สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นักขับลำนำอะฮ์ลุลบัยต์พร้อมทั้งนักกวีศาสนาหลายพันคนเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

“พรมแดนและชีพจรของโลกอิสลาม คือ ฉนวนกาซ่า”

บรรดานักขับลำนำอะฮ์ลุลบัยต์ พร้อมทั้งนักกวีทางศาสนา หลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) เป็นผู้ที่วางรากฐานของการญิฮาดตับยีน(การต่อสู้เชิงอธิบายและการแสดงออก) และท่านเน้นย้ำว่า “บรรดานักขับลำนำแห่งสำนักคิดอะฮ์ลุลบัยต์ ได้ปฏิบัติตามแบบฉบับอันเจิดจรัสนี้และจากบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ถือว่า การญิฮาดตับยีน เป็นหน้าที่หลักของตน ด้วยตัวชี้วัดที่สำคัญทั้งสองประการ กล่าวคือ การมีศักยภาพในการกระตุ้นหัวใจทั้งหลายและการสร้างการเคลื่อนไหว และการกำหนดทิศทางที่ถูกต้องและแม่นยำ และมีส่วนร่วมในประเด็นต่างๆและเหตุการณ์ทั้งหลายที่สำคัญในปัจจุบัน เช่น การเลือกตั้ง ด้วยความพยายามและความกระจ่างชัด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวแสดงความยินดี เนื่องในวันประสูติอันจำเริญยิ่งของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.) ถือว่า การถือกำเนิดของท่านโคมัยนี ในฐานะที่ผู้ถือธงชัยแห่งการญิฮาดของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ และการเทอดเกียรติรำลึกถึง ฮัจญ์กอเซ็ม ในวันครบรอบปีแห่งการเป็นชะฮีด(มรณสักขี)ของนายพลสุไลมานี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การญิฮาดตับยีน เป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.)  และท่านยังชี้ให้เห็นถึง คุฏบะฮ์(เทศนาธรรม) ที่เป็นที่รู้จักของท่านหญิง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ระเบียบทางปัญญา ตรรกะที่แข็งแกร่ง ความมั่นคงของคำพูด ภาษาที่ไพเราะและความงดงามทางวรรณกรรม คำเทศนาที่เต็มไปด้วยความรู้ และความจริงของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ซึ่งถูกวางควบคู่กับโอวาทที่ดีที่สุดของนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ และยังทำให้นักวิชาการด้านวาทศาสตร์ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความต่อเนื่องของจารีตอันยิ่งใหญ่ของการญิฮาดตับยีนในคำกล่าวของบรรดาอิมาม ผู้บริสุทธิ์ (อ.) และบทเทศนาของอะฮ์ลุลบัยต์ ตลอดจนบทกวีของเหล่ากวีนิพนธ์ชั้นนำของชาวอาหรับ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในความต่อเนื่องของเส้นทางนี้ ในยุคสมัยของเรา ท่านอิมามโคมัยนี คือ ผู้ชูธงแห่งการญิฮาบตับยีน ด้วยคำพูด ตรรกะและการสร้างแรงบันดาลใจให้ประชาชาติล้มล้างการปกครองที่ทุจริตอันน่าอัปยศของระบอบเผด็จการที่สืบทอดพันธุกรรมของชาห์ ปาห์ลาวีและการสถาปนาการปกครองแห่งประชาธิปไตยแบบอิสลาม ซึ่งเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เผยให้เห็นถึงความสำคัญและขีดความสามารถเฉพาะตัวของการญิฮาดตับยีน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า สถานภาพและขีดความสามารถที่แท้จริงของบรรดานักขับลำนำในการสืบสานเส้นทางแห่งการญิฮาดตับยีน เริ่มต้นจากสมัยของบรรดาอิมาม ผู้บริสุทธิ์ จนถึงปัจจุบัน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ศิลปะของการขับลำนำ และกลุ่มฮัยอัตที่มีนักขับลำนำเป็นแกนหลัก ตลอดจนนักเทศนาธรรมทั้งหลาย ซึ่งอยู่เคียงข้างกัน ล้วนเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของพลังที่นุ่มนวล(ซอฟต์พาวเวอร์)ของสังคมอิสลาม”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ซอฟต์พาวเวอร์ มีอิทธิพลและมีประสิทธิภาพมากกว่าฮาร์ดพาวเวอร์ โดยท่านกล่าวว่า “ด้วยเหตุผลนี้ อเมริกาจึงต้องลงทุนอย่างมากที่สุดทั้งในด้านต่างๆ เช่น สื่อ ศิลปะ วรรณกรรม และภาพยนตร์ ถึงแม้ว่าจะมีอาวุธขั้นสูงทั้งหมดก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผลกระทบของฮาร์ดพาวเวอร์ เป็นเพียงชั่วคราวและทำลายล้างได้ และท่านยังชี้ให้เห็นถึงการหลบหนีอย่างน่าอัปยศของพวกอเมริกาออกจากอัฟกานิสถาน และความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งของประชาชนชาวอิรักที่มีต่อทำเนียบขาว โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อำนาจอันแข็งกร้าว ไม่สามารถทำให้อเมริกาปรากฏอยู่ในสองประเทศนี้ได้อย่างถาวรและประสบความสำเร็จ แต่ ซอฟต์พาวเวอร์ ก็สามารถที่จะกระทำได้ เพื่อให้กลุ่มชนกลุ่มน้อย เช่น ประชาชนชาวปาเลสไตน์ ตกเป็นเป้าความสนใจของโลก อันเนื่องมาจากการถูกกดขี่ ความอดทน และการยืนหยัดของชาวปาเลสไตน์”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า คำสอนของอิสลาม ตรรกะของอัลกุรอาน และความรู้ ความเศร้าโศก และประวัติศาสตร์ของอะฮ์ลุลบัยต์ เป็นเนื้อหาหลักของภารกิจการขับลำนำ โดยท่านกล่าวว่า “ความคาดหวังนี้ ก็คือ เนื้อหาเหล่านี้ จะต้องถูกนำเสนอให้ประชาชน ด้วยภาษาที่ดีที่สุดและวิธีการที่ดีที่สุดและมีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์ของการญิฮาดตับยีน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การพึ่งพาซอฟต์พาวเวอร์ของสาธารณรัฐอิสลาม เป็นยุทธศาสตร์หลักของประเทศในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “เราเชื่อในการมีอาวุธขั้นสูงที่ตอบสนองต่อความต้องการของประเทศและมีประสิทธิภาพต่อขีดความสามารถของเหล่าศัตรู แต่เรานั้นเชื่ออย่างลึกซึ้งว่า ซอฟต์พาวเวอร์ หมายถึง อาวุธยุทโธปกรณ์ทางสติปัญญา ภาษา และตรรกะที่แข็งแกร่ง มีประสิทธิภาพที่มากกว่าและควรขยายวงกว้างออกไปอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ศักยภาพในการกระตุ้นและการสร้างการเคลื่อนไหว และการกำหนดเป้าหมายที่ถูกต้องและแม่นยำ เป็นสองตัวชี้วัดที่สำคัญในการญิฮาดตับยีน โดยท่านกล่าวว่า “ในการญิฮาดตับยีน นอกเหนือจากการมีพลังในการขับเคลื่อนหัวใจทั้งหลายและการสร้างการเคลื่อนไหวแล้ว ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมายก็มีความสำคัญอย่างมาก เพราะว่า บางครั้ง ตัวอย่างเช่น ในสถานการณ์ที่โลกอิสลามมีความต้องการยังความเป็นเอกภาพ ความไม่แม่นยำจะก่อให้เกิดความแตกต่างและความแตกแยก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ด้วยความชื่นชมในการเติบโตทางวิชาการของสังคมของบรรดานักขับลำนำ เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา โดยท่านให้คำแนะนำพร้อมทั้งเน้นย้ำให้เห็นว่า บรรดานักขับลำนำ จะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและการอธิบายถึงความรู้ทางศาสนา และท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “สังคมของนักขับลำนำในปัจจุบัน เป็นสังคมในระดับสูงและมีความสูงส่ง และสิ่งที่คาดหวังจากพวกเขา คือ การถ่ายทอดความรู้ทางศาสนาที่แม่นยำ ด้วยการแสดงความรู้สึกในการสรรเสริญและการคร่ำครวญ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เรียกร้องให้บรรดานักขับลำนำ มีความผูกพันธ์เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า กับหนังสือฮะดีษ บทเทศนาต่างๆแห่งความรู้และการสร้างการเคลื่อนไหวของนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์และบทดุอาจากซอฮีฟะฮ์ ซัจญาดียะฮ์  โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในซอฮีฟะฮ์ ซัจญาดียะฮ์  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หนึ่งอันน่าประหลาดใจในสำนักคิดของอะฮ์ลุลบัยต์ โดยท่านอิมามซัจญาด (อ.) ได้ขอดุอาให้กับผู้ที่ปกป้องพรมแดนอิสลาม ซึ่งปัจจุบันนี้ พรมแดนและชีพจรของโลกอิสลาม คือ ฉนวนกาซ่า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ประชาชนชาวกาซ่าในวันนี้ ไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อต้านระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์เท่านั้น แต่ยังต่อต้านโลกแห่งการปฏิเสธ ทรราช และความอหังการ และอเมริกา และความจริงที่ว่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา กล่าวอย่างเปิดเผยว่า ฉันเป็นชาวไซออนิสต์ หมายความว่า เขานั้นมีเป้าหมายที่ชั่วร้ายและสกปรก เช่นเดียวกับพวกไซออนิสต์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในภารกิจของผู้กระทำญิฮาดตับยีน คือ การรู้จักและการอธิบายประเด็นต่างๆ ของปัจจุบัน รวมถึงประเด็นในฉนวนกาซ่าและความเป็นศัตรูกันกับผู้ที่ประสงค์ร้าย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เราต้องปกป้องอิสลามและรัฐอิสลามจากการโฆษณาชวนเชื่อที่เป็นเท็จของสหรัฐอเมริกาและเหล่าพันธมิตรที่ต่อต้านอิสลามและรัฐอิสลาม”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เป็นอีกเวทีหนึ่งที่สำคัญสำหรับการญิฮาดตับยีน และท่านได้เน้นย้ำให้ถึงความจำเป็นในการสร้างบทบาทจากการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้มองโลกในแง่ร้ายและผู้ยุยงให้เกิดความไร้ประโยชน์ของการเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวว่า “บางคนต้องการทำให้การเลือกตั้งและการเข้าร่วมของประชาชน ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงการเกิดขึ้นของระบอบประชาธิปไตยทางศาสนา มีความอ่อนแอและไม่เหมาะสม เพื่อที่จะทำให้คำพูดและแนวคิดของท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่งและพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้านั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งในการต่อต้านการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตรนี้ ผู้ที่กระทำญิฮาดตับยีน ควรยืนหยัดด้วยการอธิบายถึงความจริงและการปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สำเร็จ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “การเลือกตั้งนั้นเป็นหน้าที่ และผู้ใดก็ตามที่คัดค้านการเลือกตั้งย่อมเท่ากับเขาต่อต้านสาธารณรัฐอิสลามและอิสลาม

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเปลี่ยนจุดแข็งของรัฐอิสลาม ให้เป็นจุดอ่อน เป็นหนึ่งในกลอุบายของเหล่าผู้ที่ประสงค์ร้ายของอิหร่าน ที่จะทำให้ผู้คนมองโลกในแง่ร้ายเกี่ยวกับรัฐอิสลามและทำให้พวกเขาผิดหวังเกี่ยวกับอนาคต โดยท่านกล่าวว่า “หนึ่งในจุดแข็งของรัฐอิสลาม คือ การต่อสู้กับการทุจริต แต่ในทันทีที่มีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นไม่ว่าที่ใดก็ตาม และรัฐบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการ และหน่วยงานอื่นๆ จะต้องออกมาคัดค้าน บางคนก็บอกว่ามีการคอร์รัปชั่น ใช่แล้ว มีการคอร์รัปชั่น แต่จุดอ่อน คือ การอดทนกับการคอร์รัปชันและการช่วยเหลือ และการต่อสู้กับคอร์รัปชั่น จึงถือเป็นจุดแข็งนั่นเอง”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วิถีชีวิตของท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่ง คือ การยืนหยัดอย่างเปิดเผย และไม่ประมาทต่อหน้าคำพูดที่ไม่เป็นมิตรและการอธิบายถึงประเด็นที่เกี่ยวกับปัญหาของประชาชนอย่างชัดเจน โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “ด้วยการกระจ่างชัดเหล่านี้ ท่านอิมามโคมัยนี สามารถเสริมรากฐานของรัฐอิสลามให้แข็งแกร่งขึ้นมาได้ ในลักษณะที่รัฐอิสลาม ยืนอยู่บนรากฐานเดียวกัน มาจนถึงทุกวันนี้ และจะสูงมากขึ้นในอนาคตอีกด้วยเช่นกัน”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประชาชาติอิหร่าน เป็นผู้ที่รักในเอกราช ความก้าวหน้า และเกียรติยศของชาติ รังเกียจการโอ้อวดของพวกอเมริกาและเหล่าพันธมิตรของพวกเหล่านี้ โดยท่านกล่าวว่า “เหตุผลในการยืนหยัดของประชาชนเคียงข้างสาธารณรัฐอิสลาม คือ พวกเขาให้สนใจในคุณค่าเหล่านี้ เส้นทางนี้ก็เป็นเส้นทางของพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีอำนาจใดที่จะสามารถขัดขวางการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของประชาชนนี้ได้”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ บรรดานักขับลำนำและนักกวีทั้ง 8 คน ซึ่งมีรายชื่อดังต่อไปนี้

อะฮ์มัด วาอิซี มุจญ์ตะบา รอมาฎอนี มุฮ์ซิน อิรอกี ซัยยิดฮิญาซี จากเลบานอน มุฮัมมัด รอซูลี ฏอฮิร  กะลันดะรี อมีร คิรมานชาฮี และอะลีอักบาร ฮาอิรี ได้กล่าวบทกวีและขับลำนำที่เกี่ยวกับการสรรเสริญบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ ผู้บริสุทธิ์

 

 

700 /