สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะผู้ร่วมจัดงานรำลึกเทอดเกียรติแด่เหล่าชะฮีดของจังหวัดโลเรสถาน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

“ ประชาชาติปาเลสไตน์จะได้รับชัยชนะในเร็ววันนี้ ”

บรรดาผู้ร่วมจัดงานรำลึกเทอดเกียรติแด่ชะฮีด จำนวน 6,555 คนของจังหวัดโลเรสถาน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นถึงการถูกกดขี่ข่มเหงประชาชนในฉนวนกาซา พร้อมด้วยการมีความอดทนและอำนาจในการเผชิญหน้ากับอาชญากรรมที่ก่อขึ้นอย่างต่อเนื่องของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยท่านเน้นย้ำว่า “ระบอบรัฐเถื่อนที่ยึดครองซึ่งได้รับบาดแผลและพิการ กำลังแก้แค้นประชาชนในฉนวนกาซาจากการกระทำของเหล่านักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์ โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลย และแม้ว่า พวกเหล่านี้ จะได้รับการสนับสนุนจากเหล่าผู้ชั่วร้ายของโลกและการสมรู้ร่วมคิดที่ชัดเจนของพวกสหรัฐฯในอาชญากรรมของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ การกดขี่ข่มเหงและอาชญากรรมทั้งหมดนี้ ในท้ายที่สุดแล้ว จะไม่ได้นำไปสู่ที่ใด และในเหตุการณ์นี้และเหตุการณ์ต่างๆในอนาคต ประชาชาติปาเลสไตน์จะได้รับชัยชนะ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เหตุการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา เป็นเหตุการณ์ที่จะเป็นตัวกำหนดอนาคต และท่านยังได้ชี้ให้เห็นถึงการกดขี่ของประชาชนในฉนวนกาซา โดยท่านกล่าวว่า “ศัตรูที่โหดร้ายและกระหายเลือด ไม่มีขีดจำกัดในการก่ออาชญากรรมและการสังหารเด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย คนชรา และเยาวชนคนหนุ่มสาว โดยประชาชนในฉนวนกาซา คือ ผู้ถูกกดขี่ด้วยความหมายอันลึกซึ้งและแท้จริงของคำนี้”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเทอดเกียรติต่อความอดทนอดกลั้นและการมีตะวักกุล (การมอบหมายการงานต่างๆให้พระผู้เป็นเจ้า) ของประชาชนที่ถูกกดขี่ในฉนวนกาซา โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงบางตัวอย่างและรูปลักษณ์ของความอดทนและการยืนหยัดต่อสู้ของพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บิดาที่ทำการสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า เมื่อบุตรชายของเขาได้รับชะฮีด บิดาและมารดาที่อุทิศบุตรที่เป็นชะฮีดให้กับปาเลสไตน์ วัยรุ่นที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งเป็นผู้อ่านอัลกุรอานและฉากที่คล้ายคลึงกันนี้ แสดงให้เห็นมุมหนึ่งของความอดทนอดกลั้นและการตะวักกุลอย่างลึกซึ้งของประชาชนในฉนวนกาซา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความอดทนของประชาชนในฉนวนกาซา เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก และแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของศัตรูในการทำให้ประชาชาติปาเลสไตน์ยอมจำนน โดยท่านเน้นย้ำว่า “ด้วยความอดทนและการตะวักกุลนี้ จะช่วยบรรเทาให้กับประชาชนในฉนวนกาซา และในที่สุด ก็จะทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะ”

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การสร้างความเสียหายจากการโจมตีที่เกิดขึ้นต่อระบอบรัฐเถื่อนที่ยึดครอง โดยบรรดานักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็นการโจมตีที่เด็ดขาดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เมื่อเวลาผ่านไป ลักษณะที่ไม่อาจซ่อมแซมความเสียหายนั้นเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเดินทางไปมายังปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่องของเหล่าผู้นำสหรัฐอเมริกาและผู้นำประเทศที่ชั่วร้ายและกดขี่อื่นๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี เพื่อเป็นความพยายามที่จะป้องกันไม่ให้รัฐเถื่อนถูกทำลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เหล่าผู้ชั่วร้ายของโลกเห็นว่า ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์กำลังล่มสลายและถูกทำลาย เนื่องจากการปฏิบัติการโจมตีที่รุนแรงและเด็ดขาดของบรรดานักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์ ด้วยเหตุผลนี้ ด้วยการเดินทางและการแสดงออกถึงความสามัคคีและการจัดหาเครื่องมือในการก่ออาชญากรรม เช่น ระเบิดและอาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ พวกเหล่านี้กำลังดิ้นรนเพื่อรักษารัฐเถื่อนที่มีบาดแผลและพิการ ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐเถื่อนในการเอาชนะเหนือบรรดานักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์ โดยท่านกล่าวว่า “บรรดานักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์ได้รักษาจิตวิญญาณแรงจูงใจ ความสามารถและความพร้อมในการปฏิบัติการและหากพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ หลังจากนี้ จะเป็นเช่นนี้ ขณะที่รัฐเถื่อนด้วยการไร้ขีดความสามารถในการเผชิญหน้ากับพวกเขา กำลังแก้แค้นประชาชนที่ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ในฉนวนกาซา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ผู้ใดก็ตามที่พูดถึงฉนวนกาซา ก็ควรพูดถึงความอดทนและการมีอำนาจของประชาชนในฉนวนกาซาด้วย หากมิได้เป็นเช่นนั้นแล้ว จะถือเป็นการกดขี่ต่อพวกเขา”

 ในประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่ง อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า สหรัฐฯ เป็นผู้มีส่วนร่วมที่ชัดเจนกับเหล่าอาชญากรไซออนิสต์ โดยท่านผู้นำเน้นย้ำว่า “มือของพวกสหรัฐเปอะเปื้อนไปด้วยเลือดของเด็ก ผู้หญิง และบรรดาชะฮีดอื่นๆ ในฉนวนกาซา และในความเป็นจริงแล้ว พวกสหรัฐเป็นผู้จัดการกับอาชญากรรมเหล่านี้”

ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสั่นสะเทือนของจิตใต้สำนึกทั่วไปของโลกในอเมริกา ยุโรป ประเทศชาติอิสลาม และภูมิภาคอื่นๆ ของโลก เป็นการตอบสนองต่อขอบเขตและความลึกซึ้งของการก่ออาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่าของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เหล่าผู้เรียกร้องของเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในยุโรปได้สั่งห้ามการชุมนุมเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ แต่ประชาชนกลับไม่ให้ความใส่ใจต่อข้อห้ามเหล่านี้ โดยพวกเขาออกมาเดินบนถนนและตะโกนด้วยความโกรธแค้นและความทุกข์ทรมานจากมโนธรรม และจะไม่มีผู้ใดสามารถที่จะหยุดปฏิกิริยาของบรรดาประชาชาติต่อหน้าความป่าเถื่อนของไซออนิสต์”

 นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเชิญชวนให้รัฐบาลประเทศอิสลามมีความระมัดระวังและเฉลียวฉลาดในประเด็นปาเลสไตน์ โดยท่านกล่าวว่า “ประเทศอิสลามและโฆษกทางการเมือง ไม่ควรเดินตามรอยเท้าของชาติตะวันตกด้วยการพูดจาซ้ำซากของพวกเขา โดยกล่าวหาว่า ชาวปาเลสไตน์ เป็นผู้ก่อการร้าย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “พวกสหรัฐนั้นเรียกชาวปาเลสไตน์ที่ปกป้องบ้านเรือนและบ้านเกิดของตนว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่รัฐเถื่อนที่ยึดครองบ้านเรือนและบ้านเกิดของชาวปาเลสไตน์เป็นผู้ก่อการร้ายใช่หรือไม่ หรือผู้ที่ต้องการยึดคืนบ้านเรือนและบ้านเกิดของตนกลับมา?

ในช่วงท้ายของการปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำว่า “ขอให้ทุกคนทราบว่า ในเหตุการณ์นี้และเหตุการณ์ต่างๆในอนาคต ประชาชาติปาเลสไตน์จะเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ และโลกในอนาคตจะเป็นโลกของปาเลสไตน์ ไม่ใช่โลกของรัฐเถื่อนไซออนิสต์อีกต่อไป”

 ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวปราศรัยต่อบรรดาผู้ร่วมจัดงานรำลึกแด่เหล่าชะฮีดแห่งจังหวัดโลเรสถาน โดยท่านถือว่า เป้าหมายหลักของการจัดงานรำลึกแด่เหล่าชะฮีด คือ การสร้างกระแสทางปัญญาและความคิด และการปฏิบัติเพื่อถ่ายทอดมรดกอันทรงคุณค่าของรุ่นก่อนสู่รุ่นเยาวชนในปัจจุบัน

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความกล้าหาญชาญชัย และ มิตรภาพ ความซื่อสัตย์ และการมีความจงรักภักดี ของชาวจังหวัดโลเรสถาน เป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของประชาชนในโลเรสถาน และพื้นที่ต่าง ๆ ของโลร์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประวัติศาสตร์ของชาวโลร์ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา ประกอบด้วยการถูกกดขี่และภาวะวิกฤติในสมัยชาห์ปาห์ลาวีและอีกส่วนหนึ่ง คือ การสร้างวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่และการเกิดขึ้นของสาธารณรัฐอิสลามและเพื่อให้เยาวชนได้รับรู้ถึงประวัติศาสตร์ของตนเองทั้งสองหน้าของประวัติศาสตร์นี้ ควรที่จะเก็บรักษาไว้และมีการเปรียบเทียบกันอีกด้วย”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงกระแสทางปัญญาและความคิด และการปฏิบัติในการถ่ายทอดมรดกอันทรงคุณค่าของเยาวชนผู้เสียสละในอดีตสู่เยาวชนของประเทศในปัจจุบัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประเทศกำลังมุ่งหน้าสู่จุดสูงสุด และบนเส้นทางนี้จะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และ มีความเสี่ยงมากด้วยเช่นกัน  หากเราต้องการที่จะเดินบนเส้นทางนี้อย่างเข้มแข็ง เราต้องใช้ประวัติศาสตร์ในอดีตของเราและถ่ายทอดมรดกจากอดีตสู่รุ่นปัจจุบัน”

 

700 /