สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกหลายพันคน พร้อมทั้งครอบครัวบรรดาชะฮีด เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

“เหล่าศัตรูที่ชั่วร้าย คอยจับตาดูอิหร่านที่เกียรติและศักดิ์ศรี”

ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกหลายพันคน พร้อมทั้งครอบครัวบรรดาชะฮีด เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า การเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นและเข้มแข็งของประชาชาติในการเลือกตั้ง ถือเป็นการแสดงอำนาจของชาติ ยังเป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติและความผิดหวังต่อศัตรูที่จับตามองยังอิหร่าน และด้วยการอธิบายถึงคุณสมบัติของผู้สมัครที่เหมาะสม โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “การเลือกตั้งที่มีความกระตือรือร้น เป็นรากฐานในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งทำให้อิหร่านมีความก้าวหน้า และเป็นหนึ่งในเสาหลักของการบริหารประเทศที่ถูกต้อง และผู้ใดก็ตามที่มีความรักต่ออิหร่าน สาธารณรัฐอิสลาม การปฏิวัติอิสลาม อำนาจของชาติ และความก้าวหน้า จะต้องเข้าสู่การลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งในวันศุกร์นี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่หลังจากการปฏิวัติอิสลาม มีความสนใจในการวิจัย การใช้เหตุผล ตรรกะ และการตรวจสอบที่มากกว่าเยาวชนรุ่นก่อนๆ อย่างมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาเยาวชนที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี จงทราบไว้เถิดว่า การลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งอย่างแท้จริงและการเข้าร่วมด้วยแรงจูงใจ การรู้จัก ความคาดหวังของประชาชนในการเลือกตั้งนั้นไม่ได้มาอย่างง่ายดาย แต่เป็นผลที่ได้รับมาจากการต่อสู้และความเสียสละของประชาชาติในการต่อสู้กับเผด็จการและทรราชมาอย่างยาวนาน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงผลงานเขียนของบางองค์ประกอบของทรราชที่เกี่ยวกับความเป็นผิวเผินของการเลือกตั้งก่อนการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “ในขณะที่พวกเขาต่างยอมรับด้วยเช่นกันว่า มีการระบุรายชื่อของผู้ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งในวังมาก่อนแล้ว และแม้แต่บางครั้งก็มีการประกาศในสถานทูตของต่างประเทศบางแห่งเสียด้วยซ้ำ และจะต้องนำรายชื่อเหล่านี้ลงไปในหีบเลือกตั้งต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงการปกครองของกลุ่มเผด็จการภายหลังจากการปฏิวัติครั้งใหญ่ต่างๆ เช่น การปฏิวัติครั้งใหญ่ในฝรั่งเศส และการปฏิวัติของสหภาพโซเวียตในอดีต โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ด้วยการไว้วางใจต่อประชาชนอย่างเต็มที่และการให้ความสำคัญกับหีบของการเลือกตั้ง ประมาณ 50 วันเพียงเท่านั้น หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม ก็มีการลงประชามติในการกำหนดประเภทของการปกครอง เพื่อให้ประชาชนในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศและการปฏิวัติอิสลาม ได้ตัดสินใจในประเด็นต่างๆที่สำคัญทั้งหมด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “หลังจากการลงประชามติเมื่อวันที่ 12 ฟัรวัรดีน ปี 1358 (ปฏิทินอิหร่าน) ในปีแรกๆของการปฏิวัติอิสลาม ก็มีการเลือกตั้งถึง 4 ครั้ง และมีการลงประชามติอีกด้วย เพื่อให้เสาหลักต่างๆของประเทศ ด้วยความต้องการ การลงคะแนนเสียงของประชาชาติและยังเป็นการกำหนดทิศทางของประเทศอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำด้วยการปฏิเสธในมุมมองที่เชื่อว่าไม่มีการเข้าร่วมของประชาชนอย่างเข้มแข็งในการเลือกตั้ง และเขาบอกว่า การเลือกตั้ง จะต้องมีการเข้าร่วมของส่วนรวมและรัฐสภาและรัฐบาลก็ควรดำเนินการด้วย แต่เราจะกล่าวว่า การเลือกตั้งจะต้องมีความกระตือรือร้น เพราะว่า การเข้าร่วมของประชาชนอย่างกระตือรือร้น แสดงให้เห็นถึงการเข้าร่วมของประชาชาติในสนามต่างๆที่สำคัญจากการบริหารประเทศและยังเป็นความมั่งคั่งอันมหาศาลสำหรับอิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงสัญญาณของการมีความกระตือรือร้นในการเลือกตั้งทั่วประเทศ เป็นการเข้าร่วมของประชาชาติในภาคสนามอย่างน่าอัศจรรย์ และท่านยังชี้ให้เห็นว่า เหล่าศัตรูชั่วร้ายที่คอยจับตามองดูอิหร่านที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีและการเลือกตั้งในวันศุกร์ โดยท่านกล่าวว่า “อเมริกาจะติดตามนโยบายส่วนใหญ่ของพวกยุโรป ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่ชั่วร้าย เหล่าพวกนักลงทุน และบริษัทขนาดใหญ่ที่มีแรงจูงใจและด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันในประเด็นต่างๆของอิหร่าน โดยพวกเขามีความหวาดกลัวมากกว่าสิ่งอื่นใดจากการเข้าร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งและการมีอำนาจของประชาธิปไตยของอิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “เหล่าศัตรูได้เห็นว่า อำนาจประชาชนที่เด็ดขาดนี้ ทำลายระบอบการปกครองแบบทรราชที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษและทำให้ซัดดัมพบกับความอับอายในสงครามภาคบังคับ แม้ว่าจะมีผู้สนับสนุนพวกตะวันตก พวกตะวันออก และในภูมิภาคก็ตาม ด้วยเหตุผลนี้เอง การเลือกตั้งจะกลายเป็นพลังแห่งชาติของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้าร่วมอย่างเข้มแข็งของประชาชนในการเลือกตั้ง เป็นการแสดงอำนาจของชาติและอำนาจของชาติ เป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ โดยท่านกล่าวว่า “หากไม่มีความมั่นคงของชาติ ก็จะไม่มีอะไรดำรงอยู่ได้ และหากศัตรูมองเห็นถึงความอ่อนแอของชาติในหมู่ชาวอิหร่านจากมุมต่างๆ ความมั่นคงของชาติก็จะกลายเป็นภัยคุกคาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การต่อต้านของเหล่าศัตรู ตั้งแต่เดือนฟัรวัรดีนของปีนี้ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความกังวลเกี่ยวกับการเข้าร่วมของประชาชาติในการเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวว่า “เหล่าผู้ที่ประสงค์ร้ายต่างพยายามกีดกันประชาชนให้หมดหวังจากการเข้าร่วมและการมีประสิทธิผลของการเลือกตั้งโดยผ่านทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์และทางสื่อสังคมออนไลน์ มานานหลายเดือนแล้ว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงความเฉยเมยของบางคนภายในประเทศที่มีต่อการเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เราไม่ได้กล่าวหาผู้ใด แต่เราจะขอกล่าวเตือนทุกคนว่า การเลือกตั้ง จะต้องมองจากมุมมองของความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ใช่จากกลุ่ม ฝ่ายต่างๆ และทุกคนที่มีความรักต่อประเทศ ประชาชาติและความมั่นคงของชาติ จะต้องทราบว่า หากการเลือกตั้งมีความอ่อนแอ ทั้งหมดทุกคนจะต้องพบกับความเสียหายและไม่มีผู้ใดได้รับผลประโยชน์อีกเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสำเร็จที่สำคัญ คือ การเลือกตั้งที่เข้มแข็งและเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น นำไปสู่การเลือกบุคคล และการจัดตั้งรัฐสภาที่เข้มแข็ง อันเป็นผลให้มีการแก้ไขปัญหาต่างๆและมีความก้าวหน้าของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “รัฐสภาที่เข้มแข็ง จะปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่และมีย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ได้อีกด้วย เช่นเดียวกันกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่เข้มแข็งและมีความกระตือรือร้น ก็จะเปิดมือของประธานาธิบดีสำหรับการปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเติบโตทางการเมืองของผู้เข้าร่วมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาเยาวชนเป็นความสำเร็จอีกประการหนึ่งของการเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวว่า “การเติบโตทางการเมืองและการเพิ่มอำนาจในการวิเคราะห์ของเยาวชนทั้งหลายในระหว่างการเลือกตั้งนั้น มีคุณค่าอย่างมาก เพราะจะนำไปสู่การรู้จักศัตรูและวิธีการและการดำเนินของเขา และผลลัพท์คือ การรู้จักวิธีการตอบโต้และการต่อต้านแผนการสมรู้ร่วมคิดของเหล่าผู้ที่ประสงค์ร้าย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ของการปราศรัยของท่านที่มีต่อประชาชนทั้งหมด โดยเน้นย้ำว่า “พวกท่านทั้งหลาย จงทราบไว้เถิดว่า การลงคะแนนเสียงในหีบลงคะแนนนั้น เป็นการงานที่ง่ายดาย แต่ให้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้น พวกท่านก็จะต้องใช้โอกาสนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงความเชื่อและความศรัทธาของตนที่มีต่อบทบาทของเยาวชนในสนามต่างๆ ถือว่า การแสดงบทบาทและความกระตือรือร้นในสนามของการเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “เยาวชนทั้งหลาย จะต้องเข้าร่วมในการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน และด้วยการใช้เหตุผลและการอธิบายอย่างมีตรรกะ เป็นการส่งเสริมให้บิดาและมารดา และผู้คนรอบข้างให้เข้าร่วมในการเลือกตั้ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำให้เห็นว่า เราไม่มีคำพูดใดๆที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมการเลือกตั้งได้จริงๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ในกรณีของผู้ที่ไม่เต็มใจในการเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวว่า “แต่ช่างน่าเสียดายที่บางคนแสดงท่าทีไม่เต็มใจในการเลือกตั้งและผู้อื่นๆ ก็ด้วยเช่นกัน มีการส่งเสริมไม่ให้เข้าร่วมในการเลือกตั้ง ในทัศนะของข้าพเจ้า บุคคลเหล่านี้จะดีกว่า หากเขานั้นใช้ความคิดสักนิดนึง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงบุคคลเช่นนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การไม่ลงคะแนนเสียง ไม่มีประโยชน์หรือผลลัพท์ใดๆ แต่อย่างน้อยที่สุด ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับประโยชน์ในการลงคะแนนเสียง แม้ว่า เราจะเชื่อว่า การลงคะแนนเสียงนั้นมีประโยชน์และมีความสำเร็จอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี อธิบายถึงผลที่เป็นรูปธรรมของการไม่ลงคะแนนเสียง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การไม่ลงคะแนนเสียง ไม่ได้แก้ไขปัญหาใดๆ ของประเทศ และยังเป็นอันตรายต่อตัวบุคคลอีกด้วยเช่นกัน เพราะว่า ถ้าพวกท่านไม่ลงคะแนนเสียง บุคคลอื่นก็จะลงคะแนนเสียงและบุคคลที่พวกท่านไม่ต้องการให้ได้รับการเลือกตั้งก็จะถูกเลือกตั้ง ในขณะที่พวกท่านนั้นสามารถที่จะหยุดการเลือกตั้งบุคคลนี้ได้ด้วยการลงคะแนนเสียงของพวกท่านเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวอธิบายหลักเกณฑ์สำหรับผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุด ถือว่า ผู้สมัครที่ได้รับการอนุมัติจากสภาผู้พิทักษ์และหน่วยงานการกำกับดูแล เป็นผู้ที่มีความเหมาะสม โดยท่านกล่าวว่า “บุคคลที่เหมาะสม คือ บุคคลที่เขายึดมั่นในศาสนา การปฏิบัติ และหลักศาสนบัญญัติของศาสนาที่ดีกว่าและมีความล้ำหน้ากว่า มีความเชื่อมั่นในความเป็นเอกราชของประเทศ และการไม่พึ่งพายังอำนาจต่างๆ การมีความจริงจังในการต่อสู้การทุจริตคอร์รัปชั่น และมีความจริงจังกับผลประโยชน์ของชาติมากขึ้น กล่าวคือ การให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของชาติและเครื่องมือแห่งเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศ ความสะดวกความสบาย และความก้าวหน้าของประเทศที่เหนือกว่าผลประโยชน์ส่วนตัวและความเป็นอคติของฝ่ายต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสาม ถือว่า วิธีการรู้จักผู้ที่เหมาะสมและการนำเอาหลักเกณฑ์เหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับผู้สมัครในการเลือกตั้ง ด้วยการศึกษา การค้นคว้า การมีความระมัดระวังในถ้อยคำ และการรับฟังความคิดเห็นจากผู้รอบรู้ พร้อมทั้งการปรึกษาหารือกับผู้สมัครในการเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวว่า “นี่คือ การงานที่ยากและไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ในกรุงเตหะราน มีรายชื่อต่างๆ อย่างมากมาย ซึ่งบางคนนั้นเรารู้จัก บางคนเราจะต้องสอบถามจากผู้อื่น และบางคนเราก็มีความไว้วางใจต่อบุคคลที่ได้รับการแนะนำ  และเราจะเขียนชื่อของพวกเขา ลงไปในบัตรลงคะแนนเสียง ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกท่านจะต้องมีความพยายามในด้านนี้ให้มากที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวแสดงความหวังด้วยว่า ขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอให้มีการเลือกตั้งที่ดีและเหมาะสมแก่ประชาชาติอิหร่านด้วยเถิด

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวในส่วนสุดท้ายของการปราศรัยของท่าน ถือว่า ประเด็นฉนวนกาซา เป็นประเด็นหลักของโลกอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ประเด็นฉนวนกาซา ได้แนะนำอิสลามให้โลกรู้จัก และเป็นที่ชัดเจนว่า อิสลามและปัจจัยของศาสนา ก่อให้เกิดอำนาจและการต่อต้านและการไม่ยอมจำนนของประชาชนในการเผชิญหน้ากับการทิ้งระเบิดทั้งหมดนี้ และยังเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมาจากระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ประเด็นนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงของวัฒนธรรมและอารยธรรมของตะวันตกที่มีต่อประชาคมโลกอีกด้วย และเป็นที่ชัดเจนว่า เหล่านักการเมืองที่มาจากวัฒนธรรมนี้ไม่เต็มใจที่จะยอมรับด้วยเสียซ้ำว่า รัฐเถื่อนไซออนิสต์นั้นได้ปฏิบัติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ และแม้จะมีบางคำพูดออกมาก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติ พวกเขากลับยับยั้งมติของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้อาชญากรรมเหล่านี้ต้องหยุดลง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเผาตัวเองของเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศของสหรัฐฯ เพื่อประท้วงอาชญากรรมของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความอื้อฉาวและความเสื่อมโทรมของนโยบายที่ต่อต้านมนุษยชาติของสหรัฐฯและวัฒนธรรมตะวันตกที่ทุจริตและกดขี่ โดยท่านกล่าวว่า “แม้แต่บุคคลผู้นี้ที่ถูกอบรมสั่งสอนในวัฒนธรรมตะวันตก ยังเข้าใจถึงความลึกซึ้งของความเสื่อมโทรมของวัฒนธรรมนี้” โดยท่านผู้นำยังแสดงความหวังว่า “ขอให้พระผู้เป็นเจ้าทรงประทานชัยชนะอย่างสมบูรณ์ให้แก่อิสลาม ชาวมุสลิม และปาเลสไตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในฉนวนกาซา”

ในอีกส่วนหนึ่งของการกล่าวปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นความสำคัญของเดือนชะอ์บานและเดือนรอมฎอน รวมทั้งความจำเป็นในการพยายามเข้าใกล้ชิดต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในช่วงวันที่เหลืออยู่ของเดือนชะอ์บานและหลังจากนั้น เดือนรอมฎอน ถือเป็นโอกาสอันทรงคุณค่าในการขอดุอา การวิงวอน และการกระชับความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า และคำแนะนำของข้าพเจ้า โดยเฉพาะกับบรรดาเยาวชนคนหนุ่มสาวที่มีจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ก็คือ อย่าละเลยต่อบทดุอาที่ได้รับมาจากบรรดาอิมาม ผู้บริสุทธิ์ (อ.) การขออภัยโทษและการกล่าวศอละวาต เพราะบทดุอาเหล่านี้นั้น เต็มไปด้วยความรู้และมีความหมายที่สูงส่งยิ่ง และยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ของพวกท่านกับพระผู้ทรงสร้างจักรวาลอีกด้วย”

 

700 /