สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ครูหลายพันคนทั่วประเทศ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

สหรัฐฯจะต้องถูกขับไล่ออกจากภูมิภาคอย่างแน่นอน

บรรดาครูและนักวิชาการด้านวัฒนธรรมหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำ ถือว่า ภาพลักษณ์ที่เหมาะสมและน่าดึงดูด มีชีวิตชีวา และความน่ารักของครูในสายตาของสาธารณชน เป็นสิ่งที่จำเป็นและจะต้องอาศัยผลงานทางด้านศิลปะและการสื่อสารจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งท่านได้ปฏิเสธแนวคิดที่ว่า ควรมอบหมายบางภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการให้แก่ภาคเอกชน โดยท่านเน้นย้ำว่า “โครงสร้างใหม่ของการศึกษาและการเรียนรู้ ควรที่จะได้รับการออกแบบและการปรับเปลี่ยนในลักษณะที่สามารถสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ที่มีความรู้ มีความศรัทธา รักชาติ ขยันหมั่นเพียร และมีความหวังต่ออนาคต”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวถึงถ้อยแถลงล่าสุดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยท่านผู้นำ ถือว่า คำกล่าวอ้างของเขาที่ว่าการสร้างสันติภาพต้องผ่านอำนาจนั้นเป็นคำพูดโกหก พร้อมทั้งท่านได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการกำหนดแบบแผนให้แก่ประเทศชาติอาหรับต่างๆ ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับสหรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “รูปแบบเช่นนั้นล้มเหลวอย่างแน่นอน และด้วยความเพียรพยายามของประชาชนในภูมิภาคนี้ สหรัฐฯ ก็จะต้องออกไปจากภูมิภาค และระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่เป็นเนื้องอกมะเร็งร้าย สาเหตุแห่งความขัดแย้งและการก่อสงคราม ก็จะต้องถูกถอนรากถอนโคน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำอีกว่า “สาธารณรัฐอิสลาม จะเพิ่มพูนพลังอำนาจของตนขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยความมุ่งมั่น จะบรรลุสู่ความก้าวหน้าในระดับที่สูงขึ้นอีกหลายเท่า”

ในช่วงเริ่มต้นของคำปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า จุดประสงค์ของการพบปะกันในครั้งนี้ คือ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อบรรดาครู และการยกย่องสถานะของครู พร้อมทั้งท่านได้เน้นย้ำให้เห็นว่า การลงทุนในภาคการศึกษา คือ การลงทุนสำหรับอนาคตของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ช่างโชคดียิ่งนักที่ พณฯประธานาธิบดีได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อปัญหาด้านการศึกษา และรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการก็ยังเป็นผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญและมีความคุ้นเคยกับภารกิจในกระทรวงนี้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การบรรลุสู่เป้าหมายและความคิดที่ดี จำเป็นที่จะต้องมีการติดตามอย่างจริงจัง และหลังจากนั้น ท่านก็ได้กล่าวถึงข้อสังเกตบางประการเกี่ยวกับบทบาทของครู

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้เกียรติต่อครู ทั้งในแง่ของความเป็นอยู่ และการสร้างภาพลักษณ์ที่สร้างสรรค์ สวยงาม สดใส และความน่ารักในความคิดของสาธารณชน เป็นหน้าที่อันสำคัญยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ผลลัพท์ของการให้เกียรติต่อครู ควรทำให้สังคมมองว่าครูเป็นบุคคลที่น่าสนใจ มีความกระตือรือร้น มีความภาคภูมิใจในตนเอง และอาชีพครู จะต้องอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาชีพที่เยาวชนคนรุ่นใหม่นั้นมีความใฝ่ฝัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างภาพลักษณ์ของครู จะต้องอาศัยผลงานด้านการสื่อสารและศิลปะ เช่น การผลิตหนังสือเรื่องสั้น ภาพยนตร์ และแอนิเมชั่น โดยท่านกล่าวว่า “หน้าที่ของการงานเหล่านี้ เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานประชาสัมพันธ์ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งชาติ และกระทรวงการชี้แนะและวัฒนธรรม ซึ่งแน่นอนว่า กระทรวงศึกษาธิการก็จะต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่อง”

ในข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทำความเข้าใจอย่างถูกต้องต่อความสำคัญของการศึกษาและการงานของครู เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ครูไม่ใช่เพียงผู้ถ่ายทอดเนื้อหาจากหนังสือเท่านั้น แต่บุคลิก ท่าทาง วิธีการสอน ความถ่อมตนหรืออวดดี ความสดใสหรือหดหู่ ล้วนจะต้องส่งผลต่อการสร้างบุคลิกภาพของนักเรียน และมีอิทธิพลยิ่งกว่าพ่อแม่ หากครูเข้าห้องเรียนด้วยความตระหนักนี้ ก็จะมีความระมัดระวังทั้งคำพูดและการกระทำของตน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของมหาวิทยาลัยครูและศูนย์การอบรมครู โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “มหาวิทยาลัยนี้ เป็นของกระทรวงศึกษาธิการ และความเห็นบางประการที่ว่าควรโอนไปสังกัดหน่วยงานอื่นนั้นไม่เหมาะสม พร้อมทั้งท่านได้ชี้ให้เห็นถึงข้อกำหนดที่ถูกกำหนดไว้ในสมัยของชะฮีด ระอีซี สำหรับการเข้าสู่มหาวิทยาลัยนี้ โดยท่านเน้นย้ำว่า “พวกท่านอย่าได้ปล่อยให้ข้อกำหนดเหล่านี้ต้องถูกลดทอนเป็นอันขาด เพราะว่า คุณภาพของมหาวิทยาลัยนี้ควรสามารถที่จะผลิตครูให้ตรงตามมาตรฐานที่ต้องการได้จริง”

ในอีกช่วงหนึ่งของคำปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงประเด็นเกี่ยวกับระบบการศึกษา

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวอธิบายถึงประเด็นแรก ถือว่า การศึกษา เป็นสถาบันของรัฐและขึ้นอยู่กับรัฐบาล หน้าที่ของรัฐอิสลาม คือ การยกระดับความรู้ วิชาชีพ ทักษะ และความศรัทธาของนักเรียน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บางครั้งมีโอนภารกิจบางส่วนของกระทรวงศึกษาธิการให้หน่วยงานภายนอก เพราะนั่นเท่ากับเป็นการสร้างความแตกแยกและเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการต่อต้านอย่างเด็ดขาดของตนในการที่เจ้าหน้าที่บางคนพยายามเสนอแนวคิดดังกล่าวโดยอ้างเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของการศึกษา โดยท่านกล่าวว่า “การอบรมทางความคิดและวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ ถือเป็นหน้าที่และสิทธิ์ของรัฐบาล และการศึกษาก็มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาล ซึ่งในขณะที่รัฐบาลตอบสนองต่อการปฏิบัติหน้าที่ จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาและการพัฒนาทางการศึกษา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การที่มีเด็กผู้ชาย ผู้หญิงหลายล้านคน ตั้งแต่อายุ 6 ถึง 18 ปี มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการศึกษา ถือเป็นโอกาสที่ประเมินค่าไม่ได้ พร้อมทั้งท่านได้ตั้งคำถามว่า หากเยาวชนเหล่านี้ ไม่ได้รับการอบรมอย่างเหมาะสม เราจะต้องตอบอะไรต่อพระผู้เป็นเจ้าและคนรุ่นต่อไป

จากมุมมองนี้ ท่านได้กล่าวถึงประเด็นที่สอง กล่าวคือ การปรับปรุงโครงสร้างของการศึกษา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า โครงสร้างของการศึกษา จะต้องมีการกำหนดทิศทางสำหรับการอบรมเชิงวิชาการ วัฒนธรรม และความศรัทธา ขณะที่โครงสร้างในปัจจุบันนั้นไม่สามารถตอบโจทย์เลย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในภารกิจของรัฐบาลในแบบแผนพัฒนาฉบับที่เจ็ด ควรเป็นการออกแบบโครงสร้างใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยแนวคิดในการปฏิรูปที่ตรงต่อความต้องการในปัจจุบันมากที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปรับปรุงเอกสารวิสัยทัศน์ทางการศึกษา และไม่ควรให้การดำเนินตามเอกสารนี้ต้องหยุดชะงัก ซึ่งได้เริ่มต้นตั้งแต่ยุคสมัยของชะฮีด ระอีซี เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยท่านกล่าวว่า “ผู้ที่จะจัดทำโครงสร้างใหม่ จะต้องมีความสามารถ เป็นคนในระบบ และมีความเข้าใจในองค์กร พร้อมทั้งมีความมุ่งมั่นในศาสนาและเอกราชของประเทศ เพื่อสร้างเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ มีความศรัทธา รักชาติ ขยัน และมีความหวัง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของหนังสือเรียน และคำแนะนำที่ผ่านมา ถึงแม้ว่า การใส่ชื่อของนักวิทยาศาสตร์ชาวมุสลิมหรือหน้าจากเอกสารรังจารกรรมในหนังสือเรียนเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น แต่ยังไม่เพียงพอ  โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “หนังสือเรียน ควรที่จะมีเนื้อหาที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจ เพื่อให้สามารถถ่ายทอดเนื้อหาทางวิชาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรออกแบบให้สอดคล้องกับหลักสุนทรียศาสตร์ด้วย ซึ่งปัจจุบันนี้ ยังไม่ได้เป็นเช่นนั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำว่า “สถาบันและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำหนังสือเรียน จะต้องมีความศรัทธาทางศาสนา การเมือง อย่างร้อยเปอร์เซ็น และมีการยึดมั่นต่อหลักการของอิสลามและการปฏิวัติอิสลามอย่างเต็มที่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การขยายศูนย์อาชีวศึกษา เพื่อให้เยาวชนมีโอกาสเข้าสู่ตลาดแรงงานเร็วขึ้นและช่วยลดอัตราการว่างงาน พร้อมกับท่านได้อธิบายถึงประเด็นความต้องการเป็นพิเศษทางการศึกษา โดยท่านกล่าวว่า “ประเด็นความยุติธรรมทางการศึกษาที่มีเจ้าหน้าที่ทั้งหลายได้กล่าวถึงหลายครั้ง เป็นสิ่งที่เน้นย้ำมาโดยตลอด แน่นอนว่า ความยุติธรรมทางการศึกษาไม่ได้หมายถึง การละเลยนักเรียนที่มีพรสวรรค์ และการสนับสนุนโรงเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถ (เช่น ซัมพาด) และการช่วยเหลือเยาวชนที่มีพรสวรรค์สำหรับการก้าวกระโดดที่ใหญ่ขึ้น ไม่ใช่เพียงการไม่มีความขัดแย้งกับความยุติธรรม แต่ทว่า ถือเป็นส่วนหนึ่งของความยุติธรรมอีกด้วย”

ในประเด็นสุดท้ายที่เกี่ยวกับการศึกษา ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีได้ชี้ให้เห็นถึงการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่ทางการศึกษาบางคนและการยกเลิกของเขาในอดีตที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลที่ไม่ถูกต้อง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ช่างโชคดียิ่งนัก บัดนี้ มีความใส่ใจในเรื่องนี้อย่างมากยิ่งขึ้น และจำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการให้ดีที่สุด”

ในช่วงท้ายของคำปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งเดินทางมาเยือนภูมิภาค โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “คำพูดบางส่วนของเขานั้นต่ำต้อยและน่าอับอาย จนไม่ควรที่จะเสียเวลาในการตอบโต้เลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การที่ทรัมป์อ้างว่า เขาได้ใช้พลังอำนาจเพื่อสร้างสันติภาพ เป็นคำพูดที่โกหก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ทั้งเขาและรัฐบาลสหรัฐฯได้ใช้อำนาจเพื่อสร้างสันติภาพเมื่อไหร่หรือ ? ในขณะที่พวกเขาได้ใช้อำนาจสำหรับการสังหารหมู่ประชาชนในฉนวนกาซ่า การจุดชนวนสงครามในทุกสถานที่ๆมีความเป็นไปได้และการสนับสนุนต่อเหล่าสมุนทาสรับใช้ของตนทั่วโลก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การใช้พลังอำนาจเพื่อสร้างสันติภาพและความมั่นคง มีความเป็นไปได้ โดยท่านกล่าวว่า “และบนพื้นฐานนี้ สาธารณรัฐอิสลามจึงจะเพิ่มพลังอำนาจของตนให้มากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน แต่ในขณะที่พวกเหล่านั้นได้ใช้อำนาจเพื่อส่งระเบิดขนาด 10 ตันให้ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ สำหรับการถล่มเด็กๆ ในฉนวนกาซ่า โรงพยาบาล และบ้านเรือนของประชาชน ผู้บริสุทธิ์ในสถานที่นั้น เลบานอนและสถานที่ใดก็ตามที่พวกเหล่านั้นต้องการที่จะถล่ม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ว่า ประเทศในภูมิภาคนี้ไม่สามารถอยู่ได้แม้แต่ 10 วันหากปราศจากสหรัฐฯ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า  “เขากำลังพยายามที่จะกำหนดแบบแผนนี้ในข้อเสนอของตนอีกครั้ง แต่แน่นอนว่า รูปแบบนี้ได้พบกับความล้มเหลวแล้ว และด้วยความเพียรพยายามของประชาชนในภูมิภาค สหรัฐฯ จะต้องถูกขับไล่ออกไปจากภูมิภาคอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ คือ สาเหตุแห่งความขัดแย้ง สงคราม และความเสื่อมโทรมในภูมิภาค โดยท่านเน้นย้ำว่า “รัฐเถื่อนไซออนิสต์ ซึ่งเป็นเนื้องอกมะเร็งร้าย อันตรายและสร้างความหายนะ จะต้องถูกถอนรากถอนโคนออกไปจากภูมิภาคอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หลักการและค่านิยมของสาธารณรัฐอิสลาม ซึ่งเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนของภูมิภาคนี้ เป็นหลักการที่มีความชัดเจนอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “อิหร่านในวันนี้ มีความแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา และด้วยความสำเร็จและความเมตตากรุณาของพระผู้เป็นเจ้าและแม้จะสวนทางกับความต้องการของศัตรู อิหร่านก็ได้พบกับความก้าวหน้า และหลังจากนี้ ในอนาคต เยาวชนของเรา จะได้เห็นถึงความร่วมมือของตนเองในการสร้างความก้าวหน้าอย่างทวีคูณมากยิ่งขึ้น”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้รายงานเกี่ยวกับการวางแผนและการจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการตามเอกสารการปฏิรูปทางการศึกษา โดยมีหัวข้อต่างๆที่สำคัญ ดังต่อไปนี้

การได้รับการสนับสนุนพิเศษจากประธานาธิบดีในการดำเนินโครงการปฏิรูปและการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

การปรับปรุงหลักสูตรให้เน้นทักษะและตอบสนองต่อความต้องการของสังคม

การมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพโรงเรียนของรัฐ

การยกระดับมาตรฐานทางวิชาการและโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์อบรมครู

การได้รับอนุมัติให้จ้างครูใหม่ 85,000 คน

การขยายโรงเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถในพื้นที่ด้อยโอกาส

การเน้นบทบาทของโรงเรียนในฐานะศูนย์กลางหลักที่สำคัญที่สุดในการป้องกันปัญหาทางสังคม

ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นประเด็นต่างๆที่ พณฯ อาลีริฎอ กาซิมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวรายงานต่อท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

 

700 /