รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและบรรดาผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้บริหารที่รับผิดชอบทุกด้านของจังหวัด และท่านถือว่า บรรยากาศทั่วไปของประเทศในขณะนี้ได้เอื้ออำนวยต่อการให้บริการและเป็นโอกาสอย่างมากมาย พร้อมทั้งท่านยังได้ให้คำแนะนำบางประการ โดยท่านกล่าวว่า “หนึ่งในประเด็นที่สำคัญ คือ ประชาชน ซึ่งจะต้องออกไปพบปะกับประชาชน เข้าร่วมหมู่ของพวกเขา ทั้งรับฟังคำพูดของพวกเขา แม้ว่าจะรุนแรงก็ตามด้วยการมีความอดทน และอธิบายในสิ่งที่จำเป็นให้พวกเขาได้เข้าใจ”
ในการพบปะกันครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ผู้ว่าราชการจังหวัด จะต้องรับผิดชอบต่อทุกเรื่องในจังหวัด เช่น การผลิต สภาพแวดล้อม การบริการสาธารณะ ตลาดชายแดน และการทูตในระดับจังหวัด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า แม้จะมีการเน้นย้ำต่อหลักการนี้ในรัฐบาลต่าง ๆ แต่บรรดาประธานาธิบดีก็ไม่สามารถดำเนินการอย่างเต็มที่ได้ เนื่องจากการคัดค้านของรัฐมนตรีบางคน แต่จะต้องให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจและดำเนินการในเรื่องต่างๆ ได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของประเทศที่เต็มไปด้วยโอกาสต่างๆและบรรยากาศทั่วไปที่ปลอดจากความท้าทายต่างๆ เช่น สงคราม โรคระบาดอย่างโคโรน่า ปัญหาความมั่นคงอย่างรุนแรง และความขัดแย้งทางการเมืองหรือพรรคการเมือง พร้อมทั้งท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “นอกเหนือจากนี้ ประเทศยังมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ที่ประกอบไปด้วยเยาวชนคนหนุ่มสาวที่มีการศึกษาและมีความสามารถ ซึ่งหน่วยงานใดก็ตามที่สามารถระบุและใช้ทรัพยากรนี้ได้ก็จะสามารถบรรลุสู่ความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวถึงการที่อิหร่านเข้าเป็นสมาชิกในองค์กรสำคัญระดับภูมิภาคและโลก เช่น เซี่ยงไฮ้และบริกส์ และการที่กระทรวงมหาดไทยอยู่ภายใต้การชี้นำของรัฐมนตรีที่รู้จักพื้นที่ต่างๆ ของประเทศเป็นอย่างดี ถือเป็นโอกาสอีกประการหนึ่ง และท่านได้แนะนำให้เลือกผู้บริหารที่มีจิตวิญญาณในการรับใช้และความสุจริตใจในการดำเนินงาน โดยท่านกล่าวว่า “หากเลือกผู้บริหารที่มีคุณสมบัติเหล่านี้สำหรับจังหวัด โอกาสในการทำงานและความก้าวหน้าก็จะไม่สูญเปล่าเลย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงการหลีกเลี่ยงการดำเนินการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น การค้าขายแบบส่วนตัวในช่วงเวลาที่ดำรงตำแหน่ง และการรักษาความปลอดภัยของประเทศและการต่อสู้กับการทุจริต ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บางคนพยายามที่จะพิสูจน์ว่า การทุจริตในสาธารณรัฐอิสลามเป็นระบบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่โกหก เพราะองค์กรโดยรวมยังคงมีความบริสุทธิ์ แต่มีบางส่วนที่มีร่องรอยของการทุจริต ไม่ว่าจะรุนแรงหรืออ่อนก็ตาม ซึ่งจะต้องต่อสู้อย่างเด็ดขาดกับกรณีเหล่านั้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การต่อสู้กับการทุจริต เป็นหน้าที่อย่างเด็ดขาดของผู้บริหารระดับสูง และท่านผู้นำได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ข้อกำหนดพื้นฐานของการต่อสู้กับการทุจริต คือ ความห่างไกลของเจ้าหน้าที่และครอบครัวของพวกเขาจากปัจจัยที่ก่อให้เกิดการทุจริต พร้อมท่านกล่าวว่า “ความเสียหายของเจ้าหน้าที่ซึ่งตกอยู่ในความทุจริต เนื่องจากตำแหน่งที่สำคัญนั้นจะมีมากเป็นสองเท่า และการลงโทษจากพระผู้เป็นเจ้าก็จะทวีคูณเช่นกัน แน่นอนว่า ดังที่ข้าพเจ้าเคยเน้นย้ำในสาส์นที่สำคัญเมื่อหลายปีผ่านมาว่า การทุจริตนั้นเหมือนมังกรเจ็ดเศียรที่ไม่สามารถกำจัดได้ง่าย และจะต้องต่อสู้กับมันต่อไปอย่างต่อเนื่อง”
ในคำแนะนำอีกประการหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายและผู้ว่าราชการจังหวัด เข้าไปอยู่ท่ามกลางประชาชน ทำความสนิทสนมกับพวกเขา และรับฟังความคิดเห็น แม้จะรุนแรงด้วยการมีความอดทน โดยท่านกล่าวว่า “การกระทำเช่นนี้ จะทำให้ประชาชนรักพวกท่าน และจะให้การช่วยเหลือต่อพวกท่านในยามที่จำเป็น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังแนะนำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด มีความเคร่งครัดในศาสนา หลีกเลี่ยงจากข้อห้ามของพระเจ้า มีความสนใจในพิธีกรรมทางศาสนา อีกทั้งให้ความสำคัญกับการบรรลุเป้าหมายของคำขวัญประจำปี และต่อสู้กับการลักลอบนำเข้าสินค้าด้วยความจริงจังและความสามัคคี
ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครัง้นี้ พณฯ อิสกันดัร มุอ์มินี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานเกี่ยวกับโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยเขากล่าวว่า การลงทุนเพื่อการผลิต การแก้ปัญหาความยากจน การสร้างงาน การเอาใจใส่ประชาชน การติดต่อกับชนชั้นต่างๆ ความเป็นหนุ่มสาวในฝ่ายบริหาร การทูตทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน การจัดระเบียบแรงงานต่างด้าว และการรักษาความมั่นคงอย่างยั่งยืน เป็นหนึ่งในแบบแผนงานและการจัดลำดับความสำคัญของกระทรวงมหาดไทย