดินหน้าเพื่อสร้างอาวุธนิวเคลียร์”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การผลิตอาวุธเพื่อการทำลายล้าง (ไม่ว่าจะเป็นนิวเคลียร์หรือเคมี) เป็นสิ่งขัดแย้งกับอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “หากไม่มีพื้นฐานนี้ของอิสลามและเรามีความตั้งใจที่จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ เราก็จะทำได้ด้วยเช่นกัน และเหล่าศัตรูก็ทราบดีว่า พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะขัดขวางเราได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การต่อต้านความก้าวหน้าของประชาชาติอิหร่าน เป็นเหตุผลที่แท้จริงซึ่งเป็นเหตุทำให้เหล่าศัตรูได้โยงถึงอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ โดยท่านกล่าวว่า “อุตสาหกรรมนี้ เป็นกุญแจที่สำคัญสำหรับความก้าวหน้าของประเทศและประชาชาติในภาคส่วนต่างๆ ในขณะเดียวกัน เหล่าศัตรูต่างก็เกรงกลัวที่ประชาชาติอื่นๆจะนำไปเป็นต้นแบบในการดำเนินรอยตามและยังเป็นแนวคิดที่ก่อให้เกิดความก้าวหน้าของประชาชาติอิหร่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี ถือว่า การมีความท้าทายด้านนิวเคลียร์ใน 20 ปีของเหล่าศัตรูกับสาธารณรัฐอิสลาม เป็นเหตุให้เกิดข้อเท็จจริงหลายประการ ซึ่งการเกิดขึ้นของขีดความสามารถและศักยภาพอันพิเศษของบรรดาเยาวชนชาวอิหร่าน ท่ามกลางภัยคุกคามต่างๆนานา และมาตรการคว่ำบาตรที่ไม่รู้จบ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากที่สุด”

การเปิดเผยตรรกะที่ไร้มนุษยธรรมและการแสดงออกถึงความฉ้อฉล เป็นสิ่งที่ต่อต้านความก้าวหน้าของอิหร่าน เป็นข้อเท็จจริงประการที่สอง ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง พร้อมทั้ง ท่านยังกล่าวว่า “พวกเขาเหล่านั้นต่างมีความคาดหวังที่เกินอย่างมากเหนือจากข้อตกลงต่างๆ หากว่าพวกเขาไม่มีความพยายามที่จะคุกคามประชาชาติอิหร่าน แล้วทำไมพวกเขาจึงต้องต่อต้านกับความปลอดภัยของโรงงานต่างๆของอิหร่านด้วย”

ความจำเป็นจากการไม่ไว้วางใจต่อฝ่ายต่างๆทางด้านนิวเคลียร์ เป็นข้อเท็จจริงประการที่สามในความท้าทายทั้ง 20 ปี ที่เกี่ยวกับประเด็นนิวเคลียร์ของตะวันตกกับอิหร่าน โดยท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวในประเด็นนี้ว่า ฝ่ายต่างๆทางด้านนิวเคลียร์และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ได้ให้คำมั่นสัญญาต่างๆมากมายเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้มีการปฏิบัติจริง แต่ทว่าเรานั้นเข้าใจได้ว่า จะต้องมีการไว้วางใจและเชื่อมั่นหรือการไม่ไว้วางใจต่อผู้ใดและในสถานที่ใด ซึ่งความเข้าใจในประเด็นนี้ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากกับประชาชาติใดประชาชาติหนึ่ง ดังเช่นการไม่ให้ความสนใจกับปัญหานี้ จะสร้างความเสียหายอย่างมากให้เกิดขึ้นกับเราอีกด้วยเช่นกัน”

ผลสะท้อนที่สัมผัสได้ของการพัฒนานิวเคลียร์ที่มีต่อความล้มเหลวทางประวัติศาสตร์ของเหล่าพวกชาติตะวันตกที่ทำให้ประชาชาติพบกับความอัปยศ เป็นข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งที่ท่านผู้นำหยิบยกขึ้นมากล่าวกับบรรดานักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “เหล่ามหาอำนาจได้ทำให้ประชาชาติล้าหลังและทำให้เกิดความอ่อนแอลงด้วยสองวิธีการ วิธีการแรก คือ การเข้าครอบงำประชาชาติทั้งหลายโดยตรงและการล่าอาณานิคม ส่วนวิธีการที่สอง ซึ่งถือเป็นอันตรายมากกว่า คือ การปลูกฝังจิตวิญญาณของความเฉยเมยและคำว่า เราทำไม่ได้ ในประชาชาติต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ทั้งสองวิธีการในยุคช่วงก่อนการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในเวลานั้น ในการประชุมกัน ระหว่างการพบปะกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของระบอบการปกครองแบบเผด็จการในอดีตที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของพวกเขา ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้นั้นในขณะที่กำลังโจรกรรมทรัพยากรน้ำมันของอิหร่าน การเข้าครอบงำตลาดของอิหร่าน และการแทรกแซงอย่างสูงสุดของชาติตะวันตกในนโยบายต่างๆของอิหร่าน เขาได้พูดอย่างภาคภูมิใจว่า “อย่าพูดคำที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ บัดนี้ พวกยุโรปเป็นคนรับใช้ของเราและพวกเขาจะผลิตสินค้าต่างๆ ให้กับเราและเราก็จะใช้ประโยชน์จากมัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “นอกจากการมีมุมมองที่ต่ำต้อยและความคลั่งไคล้ชาติตะวันตกของเจ้าหน้าที่ระบอบการปกครองก่อนหน้านี้แล้ว พวกเหล่านั้นยังทำให้บรรดาเยาวชนของเราเชื่อว่า ชาวอิหร่านนั้นไร้อำนาจและไร้ความสามารถ  และนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งในยุคสมัยนั้น กล่าวว่า อย่างมากที่สุด พวกเขาก็มีความสามารถในการผลิตเครื่องปั้นดินเผาให้เรา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวสรุปคำปราศรัยในส่วนนี้ โดยถือว่า ความก้าวหน้าทางด้านนิวเคลียร์และการแสดงถึงการมีกำลังใจของการทำงาน ความหวัง และความร่าเริงสดใส เป็นความล้มเหลวอย่างชัดเจนของพวกคลั่งไคล้ชาติตะวันตก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในเวลานั้น พวกคลั่งไคล้ชาติตะวันตกทำให้ประชาชาติพบกับความอับอาย และในปัจจุบันนี้ ประชาชาติด้วยความสำเร็จและความก้าวหน้าต่างๆได้ทำให้พวกเหล่านั้นพบกับความอับอายขายหน้า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า อิหร่านมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางนิวเคลียร์กว่าร้อยเท่า นับตั้งแต่ปี 1382 (ปฏิทินอิหร่าน) หมายถึง จุดเริ่มต้นของความท้าทายทางด้านนิวเคลียร์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พวกเหล่านั้นได้รับความช่วยเหลือเพื่อที่จะหยุดกระบวนการนี้จากการก่ออาชญากรรมและการลอบสังหาร แต่พวกเขาไม่สามารถที่กระทำได้ และปัจจุบันนี้ อุตสาหกรรมด้านนิวเคลียร์ได้กลายเป็นอุตสาหกรรมภาคท้องถิ่นในประเทศนี้ไปแล้วและเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นปลีกย่อย แต่ทว่ามีความสำคัญ กล่าวคือ การสร้างความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนาในกรณีของยุคการฟื้นฟูด้านศิลปวิทยาการและการปฏิวัติอุตสาหกรรมของชาติตะวันตก โดยท่านกล่าวว่า “หนึ่งในบรรทัดฐานที่สำคัญที่สุดของยุคการฟื้นฟูศิลปวิทยาการ สำหรับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ จะต้องทิ้งศาสนาและจิตวิญญาณ ในขณะที่ปัจจุบันนี้ กล่าวคือ ประมาณ 500 ปี หลังจากเหตุการณ์นั้น สาธารณรัฐอิสลามได้ดำเนินการแข่งขันการงานทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดกับโลกตะวันตก  ในขณะที่วิทยาศาสตร์และจิตวิญญาณมีการผสมผสานกัน ด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวขับเคลื่อนหลักของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ บรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาว ผู้ศรัทธา และการทำนมาซตะฮัจญุด ดังเช่น ชะฮีดชะฮ์รยอรี และฟัครีซอเดะห์  เป็นต้น”

หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ให้คำแนะนำที่สำคัญหลายประการแก่บรรดาเจ้าหน้าที่และผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นของความรู้ทางด้านนิวเคลียร์ในภาคส่วนต่างๆ ของการดำเนินชีวิต เช่น สุขภาพ อุตสาหกรรม การเกษตร สิ่งแวดล้อม และการทำน้ำดื่ม โดยท่านกล่าวว่า “ช่างโชคดียิ่งนัก ที่ภารกิจนี้กำลังดำเนินการอยู่ต่อไป และข้าพเจ้าจะขอเน้นย้ำอีกเช่นกันและยืนยันด้วยว่า การดำเนินชีวิตของผู้คนนั้นขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เตือนให้บรรดาเจ้าหน้าที่ขององค์กรพลังงานปรมาณูแห่งชาติแจ้งให้ประชาชนรับทราบเกี่ยวกับผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประชาชนทั้งหลายนั้นมีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนิวเคลียร์แบบจำกัดอยู่ในเฉพาะประเด็นพลังงานและการผลิตไฟฟ้าเท่านั้น ในขณะที่หากพวกเขาได้รับทราบเกี่ยวกับผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ในทุกภาคส่วนของการดำเนินชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะรู้ดีว่า สิ่งที่พวกเขากล่าวนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของพวกเรา แน่นอนว่าองค์กรวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติและภาคส่วนอื่นๆ ก็มีบทบาทในด้านนี้ด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นให้เห็นถึงการขยายการค้าของผลิตภัณฑ์และการให้บริการด้านนิวเคลียร์ และการเพิ่มความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์กับประเทศที่มีความเห็นตรงกันและไม่ขัดแย้งกัน เพื่อใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและความก้าวหน้าของโลกให้ได้มากที่สุดโดยท่านกล่าวในคำแนะนำอีกประการหนึ่งว่า “ประเด็นการผลิตไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ 2 หมื่น เมกะวัตต์ ซึ่งเราได้ประกาศไปเมื่อปีที่แล้ว พวกท่านทั้งหลายจะต้องมีดำเนินการอย่างจริงจังและการปฏิบัติตามเป้าหมายด้วยรูปแบบแผนที่วางไว้”

ในบริบทนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า มีความจำเป็นที่จะต้องทำงานเกี่ยวกับการสร้างโรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตที่ต่ำและพบได้ทั่วไปในโลก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประเทศนั้นมีความต้องการโรงไฟฟ้าดังกล่าวในภาคส่วนต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้คำแนะนำแก่บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านพลังงานปรมาณูให้เคารพ รักษา และปกป้องพลังงานของมนุษย์ โดยท่านกล่าวว่า “ในปัจจุบัน จำนวนนักศึกษาที่กำลังศึกษาในสาขาด้านนิวเคลียร์มีจำนวนน้อยมาก ซึ่งควรเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เท่า ในขณะที่เป็นการชดเชย ในปัญหาต่างๆและความยุ่งยากของสาขานี้ ซึ่งจะต้องใช้ประโยชน์จากบรรดานักวิทยาศาสตร์ที่มีอยู่ให้มากที่สุดและมีการปกป้องพวกเขาอย่างจริงจัง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “ แน่นอนว่า ในการสรรหาและประเมินผลของพลังงานมนุษย์จะต้องมีความละเอียดอ่อน ซึ่งก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน ขณะที่ศัตรูนั้นกำลังพยายามแทรกซึมและบ่อนทำลาย ซึ่งในบางภาคส่วนของพื้นที่นี้ เราได้รับความเสียหาย ด้วยเหตุนี้เอง เราจะต้องมีความระมัดระวังอย่างมากที่สุดในการประเมินผลของพลังงานมนุษย์”

ในคำแนะนำอีกประการหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาความสัมพันธ์ การมีปฏิสัมพันธ์ และความร่วมมือกับหน่วยงานปรมาณูระหว่างประเทศ ซึ่งแน่นอน ว่า ภายในกรอบของกฎระเบียบการป้องกัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “คำแนะนำของข้าพเจ้าที่มีต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหลายด้านอุตสาหกรรมนิวเคลียร์  เป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น แน่นอนว่า พวกท่านทั้งหลายอย่าได้แบกภาระอะไรที่มากไปกว่ากฏระเบียบการป้องกัน เป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า องค์กรพลังงานปรมาณู อย่าได้แบกภาระจากการกล่าวอ้างเท็จและข้อเรียกร้องที่ฉ้อฉลของฝ่ายตรงข้าม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกท่านทั้งหลายจงปฏิบัติในสิ่งที่เป็นหน้าที่ควรปฏิบัติ  แต่ทว่า การยืนหยัดบนจุดยืนของพวกท่าน  ไม่ได้เป็นการยอมรับข้อเรียกร้องของเหล่าผู้ฉ้อฉล และไม่ใช่ข้ออ้างที่บางครั้งคราวเป็นเท็จ ยกตัวอย่างเช่น เวลานั้น บุคคลผู้นั้นได้กระทำการงานนั้นการงานนี้ เป็นต้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “แน่นอนว่า ในกรณีคำมั่นสัญญาที่ทำไว้เมื่อเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา ตามรายงานฉบับใหม่ที่ข้าพเจ้าเห็นว่า หน่วยงานปรมาณูระหว่างประเทศไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาต่างๆแต่อย่างใด”

การหลีกเลี่ยงจากการละเมิดกฎหมายของรัฐสภาที่เกี่ยวกับกรณีนิวเคลียร์  เป็นคำแนะนำอีกประการหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวในประเด็นนี้ โดยท่านกล่าวว่า “ตรงกันข้ามกับความเข้าใจผิดของบางคน กล่าวคือ มติของรัฐสภา เป็นกฎหมายที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประเทศและ อุตสาหกรรมนิวเคลียร์ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามข้อกฏหมายของรัฐสภาและอย่าได้ละเมิดจากการให้สิทธิ์เข้าถึงและการได้รับข้อมูลเป็นอันขาด”

คำแนะนำประการสุดท้ายและการเน้นย้ำของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ขององค์การพลังงานปรมาณูแห่งชาติ ในการพบปะกันครั้งนี้ คือ การรักษาโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวในประเด็นนี้ว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บรรดาผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย อีกทั้งบรรดานักขับเคลื่อนด้านอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งจะต้องมีความระมัดระวังในข้อตกลงต่างๆ โดยอย่าได้แตะต้องโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้เป็นอันขาด”

ในการพบปะกันครั้งนี้ นายเอสลามี หัวหน้าองค์กรพลังงานปรมาณูแห่งชาติได้กล่าวเกี่ยวกับความต่อเนื่องพลวัตและอำนาจของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ เป็นวาระอันคงที่ขององค์กรนี้ โดยเขากล่าวว่า “การเกิดความก้าวหน้าอย่างรวดเร็งและผลสะท้อนของความสำเร็จของอุตสาหกรรมนี้ที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศและการดำเนินชีวิตของประชาชน ในขณะที่การเข้าควบคุมการก่อความวุ่นวายของพวกต่างชาติและการป้องกันข้อจำกัดของอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ ล้วนเป็นแบบแผนขององค์กรพลังงานปรมาณู และบรรดานักวิทยาศาสตร์ของเรายังคงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม แม้จะมีภัยคุกคามจากเหล่าผู้ที่ประสงค์ร้ายก็ตาม”

700 /