สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ครอบครัวของบรรดาชะฮีดหลายร้อยคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

“บรรดาชะฮีด คือ วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศในหน้าประวัติศาสตร์”

บิดา มารดา ภรรยา และบุตรของบรรดาชะฮีดหลายร้อยคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า บรรดาชะฮีด คือวีรบุรุษผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และท่านได้กล่าวอธิบายถึงสถานภาพอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวบรรดาชะฮีดจากมุมมองต่างๆของอัลกุรอาน การญิฮาด มนุษยธรรมและสังคม โดยท่านผู้นำได้เชิญชวนให้เหล่านักศิลปินและสื่อต่างๆ พยายามรักษาในการรำลึกถึงความทรงจำของบรรดาชะฮีดอย่างมีศิลปะให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และพวกเขาเหล่านั้นยังเป็นตัวอย่างให้กับอนุชนรุ่นหลังอีกด้วย

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า มุมมองในการรักษาถึงคุณค่าของบิดา มารดา และภรรยาของบรรดาชะฮีด ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความสูงส่งมากกว่าผู้ศรัทธาอื่นๆ และเป็นแบบอย่างของความอดทน ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงประสาทพรและประทานความเมตตาให้กับพวกเขา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้อภัยของบิดาและมารดาแก่บุตรอันเป็นสุดที่รักของพวกเขา และการให้อภัยของภรรยาแก่บรรดาชะฮีด ด้วยความรักอันแรงกล้าที่มีต่อภรรยาของพวกเขา เป็นจุดสูงสุดของการกระทำความดีและการเสียสละในหนทางของพระผู้เป็นเจ้า โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ครอบครัวของบรรดาชะฮีด ถือเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของการญิฮาดด้วยตัวเอง เพราะว่า ด้วยการต่อสู้และเอาชนะเหนือความปรารถนา ความรัก และความหลงใหลของตัวเองที่มีต่อบุตรและภรรยาของพวกเขา โดยได้ทำให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าสู่สนามแห่งการญิฮาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ทุกๆคนที่ให้การสนับสนุนต่อบรรดานักต่อสู้ในช่วงสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ของพวกเขา โดยท่านกล่าวว่า “ในระหว่างนั้น บรรดาผู้ที่ร่วมอยู่ด้วยและให้การช่วยเหลือต่อแก้วตาดวงใจของพวกเขาและภรรยาสุดที่รักของพวกเขาในการญิฮาดบนหนทางของอัลลอฮ์ พวกเขานั้นมีบทบาทที่สำคัญในชัยชนะของการสร้างวีรกรรมในการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งช่างน่าเสียใจยิ่งนัก ที่การญิฮาดอันยิ่งใหญ่ของบิดา มารดา และภรรยาของบรรดาชะฮีดได้ถูกเพิกเฉย มาจนถึงปัจจุบันนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดของครอบครัวทั้งหลายของบรรดาชะฮีด ในการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เป็นสิ่งที่ไม่มีวันหมดสิ้น แต่ถือเป็นที่มาของความยิ่งใหญ่และเกียรติยศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จากมุมมองนี้ พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานฐานันดรอันสูงส่งให้กับบรรดาผู้ที่มีความอดทนและสำนึกบุญคุณเหล่านี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า บิดา มารดาและภรรยาของบรรดาชะฮีด เป็นสมบัติอันพิเศษแห่งความทรงจำและความทรงจำของบรรดาชะฮีด ผู้กล้าหาญแห่งยุคสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ความปลอดภัย การปกป้องฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ และการรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พฤติกรรมของวีรบุรุษเหล่านี้ ความโดดเด่นทางศีลธรรมและจริยธรรม วิถีของการดำเนินชีวิต และการเปลี่ยนแปลงในการดำเนินชีวิตของพวกเขา เป็นแบบอย่างให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยุวชนทั้งหลายและบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาว และการเผยแพร่ความทรงจำของครอบครัวทั้งหลายของบรรดาชะฮีดนั้นมีบทบาทที่สำคัญในการเป็นต้นแบบของพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม  ถือว่า การปฏิวัติอิสลาม เป็นการทำให้อิหร่านรอดพ้นออกจากการตกลงไปในหุบเขาแห่งความเสื่อมถอยทางด้านศีลธรรม จริยธรรม ศาสนา และการเมือง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม บรรดาเยาวชนของประเทศได้ต่อสู้กับเหตุการณ์ทั้งหมดและด้วยความพ่ายแพ้ของศัตรูในแผนการร้ายต่าง ๆ และการเปลี่ยนจากภัยคุกคามให้เป็นโอกาส ได้ทำให้อิหร่านได้รับเกียรติและความภาคภูมิใจ”

ในช่วงท้ายของคำปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เชิญชวนบรรดาสื่อต่างๆ และศิลปินในทุกแขนงให้มีการส่งเสริมการรำลึกถึงความทรงจำของบรรดาชะฮีดในลักษณะที่มีศิลปะและมีความน่าดึงดูดใจ โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มีผลงานที่ดีในด้านการจัดพิมพ์หนังสือ ภาพยนตร์ และผลงานทางศิลปะอื่นๆอีกด้วย แต่ทว่าเมื่อเทียบกับผลงานที่ยิ่งใหญ่ ยังต้องกระทำถือว่ายังน้อยอยู่”

 

 

700 /