สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

แรงงานหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

จะไม่ยอมจำนนในการเผชิญหน้ากับเหล่ามหาอำนาจจอมอหังการ

แรงงานหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวอธิบายถึงบทบาทที่สำคัญของสังคมแรงงานในการพุ่งทะยานในการผลิตและปรับปรุงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งอธิบายถึงหน้าที่ของบรรดาเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาของชนชั้นแรงงานที่พอใจและใสสะอาดโดยท่านกล่าวว่า “สภาพที่ดีของสังคมแรงงาน จะทำให้สภาพของประชาชาติดียิ่งขึ้น ด้วยเช่นกัน”

นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป้าหมายที่แท้จริงของอเมริกาและชาติตะวันตกในมาตรการคว่ำบาตรและความกดดันต่ออิหร่าน คือ การยอมจำนนและการเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์ของประชาชาติและรัฐอิสลาม โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่และหยั่งรากฐานลึกของอิหร่านและสาธารณรัฐอิสลาม จะไม่ยอมจำนนในการเผชิญหน้ากับการบังคับขู่เข็ญและความต้องการที่มากเกิน อีกทั้งการเปลี่ยนจากการคว่ำบาตรให้เป็นโอกาสแห่งความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรือง ที่จะไปถึงขอบฟ้าอันสดใสแห่งอนาคต”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจต่อความพยายาม การมีเกียรติ และความอุตสาหะของสังคมแรงงาน โดยท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) จะจุมพิตมือที่หยาบกระด้างของแรงงานคนหนึ่ง  ซึ่งถือว่า เป็นเกียรติที่สูงสุดในการทำงานและแรงงาน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “อิสลามนั้นยึดถือคุณค่าที่แท้จริงและการให้ความเคารพต่อการทำงานและการปฏิบัติ อีกทั้งตามคำสอนของอัลกุรอานและคำรายงาน ระบุว่า แต่ละบุคคลที่มีความพยายามในการแสวงหาปัจจัยยังชีพที่เป็นฮาลาล เฉกเช่นเดียวกับการกระทำอะมั้ลอิบาดะฮ์ ซึ่งถือเป็นการกระทำของผู้ปฏิบัติคุณงามความดี”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้ความสนใจของความคิดเห็นสาธารณชนต่อมุมมองของอิสลามในการทำงานและแรงงาน เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งและเป็นรากฐานสำหรับความก้าวหน้าของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “โลกแห่งวัตถุ ถือว่า แรงงานมีความสำคัญ ซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการสร้างความมั่งคั่ง  แต่ทว่า อิสลามนั้น ถือว่า คุณค่าพื้นฐานของการงาน คือ แรงงานมีคุณค่าอย่างแท้จริง ในลักษณะที่ตามคำกล่าวของท่านศาสดาองค์สุดท้าย (ศ็อลฯ) พระผู้เป็นเจ้าจะทรงรักทุกคนที่ทำงานอย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ และมีความมั่นคง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การพึ่งพาประเด็นที่อ่อนไหวทางเศรษฐกิจในการตั้งชื่อในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ อันเป็นผลมาจากความสำคัญของปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และท่านยังเน้นย้ำให้เห็นว่า แรงงานที่มีทักษะ มีชีวิตชีวา และมีแรงบันดาลใจ เป็นเสาหลักของการพุ่งทะยานทางด้านการผลิต  โดยท่านกล่าวว่า “การบรรลุตามสโลแกนของปีนี้ ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ จะต้องมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งในกรณีนี้ ประชาชนจะเป็นผู้ที่ช่วยลดปัญหาและด้วยเศรษฐกิจของประเทศที่เข้มแข็งขึ้น มือของแรงงานก็จะเต็มมือ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทำงานและผู้ประกอบการ ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมงานกันในระดับแนวหน้าของสงครามเศรษฐกิจที่ถูกกำหนดโดยเหล่าศัตรูต่อประชาชาติอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ยิ่งองค์ประกอบหลักสองประการนี้ ในการต่อสู้กับอเมริกามีความพยายามมากน้อยเพียงใด และก็ยิ่งจะมีความพยายามที่มีประสิทธิภาพสำหรับสิ่งเหล่านี้ ประเทศและประชาชาติก็จะประสบความสำเร็จมากขึ้นเท่านั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ด้วยการอ้างอิงตามสถิติ ถือว่า สังคมแรงงานและครอบครัวที่น่าเคารพของพวกเขา มีประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรในประเทศ โดยท่านได้เน้นย้ำกับบรรดาเจ้าหน้าที่ว่า “หากสภาพของสังคมแรงงานดีขึ้น อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของประชากรก็จะดีขึ้น และนี่เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการอธิบายถึงหน้าที่ขององค์กรและหน่วยงานต่างๆที่มีต่อสังคมแรงงาน ถือว่า หลักประกันความมั่นคงในการทำงาน เป็นประเด็นที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แรงงานที่ทำงานด้วยความพึงพอใจและความใสสะอาด จะต้องเชื่อมั่นในอาชีพการงานของตนในอนาคตด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงการหยุดปฏิบัติงานของหน่วยการผลิตและแม้แต่โรงงานขนาดใหญ่ในบางครั้ง โดยท่านกล่าวว่า “ในช่วงหนึ่งหรือสองปีที่ผ่านมา ด้วยความอุตสาหะของบรรดาเจ้าหน้าที่ โรงงานที่ปิดทำการหรือกึ่งปิด หลายพันแห่งก็ได้รับการฟื้นฟูอีกครั้ง และการงานที่สำคัญนี้จะต้องมีการดำเนินต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นเรื่องประกันสุขภาพ ก็มีความสำคัญต่อสังคมแรงงานด้วยเช่นกัน และท่านยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์ต่อการไม่ปฏิบัติตามนโยบายทั่วไปของประกันสังคม โดยท่านกล่าวว่า “นโยบายเหล่านี้ได้ประกาศนานมากแล้วและพณฯประธานาธิบดีก็สั่งให้มีการจัดทำกฎระเบียบการ แต่ทว่าในทางปฏิบัตินั้น การงานต่างๆยังไม่มีความก้าวหน้าและยังไม่มีการนำนโยบายเหล่านี้ไปปฏิบัติอีกด้วย”

“ความปลอดภัยของกำลังแรงงานและการพัฒนาทักษะในการทำงาน” เป็นความต้องการอีกสองประการของสังคมแรงงานที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การเพิ่มทักษะและความรู้ของกำลังแรงงาน จะช่วยให้ประเทศมีความก้าวหน้าและเพิ่มระดับคุณภาพของการทำงานและเป็นประโยชน์ต่อแรงงานและผู้ประกอบการ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การศึกษา ก็มีประสิทธิภาพอย่างมากในการช่วยพัฒนาทักษะในประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา และมหาวิทยาลัย สามารถให้การฝึกอบรมด้านเทคนิคและวิชาชีพได้ นอกเหนือจากการฝึกอบรมทางภาคทฤษฎี และด้วยการมอบใบรับรองทักษะ พวกเขาก็ยังสามารถช่วยให้เยาวชนทั้งหลายประกอบอาชีพที่ถูกต้องและมีความสะดวกสบาย”

การค้นพบศักยภาพอันโดดเด่นในหมู่แรงงานและการจัดเตรียมพื้นที่สำหรับนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ให้พวกเขา ก็เป็นอีกคำแนะนำประการหนึ่งของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ และผู้ประกอบการทั้งหลาย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม หลังจากที่กล่าวอธิบายถึงหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายแล้ว ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงหน้าที่ของสังคมแรงงาน โดยกล่าวถึงประเด็นต่างๆ เช่น การไว้วางใจในการทำงาน การทำงานอย่างมั่นคงและมีระเบียบวินัยและความรู้สึกรับผิดชอบในสภาพแวดล้อมของการทำงาน พร้อมทั้งกล่าวว่า “แรงงานทั้งหลาย ที่มีเกียรติยิ่ง พวกท่านจะต้องรู้ถึงคุณค่าของการทำงาน เพราะว่า ด้วยการทำงานนั้น จะทำให้ประเทศมีความเจริญรุ่งเรือง และทำให้อิหร่านจะได้รับเกียรติ ศักดิ์ศรี สร้างความภาคภูมิใจและมีพลังอำนาจอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเปลี่ยนแปลงจากการทำงานให้กลายเป็นคุณค่าในความคิดของสาธารณชน เป็นเหตุให้มีการเพิ่มความปรารถนาและความหลงใหลในการทำงาน โดยท่านกล่าวว่า “ในสภาพนี้ แรงงานทุกคน จะกลายเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าในสายตาของประชาชน และเยาวชนคนหนุ่มสาว ก็ต้องแสดงบทบาทที่ดียิ่งขึ้นในกระบวนการผลิต แม้ว่า ในปัจจุบันนี้ ช่างน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ เยาวชนคนหนุ่มสาวบางคนไม่มีความต้องการที่จะทำงาน และไม่ได้แสวงหามัน และบางคน ก็ยังถือว่า การนั่งอยู่ข้างหลังโต๊ะนั้น เป็นการทำงาน เพียงเท่านั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ให้เห็นถึงคำขวัญประจำปีที่ว่า หน้าที่อันสำคัญประการหนึ่งของบรรดาเจ้าหน้าที่คือ การรู้จักและการอธิบายพื้นฐานของการมีส่วนร่วมของประชาชนทางด้านการผลิต เช่น การก่อตั้งบริษัทสหกรณ์ ความช่วยเหลือในผลิตภัณฑ์ครัวเรือนและหัตถกรรม ความช่วยเหลือในการสร้างบริษัทฐานความรู้และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการขับเคลื่อนทางการเกษตรและปศุสัตว์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจในภาครัฐและเอกชน ควรแสดงให้ประชาชนเห็นถึงวิธีการต่างๆ ในการมีส่วนร่วมในการผลิต และเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย จะต้องเตรียมอำนวยความสะดวกในการเข้ามามีส่วนร่วมของประชาชนอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้สินเชื่อของธนาคารเพื่อการผลิต เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “การงานนี้ไม่ได้ถูกปฏิบัติการอย่างถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคาร จะต้องให้ความสนใจและมีดำเนินการ”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดถึงประเด็นทางด้านเศรษฐกิจโดยไม่สนใจกับมาตรการคว่ำบาตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตามคำบอกเล่าของอเมริกาและพวกยุโรป โดยท่านกล่าวว่า “พวกตะวันตกต่างพูดจาโกหกที่เกี่ยวกับเป้าหมายของการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน โดยการนำเสนอถึงประเด็นต่างๆ เช่น อาวุธนิวเคลียร์ สิทธิมนุษยชน และการสนับสนุนการก่อการร้าย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัตอิสลาม ในการอธิบายถึงความขัดแย้งและข้อแก้ตัว อันเป็นเท็จของพวกตะวันตก ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงตัวอย่างของฉนวนกาซ่า โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในความคิดเห็นของพวกเขา ผู้คนที่ถูกทิ้งระเบิดในฉนวนกาซ่าเป็นผู้ก่อการร้ายกระนั้นหรือ? แต่ทว่าเป็นรัฐบาลเถื่อนไซออนิสต์ที่ชั่วร้าย จอมปลอม และโหดเหี้ยมที่สังหารผู้คนเกือบ 40,000 คน รวมทั้งเด็กหลายพันคนภายในหกเดือน ไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายกระนั้นหรือ!

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เป้าหมายที่แท้จริงของเหล่าผู้ประสงค์ร้ายต่ออิหร่าน คือ การทำให้สาธารณรัฐอิสลามตกอยู่ในภาวะคับแคบเพื่อให้สอดคล้องกับการเชื่อฟังแนวทางของพวกล่าอาณานิคมและชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ และการยอมจำนนต่อการรังแกของพวกเขา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บางคน  (หากพระเจ้าทรงประสงค์ ด้วยการประสงค์ดี) ได้ให้คำแนะนำมาโดยตลอดว่า พวกท่านจงยอมรับหนึ่งในข้อเสนอของอเมริกา เพื่อที่จะทำให้ปัญหานั้นได้รับการแก้ไข ในขณะที่ความคาดหวังของพวกอเมริกาก็ยังไม่มีที่สิ้นสุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงคำพูดของท่านในช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่เกี่ยวกับประเด็นเรื่องนิวเคลียร์และท่านได้อธิบายว่า “พวกอเมริกา จะต้องมีความชัดเจนว่า พวกเขานั้นมีความพอใจมากน้อยเพียงใดที่อิหร่านถอนตัวออกจากประเด็นนิวเคลียร์ โดยท่านกล่าวว่า “พวกเขาไม่พร้อมที่จะกำหนดขีดข้อจำกัดนี้ เพราะพวกเขาต้องการที่จะดำเนินการที่ละก้าว จนในที่สุดพวกเขาจะเก็บรวบรวมอุปกรณ์นิวเคลียร์ของประเทศ ดังเช่นประเทศในแอฟริกาเหนือ  และทำการปิดอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน ในขณะที่ส่วนต่างๆ ของประเทศ เช่น สุขภาพ การแพทย์ และสาขาอื่นๆ ก็ต้องการผลลัพธ์ที่มาจากการขับเคลื่อนทางนิวเคลียร์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำให้เห็นถึงเป้าหมายหลักของพวกอเมริกาจากการคว่ำบาตร ก็คือ การเชื่อฟังและการยอมจำนนของประชาชาติอิหร่านและสาธารณรัฐอิสลามในเวทีทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์ โดยท่านกล่าวว่า “พวกเขาต้องการให้ความมั่งคั่ง เกียรติและศักดิ์ศรี และนโยบายต่างๆของอิหร่าน ตกไปอยู่ในมือของอเมริกา เช่นเดียวกับในบางประเทศ แต่ทว่า รัฐอิสลาม ความกระดากอายของอิสลามและประชาชาติอิหร่านผู้ยิ่งใหญ่ และหยั่งฐานรากลึก จะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกของพวกเขาเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การคว่ำบาตรดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศและการสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ ท่านได้กล่าวเสริมว่า “การคว่ำบาตรนี้ ยังทำให้เกิดการเฟื่องฟูของขีดความสามารถและการเกิดขึ้นของศักยภาพภายในประเทศด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การสร้างโอกาสจากความเป็นปรปักษ์ของศัตรู เป็นคุณลักษณะของประชาชาติที่มีชีวิตชีวา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “นี่คือ คำแนะนำอย่างต่อเนื่องของข้าพเจ้าที่มีต่อบรรดาเยาวชน เจ้าหน้าที่ทั้งหลายและประชาชนที่มีความกระดากอายและเคร่งครัดต่อศาสนาของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความก้าวหน้าทางอาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนจากการคว่ำบาตร มาเป็นโอกาส โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความก้าวหน้านี้ แสดงให้เห็นแล้วว่ามีอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ทำให้เหล่าศัตรูทั้งหมดต่างแปลกใจว่า อิหร่านแห่งอิสลาม สามารถผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ขั้นสูงจำนวนมาก ภายใต้เงื่อนไขของการคว่ำบาตรได้อย่างไรกันเล่า!

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “หากพระเจ้าทรงประสงค์ อาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านี้ก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า ความก้าวหน้าเหล่านี้ไม่ได้มีขีดจำกัดอยู่เพียงอาวุธยุทโธปกรณ์เท่านั้น และในภาคการแพทย์ สุขภาพ และอุตสาหกรรมและวิศวกรรมบางประเภท อิหร่านก็เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำโลกที่โดดเด่นด้วย ในขณะเดียวกัน เราก็ล้าหลังในบางส่วน ซึ่งเราก็จะมีความก้าวหน้า หากเรามีความเพียรพยายามอุตสาหะ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การคว่ำบาตรนั้น มีประสิทธิผลที่น้อยลง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ในรายงานฉบับหนึ่งจากแหล่งข้อมูลต่างประเทศได้ชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมของชาติอิหร่าน หมายความว่า มีการทำงานในประเทศที่มากขึ้นและดียิ่งขึ้น ขณะที่หัวใจต่างๆนั้นก็ยังไม่ได้ปิดรับการช่วยเหลือจากนอกพรมแดนและการคว่ำบาตรก็จะไม่สามารถทำลายอิหร่านได้และจิตวิญญาณนี้ จะต้องมีการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้มากยิ่งขึ้นในประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงการเดินขบวนและการประท้วงของประชาชาติต่างๆเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์และการชูธงปาเลสไตน์และฮิซบุลเลาะฮ์ตามท้องถนนในยุโรปและอเมริกา และการกล่าวหาสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านว่า ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย ภายใต้ข้ออ้างในการสนับสนุนบรรดาผู้ถูกกดขี่ในฉนวนกาซ่า ได้สร้างความอับอายให้กับเหล่าผู้กล่าวหา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันนี้ ไม่เพียงแต่ประชาชาติอิหร่านเท่านั้น แต่ทว่า ในทุกประชาชาติก็ยังให้การสนับสนุนปาเลสไตน์อีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถามว่า ชาวปาเลสไตน์ที่ยืนหยัดต่อสู้กับการกดขี่ของผู้ตั้งถิ่นฐานที่ยึดครองเพื่อยึดคืนบ้านเรือนของเขา เป็นผู้ก่อการร้ายกระนั้นหรือ? แนวหน้าในการต่อต้านการกดขี่และความกระดากอายของกลุ่มมุกอวะมะฮ์ เป็นผู้ก่อการร้าย หรือเหล่าผู้ที่สร้างความหายนะด้วยการทิ้งระเบิดเข้าใส่ผู้คน? และแน่นอนว่า พวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสูดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวสรุปในการปราศรัยของท่าน โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชาติอิหร่านจะต้องมีความชัดเจน และชัดเจนด้วยว่า เหตุผลที่ความเป็นปฏิปักษ์กับเหล่าพวกอันธพาล ไม่ใช่เพราะพวกเขาพูดจาโกหก แต่เป็นข้อเท็จจริงที่ว่า อิหร่านที่เป็นอิสรภาพ จะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้ภาระการรังแกของพวกเขา และไม่ยอมที่จะปฏิบัติตามนโยบายที่ล้มเหลว ล้าหลัง ไม่ประสบความสำเร็จ และขัดแย้งกับคุณค่าแห่งพระเจ้าและธรรมชาติดั้งเดิมของมนุษย์ ขณะที่นโยบายต่างๆที่นักวิเคราะห์ชาวตะวันตกบางคนยอมรับว่า กำลังมีการทำลายชื่อเสียงในตลอดช่วง 200 ปี ของอเมริกา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำให้ว่า เป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่จะคาดหวังให้ประชาชาติอิหร่านที่ยืนหยัดมาอย่างยาวนานและหยั่งรากฐานลึก ต้องปฏิบัติตามนโยบายที่ล้มเหลวเหล่านี้ โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชาติอิหร่านได้ยืนหยัดและมีความมั่นคง และแน่นอนว่า เราจะต้องแสดงจุดยืนในการกระทำ การทำงาน การวิจัย และความเป็นเอกภาพของชาติ ซึ่งในสภาพนี้ และด้วยเงื่อนไขของการหลีกเลี่ยงจากความเกียจคร้านและการเปิดโอกาสและช่องทางสำหรับความก้าวหน้าที่มากขึ้น ที่เกิดขึ้นจากความยากลำบากและปัญหาที่ถูกกำหนดโดยเหล่าผู้ประสงค์ร้าย และประชาชาติอิหร่าน ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า ก็จะไปถึงยังขอบฟ้าอันสดใสแห่งอนาคต”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน สหกรณ์ และสวัสดิการสังคม ได้กล่าวรายงานว่า “การลดอัตราการว่างงานลงให้เหลือร้อยละ 8.1 และการสร้างงานหนึ่งล้านตำแหน่งจริงในปี  1402 (ปฏิทินอิหร่าน) ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลในเวทีการสร้างงาน”

การพัฒนาการประกันภัยทั่วไป โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐฯทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผู้คนมากกว่า 50 ล้านคนเข้าร่วม การจ่ายเงินบำนาญให้กับผู้เกษียณอายุโดยไม่ต้องกู้ยืมจากธนาคาร การจ่ายสิ่งอำนวยความสะดวกจำนวน 160,000 พันล้านโตมานให้กับภาคการผลิต และการจัดตั้งสหกรณ์ที่อยู่อาศัยแรงงานประมาณ 300 แห่งทั่วประเทศ ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นหนึ่งในประเด็นต่างๆ ที่พณฯ ซัยยิดศูลัต มุรตะซาวี กล่าวอธิบายในรายงานของเขา

 

700 /